วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 4-3 ฮ็อก



ตอนที่  4-3  ฮ็อก
เช้าวันต่อมา ระหว่างนั่งรับประทานอาหารเช้าในห้องอาหาร ลินลี่ย์ก็ต้องแปลกใจที่ว่าบิดาของเขาดูสดใสและเปี่ยมไปด้วยพลังกว่าทุกวัน ลินลี่ย์ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน
 
หลังจากวางมีดและซ่อม ฮ็อกยิ้มแย้มแล้วกล่าวกับลินลี่ย์ “ลินลี่ย์ ครั้งนี้เจ้าอยู่บ้านให้นานขึ้นหน่อยได้หรือไม่? นานแล้วที่ข้าไม่ได้เจอหน้าเจ้า พวกเราสองพ่อลูกจะได้ใช้เวลาร่วมกันนานขึ้น”
นี่บิดาของเขากำลังขอให้เขาอยู่บ้านให้นานขึ้นอย่างนั้นหรือ?
ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจ หลายปีมานี้บิดาของเขาไม่เคยกล่าวเช่นนี้มาก่อน เดิมทีลินลี่ย์วางแผนจะเดินทางไปเที่ยวเล่นในเมืองเฟนไล และถ้าโชคดีอาจได้เจออลิซบ้าง แต่หลังจากได้ยินบิดากล่าวดังนั้นเขาก็ตัดสินใจค่อยไปเยี่ยมนางในภายหลัง
 “ขอรับท่านพ่อ” ลินลี่ย์พยักหน้ายินดี
ฮ็อกพยักหน้าอย่างมีความสุขเช่นกัน แต่ในประกายตาของเขากลับแอบเก็บซ่อนความนัยบางอย่างไว้
….
ครั้งนี้ลินลี่ย์กลับมาเยี่ยมเมืองอู่ซันกว่า 10 วันเต็ม แม้จะล่วงเลยมาจนถึงวันแรกในการเปิดภาคเรียนของสถาบันเอินส์ เขาก็ยังคงไม่เดินทางกลับ และฮ็อกก็ไม่ได้เร่งเร้าอันใด
เหนือยอดเขาสูงในเมืองอูซัน เมฆฝนครึ้มค่อยๆเคลื่อนตัวมาปกคลุมโดยรอบ ลินลี่ย์กำลังนั่งทำสมาธิและกลั่นกรองพลังธาตุของตนเอง
อณูธาตุดินและธาตุลมต่างหมุนเวียนรอบตัวลินลี่ย์อย่างหนาแน่น แทรกซึมเข้ามาในร่างกายจากทุกทิศทางและถูกดูดซึมโดยกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นเลือดของเขา เป็นการพัฒนาร่างกายเพื่อรองรับพลังขั้นต่อไป ส่วนที่เหลือจากที่ร่างกายการดูดซึมจะถูกแปลงเป็นพลังธาตุและสะสมไว้ที่จุดตันเถียนบริเวณทรวงอก
เหมือนกับมหาสมุทรที่หล่อเลี้ยงแม่น้ำนับร้อยสาย การไหลเวียนพลังธาตุในร่างกายเขาย่อมมีจุดจบที่บริเวณนี้
ลินลี่ย์นั่งทำสมาธิเช่นนี้ราวครึ่งวัน เมื่อถึงคราลืมตา ดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว
 “ถึงเวลากลับสถาบันแล้ว” ลินลี่ย์สาวเท้าก้าวเดินและสูดลมหายใจลึก “หลังจากที่ข้ามอบแก่นเวทเหล่านั้นให้ ดูเหมือนท่านพ่อจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และพวกเราก็คล้ายจะสนิทสนมกันมากขึ้นด้วย”
สิบวันที่ผ่านมานับว่าเป็นสิบวันที่เขาได้ใกล้ชิดกับบิดามากที่สุดในชีวิต
 “เหตุใดท่าทีของท่านพ่อจึงแปลกไปเช่นนี้? เป็นเพราะแก่นเวท? ข้าไม่คิดว่าท่านจะเปลี่ยนไปเพราะเงิน...บางที่อาจเป็นร่องรอยแผลเป็นบนร่างกายของข้า?” ลินลี่ย์คาดเดา แต่สุดท้ายก็ไม่อาจเข้าใจสาเหตุที่ทำให้ท่าทีของบิดาต่อเขาเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้
 ‘เอ่ยถามเมื่อยามหนาว ห่วงหาเมื่อยามร้อน’ เป็นวลีที่อธิบายความเป็นห่วงและใส่ใจที่ฮ็อกมีให้ลินลี่ย์ได้เป็นอย่างดี
เมื่อเดินเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลบาลุค ลินลี่ย์ก็พลันเห็นว่าในมือของบิดาถือหนังสือเล่มหนึ่ง “ท่านพ่อ นี่ก็ดึกมาแล้ว ทำไมท่านไม่เก็บหนังสือไว้อ่านต่อพรุ่งนี้เล่า?”
 “โอ้ ลินลี่ย์ เจ้ากลับมาแล้ว” ฮ็อกหัวเราะพลางปิดหนังสือ “คำพูดของเจ้ามีเหตุผล ข้าจะอ่านต่อพรุ่งนี้แล้วกัน”
 “ลินลี่ย์ หลังจากฝึกฝนเป็นเวลานาน เจอคงกระหายน้ำมาก” ฮ็อกรินน้ำชาร้อนใส่แก้วเปล่าและวางไว้ด้านข้าง “มาดื่มให้ชุ่มคอก่อนเถิด น้ำชานี่อุ่นกำลังดี ไม่ร้อนเกินไป ไม่เย็นเกินไป”
 “ขอบคุณท่านพ่อ” หัวใจลินลี่ย์รู้สึกอบอุ่น
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ฮ็อกปฏิบัติกับลินลี่ย์ตลอดสิบวัน ช่างใส่ใจอย่างยิ่ง ในอดีต ฮ็อกมักเข้มงวดและจริงจังอยู่เสมอ น้อยครั้งที่จะแสดงด้านอ่อนโยนให้เห็น
ระหว่างจิบชา ลินลี่ย์ก็เอ่ย “ท่านพ่อ ข้ากลับมาอยู่บ้านสักพักหนึ่งแล้ว กำลังวางแผนเดินทางกลับสถาบันในวันพรุ่งนี้”
 “พรุ่งนี้?” ฮ็อกชะงักไปพักหนึ่งก่อนพยักหน้า “ได้สิ สิ้นปีนี้ค่อยกลับมาเยี่ยมให้เร็วขึ้นหน่อยได้หรือไม่?”
 “แน่นอนขอรับ” ลินลี่ย์กล่าวรับคำ
ฮ็อกพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ลินลี่ย์ พ่อของเจ้าช่างไร้ความสามารถนัก ตระกูลของเราขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ด้วยแก่นเวทเหล่านี้ การเรียนของน้องชายเจ้าคงสำเร็จไปได้ด้วยดี เพียงเท่านี้ข้าก็พอใจแล้ว แต่ข้าก็อดคิดถึงความภาคภูมิใจของตระกูลเราไม่ได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะนำมรดกของเรากลับมาอยู่ภายใต้การดูและของตระกูลเราอีกครั้ง”
ลินลี่ย์สัมผัสได้ถึงความเชื่อมั่นที่บิดามีต่อเขา ลินลี่ย์สูดหายใจลึกครั้งหนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น
 “บัดนี้ข้าไม่หลงเหลือความปรารถนาอื่นใด นอกจากได้เห็นดาบศึก ‘เพชฌฆาตประหารหมู่’ กับตาสักครั้งก่อนสิ้นใจ” น้ำเสียงของฮ็อกพลันเปลี่ยนทุ้มต่ำ
ลินลี่ย์สามารถสัมผัสความขมขื่นของบิดาได้จากน้ำเสียง เขารีบกล่าว “ท่านพ่อ อย่าเศร้าโศกไปเลย ท่านเพิ่งอายุ 40 ในปีนี้ ยังมีเวลาอีกมากนัก ข้ามีความมั่นใจว่าภายใน 10 ปีนี้จะสามารถนำดาบของเรา ‘เพชฌฆาตประหารหมู่’ กลับมาเป็นที่เคารพบูชาในหอบรรพชนของเราอีกครั้งได้อย่างแน่นอน”
 “สิบปีอย่างนั้นหรือ ดี...ช่างดียิ่ง” ฮ็อกพยักหน้าอย่างยินดี
….
วันต่อมา หลังรับประทานอาหารร่วมกับบิดาเสร็จ ลินลี่ย์ก็เดินทางออกจากเมืองอู่ซัน ในคืนนั้น ที่คฤหาสน์ตระกูลบารุค มีบุรุษ 2 คนกำลังสนทนากันบนโต๊ะใหญ่ในห้องอาหารที่ปิดสนิท พลางชำเลืองมองแก่นเวทถุงใหญ่ เป็นฮ็อกกับฮิลแมนนั่นเอง
ฮิลแมนตกใจอย่างหนักเมื่อรู้เรื่องแก่นเวท ฮ็อกจึงกล่าว “ฮิลแมน ข้าวางแผนที่จะขายแก่นเวททั้งหมดและอยากให้เจ้าเก็บรักษาเงินก้อนนี้ไว้”
ฮิลแมนรู้สึกตัวและรีบกล่าว “ท่านลอร์ดฮ็อก ข้าว่าไม่สมควร เหตุใดท่านจึงมอบเงินให้ข้าดูแลเล่า? ท่านควรทำเสียเองจะดีกว่า”
 “ฮิลแมน อย่าเรียกข้าว่าลอร์ดฮ็อกเลย ข้าอยากให้เจ้าเรียกว่า ‘พี่ใหญ่ฮ็อก’ อีกครั้งมากกว่า” ฮ็อกหัวเราะอย่างอบอุ่น
จู่ๆฮ็อกก็ยืนขึ้นและหันหน้าไปทางตะวันออก “ให้ข้าเก็บเอาไว้เองอย่างนั้นหรือ? ฮ่าฮ่า... ฮิลแมน อันที่จริงนอกจากเจ้าแล้วก็ไม่มีใครที่รู้เรื่องความขัดแย้งของตระกูลบาลุคดีไปมากกว่าเจ้า...และข้า”
ฮิลแมนชะงัก เขาไม่รู้ว่าฮ็อกจะกล่าวประโยคข้างต้นนี้เพื่อสิ่งใด
 “เรื่องราวครั้งนั้นรบกวนส่วนลึกของจิตใจข้าเป็นเวลายาวนานถึง 11 ปี เป็นเวลา 11 ปีที่หัวใจของข้ารู้สึกคันยิบเหมือนถูกฝูงมดกัด ข้าต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ตลอดเวลา กล้ำกลืนให้ผ่านไปอีกหนึ่งวัน อีกหนึ่งปี... และเพียงพริบตาเดียว 11 ปีก็ผ่านพ้นไป”
ร่างทั้งร่างของฮ็อกสั่นเทิ้ม
ใบหน้าของฮิลแมนพลันเปลี่ยนสี เขายืนขึ้นและกล่าวอย่างตระหนก “ท่านลอร์ดฮ็อก หรือท่านกำลังจะ...?!”
 “ถูกต้อง! ข้าจะสืบสวนว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น ข้าต้องการแก้แค้นให้กับลีน่า!” ใบหน้าของฮ็อกฉาบไปด้วยแววอำมหิต บรรยากาศชั่วร้ายปกคลุมไปทั่ว
 “ท่านลอร์ดฮ็อก” ฮิลแมนกล่าวอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ว่าเราทำการสืบสวนตั้งแต่วันนั้นแล้วหรอกหรือ? อีกฝ่ายเป็นผู้มีพลังอำนาจมหาศาล เพียงแค่หางเล็กๆที่เราเจอก็น่าหวาดหวั่นเพียงพอแล้ว หากทำการสืบสวนต่อไปอาจหมายถึงความตายของท่านแน่”
ฮ็อกคำรามเสียงต่ำ “ตาย? เจ้าคิดว่าข้าเกรงกลัวต่อความตายอย่างนั้นหรือ? ฮิลแมน เจ้าไม่รู้ว่าข้าต้องทนอยู่กับความปวดร้าวเพียงใดตลอด 11 ปีมานี้ ความขมขื่นที่ผ่านมาก็เพียงพอสำหรับข้าแล้ว แก่นเวทนี้มีมูลค่าประมาณ 80,000 เหรียญทอง มากพอจะเป็นค่าเล่าเรียนให้กับวอร์ตัน ด้วยเงินจำนวนนี้ข้าก็ไม่จำต้องห่วงอะไรอีก”
 “ตลอดหลายปีมานี้ ที่ข้าทนอยู่ก็เพราะบุตรชายทั้งสองของข้า แต่บัดนี้ลินลี่ย์เติบใหญ่จนยืนได้ด้วยลำแข้งตนเองแล้ว วอร์ตันเองก็ไปถึงจักรวรรดิโอเบรียนแล้ว ไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวลอีก”
ฮ็อกบีบบ่าทั้งสองข้างของฮิลแมนแน่น จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย “ฮิลแมน ตลอดเวลาที่เจ้าติดตามรับใช้ข้าในฐานะลอร์ดฮ็อก ตลอดหลายปีมานี้เราก็ได้พัฒนาสายสัมพันธ์พี่น้องอย่างแน่นแฟ้น ในฐานะพี่ชาย ข้าอยากให้เจ้าช่วยเหลือข้าสักครา”
 “ฮ็อก ท่าน...” ฮิลแมนทำตัวไม่ถูก
เขารู้ดีว่าฮ็อกต้องการสืบสวนเหตุการณ์ในครานั้นมากเพียงใด เหตุการณ์ที่ทำให้อีกฝ่ายสูญเสียภรรยาผู้เป็นที่รักไปตลอดกาล
 “ข้าตั้งใจไว้แล้ว ฮิลแมน เจ้าต้องเข้าใจว่าชีวิตนี้ การอยู่อย่างขมขื่นนั้นทรมานกว่าการตายมากนัก” ดวงตาของฮ็อกพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง เห็นเช่นนี้ฮิลแมนได้แต่รู้สึกสิ้นหวัง เขาเข้าใจความรู้สึกของฮ็อกดี
ว่าทำไมตลอดหลายปีมานี้ ฮ็อกจึงกลายเป็นคนเข้มงวดและเย็นชา
หลายคนอาจไม่รู้ แต่ฮิลแมนรู้ดี ก่อนที่มารดาของลินลี่ย์และวอร์ตัน ลีน่าจะเสียชีวิต ฮ็อกเป็นเพียงชายหนุ่มที่เป็นมิตรและเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย แต่หลังการตายของลีน่า นิสัยของฮ็อกก็เปลี่ยนไป
แม้ว่าตลอดเวลา ฮ็อกจะบอกผู้อื่นว่าลีน่าตายจากการคลอดบุตร มีเพียงฮิลแมนกับพ่อบ้านแอชลี่ย์ที่รู้ความจริง
 “ฮิลแมน อย่าพยายามเปลี่ยนใจข้าเลย ข้าแค่อยากถามเจ้า – เจ้าจะช่วยข้าหรือไม่?” ฮ็อกจ้องเขม็งไปที่ฮิลแมน
เมื่อเห็นดังนั้น ในที่สุดฮิลแมนก็ถอนหายใจยาว “ก็ได้ ข้าจะช่วยท่าน” ใบหน้าของฮ็อกพลางปรากฏรอยยิ้มกว้าง ...รอยยิ้มแห่งอิสระและการปลดปล่อย

1 ความคิดเห็น:

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

แสดงความคิดเห็น