วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 3-22 หุบเขาสายหมอก (2)



ตอนที่  3-22  หุบเขาสายหมอก (2)
เหยี่ยวมังกรเกินกว่า 10 ตัวพุ่งทะยานขึ้นมาไล่ล่าลินลี่ย์ แต่ละตัวมีขนาดใหญ่โตยิ่งกว่ากริฟฟิน ลินลี่ย์ส่งพลังเวทผ่านแหวนมังกรขนดช่วยให้เขาสามารถบินได้เร็วขึ้นพร้อมกับร่ายเวทเรียกเกราะผู้พิทักษ์ดินขึ้นมา
 
 “วืดดด!”
ได้ยินเพียงสายลมหวีดหวิว แม้ว่าลินลี่ย์จะหนีพ้นจากงูเขียวยักษ์มาได้ไกล แต่เหยี่ยวมังกรกลับเร็วเหลือเชื่อ และพวกมันยิ่งไล่กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่าจะพ้นจากหุบเหวขึ้นมาแล้วแต่การไล่ล่าอย่างดุเดือดของฝูงเหยี่ยวมังกรก็ยังไม่มีทีท่าเลิกรา
ลินลี่ย์ทะยานผ่านป่าด้วยความเร็วสูงสุด แต่ไม่มีทางที่กำลังขาของเขาจะเปรียบเทียบได้กับความเร็วจากการกระพือปีกของเหยี่ยวมังกร
 “แคว้กกกกกก!” เหยี่ยวมังกรร้องอย่างกราดเกรี้ยว
ความยาวปีกของเหยี่ยวมังกรนั้นมากกว่า 20 เมตร ฝูงเหยี่ยวมังกรกว่า 10 ตัวบนฟ้าพุ่งตรงเข้าหาลินลี่ย์ เขารู้สึกว่าโลกของเขามืดมิดลง เมื่อเหยี่ยวมังกรโฉบลงมา จะงอยปากของพวกมันเปิดอ้าลมหายใจของมันกลายเป็นเพลิง 4 สายพุ่งเข้าหาเขา ทุกสิ่งสรรพรอบตัวกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
โชคดี เวทเกราะผู้พิทักษ์ดินที่ลินลี่ย์ร่ายก่อนหน้านี้ปกป้องเขาไว้ มันปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเขา
 “แครก แครก” เปลวไฟยังคงลุกลามและเผาไหม้อยู่บนเกราะผู้พิทักษ์ดิน สีของธาตุดินปกคลุมทั่วร่างกายลินลี่ย์
ในบรรดาสิ่งมีชีวิตประเภทมังกร เหยี่ยวมังกรและมังกรดินถือเป็นสายพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุด แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นถึงอสูรเวทระดับ 6 ยิ่งกว่านั้นคือพวกมันมักจะอยู่รวมกันเป็นฝูง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝูงอสูรเวทระดับ 6 นับสิบตัว แม้แต่นักรบระดับ 7 ยังต้องหลีกหนี
ฝูงเหยี่ยวมังกรพุ่งเข้าโจมตีลินลี่ย์....
 แครก..!” กรงเล็บแหลมคมของเหยี่ยวมังกรปะทะกับเกราะผู้พิทักษ์ดินของลินลี่ย์ เกราะผู้พิทักษ์ดินถึงกับสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัดและจุดสีทองค่อยๆเริ่มปรากฏบนผิวเกราะ
 “ข้าทนรับการโจมตีอีกไม่ได้แน่!”
พลังโจมตีของกรงเล็บนั่นทำให้ลินลี่ย์ตื่นตระหนก เขาพุ่งเข้าสู่ป่ารกทึบด้วยความเร็วสูงสุดในชีวิต หวังว่าป่าจะทำให้พวกมันติดตามได้ยากขึ้น เขากระโดด มุด ปีนป่ายเพื่อเอาชีวิตรอด แต่อุปสรรคไม่มีผลใดๆกับเหยี่ยวมังกร มันพุ่งเข้าใส่ศีรษะของลินลี่ย์ด้วยกรงเล็บมหาภัย
 “จี๊ดดด!”
บีบีกรีดร้องอย่างดุร้ายและยืดตัวตรงบนขาหลังทั้งสอง มันก็ขยายร่างเป็นขนาดสูงครึ่งเมตรในทันที แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปีกยาว 20 เมตรของเหยี่ยวมังกรแล้ว บีบีก็เหมือนมดตัวเล็กๆ
 “ควั่บ!” บีบีพุ่งตัวจากบนไหล่ของลินลี่ย์อย่างรวดเร็วจนเห็นเพียงภาพติดตา มันพุ่งเข้าโจมตีเหยี่ยวมังกรที่ใกล้ที่สุด
เสียงเหมือนกระดูกแหลกเป็นชิ้นๆดังขึ้นในทันทีพร้อมกับเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเหยี่ยวมังกร มันร่วงลงจากอากาศทันที แต่ก่อนจะเป็นเช่นนั้นบีบีก็ใช้มันเป็นฐานพุ่งเข้าไปขย้ำเหยี่ยวมังกรตัวข้างๆตายกลางอากาศ
เหยี่ยวมังกรเป็นเพียงอสูรเวทระดับ 6 ต่อหน้าบีบีที่สามารถขับไล่อสูรเวทระดับ 7 เอาชนะอสูรอย่างมังกรลมกรดได้
ยิ่งกว่านั้น
ระหว่างอสูรเวทระดับ 6 และระดับ 7 นั้นมีช่องว่างด้านพลังที่ใหญ่มาก แม้บีบีจะไม่สามารถบินได้ แต่การโจมตีของมันสามารถสังหารเหยี่ยวมังกรได้อย่างง่ายดาย ในเวลาสั้น เหยี่ยวมังกร 3 ตัวก็ตกตาย
เหยี่ยวมังกรที่เหลือรู้สึกหวาดกลัว แต่เมื่อเห็นพวกมันยังคงอยู่เหนือขึ้นไปในอากาศ บีบีก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะมันบินไม่ได้นั่นเอง
เหยี่ยวมังกรยังบินโฉบเฉี่ยวลินลี่ย์อยู่ห่างๆ สักพักก่อนจะร้องออกมาเบาๆแล้วเริ่มบินกลับหุบเหว
 “เป็นสถานการณ์ที่น่าหวาดเสียวยิ่ง” สุดท้ายลินลี่ย์ได้แต่ถอนหายใจ
ขณะกำลังชำแหละเอาแก่นเวทจากศพของเหยี่ยวมังกร ลินลี่ย์ก็เริ่มสงสัยเกี่ยวกับหุบเหวสายหมอก
 “ปู่เดลิน” เมื่อลินลี่ย์เอ่ยเรียก เดลิน โคเวิร์ทก็ปรากฏตัวจากแหวนมังกรขนดในชุดแบบโบราณสีเหลืองนวลอย่างทุกที เดลิน โคเวิร์ทยิ้มและกล่าวกับลินลี่ย์ “ลินลี่ย์! มีอะไรที่ให้ข้าช่วยหรือไม่?”
ลินลี่ย์ยังไม่อาจสงบอารมณ์ลงได้
 “ปู่เดลิน! เมื่อสักครู่ข้าได้เข้าไปในหุบเหวสายหมอก ข้าไม่ได้คาดคิดว่าที่นั้นจะเต็มไปด้วยอสูรเวท มีทั้งงูเขียวยักษ์และสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่มากมาย ข้าไม่ได้เห็นพวกมันชัดนักหรอก แต่ขนาดของพวกมันไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ามังกรลมกรดเลย และยังมีเหยี่ยวมังกรอีก ข้าบอกได้ว่านี่ยังเป็นส่วนน้อยในหุบเหวนั่น ข้าไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าหุบเหวสายหมอกจะใหญ่โตเพียงใด”
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้นลินลีย์ก็เริ่มรู้สึกกลัวอีกครั้ง เขาเพิ่งจะเข้าไปเหยียบสถานที่ที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดมากมาย
 “งั้นเหรอ?
เดลิน โคเวิร์ทรู้สึกประหลาดใจ “หุบเหวสายหมอกที่เต็มไปด้วยอสูรเวทอย่างนั้นรึ? น่าสนใจ ตามปกติแล้วมีแต่อสูรเวทชนิดเดียวกันเท่านั้นที่จะอยู่ร่วมกันได้ แต่อสูรเวทที่เจ้ากล่าวถึงล้วนเป็นอสูรต่างชนิดกัน พวกมันอยู่ร่วมกันในหุบเหวสายหมอกอย่างนั้นรึ? น่าสนใจ ช่างน่าสนใจ หากข้ามีชิวิตอยู่คงต้องขอไปดูเองให้เห็นกับตาสักครา”
ลินลี่ย์ส่ายหัวอย่างอ่อนใจและหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “ในเหวยังมีหญ้าใจฟ้าขึ้นอยู่อีกด้วย มีต้นหนึ่งที่ข้าเกือบจะเก็บได้อยู่แล้วแท้ๆ อีกนิดเดียวเท่านั้นเอง”
 “หญ้าใจฟ้า?” ดวงตาของเดลิน โคเวิร์ทเบิกกว้าง “สถานที่ที่มีหญ้าใจฟ้าขึ้นอยู่ต้องไม่ใช่ที่ธรรมดา ต้องมีสมบัติล้ำค่าซุกซ่อนอยู่ในหุบเหวสายหมอกเป็นแน่ หรือไม่ก็เป็นอสูรเวทที่ทรงพลังมาก อย่างพวกอสูรเวทระดับ 9 หรือระดับเซียน แต่อย่างไรก็แล้วแต่...”
เดลิน โคเวิร์ทเริ่มขมวดคิ้ว “ตามปกติแล้วอสูรเวทที่แข็งแกร่งมากก็ยิ่งอันตรายมาก หากพวกมันมีอยู่ในหุบเหวนั้นจริง ย่อมไม่มีทางยอมให้สิ่งมีชีวิตอื่นอย่างเหยี่ยวมังกรหรืองูเขียวยักษ์อยู่ร่วมกับมันแน่”
 “แต่เหยี่ยวมังกร งูเขียวยักษ์ และสัตว์ประหลาดยักษ์พวกนั้นสามารถอยู่ร่วมกันได้? แปลกประหลาดอะไรเช่นนี้” เดลิน โคเวิร์ทไม่สามารถเข้าใจได้เช่นกัน หุบเหวสายหมอกด้วยเหมือนจะเต็มไปด้วยปริศนา
ลินลี่ย์หัวเราะลั่น “ปู่เดลินไม่ต้องคิดมาก เมื่อข้าเป็นจอมเวทระดับ 7 เมื่อใดข้าคงสามารถใช้ ‘วิชาทะยานฟ้า’ ได้แน่ แล้วเมื่อนั้นเราค่อยมาไขปริศนานั้นกัน”
เมื่อเป็นจอมเวทจะดับ 7 เกราะผู้พิทักษ์ดินของเขาจะสามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นเกราะศิลาหยก และความเร็วของเวทความเร็วเสียงย่อมเพิ่มขึ้น เมื่อนั้น ลินลี่ย์มั่นใจว่าเขาจะมีความสามารถเพียงพอที่จะต่อกรกับเหยี่ยวมังกรได้ และด้วยวิชาทะยานฟ้า การเข้าไปยังหุบเหวสายหมอกจะกลายเป็นเรื่องง่าย
 จอมเวทระดับ 7 อย่างนั้นรึ? ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงจอมเวทระดับ 5 หนทางยังอีกยาวไกลนัก” คำพูดของเดลิน โคเวิร์ทเหมือนน้ำเย็นที่สาดลงบนไฟที่ลุกโชนของลินลี่ย์
ในใจของลินลี่ย์ย่อมรู้เรื่องนี้ดี
แม้การจะเป็นจอมเวทระดับ 6 จะไม่ใช้เรื่องยากมากนัก แต่ช่องว่างระหว่างระดับ 6 กับระดับ 7 นั้นใหญ่หลวงนัก
 “ทุกเส้นทางย่อมเริ่มต้นด้วยก้าวแรก” ลินลี่ย์ยิ้ม “เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วที่ข้าอยู่ในเทือกเขาอสูรเวท  ถึงเวลาที่ข้าควรจะกลับออกไปได้แล้ว คงใช้เวลาหลายวันกว่าจะออกไปถึงชายป่า ซึ่งข้าจะใช้เวลาเหล่านั้นในการฝึกฝน”
ลินลี่ย์เริ่มต้นเดินทางกลับบ้านโดยมีบีบีอยู่บนไหล่
 

1 ความคิดเห็น:

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น