ตอนที่ 439 เย่ว์หวี่ป่วย?
พวกเขาจูบกันอย่างดูดดื่มชั่วขณะไม่อยากจะแยกจากกัน
หนูน้อยเย่ว์ซวงมองดูพวกเขาอยู่นานในระยะห่างปรบมือหัวร่อร่าเริง “ฮะฮะ,
พี่สามกะพี่โล่วฮัวนั่งจู่...จุ๊บกันอยู่ใต้ต้นไม้!”
แม่สี่รีบฉุดดึงเธอออกมา “ซวงเอ๋อ, อย่าทำตึงตังอย่างนั้น เจ้าจะทำอะไรกัน
นี่เรื่องของผู้ใหญ่? ไปกันเถอะ
เดี๋ยวแม่จะทำขนมบัวลอยอร่อยๆ ให้กิน..” ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติ เย่ว์ซวงจะต้องส่งเสียงร่าเริงดีใจเป็นแน่ เธอเป็นเด็กที่ไม่อาจทนต่อความเย้ายวนของอาหารอร่อยได้ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้
เธอพยายามขัดขืนจนหลุดจากมารดาและวิ่งเข้าไปหาพี่ชายเธอตะโกนว่า “พี่สาม,
ข้าอยากจูบด้วย!”
เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกอายขึ้นมาทันที
ใบหน้านางเปลี่ยนเป็นสีแดง
แม้ว่าเย่ว์หวี่จะหันหน้ามามอง แต่นางไม่รู้ว่าจะคลี่คลายสถานการณ์อย่างไรดี
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางผู้มีหนังหน้าหนาอยู่แล้วไม่สนใจคำพุดของเย่ว์ซวงมากมายนัก
เขาอุ้มหนูน้อยเย่ว์ซวงขึ้นแล้วจูบแก้มแดงดุจผลแอ๊ปเปิลของเธออย่างหนักหน่วง
เติมเต็มความปรารถนาเธอด้วยการจูบครั้งหนึ่ง
“พี่สาม, ข้าอยากให้ทำแบบพี่โล่วฮัว, จุ๊บตรงปาก” เย่ว์ซวงทำปากจู๋ เธอรู้สึกว่ายังไม่ได้รับจูบของพี่ชายเธออย่างที่ต้องการ
“เป็นความผิดของข้าคนเดียว”
เจ้าเมืองโล่วฮัวอายม้วนแทบจะแทรกตัวเข้าไปซ่อนในแผ่นดิน
นางแอบอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางแล้วทุบสะเอวเขาถือโอกาสกลบเกลื่อนความอายของนาง ถ้าไม่มีใครสังเกตอยู่
นางคงไม่สนใจว่าเย่ว์หยางจะกอดหรือจูบ
แต่หลังจากเย่ว์ซวงเอะอะวุ่นวายเรื่องนี้
อย่าว่าแต่แม่สี่และเย่ว์หวี่เลย
แม้แต่บ่าวทาสที่พยายามซ่อนยิ้มที่อยู่รอบๆนางก็รู้เรื่องจูบ นี่ยิ่งทำให้นางอายมากจนได้แต่ก้มหน้า
เย่ว์หยางหัวเราะลั่นและจุ๊บริมฝีปากหนูน้อยเบาๆ “ซวงเอ๋อคนดี เดี๋ยวพี่สามจะให้ซาลาเปาไส้หวานลูกโตๆนะ”
เขาล้วงเอาซาลาเปาไส้หวานลูกใหญ่ออกมาจากแหวนเก็บของ หนูน้อยหันเหความสนใจทันที
เย่ว์ซวงรับขนมและกอดตอบพี่ชายทันที
เธอหอมแก้มเย่ว์หยางแล้วกระโดดกลับไปอวดของแก่มารดาทันที “ท่านแม่ ดูนี่สิ
พี่สามให้ซาลาเปาไส้หวานข้าด้วย!
ซาลาเปาไส้หวาน อร่อยมาก ถ้าท่านแม่ไม่เชื่อนะ ลองชิมดูสักหน่อยก็ได้..”
พอเห็นท่าทางไร้เดียงสาและน่ารักของเธอ
ทุกคนอดรู้สึกสบายใจไม่ได้
เย่ว์หยางเหยียดมือมาทางเจ้าเมืองโล่วฮัว
หลังจากแก้เขินอายแล้ว นางจึงเหยียดมือวางลงที่ฝ่ามือของเย่ว์หยาง
แม่สี่พยักหน้าเมื่อเห็นเช่นนี้
เย่ว์หยางและโล่วฮัวเหมาะสมกันจริงๆ
พวกเขาเป็นคู่ที่เหมาะสมราวกับสวรรค์ประทาน
จากนั้นนางมองดูเย่ว์หวี่ที่กำลังก้มหน้า เหมือนกับว่านางมีความในใจจะพูดด้วย อย่างไรก็ตาม
ในที่สุดนางก็ชะงักเองไม่พูดอะไรออกมา
นางจูงมือเย่ว์ซวงและพูดกับเย่ว์หวี่
“วันนี้ข้าต้มขนมหวานที่อร่อยเป็นพิเศษไว้แล้ว มากินด้วยกันเถอะทุกคน”
“จริงสิ,
ก็เหมือนกับซวงเอ๋อนั่นแหละ ข้าก็ชอบขนมบัวลอยเป็นที่สุด”
เย่ว์หวี่ดูเหมือนกลัวว่าคนอื่นจะอ่านความคิดของนางออก นางดึงเย่ว์ซวงมากอด ขณะที่นางหยอกล้อน้องสาวและตามแม่สี่ไป นางแอบมองเย่ว์หยางกับโล่วฮัว เมื่อพวกเขาสบตากันโดยบังเอิญ นางรีบพูดทันที
“พวกเจ้าเพิ่งจะเจอกันอีกครั้ง ใช้เวลาสนทนากันเถอะ ส่วนข้าขอตัวไปเตรียมขนมให้พวกเจ้า”
“ถ้าพี่สามไม่มาเร็วๆ
ข้าจะไม่เหลือไว้ให้แม้แต่หยดเดียว
ข้าจะกินให้หมดเลย”
เย่ว์ซวงยื่นหน้าล้อเลียนเย่ว์หยาง
“น่ารักดีไหม?
เจ้าอยากได้อย่างนี้สักคนบ้างไหม?”
เย่ว์หยางกระซิบบอกเจ้าเมืองโล่วฮัว
“เจ้า...” หน้าของเจ้าเมืองโล่วฮัวแดงซ่านทันที นางรีบมองไปรอบๆเพื่อตรวจดูว่ามีใครได้ยินเย่ว์หยางหรือไม่ นางได้แต่สงบจิตใจตนเอง หลังจากมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินเขาแล้ว
จากนั้นนางตีเขาทันที “คนลามก!
มาพูดอะไรตอนกลางวี่กลางวันอย่างนี้”
“ดีเหมือนกัน,
อย่างนั้นเราค่อยมาปรึกษากันคืนนี้” ในพจนานุกรมของเย่ว์หยางไม่มีคำว่า “ยางอาย”
หน้าของเจ้าเมืองโล่วฮัวเริ่มแดงขึ้น
ขณะที่อากาศดูเหมือนจะร้อน นางก้มหน้าเหมือนกับภรรยาสาว นางเดินตามเย่ว์หยางติดๆ เหมือนนับต้นหญ้าบนพื้น ยามนี้หัวใจนางเต้นถี่ หลังจากประสบการณ์เปี่ยมสุขครั้งก่อน
นางถึงได้เข้าใจคำพูดของคนรักนางและความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั้น
มากถึงขนาดที่ร่างกายนางกระหายอ้อมกอดของคนรัก นางคิดถึงเขาตลอดมา เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุด
คงจะดีที่สุดถ้าพวกเขากลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ก่อน เพราะที่นั่นคือรังรักของพวกเขา
เจ้าเมืองโล่วฮัวคลอเคลียเย่ว์หยางและดึงเขาอย่างอ่อนโยนเหมือนน้ำ
ดวงตาฉ่ำเยิ้มเหมือนคนเมาของนางลอบมองเขาเป็นระยะๆ
ไม่ว่านางจะทำอย่างนี้กี่ครั้งก็รู้สึกว่าไม่เพียงพอ
หญิงงามอู๋เหินพอทราบข่าวก็ออกมาเช่นกัน
ตามปกตินางมักจะเปิดโอกาสให้เย่ว์หยางกับโล่วฮัวมีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เสวี่ยอู๋เสีย,
อี้หนานและเย่ว์ปิงกลับมา ก็คงยากที่พวกเขาจะมีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง หญิงงามอู๋เหินเข้าใจถึงจุดนี้ดี ดังนั้นนางจึงออกมาจากโลกคัมภีร์ มองผิวเผิน นางทำเป็นจ้ำจี้จ้ำไชเย่ว์ซวง
บอกว่านางไม่ควรปล่อยให้เย่ว์ซวงทำการบ้านครึ่งๆ กลางๆ อย่างไรก็ตาม
ความจริงก็คือนางต้องการให้เย่ว์หยางกับเจ้าเมืองโล่วฮัวอยู่กันตามลำพังในโลกของตัวเอง
อดทนถึงยามค่ำคืน เย่ว์หยางปลีกตัวจากการพัวพันของเย่ว์ซวงและโอบเจ้าเมืองโล่วฮัวไว้ในอ้อมแขน
เจ้าเมืองโล่วฮัวทำเป็นขัดขืนเล็กน้อย
ในที่สุดก็ยอมตามเย่ว์หยางและกลับเข้ามาในโลกคัมภีร์
ในโลกแห่งความรักของพวกเขา
พวกเขาต่างจูบกันอย่างดูดดื่มเป็นเวลานานครั้งแล้วครั้งเล่า
เหมือนกับว่าพวกเขาต้องการจะปลดปล่อยความปรารถนาทั้งหมดผ่านออกมาทางริมฝีปาก ในช่วงเวลาที่กอดรัดพัวพันกันอยู่นี้
เหมือนกับว่านางต้องการจะหลอมรวมเข้าด้วยกันกับคนรักนาง
ก่อนที่เย่ว์หยางจะรู้ตัว
เจ้าเมืองโล่วฮัวกลายเป็นหญิงงามไม่มีตำหนิ ผิวของนางขาวอมชมพู
ภายใต้จูบที่เร่าร้อนของเย่ว์หยาง นางกระซิบข้างหูเขา “ตัวร้าย! ข้าคิดถึงเจ้านัก...”
ภายในห้องเต็มไปด้วยความรักที่เบ่งบาน กับแรงปรารถนาที่เผาผลาญ
คนรักที่โหยหาถึงกันไม่รู้จบ
นางพญากระหายเลือดหงแอบมองอยู่แต่ไกล
นางหน้าแดงซ่าน หัวใจนางเต้นดังกลองรัว
ดวงตาเป็นประกายด้วยความเข้าใจ
ทุกครั้งที่นางมอง
นางจะลอบผงกศีรษะเหมือนกับว่าพยายามจะเรียนรู้บางอย่าง ยิ่งกว่านั้น อีกด้านหนึ่ง
โคเงาอาหมันก็มองดูอยู่เงียบๆ และทำท่างุนงงสับสน
นัยน์ตานางสับสนวุ่นวายไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นางไม่ได้ฉลาดเท่านางพญาดอกหนามมงกุฎทอง
ถ้านางพญาดอกหนามมงกุฎทองไม่หลับกรนเสียงดังอยู่บนเตียงดอกไม้ของนาง นางคงร่วมเป็นสมาชิกอสูรพิทักษ์ที่ชอบแอบดูเย่ว์หยางมีสัมพันธ์รักอีกคน
ขณะที่ภูตเพลิงปฐพี ไม่สนใจเรื่องเช่นนี้อย่างสิ้นเชิง นางไม่เข้าใจการกระทำของเย่ว์หยางแม้แต่น้อย
ในเส้นทางวิวัฒนาการไปเป็นร่างมนุษย์
นางยังห่างจากการเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ช่วงหนึ่ง
บางครั้ง ระดับและความแข็งแกร่งไม่ใช่เป็นตัวแทนของทุกอย่าง
ในวันที่สอง
เจ้าเมืองโล่วฮัวได้ปลดปล่อยความปรารถนาของนางในที่สุด นางดูเปล่งปลั่งงดงามกว่าเดิม
ถึงขนาดที่เย่ว์ซวงตะโกนว่า “พี่โล่วฮัวสวยมากจริงๆ” เทียบกับนางแล้ว เย่ว์หวี่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงและดูเหมือนนางจะเพลียเล็กน้อยเหมือนกับว่านอนไม่พอ
“องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบอกว่านางจะกลับช้าเล็กน้อย
ส่วนปิงเอ๋อตอนนี้ก็เรียนรู้จากแม่เฒ่าอู่เถิง ซานเอ๋อ! เจ้ามีแผนจะทำอะไร?” แม่สี่แจ้งข่าวเย่ว์หยาง “ถ้าเจ้ามีเวลา
เจ้าควรไปที่หอทงเทียนชั้นห้าเพื่อตามหามรดกของเย่ว์ชิว”
“เอาอย่างนั้นก็ได้!” เดิมทีเย่ว์หยางตั้งใจค้นคว้าตุ๊กตารบที่ปรับปรุงโดยภูตอัจฉริยะเย่ว์กง อย่างไรก็ตาม
มรดกของเย่ว์ชิวก็เป็นเรื่องสำคัญ
“เจ้าควรจะไปกันทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าก็ได้ มีซวงเอ๋ออยู่ใกล้ๆ ข้า ก็ไม่เป็นไรแล้ว
อู๋เหิน, โล่วฮัวและหวี่เอ๋อ พวกเจ้าควรไปกับซานเอ๋อกันทุกคน” ขณะที่แม่สี่พูด เย่ว์หวี่ประหลาดใจ นางมองดูแม่สี่และถามอย่างไม่แน่ใจ
“จะให้ข้าไปด้วยหรือ?” นางพูดเป็นนัยๆ
ว่าอู๋เหินและเจ้าเมืองโล่วฮัวเป็นภรรยาเย่ว์หยางและพวกเขาคงจะมีสัมพันธ์รักกันในระหว่างทาง นางจะอยู่ร่วมกับพวกเขาได้ยังไง?”
“....” หญิงงามอู๋เหินและเจ้าเมืองโล่วฮัวไม่เข้าใจ
คงจะมีความหมายแอบแฝงลึกซึ้งในคำพูดของแม่สี่กระมัง?
“ข้าจะไม่ยุ่งกับเรื่องของพวกเจ้าผู้เยาว์อีกต่อไปแล้ว จะทำอะไรก็ทำเถอะ”
แม่สี่ชำเลืองมองเย่ว์หวี่และไม่ได้อธิบายอะไร นางจูงเย่ว์ซวงและจากไป
นางไม่ได้พูดอะไร
แต่ท่าทีของนางชัดเจนมาก
นางหวังว่าเย่ว์หวี่ควรจะไปหามรดกของเย่ว์ชิวที่เขาทิ้งไว้ให้บุตรชาย
เจ้าเมืองโล่วฮัว, หญิงงามอู๋เหินและเย่ว์หวี่ต่างก็ฉลาดกันทุกคน แต่ตอนนี้พวกนางไม่สามารถเข้าใจความตั้งใจของแม่สี่ พวกนางมองหน้ากันเองอย่างสับสน แต่ไม่พูดอะไรออกมา จากนั้นพวกนางก็มองดูเย่ว์หยาง
ตอนนั้นเองเย่ว์หยางก็สับสนเช่นกัน
แต่เขาก็เก่งในเรื่องแกล้งสับสน เขาหัวเราะขึ้นมาทันที
“บางทีนางคงหมายถึงว่าถ้ามีสมบัติ เราก็ควรแบ่งกันระหว่างเรามั้ง?”
เย่ว์หวีกดโต๊ะไว้แน่น แสดงว่านางก็มีความในใจ
นางกัดริมฝีปาก
“ข้ารู้สึกไม่สบายเล็กน้อย
ดังนั้นข้าจะไม่ไปกับพวกเจ้า”
หญิงงามอู๋เหินและเจ้าเมืองโล่วฮัวมองหน้ากันเองและพยายามแนะนำนางพร้อมกัน
เย่ว์หวี่ตาเริ่มแดงและนางยังคงส่ายหน้า
นางฝืนยิ้มและโบกมือ “พวกเจ้าไม่ต้องห่วงข้า ข้าเพียงแต่ได้นอนเล็กน้อย
เพราะกองกำลังนรกดำโจมตีต้าเซี่ย ข้ามัวแต่คิดเรื่องนี้มากไป ดังนั้นก็เลยนอนไม่หลับ
ขอพักสักสองวันก็น่าจะพอ”
นางลุกขึ้นแล้วรีบกลับไปที่ห้องโดยเร็ว
เจ้าเมืองโล่วฮัวตีเย่ว์หยางเบาๆ “นี่ไม่ดีเลยนะ รีบคิดแผนเข้าสิ ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้เรื่องนี้
นางคงคิดว่าเรารังแกนางแน่ๆ”
เมื่อเขาได้ยินนาง
เย่ว์หยางถึงกับเหงื่อพร่างพรู
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เสือสาวเชี่ยนเชี่ยน อย่าคิดมากเกินไปน่า”
“เจ้าน่าจะไปดูนาง
เนื่องจากนางรู้สึกไม่ดี
เจ้าควรไปตรวจสอบดูนาง” หญิงงามอู๋เหินยุ
“.....” เย่ว์หยางยิ่งเหงื่อตก สภาพที่เย่ว์หวี่ไม่สบาย
เย่ว์หยางรับรองได้เลยว่าไม่เกี่ยวกับร่างกายนางเลย! อย่างไรก็ตาม
คำพูดของหญิงงามอู๋เหินก็ไม่ได้หมายถึงอาการป่วยของนาง แต่ให้ไปปลอบโยนเย่ว์หวี่ อย่างน้อยที่สุดเขาควรจะคุยกับนางสักครั้งและปลอบให้นางหายตระหนกตกใจ
คำถามก็คือ
เย่ว์หยางรู้สึกว่ายิ่งเขาพูดกับเย่ว์หวี่มาก
ก็ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับนาง
เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหินกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์เพื่อไปสร้างรังรักต่อให้เสร็จ
เย่ว์หยางลังเลใจครู่หนึ่งและในที่สุดก็เดินไปอยู่ที่หน้าห้องเย่ว์หวี่
เขาเคาะห้องเบาๆ
หลังจากนั้นสักครู่
เหมือนกับจะรู้ว่าเย่ว์หยางอยู่ข้างนอก “เสี่ยวซาน, ข้าจะหลับอยู่แล้ว ข้าไม่เป็นไร
เจ้ากลับไปเถอะ”
เย่ว์หยางเปิดประตูและเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
เย่ว์หวี่ตกใจลุกขึ้นจากเตียงและตวาดอย่างฉุนเฉียว
“เจ้าเข้ามาข้างในทำไม?
ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าข้ากำลังจะหลับ
เจ้าไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วนะ
ทำไมเจ้าถึงทำตัวเหลวไหลนัก?
ตอนนี้ข้าไม่เป็นไรจริงๆ ข้าแค่เพลียเล็กน้อย ทุกอย่างจะไม่เป็นไร ถ้าเพียงแต่ข้าได้พักเล็กน้อย เจ้าควรจะกลับไปสมทบกับโล่วฮัวต่อ...” นางพูดพลางและผลักเย่ว์หยางออกไปจากเตียงนาง
“ท่านผอมลงไปนะ”
เย่ว์หยางมองนางอย่างจริงจังและสังเกตได้ว่านางน้ำหนักหายไป ยิ่งกว่านั้น
นี่เป็นเพราะเรื่องกู้ชื่อเสียงมาได้เมื่อวานนี้
แต่ดูเหมือนน้ำหนักนางจะลดลงมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว
“เจ้าหมายความว่าไง เจ้า เจ้า เจ้า ไม่สุภาพเลยนะ เรียกข้าว่าพี่สิ” เย่ว์หวี่ทำเป็นโกรธ
เย่ว์หยางนั่งลงบนเก้าอี้ และเย่ว์หวี่กรอกตาไปมาอย่างไม่สบายใจและเอนตัวลงนอนบนเตียง นางไม่พูดอะไรชั่วขณะ ดังนั้นเย่ว์หยางจึงไม่รู้ว่านางคิดอะไร
เย่ว์หยางลุกขึ้นยืนและเย่ว์หวี่เงยหน้ามองช้าๆ “เจ้าจะออกไปแล้วหรือ? งั้น งั้นปิดประตูให้ข้าด้วย”
เมื่อนางเห็นว่าเย่ว์หยางไม่ได้เตรียมตัวออกไป แต่เข้ามาใกล้นางและนั่งลงบนเตียงนางแทน นางตื่นเต้นและลุกขึ้นนั่งทันที
“อย่านั่งตรงนี้..เฮ้อ..เจ้า..นั่งตรงนั้นอย่างว่าง่ายได้ไหม, ข้าไม่เป็นไรจริงๆ
เสี่ยวซาน, ข้าไม่ต้องการไปนะ... ถ้าข้าไป ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้และคงเป็นตัวถ่วงมากกว่า ยิ่งกว่านั้น
โล่วฮัวและเจ้าก็ไม่ได้พบกันมานานแล้ว
เจ้าควรจะอยู่กับนางให้นานขึ้น”
เย่ว์หยางจับให้นางนอนลงอย่างนุ่มนวล
เขาเอื้อมมือและวางไว้แปะไว้บนผมสลวยของนาง
“พักผ่อนให้ดี อย่าคิดอะไรมาก เรื่องไม่ได้แย่อย่างที่ท่านคิด”
เย่ว์หวี่หลบสายตาเย่ว์หยางและแก้มนางเริ่มแดง
เหมือนกับใช้ท่าทางของเขา
นางอธิบายว่า “ไม่, ข้าไม่ได้คิดอะไรมาก, รีบกลับไปเถอะ,
ข้าต้องการพักแล้ว”
เย่ว์หยางเดินออกไปและปิดประตูลงเบาๆ
ฟังจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของเขาหายไป
เย่ว์หวี่เอามือกุมท้องและถอนหายใจ
ทันใดนั้น นางนอนก่ายหน้าผาก “อย่าคิดถึงมัน, อย่าคิดถึงอีกต่อไป!”
15 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากคับ
ขอบคุณครับ
นี้มัน น้องแล้วยังไงถ้าตะค้ำคอ สินะ
แม่ก็เปิดทางให้ขนาดนี้แล้ว ปัดโธ่วว
ขอบคุณคร๊าฟ
ได้เย่หวี่เป็นเมียอยู่แล้วครับ เพราะนางไม่ใข่คนตระกูลเย่ นางเป็นเด็กที่ถูกสลับกับอีกคนนึง คนๆนั้นก็คือหลิวเย่นั่นเอง นางเป็นคนตระกูลเย่ที่สลับตัวกับเย่หวี่ตอนเป็นทารกที่อาณาจักรเทียนหลัว ทั้งหลิวเย่และเย่หวี่ต่างก็รู้ตัวอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมพูดกัน เหตุผลเพราะเย่หวี่พยายามหฃอกตัวเอง ว่าเป็นพี่สาวไม่ควรรักน้องตัวเอง ส่วนหลิวเย่ก็หลงรักเย่หยาง จึงไม่พูดออกไป ซึ้งเย่หยางมันรู้หมดแล้ว แต่มันก็เงียบไม่พูดเหมือนกัน
คือเย่หยางก็บอกไม่ได้ว่ามันมาจากต่างมิติ จะรักใครก็ได้จะไม่เกี่ยวกับตัวเย่หยางตัวจริงเพราะมันคือเย่หยางต่างมิติ ได้หมดถ้าสดชื่น
ถ้าเป็นเรานะเก็บเข้าคลังฮาเร็มให้หมดหึหึ...
[เยว่หยาง]ไม่ใช่คนจากโลกนิซะหน่อย
เพราะงั้นเก็บให้เรียบ/(*^*)
พวกท่านๆทั้งหลายอาจจะเข้าใจผิดบางอย่างก็ได้นะครับ
เยว่หยางตัวจริงแน่นอนแต่ถูกเอาไปเลี้ยงที่ต่างมิติต่างหาก!
อุ้ยๆๆ แหม่ๆๆ แม่สี่เห็นดีเห็นชอบด้วยซะงั้นหรือนี่
แบบนี้เส้นทางสู่ฮาเร็มของเย่ว์หวี่ก็ใกล้เปิดโล่งแล้วสิเนี่ย ~ ฮิฮิ
เหลือแค่เปิดใจของเย่ว์หวี่ให้ได้เพียงเท่านั้น!!
ผมละเก็บหมด ได้หมดถ้าสดชื่น 55
ขอบคุณครับ
Thx
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น