วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 4-8 ยอดฝีมือมีทั่วทุกที่ (2)



ตอนที่  4-8  ยอดฝีมือมีทั่วทุกที่ (2)
ลินลี่ย์เกิดลังเลขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ภาพอดีตมากมายแล่นขึ้นมาในหัว แต่ในที่สุดเขาก็พยักหน้า “ใช่แล้ว นางชื่อว่าอลิซ”


ดวงตาของดีเลียพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “ข้ายินดีด้วย”
ดีเลียหันหลังกลับไปอย่างเร่งรีบ ไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่ไหลลงมาอาบหน้าได้เลย นางวิ่งออกไปจากห้องอ่านหนังสือในทันที
แต่ลินลี่ย์ไม่ทันได้เห็นน้ำตาของนาง
 “เฮ้อ...” หลังจากตอบคำถามดีเลียไปตามตรง ลินลี่ย์ก็พลันรู้สึกกระสับกระส่าย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผ่อนคลายลงเช่นกัน
หลังจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์ใดมารบกวานการอ่านหนังสือของลินลี่ย์อีก เขาอ่านจนกระทั่งหมดความสนใจแล้ว จึงนำหนังสือกลับไปเก็บที่ชั้น
ระหว่างทางกลับหอพัก ลินลี่ย์รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยอย่างไม่ทราบสาเหตุ
 “เจ้านาย! ข้าเข้าใจแล้ว ท่านเองก็ชอบดีเลียเช่นกันใช่หรือไม่?” บีบีกล่าวอย่างกระตือรือร้นเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวได้ “ในความคิดของข้า ดีเลียเป็นผู้หญิงที่ดีมาก นางน่าจะดีกว่าอลิซเสียอีก ท่านก็รู้?”
 “หุบปากเถอะน่า!” ลินลีย์ตะคอกมันผ่านทางจิต
 “หืม หืม ถ้าพูดกันด้านความรวยล่ะนะ ข้าผิดด้วยหรือ?” มันพูดอย่างไม่มีความสลด
ลินลี่ย์ถอนหายใจยาวๆ หลังจากนั้นไม่นานก็ผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า “ลืมมันซะ ข้าจะทำให้อะไรชัดเจนขึ้นสำหรับดีเลีย และจะไม่กลับมาคิดเรื่องนี้อีก อืม... ใช่แล้ว เมื่อข้าไปพบอลิซพรุ่งนี้ ข้าจะเตรียมของขวัญไปให้นางด้วย”
แค่ได้คิดถึงอลิซ ลินลี่ย์ก็รู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายแล้ว
……
บ่ายวันที่ 29 ธันวาคม ลินลี่ย์แยกตัวออกจากเยลและพี่น้องคนอื่น มุ่งหน้าไปยังที่พักของอลิซตามนัดหมายของพวกเขา ครั้งนี้ ลินลี่ย์ตั้งใจเตรียมของขวัญพิเศษไปเพื่อนางด้วย
ในวันที่ 1 ในเดือนแรกของแต่ละปีเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “วันเทศกาลยูลาน” เป็นวันหยุดยาวของทุกจักรวรรดิบนแผ่นดินยูลาน ในวันนั้นของทุกปี วิหารเจิดจรัสจะจัดพิธีกรรมทางศาสนาครั้งใหญ่
เป็นที่รู้กันว่า เมืองเฟนไลเป็น ‘เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์’ และศูนย์กลางการปกครองของวิหารเจิดจรัสก็ตั้งอยู่บริเวณตะวันตกเมืองเฟนไลนี้เอง เป็นธรรมดาที่พิธีกรรมของเมืองเฟนไลจะเป็นหนึ่งในพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนทวีปยูลาน เมื่อถึงตอนนั้น วิหารเจิดจรัสจะเป็นแม่งานใหญ่ในการจัดงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ และมีผู้เข้าร่วมอย่างล้นหลาม
วันที่ 1 มกราคม
ทางตะวันตกของเมืองเฟนไล สำนักงานใหญ่ของวิหารเจิดจรัส อารามเจิดจรัสเป็นสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่มีความสูงเกือบร้อยเมตร ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหนในเมืองเฟนไลก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ด้านหน้าของอารามเจิดจรัสคือจัตุรัสขนาดมหึมาที่มีความกว้างมากกว่า 1,000 เมตร ทั้งลานถูกปูด้วยหินขัดเรียบที่มีขนาดเท่ากันทุกก้อน และในขณะนี้ จัตุรัสเนืองแน่นไปด้วยผู้คนจากทุกสารทิศ ลินลี่ย์และอลิซก็รวมอยู่ในนั้น
มีอัศวินศักดิ์สิทธิ์ของวิหารเจิดจรัสหลายคนอยู่ที่นั่นเช่นกัน จุดประสงค์เพื่อรักษาความปลอดภัยท่ามกลางฝูงชน แต่อันที่จริง ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว
 “พี่ลินลี่ย์ วันนี้ตอน 8 โมงจะมีนักบวชระดับสูงของวิหารเจิดจรัสมาพบกับชาวบ้าน จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เองก็ออกมาด้วยเช่นกัน” อลิซเอ่ยกับลินลี่ย์ด้วยเสียงอ่อนหวาน
ลินลี่ย์พยักหน้าพลางจ้องมองอัศวินของวิหารเจิดจรัสที่กำลังเดินตรวจตราอย่างเคร่งครัด “อลิซ ลองมองดูอัศวินเหล่านั้นสิ แม้จะมาจำนวนมากมายนับพันคน แต่ไม่มีคนใดเลยที่อ่อนแอ”
 “แน่นอน ในเทศกาลยูลานปีนี้มีกลุ่มอัศวินจากวิหารเจิดจรัสคอยดูแลความปลอดภัยตลอดงาน อัศวินแต่ละคนเป็นนักสู้ที่มีฝีมือเทียบเท่านักรบระดับ 5 เป็นอย่างน้อย” อลิซที่เติบโตมาในเมืองเฟนไลรู้เรื่องราวดีกว่าลินลี่ย์มากนัก
หัวใจของลินลี่ย์เต้นรัว
อัศวินทั้งหมดเป็นนักสู้ระดับ 5 หรือสูงกว่า? ช่างเป็นกองทัพที่ทรงพลังยิ่ง แม้บนข้อสันนิษฐานที่ว่าอัศวินทุกคนเป็นนักรบระดับ 5 ก็นับว่าเป็นกองกำลังที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลย และยิ่งหากทั้งหมดเป็นจอมเวทระดับ 5 ด้วยแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้ากองอัศวินนี้ ตัวเขาคงไม่สามารถนับเป็นตัวอะไรได้เลย
อลิซชี้ไปยังกลุ่มคนที่ใส่เสื้อผ้าโดดเด่นกว่าคนอื่น “ดูนั่น ขุนนางระดับสูงหลายคนก็มาร่วมงานในวันนี้ด้วย อีกซักพักคงได้เห็น 6 ตระกูลเชื้อพระวงศ์ของสหภาพศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่”
เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว แค่เพียงพริบตาก็ถึงเวลา 8 โมงเสียแล้ว
ทันใดนั้น อารามเจิดจรัสที่มีความสูงกว่าร้อยเมตรก็พลันส่องแสงสีขาวมายังจัตุรัสสว่างจ้า รูปปั้นเทพองค์มหึมาที่ตั้งอยู่ใจกลางจัตุรัสก็พลันเปล่งประกาย ในขณะเดียวกัน ทั่วทั้งลานกว้างก็ปกคลุมไปด้วยเสียงบทเพลงอันไพเราะดุจท่วงทำนองแห่งเทพ
ณ เวลานั้น ก็ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากอารามเจิดจรัส เบื้องหน้าของพวกเขามีแถวหน้ากระดานหลายแถวของกลุ่มชายที่แต่งกายด้วยชุดเกราะสีขาวเปล่งประกายและหมวกเกราะที่ประดับด้วยขนนกสีแดง  ทั้งหมดเป็นอัศวินของอารามเจิดจรัสซึ่งล้วนแล้วแต่มีบุคลิกสง่าผ่าเผยสมดังยศอัศวิน กองอัศวินกว่าร้อยคนที่ก้าวเดินอย่างพร้อมเพรียงกันสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้รับชมไม่น้อย บรรยากาศกดดันทำให้ทั่วสารทิศตกอยู่ในความเงียบ
 “ข้าไม่เคยรู้เลยว่าวิหารเจิดจรัสจะทรงอำนาจถึงขนาดนี้ อัศวินเกือบร้อยคนนั่นคงเป็นนักรบระดับ 7 เป็นอย่างต่ำ” เดลิน โคเวิร์ทปรากฏกายขึ้นถัดจากลินลี่ย์ ชายชราประเมินกลุ่มคนเบื้องหน้า “วันนี้ก็มีนักสู้ระดับเซียนมาด้วยอย่างนั้นหรือ? ช่างมัน! ข้าหลบอยู่ในแหวนเพื่อความแน่ใจดีกว่า”
จากนั้นเดลิน โคเวิร์ทก็หายตัวไป
 “นักสู้ระดับเซียน?” ลินลี่ย์ลอบประเมินกลุ่มคนเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง
ด้านหลังอัศวินแห่งอารามเจิดจรัส คือกลุ่มคน 10 คนในชุดคลุมยาวสีขาว และเบื้องหลังพวกเขาคือชายแก่ศีรษะล้านในชุดคลุมสีเงินซึ่งถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มคาร์ดินัลที่แต่งกายด้วยชุดสีแดงเข้ม
 “จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์”
เป็นที่แน่ชัด ว่าชายศีรษะล้านในชุดสีเงินเป็นดั่งศูนย์กลางและหัวใจของคนกลุ่มนี้ ลินลี่ย์อดที่จะสังเกตพฤติกรรมของชายคนนี้ไม่ได้ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เป็นชายร่างสูงประมาณ 2 เมตร มือซ้ายของเขากวัดแกว่งคทารูปสลักที่มีความยาวไม่แพ้ตัวเขาเลย
เบื้องหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และคาร์ดินัล เป็นชายชรา 4 คนในชุดสีดำ และนักรบในชุดสีม่วงนับร้อยคน ยามที่กลุ่มคนเหล่านี้เดินอย่างเป็นระเบียบลงไปกลางลานกว้าง ผู้ชมนับแสนรอบๆไม่มีแม้สักคนที่กล้าส่งเสียง
 “ปู่เดลิน ท่านพูดว่ามีนักสู้ระดับเซียนมาในวันนี้ด้วย คนใดในกลุ่มนี้คือนักสู้ระดับเซียนหรือ?” ลินลี่ย์ถามทางจิต
 “เพียงได้มองครั้งเดียวข้าก็บอกได้ทันที จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และชายชุดดำ 1 ใน 4 คนนั้นเป็นนักสู้ระดับเซียน พวกเขามั่นใจในตัวเองมากเสียจนไม่แม้แต่จะปกปิดพลัง ข้าไม่เคยคาดคิด...ว่า 5 พันปีต่อมา วิหารเล็กๆที่ต้องหลบซ่อนตัวในยุคสมัยของจักรวรรดิพูเอนท์จะพัฒนาจนมาถึงระดับนี้” เดลิน  โคเวิร์ทถอนหายใจติดต่อกันไม่หยุด
 “ไม่ปกปิดพลังของตนเองอย่างนั้นหรือ?”
ได้ยินดังนั้น ลินลี่ย์ก็จ้องมองไปยังกลุ่มคนนั้นอีกครั้ง พูดตามตรง เมื่อมองไปที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และชายชุดดำทั้ง 4 คนด้านหลัง ลินลี่ย์เพียงแค่รู้สึกว่ามีบรรยากาศของความสูงศักดิ์และสง่างามเท่านั้น ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังที่รั่วไหลออกมาได้เลย
แต่เดลิน โคเวิร์ทกลับกล่าวว่า...ทั้งสองนั้นเป็นนักสู้ระดับเซียนซึ่งไม่ได้เก็บซ่อนพลังแม้แต่น้อย?
 “ลินลี่ย์ เจ้ายังต้องเรียนรู้อีกมากนัก ในแผ่นดินยูลาน การเป็นจอมเวทระดับ 5 นั้นถือว่ายังอ่อนด้อย เมื่อใดที่เจ้าบรรลุถึงระดับ 7 เจ้าจึงจะคู่ควรกับคำว่า ‘ทรงอำนาจ’ ถึงกระนั้น นักสู้ระดับ 7 เมื่ออยู่ต่อหน้าหนึ่งในขุมอำนาจใหญ่บนทวีปนี้แล้ว ย่อมไม่ต่างอะไรกับหนอนแมลง”
 “บนแผ่นดินนี้ วิหารเจิดจรัส ลัทธิเงา  สี่จักรวรรดิใหญ่ และองค์กรลึกลับอีกมากมาย เมื่อรวมกันแล้วอาจมีเหล่ายอดฝีมือจำนวนมากมายกว่าที่เจ้าจะจินตนาการถึง ในตอนนี้ตัวเจ้ามีพลังเพียงน้อยนิด มิหนำซ้ำยังไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มอำนาจเหล่านี้ จึงมีมุมมองที่แคบนัก เรื่องนี้ในอนาคตเจ้าจะเข้าใจเอง” เดลิน โคเวิร์ทพูดกลั้วเสียงหัวเราะ “ข้อได้เปรียบของเจ้าก็คือความหนุ่มแน่น ความแข็งแกร่งของเหล่าผู้ทรงอำนาจนี้ย่อมไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียว จงฝึกฝนให้หนักเข้า และในอนาคตเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นเอง”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
เพราะอยู่ในสถาบันเอินส์ ลินลี่ย์มักถูกชื่นชมว่าเป็นอัจฉริยะ ในจิตใจของเขาจึงประเมินตนเองไว้สูงมาก แต่คำพูดของเดลิน โคเวิร์ทได้เตือนสติเขา ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเหล่ายอดฝีมือบนแผ่นดินยูลานแล้ว อย่างเขาไม่สามารถนับเป็นตัวอะไรได้เลย
เมื่อกลุ่มของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มาถึง ทุกคนในจัตุรัสต่างพูดคุยถึงพวกเขาผ่านการกระซิบ
 “พี่ลินลี่ย์ ดูนั่น! 6 ตระกูลเชื้อพระวงศ์มาถึงแล้ว ด้านหน้าสุดนั้นคือราชตระกูลจากเมืองเฟนไล ชายร่างกายสูงใหญ่ที่มีผมสีทองนั้นเป็นพระราชาของเรา เขาเป็นนักรบระดับ 9 ที่ทรงพลังมาก” อลิซกระซิบเบาๆที่ข้างหูของลินลี่ย์
 

2 ความคิดเห็น:

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

Unknown กล่าวว่า...

สงสาร ดีเลีย อุส่ามีบท
มาถามร้องไห้ วิ่งหนีจบ

แสดงความคิดเห็น