วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 439 เย่ว์หวี่ป่วย?



ตอนที่  439  เย่ว์หวี่ป่วย?

พวกเขาจูบกันอย่างดูดดื่มชั่วขณะไม่อยากจะแยกจากกัน
หนูน้อยเย่ว์ซวงมองดูพวกเขาอยู่นานในระยะห่างปรบมือหัวร่อร่าเริง “ฮะฮะ, พี่สามกะพี่โล่วฮัวนั่งจู่...จุ๊บกันอยู่ใต้ต้นไม!

แม่สี่รีบฉุดดึงเธอออกมา “ซวงเอ๋อ, อย่าทำตึงตังอย่างนั้น เจ้าจะทำอะไรกัน นี่เรื่องของผู้ใหญ่?  ไปกันเถอะ เดี๋ยวแม่จะทำขนมบัวลอยอร่อยๆ ให้กิน..” ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติ   เย่ว์ซวงจะต้องส่งเสียงร่าเริงดีใจเป็นแน่  เธอเป็นเด็กที่ไม่อาจทนต่อความเย้ายวนของอาหารอร่อยได้  อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เธอพยายามขัดขืนจนหลุดจากมารดาและวิ่งเข้าไปหาพี่ชายเธอตะโกนว่า “พี่สาม, ข้าอยากจูบด้วย!
เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกอายขึ้นมาทันที  ใบหน้านางเปลี่ยนเป็นสีแดง
แม้ว่าเย่ว์หวี่จะหันหน้ามามอง แต่นางไม่รู้ว่าจะคลี่คลายสถานการณ์อย่างไรดี
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางผู้มีหนังหน้าหนาอยู่แล้วไม่สนใจคำพุดของเย่ว์ซวงมากมายนัก  เขาอุ้มหนูน้อยเย่ว์ซวงขึ้นแล้วจูบแก้มแดงดุจผลแอ๊ปเปิลของเธออย่างหนักหน่วง เติมเต็มความปรารถนาเธอด้วยการจูบครั้งหนึ่ง
 “พี่สาม, ข้าอยากให้ทำแบบพี่โล่วฮัว, จุ๊บตรงปาก”  เย่ว์ซวงทำปากจู๋  เธอรู้สึกว่ายังไม่ได้รับจูบของพี่ชายเธออย่างที่ต้องการ
 “เป็นความผิดของข้าคนเดียว”  เจ้าเมืองโล่วฮัวอายม้วนแทบจะแทรกตัวเข้าไปซ่อนในแผ่นดิน  นางแอบอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางแล้วทุบสะเอวเขาถือโอกาสกลบเกลื่อนความอายของนาง  ถ้าไม่มีใครสังเกตอยู่ นางคงไม่สนใจว่าเย่ว์หยางจะกอดหรือจูบ  แต่หลังจากเย่ว์ซวงเอะอะวุ่นวายเรื่องนี้  อย่าว่าแต่แม่สี่และเย่ว์หวี่เลย  แม้แต่บ่าวทาสที่พยายามซ่อนยิ้มที่อยู่รอบๆนางก็รู้เรื่องจูบ  นี่ยิ่งทำให้นางอายมากจนได้แต่ก้มหน้า  เย่ว์หยางหัวเราะลั่นและจุ๊บริมฝีปากหนูน้อยเบาๆ  “ซวงเอ๋อคนดี เดี๋ยวพี่สามจะให้ซาลาเปาไส้หวานลูกโตๆนะ”
เขาล้วงเอาซาลาเปาไส้หวานลูกใหญ่ออกมาจากแหวนเก็บของ หนูน้อยหันเหความสนใจทันที
เย่ว์ซวงรับขนมและกอดตอบพี่ชายทันที  เธอหอมแก้มเย่ว์หยางแล้วกระโดดกลับไปอวดของแก่มารดาทันที “ท่านแม่ ดูนี่สิ พี่สามให้ซาลาเปาไส้หวานข้าด้วย!  ซาลาเปาไส้หวาน อร่อยมาก ถ้าท่านแม่ไม่เชื่อนะ ลองชิมดูสักหน่อยก็ได้..”
พอเห็นท่าทางไร้เดียงสาและน่ารักของเธอ  ทุกคนอดรู้สึกสบายใจไม่ได้
เย่ว์หยางเหยียดมือมาทางเจ้าเมืองโล่วฮัว  หลังจากแก้เขินอายแล้ว นางจึงเหยียดมือวางลงที่ฝ่ามือของเย่ว์หยาง
แม่สี่พยักหน้าเมื่อเห็นเช่นนี้  เย่ว์หยางและโล่วฮัวเหมาะสมกันจริงๆ  พวกเขาเป็นคู่ที่เหมาะสมราวกับสวรรค์ประทาน
จากนั้นนางมองดูเย่ว์หวี่ที่กำลังก้มหน้า  เหมือนกับว่านางมีความในใจจะพูดด้วย  อย่างไรก็ตาม ในที่สุดนางก็ชะงักเองไม่พูดอะไรออกมา  นางจูงมือเย่ว์ซวงและพูดกับเย่ว์หวี่ “วันนี้ข้าต้มขนมหวานที่อร่อยเป็นพิเศษไว้แล้ว มากินด้วยกันเถอะทุกคน”
 “จริงสิ, ก็เหมือนกับซวงเอ๋อนั่นแหละ  ข้าก็ชอบขนมบัวลอยเป็นที่สุด”  เย่ว์หวี่ดูเหมือนกลัวว่าคนอื่นจะอ่านความคิดของนางออก  นางดึงเย่ว์ซวงมากอด  ขณะที่นางหยอกล้อน้องสาวและตามแม่สี่ไป  นางแอบมองเย่ว์หยางกับโล่วฮัว  เมื่อพวกเขาสบตากันโดยบังเอิญ นางรีบพูดทันที “พวกเจ้าเพิ่งจะเจอกันอีกครั้ง ใช้เวลาสนทนากันเถอะ  ส่วนข้าขอตัวไปเตรียมขนมให้พวกเจ้า”
 “ถ้าพี่สามไม่มาเร็วๆ  ข้าจะไม่เหลือไว้ให้แม้แต่หยดเดียว  ข้าจะกินให้หมดเลย”  เย่ว์ซวงยื่นหน้าล้อเลียนเย่ว์หยาง
 “น่ารักดีไหม?  เจ้าอยากได้อย่างนี้สักคนบ้างไหม?”  เย่ว์หยางกระซิบบอกเจ้าเมืองโล่วฮัว
 “เจ้า...” หน้าของเจ้าเมืองโล่วฮัวแดงซ่านทันที  นางรีบมองไปรอบๆเพื่อตรวจดูว่ามีใครได้ยินเย่ว์หยางหรือไม่  นางได้แต่สงบจิตใจตนเอง  หลังจากมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินเขาแล้ว จากนั้นนางตีเขาทันที “คนลามก!  มาพูดอะไรตอนกลางวี่กลางวันอย่างนี้”
 “ดีเหมือนกัน, อย่างนั้นเราค่อยมาปรึกษากันคืนนี้” ในพจนานุกรมของเย่ว์หยางไม่มีคำว่า “ยางอาย”
หน้าของเจ้าเมืองโล่วฮัวเริ่มแดงขึ้น ขณะที่อากาศดูเหมือนจะร้อน นางก้มหน้าเหมือนกับภรรยาสาว  นางเดินตามเย่ว์หยางติดๆ เหมือนนับต้นหญ้าบนพื้น  ยามนี้หัวใจนางเต้นถี่ หลังจากประสบการณ์เปี่ยมสุขครั้งก่อน นางถึงได้เข้าใจคำพูดของคนรักนางและความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั้น  มากถึงขนาดที่ร่างกายนางกระหายอ้อมกอดของคนรัก  นางคิดถึงเขาตลอดมา  เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุด  คงจะดีที่สุดถ้าพวกเขากลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ก่อน เพราะที่นั่นคือรังรักของพวกเขา  เจ้าเมืองโล่วฮัวคลอเคลียเย่ว์หยางและดึงเขาอย่างอ่อนโยนเหมือนน้ำ
ดวงตาฉ่ำเยิ้มเหมือนคนเมาของนางลอบมองเขาเป็นระยะๆ
ไม่ว่านางจะทำอย่างนี้กี่ครั้งก็รู้สึกว่าไม่เพียงพอ
หญิงงามอู๋เหินพอทราบข่าวก็ออกมาเช่นกัน  ตามปกตินางมักจะเปิดโอกาสให้เย่ว์หยางกับโล่วฮัวมีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง  ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เสวี่ยอู๋เสีย, อี้หนานและเย่ว์ปิงกลับมา ก็คงยากที่พวกเขาจะมีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง  หญิงงามอู๋เหินเข้าใจถึงจุดนี้ดี  ดังนั้นนางจึงออกมาจากโลกคัมภีร์   มองผิวเผิน นางทำเป็นจ้ำจี้จ้ำไชเย่ว์ซวง บอกว่านางไม่ควรปล่อยให้เย่ว์ซวงทำการบ้านครึ่งๆ กลางๆ  อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือนางต้องการให้เย่ว์หยางกับเจ้าเมืองโล่วฮัวอยู่กันตามลำพังในโลกของตัวเอง
อดทนถึงยามค่ำคืน เย่ว์หยางปลีกตัวจากการพัวพันของเย่ว์ซวงและโอบเจ้าเมืองโล่วฮัวไว้ในอ้อมแขน
เจ้าเมืองโล่วฮัวทำเป็นขัดขืนเล็กน้อย ในที่สุดก็ยอมตามเย่ว์หยางและกลับเข้ามาในโลกคัมภีร์
ในโลกแห่งความรักของพวกเขา พวกเขาต่างจูบกันอย่างดูดดื่มเป็นเวลานานครั้งแล้วครั้งเล่า
เหมือนกับว่าพวกเขาต้องการจะปลดปล่อยความปรารถนาทั้งหมดผ่านออกมาทางริมฝีปาก  ในช่วงเวลาที่กอดรัดพัวพันกันอยู่นี้  เหมือนกับว่านางต้องการจะหลอมรวมเข้าด้วยกันกับคนรักนาง
ก่อนที่เย่ว์หยางจะรู้ตัว  เจ้าเมืองโล่วฮัวกลายเป็นหญิงงามไม่มีตำหนิ  ผิวของนางขาวอมชมพู
ภายใต้จูบที่เร่าร้อนของเย่ว์หยาง นางกระซิบข้างหูเขา “ตัวร้าย!  ข้าคิดถึงเจ้านัก...”
ภายในห้องเต็มไปด้วยความรักที่เบ่งบาน กับแรงปรารถนาที่เผาผลาญ
คนรักที่โหยหาถึงกันไม่รู้จบ
นางพญากระหายเลือดหงแอบมองอยู่แต่ไกล  นางหน้าแดงซ่าน หัวใจนางเต้นดังกลองรัว  ดวงตาเป็นประกายด้วยความเข้าใจ  ทุกครั้งที่นางมอง  นางจะลอบผงกศีรษะเหมือนกับว่าพยายามจะเรียนรู้บางอย่าง  ยิ่งกว่านั้น อีกด้านหนึ่ง โคเงาอาหมันก็มองดูอยู่เงียบๆ และทำท่างุนงงสับสน  นัยน์ตานางสับสนวุ่นวายไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นางไม่ได้ฉลาดเท่านางพญาดอกหนามมงกุฎทอง  ถ้านางพญาดอกหนามมงกุฎทองไม่หลับกรนเสียงดังอยู่บนเตียงดอกไม้ของนาง  นางคงร่วมเป็นสมาชิกอสูรพิทักษ์ที่ชอบแอบดูเย่ว์หยางมีสัมพันธ์รักอีกคน
ขณะที่ภูตเพลิงปฐพี ไม่สนใจเรื่องเช่นนี้อย่างสิ้นเชิง  นางไม่เข้าใจการกระทำของเย่ว์หยางแม้แต่น้อย
ในเส้นทางวิวัฒนาการไปเป็นร่างมนุษย์ นางยังห่างจากการเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ช่วงหนึ่ง
บางครั้ง ระดับและความแข็งแกร่งไม่ใช่เป็นตัวแทนของทุกอย่าง
ในวันที่สอง  เจ้าเมืองโล่วฮัวได้ปลดปล่อยความปรารถนาของนางในที่สุด นางดูเปล่งปลั่งงดงามกว่าเดิม ถึงขนาดที่เย่ว์ซวงตะโกนว่า “พี่โล่วฮัวสวยมากจริงๆ”  เทียบกับนางแล้ว  เย่ว์หวี่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงและดูเหมือนนางจะเพลียเล็กน้อยเหมือนกับว่านอนไม่พอ
 “องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบอกว่านางจะกลับช้าเล็กน้อย  ส่วนปิงเอ๋อตอนนี้ก็เรียนรู้จากแม่เฒ่าอู่เถิง  ซานเอ๋อ! เจ้ามีแผนจะทำอะไร?”  แม่สี่แจ้งข่าวเย่ว์หยาง “ถ้าเจ้ามีเวลา เจ้าควรไปที่หอทงเทียนชั้นห้าเพื่อตามหามรดกของเย่ว์ชิว”
 “เอาอย่างนั้นก็ได้!  เดิมทีเย่ว์หยางตั้งใจค้นคว้าตุ๊กตารบที่ปรับปรุงโดยภูตอัจฉริยะเย่ว์กง  อย่างไรก็ตาม  มรดกของเย่ว์ชิวก็เป็นเรื่องสำคัญ
 “เจ้าควรจะไปกันทั้งหมด  ไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าก็ได้  มีซวงเอ๋ออยู่ใกล้ๆ ข้า ก็ไม่เป็นไรแล้ว อู๋เหิน, โล่วฮัวและหวี่เอ๋อ พวกเจ้าควรไปกับซานเอ๋อกันทุกคน”  ขณะที่แม่สี่พูด  เย่ว์หวี่ประหลาดใจ  นางมองดูแม่สี่และถามอย่างไม่แน่ใจ “จะให้ข้าไปด้วยหรือ?”  นางพูดเป็นนัยๆ ว่าอู๋เหินและเจ้าเมืองโล่วฮัวเป็นภรรยาเย่ว์หยางและพวกเขาคงจะมีสัมพันธ์รักกันในระหว่างทาง  นางจะอยู่ร่วมกับพวกเขาได้ยังไง?”
 “....” หญิงงามอู๋เหินและเจ้าเมืองโล่วฮัวไม่เข้าใจ  คงจะมีความหมายแอบแฝงลึกซึ้งในคำพูดของแม่สี่กระมัง?
 “ข้าจะไม่ยุ่งกับเรื่องของพวกเจ้าผู้เยาว์อีกต่อไปแล้ว  จะทำอะไรก็ทำเถอะ”  แม่สี่ชำเลืองมองเย่ว์หวี่และไม่ได้อธิบายอะไร  นางจูงเย่ว์ซวงและจากไป
นางไม่ได้พูดอะไร  แต่ท่าทีของนางชัดเจนมาก  นางหวังว่าเย่ว์หวี่ควรจะไปหามรดกของเย่ว์ชิวที่เขาทิ้งไว้ให้บุตรชาย
เจ้าเมืองโล่วฮัว, หญิงงามอู๋เหินและเย่ว์หวี่ต่างก็ฉลาดกันทุกคน  แต่ตอนนี้พวกนางไม่สามารถเข้าใจความตั้งใจของแม่สี่  พวกนางมองหน้ากันเองอย่างสับสน  แต่ไม่พูดอะไรออกมา  จากนั้นพวกนางก็มองดูเย่ว์หยาง ตอนนั้นเองเย่ว์หยางก็สับสนเช่นกัน  แต่เขาก็เก่งในเรื่องแกล้งสับสน เขาหัวเราะขึ้นมาทันที “บางทีนางคงหมายถึงว่าถ้ามีสมบัติ เราก็ควรแบ่งกันระหว่างเรามั้ง?”
เย่ว์หวีกดโต๊ะไว้แน่น แสดงว่านางก็มีความในใจ
นางกัดริมฝีปาก  “ข้ารู้สึกไม่สบายเล็กน้อย  ดังนั้นข้าจะไม่ไปกับพวกเจ้า”
หญิงงามอู๋เหินและเจ้าเมืองโล่วฮัวมองหน้ากันเองและพยายามแนะนำนางพร้อมกัน
เย่ว์หวี่ตาเริ่มแดงและนางยังคงส่ายหน้า  นางฝืนยิ้มและโบกมือ “พวกเจ้าไม่ต้องห่วงข้า  ข้าเพียงแต่ได้นอนเล็กน้อย เพราะกองกำลังนรกดำโจมตีต้าเซี่ย ข้ามัวแต่คิดเรื่องนี้มากไป  ดังนั้นก็เลยนอนไม่หลับ ขอพักสักสองวันก็น่าจะพอ”
นางลุกขึ้นแล้วรีบกลับไปที่ห้องโดยเร็ว
เจ้าเมืองโล่วฮัวตีเย่ว์หยางเบาๆ “นี่ไม่ดีเลยนะ รีบคิดแผนเข้าสิ  ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้เรื่องนี้ นางคงคิดว่าเรารังแกนางแน่ๆ”
เมื่อเขาได้ยินนาง  เย่ว์หยางถึงกับเหงื่อพร่างพรู  “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เสือสาวเชี่ยนเชี่ยน  อย่าคิดมากเกินไปน่า”
 “เจ้าน่าจะไปดูนาง  เนื่องจากนางรู้สึกไม่ดี  เจ้าควรไปตรวจสอบดูนาง”  หญิงงามอู๋เหินยุ
 “.....”  เย่ว์หยางยิ่งเหงื่อตก   สภาพที่เย่ว์หวี่ไม่สบาย เย่ว์หยางรับรองได้เลยว่าไม่เกี่ยวกับร่างกายนางเลย!  อย่างไรก็ตาม  คำพูดของหญิงงามอู๋เหินก็ไม่ได้หมายถึงอาการป่วยของนาง  แต่ให้ไปปลอบโยนเย่ว์หวี่  อย่างน้อยที่สุดเขาควรจะคุยกับนางสักครั้งและปลอบให้นางหายตระหนกตกใจ
คำถามก็คือ  เย่ว์หยางรู้สึกว่ายิ่งเขาพูดกับเย่ว์หวี่มาก ก็ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับนาง
เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหินกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์เพื่อไปสร้างรังรักต่อให้เสร็จ
เย่ว์หยางลังเลใจครู่หนึ่งและในที่สุดก็เดินไปอยู่ที่หน้าห้องเย่ว์หวี่
เขาเคาะห้องเบาๆ
หลังจากนั้นสักครู่  เหมือนกับจะรู้ว่าเย่ว์หยางอยู่ข้างนอก “เสี่ยวซาน, ข้าจะหลับอยู่แล้ว  ข้าไม่เป็นไร  เจ้ากลับไปเถอะ”
เย่ว์หยางเปิดประตูและเข้าไปได้อย่างง่ายดาย  เย่ว์หวี่ตกใจลุกขึ้นจากเตียงและตวาดอย่างฉุนเฉียว “เจ้าเข้ามาข้างในทำไม?  ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าข้ากำลังจะหลับ  เจ้าไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วนะ    ทำไมเจ้าถึงทำตัวเหลวไหลนัก?  ตอนนี้ข้าไม่เป็นไรจริงๆ ข้าแค่เพลียเล็กน้อย  ทุกอย่างจะไม่เป็นไร  ถ้าเพียงแต่ข้าได้พักเล็กน้อย  เจ้าควรจะกลับไปสมทบกับโล่วฮัวต่อ...”  นางพูดพลางและผลักเย่ว์หยางออกไปจากเตียงนาง
 “ท่านผอมลงไปนะ”  เย่ว์หยางมองนางอย่างจริงจังและสังเกตได้ว่านางน้ำหนักหายไป  ยิ่งกว่านั้น นี่เป็นเพราะเรื่องกู้ชื่อเสียงมาได้เมื่อวานนี้  แต่ดูเหมือนน้ำหนักนางจะลดลงมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว
 “เจ้าหมายความว่าไง เจ้า เจ้า เจ้า ไม่สุภาพเลยนะ  เรียกข้าว่าพี่สิ”  เย่ว์หวี่ทำเป็นโกรธ
เย่ว์หยางนั่งลงบนเก้าอี้ และเย่ว์หวี่กรอกตาไปมาอย่างไม่สบายใจและเอนตัวลงนอนบนเตียง  นางไม่พูดอะไรชั่วขณะ  ดังนั้นเย่ว์หยางจึงไม่รู้ว่านางคิดอะไร
เย่ว์หยางลุกขึ้นยืนและเย่ว์หวี่เงยหน้ามองช้าๆ  “เจ้าจะออกไปแล้วหรือ?  งั้น งั้นปิดประตูให้ข้าด้วย”
เมื่อนางเห็นว่าเย่ว์หยางไม่ได้เตรียมตัวออกไป  แต่เข้ามาใกล้นางและนั่งลงบนเตียงนางแทน  นางตื่นเต้นและลุกขึ้นนั่งทันที “อย่านั่งตรงนี้..เฮ้อ..เจ้า..นั่งตรงนั้นอย่างว่าง่ายได้ไหม, ข้าไม่เป็นไรจริงๆ เสี่ยวซาน, ข้าไม่ต้องการไปนะ... ถ้าข้าไป ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้และคงเป็นตัวถ่วงมากกว่า  ยิ่งกว่านั้น โล่วฮัวและเจ้าก็ไม่ได้พบกันมานานแล้ว  เจ้าควรจะอยู่กับนางให้นานขึ้น”
เย่ว์หยางจับให้นางนอนลงอย่างนุ่มนวล
เขาเอื้อมมือและวางไว้แปะไว้บนผมสลวยของนาง  “พักผ่อนให้ดี  อย่าคิดอะไรมาก  เรื่องไม่ได้แย่อย่างที่ท่านคิด”
เย่ว์หวี่หลบสายตาเย่ว์หยางและแก้มนางเริ่มแดง
เหมือนกับใช้ท่าทางของเขา  นางอธิบายว่า “ไม่, ข้าไม่ได้คิดอะไรมาก, รีบกลับไปเถอะ, ข้าต้องการพักแล้ว”
เย่ว์หยางเดินออกไปและปิดประตูลงเบาๆ
ฟังจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของเขาหายไป  เย่ว์หวี่เอามือกุมท้องและถอนหายใจ
ทันใดนั้น นางนอนก่ายหน้าผาก “อย่าคิดถึงมัน, อย่าคิดถึงอีกต่อไป!

15 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Jenokira กล่าวว่า...

นี้มัน น้องแล้วยังไงถ้าตะค้ำคอ สินะ

Unknown กล่าวว่า...

แม่ก็เปิดทางให้ขนาดนี้แล้ว ปัดโธ่วว

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคร๊าฟ

Unknown กล่าวว่า...

ได้เย่หวี่เป็นเมียอยู่แล้วครับ เพราะนางไม่ใข่คนตระกูลเย่ นางเป็นเด็กที่ถูกสลับกับอีกคนนึง คนๆนั้นก็คือหลิวเย่นั่นเอง นางเป็นคนตระกูลเย่ที่สลับตัวกับเย่หวี่ตอนเป็นทารกที่อาณาจักรเทียนหลัว ทั้งหลิวเย่และเย่หวี่ต่างก็รู้ตัวอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมพูดกัน เหตุผลเพราะเย่หวี่พยายามหฃอกตัวเอง ว่าเป็นพี่สาวไม่ควรรักน้องตัวเอง ส่วนหลิวเย่ก็หลงรักเย่หยาง จึงไม่พูดออกไป ซึ้งเย่หยางมันรู้หมดแล้ว แต่มันก็เงียบไม่พูดเหมือนกัน

Unknown กล่าวว่า...

คือเย่หยางก็บอกไม่ได้ว่ามันมาจากต่างมิติ จะรักใครก็ได้จะไม่เกี่ยวกับตัวเย่หยางตัวจริงเพราะมันคือเย่หยางต่างมิติ ได้หมดถ้าสดชื่น

Unknown กล่าวว่า...

ถ้าเป็นเรานะเก็บเข้าคลังฮาเร็มให้หมดหึหึ...
[เยว่หยาง]ไม่ใช่คนจากโลกนิซะหน่อย
เพราะงั้นเก็บให้เรียบ/(*^*)

OTO กล่าวว่า...

พวกท่านๆทั้งหลายอาจจะเข้าใจผิดบางอย่างก็ได้นะครับ
เยว่หยางตัวจริงแน่นอนแต่ถูกเอาไปเลี้ยงที่ต่างมิติต่างหาก!

Nopanser Kung กล่าวว่า...

อุ้ยๆๆ แหม่ๆๆ แม่สี่เห็นดีเห็นชอบด้วยซะงั้นหรือนี่
แบบนี้เส้นทางสู่ฮาเร็มของเย่ว์หวี่ก็ใกล้เปิดโล่งแล้วสิเนี่ย ~ ฮิฮิ
เหลือแค่เปิดใจของเย่ว์หวี่ให้ได้เพียงเท่านั้น!!

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมละเก็บหมด ได้หมดถ้าสดชื่น 55

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น