ตอนที่ 4-7 ยอดฝีมือมีทั่วทุกที่ (1)
เมื่อถูกพี่น้องทั้งสามคาดคั้น ลินลี่ย์ก็เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอลิซตามตรง
เรื่องนี้ทำให้เสือผู้หญิงอย่างเยลและเรย์โนลด์ถึงกับทึ่ง
ถึงอลิซจะตกลงเป็นคนรักกับเขาแล้ว
อย่างไรก็ตามทั้งสองนั้นอยู่คนละสถาบันทำให้สามารถพบเจอกันได้เพียงเดือนละครั้ง
แค่เพียงกระพริบตาอีกเดือนก็ผ่านพ้นไป วันที่ 28 ธันวาคม เป็นวันที่ลินลี่ย์อารมณ์ดีอย่างยิ่ง
เพราะเขากำลังจะได้เจ้ากับอลิซที่เมืองเฟนไล
“เฮ้, ลินลี่ย์”
“ว่าไง, เดวิด”
ขณะกำลังเดินไปตามถนนในสถาบันเอินส์ ลินลี่ย์ก็ได้ทักทายเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง
“เจ้านาย, ดูเหมือนเจ้านายจะอารมณ์ดีนะวันนี้ เป็นเพราะว่ากำลังจะไปเจออลิซใช่หรือไม่?” บนบ่าของลินลี่ย์ เจ้าบีบีกำลังทำจมูกฟุดฟิดอย่างล้อเลียน
“ดูรอยยิ้มโง่ๆของท่านสิ ตลอดทั้งเดือนนี้เจ้านายเอาแต่ยิ้มเหมือนคนปัญญาอ่อน”
ในอดีต แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่ได้มีบุคลิกเย็นชา แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะเข้าถึงได้ง่าย
แต่ช่วงเดือนนี้กลับดูอารมณ์ดีอย่างยิ่ง
จึงมักเห็นเด็กหนุ่มส่งยิ้มและหัวเราะทักทายผู้คนไปทั่ว
“เจ้าตัวเล็กนี่! เจ้าจะไปรู้อะไร” ลินลี่ย์เหลือบตามองบีบีขณะที่ย่างก้าวเดินไปยังห้องสมุด
หลังจากเปิดดูผ่านตาก็พบหนังสือเวทธาตุลมที่น่าสนใจ 2 เล่ม ลินลี่ย์เข้าไปในพื้นที่สำหรับอ่านหนังสือและเริ่มอ่านทันที
ในพื้นที่ให้อ่านหนังสือนั้นค่อนข้างเงียบ มีผู้คนอยู่ประมาณ 20 – 30
กระจายตัวอยู่อย่างเบาบาง
ลินลี่ย์เลือกบริเวณที่ห่างจากคนอื่นพอสมควรแล้วเริ่มอ่านหนังสือ ลินลี่ย์สามารถหาความรู้หลากหลายได้ที่ห้องสมุดของสถาบันเอินส์นี้
ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ อสูรเวท การปกครอง เวทมนต์...
แต่ส่วนใหญ่เขาจะเข้ามาศึกษาบทเวทลมเสียมากกว่า
ที่สำคัญ ลินลี่ย์เป็นเป็นผู้ใช้เวทธาตุดินและลม
ในส่วนของธาตุดินเขาได้ปรมาจารย์จอมเวทผู้วิเศษอย่างเดลิน โคเวิร์ทเป็นอาจารย์ส่วนตัวถือเป็นโชคดีมหาศาล
แต่ในส่วนของธาตุลมไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ในขณะอ่านหนังสือ ลินลี่ย์พยายามอย่างมากที่จะเรียนรู้เพื่อนำมาพัฒนาเวทธาตุลมของตน
บางครั้งเขาก็พยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว
ในห้องอ่านหนังสือ เวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลินลี่ย์ปิดหนังสือเบื้องหน้า
“ปู่เดลิน มันช่างเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจหลักการของเวทธาตุลมได้อย่างถ่องแท้
อีกทั้งจำนวนบทเวทที่ข้าประดิษฐ์ด้วยตนเองก็ยังน้อยนัก”
ในการใช้เวทนั้น ผู้ใช้เวทจะต้องทราบบทเวทอย่างแน่ชัดก่อนจะร่ายบทเวท
คนปกติจะท่องจำบทเวทนั้นจนขึ้นใจโดยไม่สนใจความหมายของมัน
แต่สำหรับผู้ที่สามารถเข้าใจถึงหลักการของเวทอย่างถ่องแท้ย่อมทราบถึงคำร่ายของบทเวทนั้นๆไปโดยปริยาย
หรือแม้แต่กลั่นคุณภาพจิตให้ดียิ่งขึ้น และพัฒนาความสามารถในการเชื่อมต่อกับธาตุของตน”
“ปกติแล้วเจ้าคิดว่าบทเวทนั้นสามารถสร้างได้โดยง่ายอย่างนั้นหรือ?” เสียงของเดลิน โคเวิร์ทดังขึ้นในหัวของลินลี่ย์
“ตอนนี้ยังไม่ต้องไปสนใจตรงนั้น ข้าหวังเพียงจะได้บทเวทระดับ 7 บ้าง
แต่สถาบันนี้ช่างตระหนี่เสียจริง บทเวทระดับ 7, 8, 9 นั้นไม่เคยจะเปิดเผยให้เห็นเลย” แม้ลินลี่ย์จะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
แต่ก็รู้ดีว่าเบื้องหลังสถาบันแห่งนี้คือวิหารเจิดจรัส ทางวิหารเจิดจรัสย่อมไม่ยอมยกบทเวทที่ทรงพลังให้คนจากจักรวรรดิอื่นอย่างแน่นอน
ลินลี่ย์นับว่าโชคดีที่มีปู่เดลินคอยสนับสนุน
อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเวทธาตุดิน
ลินลีย์เริ่มอ่านต่อ เขาพลิกหน้าหนังสือเวทธาตุลมอ่านดูต่อไป....
“สรุปแล้วเวททุกธาตุรวมถึงธาตุลมจะใช้คำร่ายบางคำร่วมกัน ยกตัวอย่างเวทธาตุลม
‘ใบมีดสายลม’ และบทร่ายที่ระดับสูงกว่า ‘โซ่มีดสายลม’ แม้แต่ที่ระดับสูงกว่าอีก
‘ระบำคมมีดสายลมคลั่ง’ จนถึงบทเวทระดับ 9 ‘เทคนิคทลายสูญญากาศ’
ล้วนประกอบด้วยคำร่ายชุดเดียวกันซึ่งเป็นการพัฒนาและปรับปรุงบทเวท ‘ใบมีดสายลม’
ไปคนละทาง แต้ท้ายที่สุดก็จะสามารถพัฒนาไปสู่เวท ‘ผ่ามิติ’
ซึ่งเป็นเวทต้องห้าม...”
หลังจากอ่านรายละเอียดส่วนนี้ของบทเวท ‘ใบมีดสายลม’ ลินลี่ย์ก็เริ่มรู้สึกสนใจ
หนังสือเล่มนี้เขียนจากมุมมองของจอมเวทระดับสูง
ซึ่งค้นคว้าและจัดแบ่งเนื้อหาอย่างเป็นระบบ
ถือเป็นหนังสือที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ที่มีพื้นฐานไม่มาก
ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจโครงสร้างของเวทมนต์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“อันที่จริงวิชาลอยตัว ถือเป็นวิชาที่เข้าใจง่าย แต่จะว่าง่ายก็ไม่ง่ายนัก
เนื่องจากเป็นวิธีที่ต้องการการเชื่อมต่อของธาตุลมในระดับสูง
ยิ่งมีการเชื่อมต่อสูงเท่าไรยิ่งง่ายในการค้นหาและควบคุมสายลมและธาตุลมบริสุทธิ์ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
ทำให้สามารถบินได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ‘เคล็ดทะยานฟ้า’ นั้นถือเป็นเคล็ดขั้นสูงกว่า
ในขณะที่เคล็ดลอยตัวทำได้แค่การเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง เคล็ดทะยานจะทำให้ทะยานและบินบนอากาศ
แม้ว่าจะดูเหมือนสามารถเคลื่อนที่ได้ทุกทิศทาง แต่ในความจริงแล้ว เคล็ดทะยานนี้มีคุณสมบัติมากกว่าเคล็ดลอยตัวเพียงเล็กน้อย
คือจะทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนที่ในแนวราบได้ด้วย ยกตัวอย่าง
หากบินลงไปด้านล่างและด้านขวาในขณะเดียวกัน
ก็จะสามารถเคลื่อนที่ลงด้านล่างแบบเฉียงออกทางขวาได้
พูดให้ง่ายคือหากมีการฝึกฝนเพียงพอและมีพื้นฐานบทเวทจากเคล็ดลอยตัวแล้ว
โดยหลักการจะสามารถใช้เคล็ดทะยานได้นั่นเอง”
หลังจากอ่านในส่วนนี้ ก็พลันเหมือนมีแสงสว่างผุดขึ้นมาในใจ
ใช่แล้ว เคล็ดทะยานก็แค่เพิ่มบางอย่างจากเคล็ดลอยตัว คือ
การเคลื่อนที่ซ้าย-ขวา หน้า-หลัง
เพียงเปลี่ยนจากการใช้กระแสลมรอบตัวบังคับให้เคลื่อนที่ในทิศทางเดียวเป็นหลายทิศทางในเวลาเดียวกัน
“ใช่ เพียงแค่เพิ่มหน้า-หลัง ซ้าย-ขวา หากทฤษฎีนี้ถูกต้อง การเรียนรู้เคล็ดทะยานก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอันใด”
ลินลี่ย์ลองจินตนาการขั้นตอนในใจ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทฤษฎีนี้จะเป็นจริงหรือไม่ มีแต่ทดลองเท่านั้นที่จะสามารถตอบได้!
ก่อนหน้านี้ในคาบเรียนธาตุลม ลินลี่ย์ประทับใจในเคล็ดทะยานฟ้าซึ่งสามารถทำให้สามารถโบยบินได้ดังใจนึก
และคิดว่าบทร่ายของมันต้องยุ่งยากและซับซ้อนเป็นแน่
แต่ตอนนี้ เพียงแค่เพิ่มเข้าไปอีก 4 ทิศทางจากเคล็ดลอยตัว ระดับความยากของเคล็ดทะยานในจิตใจของลินลี่ย์ก็ลดลง
ลินลี่ย์อ่านต่อด้วยความตื่นเต้น
“แน่นอน
ยิ่งระดับการเชื่อมต่อกับธาตุสูงเท่าไรประสิทธิภาพในการใช้เวทก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ยกตัวอย่างเวทที่ระดับสูงกว่าในสายเดียวกับเคล็ดทะยาน คือ เวทปีกแห่งสายลม
ซึ่งจะบังคับมวลธาตุอากาศรอบกายมาสร้างเป็นปีกล่องหนขนาดใหญ่ยักษ์ให้กับผู้ร่าย
บทเวทนี้ยากกว่าเคล็ดทะยานมากนัก และแทบไม่มีใครสามารถทำได้เลย
ลินลีย์พยักหน้ายอมรับ
ยิ่งได้อ่านมากเท่าไร ลินลี่ย์ก็ยิ่งรู้ซึ้งว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาเกี่ยวกับบทเวทเป็นแน่
เพราะทั้งเนื้อหาและคำอธิบายล้วนอ้างอิงจากรากฐานและทฤษฎีเวท มันได้ชี้แนะหนทางในการทำความเข้าใจหลักการในการความคุมธาตุและที่มาของบทเวทแต่ละบทอย่างถ่องแท้
แต่ไม่ได้กล่าวถึงการพัฒนาพลังของบทเวทเลยแม้แต่น้อย
คนส่วนใหญ่ที่เห็นข้อความมากมายกล่าวถึงทฤษฎีเวทและเวทธาตุที่ลึกซึ้งในหนังสือเล่มนี้
ย่อมส่ายหน้าหนีไม่อ่านต่อเป็นแน่
แต่ลินลี่ย์รู้ดีว่าหากเขาสามารถเข้าใจที่มาของบทเวทแต่ละบทได้
เขาย่อมสามารถเรียนรู้การควบคุมพลังเวทของเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เช่นนั้นอำนาจของบทเวทที่เขาร่ายก็ย่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
“ลินลี่ย์” ในขณะที่ลินลี่ย์กำลังจมดิ่งไปกับหนังสือ เสียงกังวานใสก็ดังขึ้นจากด้านข้าง
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปหาต้นเสียง
เบื้องหน้าเขาคือร่างสูงโปร่งของหญิงงามคนหนึ่ง เป็นเพื่อนสาวของเขา ดีเลียนั่นเอง
แต่สีหน้าของนางกลับดูไม่ยินดีนัก
“เฮ้ ดีเลีย มีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะ
ดีเลียขบกัดริมฝีปากล่างของนางอย่างเงียบๆอยู่สักครู่ ก่อนเอ่ยถาม “ลินลี่ย์
ข้าได้ยินมาว่า...เจ้ามีคนรักแล้วหรือ?” ดวงตากลมโตคู่งามของดีเลียจับจ้องเขม็งที่ลินลี่ย์
2 ความคิดเห็น:
งานเข้าแล้วเด็กน้อย
งานนนนนนเข้าาาาาาาาาา...55
ขอบคุณคับ
แสดงความคิดเห็น