ตอนที่ 17 เทียนเจียง สถาบันอันดับหนึ่ง
ถังเทียนคลานออกมาจากประตูกางเขนเหมือนกับสุนัขตาย เขาทำคะแนนสะสมหมัดประกายไฟได้สำเร็จถึง 80,000 หมัด ที่จำเป็นต้องพูด คือคัมภีร์ปราณกระเรียน
อาจต้องใช้เวลานานมาก ถังเทียนอาจใช้เวลาฝึกมากแทนที่จะนั่งลง
แต่ถังเทียนสามารถปรับตัวได้ดีไม่มีอะไรเสียหาย แม้ว่าจะเป็นการฝึกฝนวันที่สอง ถังเทียนก็ยังปรับตัวได้ค่อนข้างดี
เวลานี้ การฝึกฝนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับครั้งก่อน ก็ยังดีกว่ามาก
อย่างน้อยที่สุด พอถังเทียนออกมาจากประตูดาวกางเขน เขายังมีสติ
และไม่อยู่ในอาการมึนงง
แต่การฝึกเป็นบ้าเป็นหลังอย่างนั้นก็ยังทำให้เขาเหนื่อย
ระดับความสำเร็จของการออกหมัดประกายไฟ จะอยู่ระหว่าง 60 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่จำนวนออกหมัดสะสมเพิ่มขึ้น
ถังเทียนสังเกตว่ามีบางท่าดูเก้งก้าง
เขาพยายามแก้ไขท่าเก้งก้างให้ถูกต้องและพอทำให้ถูกต้อง
จึงเป็นผลทำให้ระดับความสำเร็จในการออกหมัดประกายไฟเพิ่มมากขึ้น
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถังเทียนทำเรื่องเหล่านี้
เมื่อเขาฝึกวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐาน
เขาเคยทำอย่างนี้มาแล้ว
ถ้าเขาทำตามคำแนะนำจากอาจารย์ผู้สอน
เขาพบว่ายากที่จะทำให้สมบูรณ์ได้
เหตุผลที่วิชาต่อสู้พื้นฐานของเขาสมบูรณ์มาก
เป็นเพราะการแก้ไขท่าทางและทำให้ถูกต้อง
นี่ก็เหมือนกันกับหมัดประกายไฟ
แก่นแท้ของการ์ดวิญญาณชั้นบรอนซ์ยังไม่สูงนัก
คาดว่าเป็นที่ผู้สร้างหมัดประกายไฟ จึงไม่เข้าใจลึกซึ้ง
การ์ดวิญญาณสถิตในตัวผู้ฝึกทำให้พวกเขาเรียนรู้ได้เร็ว แต่ก็มีข้อบกพร่องบางอย่าง
การ์ดวิญญาณประกอบด้วยความเข้าใจลึกซึ้งเข้ากับมาตรฐานของผู้สร้างได้โดยตรง การคาดหวังว่าคนที่มีระดับฝีมือพื้นๆ
จะสามารถสร้างการ์ดวิญญาณที่มีแก่นวิชาสุดยอดได้นั้น มีแต่พวกปัญญาอ่อนที่เพ้อฝันไปเอง
การ์ดวิญญาณชั้นบรอนซ์ประกอบด้วยประสบการณ์ตื้นเขินและคลุมเครือมากที่สุด ความสามารถในการเสริมความเข้มแข็ง ความสามารถฝึกฝนในระดับลึกล้ำ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเข้าใจและการขยันฝึกฝนส่วนบุคคล
ระดับความเข้าใจของถังเทียนนั้นอยู่ในขั้นธรรมดา แต่พื้นฐานของเขายอดเยี่ยมมาก
หลังจากฝึกเป็นจำนวนนับเที่ยวไม่ถ้วน
บรรดาจุดที่ไม่คุ้นเคยเหล่านั้นก็จะหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับฝุ่นปลิวไปตามลม และจะกลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคยในที่สุด
วิชาหมัดมวยระดับสอง และหมัดมวยขั้นพื้นฐาน เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด
แม้แต่หมัดประกายไฟก็ไม่ยกเว้น
ถังเทียนไม่สามารถอธิบายได้
แต่วิชาหมัดพื้นฐานนั้น
ตราตรึงอยู่ในเส้นเลือดเขาเสียแล้วและกลายเป็นสัญชาตญาณธรรมชาติ ท่าที่ถูกต้อง ท่าที่ขัดเขิน
เขาสามารถรู้สึกได้
ถังเทียนเป็นคนที่มีความคิดง่ายๆ ไม่ซับซ้อน
ตราบใดที่รู้สึกอึดอัด
เขาจะเปลี่ยนจนกว่าจะรู้สึกสบาย
ทำให้มีโอกาสออกหมัดประกายไฟได้ถูกต้องสูงขึ้น
แล้วก็ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
หลังจากทำซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า
หมัดประกายไฟของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบๆ
เปลี่ยนเป็นวิชาที่เต็มไปด้วยบุคลิกเฉพาะตัวของถังเทียน
ถึงเป็นอย่างนั้น
จำนวนที่ออกหมัดประกายไฟได้สำเร็จก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระดับความสำเร็จสูงสุดมากถึง 74%
แม้ว่าผลการฝึกของเขาจะไม่น่าทึ่งเท่ากับหวังเจิ้น แต่ถ้าข่าวนี้กระจายออกไป อาจจะสร้างความตกใจให้กับคน 2-3 คนก็เป็นได้
ถังเทียนยังไม่พอใจกับผลลัพธ์
เขาเคยเป็นผู้ทำท่าทางได้ถูกต้องสมบูรณ์ถึง 100%
มาแล้ว 74%
นั้นห่วยเกินกว่าเขาจะรับได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่รีบ เขาใช้เวลาห้าปีกับวิชาต่อสู้พื้นฐาน และนั่นได้ฝึกให้เขามีความอดทนยิ่งขึ้น
โอว... การฝึกฝนเป็นเรื่องเกี่ยวกับความอดทนและความถูกต้องแม่นยำ
คัมภีร์ปราณกระเรียนของเขาก้าวหน้าขึ้นมากและพลังที่อยู่เบื้องหลังประตูดาวกางเขนก็หนาแน่นและยิ่งใหญ่
การฝึกปราณกระเรียนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้ว ถึงจะซับซ้อนและลึกซึ้ง
แต่ถังเทียนจดจำขึ้นใจ มันคือนกกระเรียน
เนื่องจากเขาวาดเป็นรูปกระเรียนน้อยขึ้นมา
คัมภีร์ปราณกระเรียนเป็นเหมือนอย่างที่ผู้เฒ่าเว่ยพูดไว้ เส้นทางโคจรของปราณนั้นยาวมาก ความอดทนของถังเทียนว่าน่าทึ่งมากแล้ว แต่ยังไม่มั่นใจอานุภาพของคัมภีร์ปราณกระเรียน แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ก็ยังเหมาะกับการฝึกฝน
นั่นทำให้ถังเทียนมีความสุข
การฝึกฝนเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นและตัวเขาเองก็มีป้ายความเพียรดาวกางเขนใต้ เขาไม่กลัวแม้ว่าเขาจะมีวิชาต่อสู้ให้เรียนรู้มากมายก็ตาม
วิชาหมัดมวย, วิชาดรรชนี, วิชาฝ่ามือ, วิชาตัวเบา, วิชาข้อต่อ....
เขาต้องฝึกวิชาเหล่านั้นให้หมด
เพื่อจะได้กลายเป็นชาวฟ้ายอดฝีมือต่อสู้ระยะประชิด
โอว, แต่ทำไมหนังตาเขาถึงหนักนัก.....
เหนื่อยมากจริงๆ...
จากนั้นถังเทียนเกิดอาการมึนงงและล้มลงหลับไป
※※※※※※※※※※※※※※
หลังจากผ่านไปสามวัน
ในที่สุดถังเทียนก็ตื่นขึ้น
หลับไปสามวันเต็มๆ ถังเทียนถึงกับตกใจกับความสามารถในการหลับของเขา
สิ่งที่ทำให้เขาอึ้งยิ่งขึ้นก็คือพลังปราณกระเรียนแท้ระดับสามของเขา
ความจริงก้าวหน้าขึ้นบ้าง
แม้แต่ตอนนอน
พลังเที่ยงแท้ก็ยังก่อเกิดอีกด้วยหรือ
เป็นพลังเที่ยงแท้ที่ประหลาดอะไรอย่างนั้น
ถังเทียนตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากเสียเวลาไปสามวันเต็ม
เขารู้สึกเจ็บปวดใจ
เขาเปิดประตู
เมื่อกระทบกับแสงแดดด้านนอกทำให้เขาตาพร่า
พระอาทิตย์ยามบ่ายนำพาคลื่นความร้อนที่รุนแรงกระทบเขาโดยตรง
บนพื้นที่ฝึกฝน อาโมรี่กำลังหลั่งเหงื่อ ทุกๆ
จังหวะท่วงท่าดาบของเขาล้วนใช้สมาธิเต็มร้อย
เจ้าวัวน่ารำคาญ...
ถังเทียนจ้องดูเขา
และก้าวออกมาจากกระท่อมไม้ เดินเอามือล้วงกระเป๋าไปที่ด้านข้างสนามฝึกฝน เขากระโดดลงที่เสาไม้ด้านข้างดังปั้ก “เฮ้! พ่อหนุ่ม ขยันจริงๆ
เลยนะ”
อาโมรี่ได้ยินเสียงจากถังเทียน
จึงหยุดแล้วหันหน้ามา คอนดาบไม้คู่ที่ไหล่ของเขา หลั่งเหงื่อจากศีรษะจรดเท้า เขามองดูถังเทียนแล้วหัวเราะลั่น “ถังพื้นฐาน!
ในที่สุดนายก็ตื่นจนได้
เดิมทีฉันต้องการจะปลุกนายนะ
แต่ผู้เฒ่าบอกว่านายฝึกหนักจนเกินกำลัง
ท่านขอร้องให้ข้าปล่อยให้นายหลับไปก่อน แต่นายก็ยังหลับไปถึงสามวัน นายมีพลังเต็มที่อย่างแน่นอน”
อาโมรี่พูดปนสำเนียงอิจฉา รู้สึกว่าเขาสามารถหลับได้ถึงสามวัน
เป็นความสามารถที่ไม่ใช่เล็กน้อย
เจ้าเด็กนี่จงใจพูดเรื่องนี้
หน้าผากของถังเทียนมีเส้นเลือดปูดโปน
และเขาเริ่มพูดแบบนักคิดที่ลึกซึ้ง “แน่นอน
หนุ่มชาวฟ้ายามหลับก็หลับเหมือนเทพ นี่เขาเรียกว่าเทพนิทรา โอว, เจ้าวัวน่ารำคาญ
นายขยันฝึกไว้จะดีกว่า ตอนนี้ฉันกำลังฝึกปราณกระเรียนอยู่ ถ้าพลังมันรุนแรงเกินไป
ระวังนายจะโดนทุบเหมือนสุนัข”
อาโมรี่หัวเราะลั่น “ถังพื้นฐาน! ฉันก็เรียนวิทยายุทธใหม่มาเหมือนกัน
ดาบวายุปฐพี มันทรงอานุภาพมาก มาเลย มาซ้อมมือกันสักยก ตอนนี้ ฉันจะเอาจริงต่อหน้านายบ้างละ
ผู้เฒ่าพูดถูก
การใช้วิทยายุทธที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ถือว่าเป็นการให้เกียรติคู่ต่อสู้อย่างสูงสุด!”
ถังเทียนขมวดคิ้ว
รอยย่นปรากฏอยู่บนหน้าผากเขา เขาคราง “จบกัน! เจ้าผู้นี้โดนตาเฒ่าด้วงดินล้างสมองเสียแล้ว”
“แกเรียกใครว่าด้วงดิน?” น้ำเสียงเฉยเมยดังขึ้นด้านหลังถังเทียน
ถังเทียนสั่นและหันหัวไปดูเห็นผู้เฒ่าเว่ยกำลังเจ้ามาที่เขาด้วยสีหน้าถมึงทึง
หน้าของถังเทียนเปื้อนรอยยิ้มสดใสทันที “อา, ท่านผู้เฒ่า ฉันเพิ่งพูดเรื่องที่ว่าปู่มีพลังมากเพียงไหน
แม้แต่เจ้าวัวโง่ยังยอมเชื่องเชื่อแต่โดยดี”
“ถังพื้นฐาน! กล้าดียังไงมาหาว่าฉันโง่! แกตาย!” อาโมรี่ตะโกนลั่น
“ทำไมแกต้องโวยวายเหมือนผีด้วยเล่า?” จู่ๆ
ผู้เฒ่าเว่ยก็จ้องใส่อาโมรี่ และอาโมรี่ถึงกับเงียบทันทีทันใด
หัวใจของถังเทียนรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกและเขาเกาศีรษะโดยไม่รู้ตัว มีบางอย่างเกิดขึ้นในสามวันที่ผ่านมาขณะที่เราหลับหรือเปล่า?
เจ้าวัวโง่นี่กลายเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายกับผู้เฒ่าเว่ยตั้งแต่เมื่อไหร่?
นี่เป็นเรื่องแปลก....
“เอาล่ะ, วันนี้ฉันจะพาพวกแกทั้งสองคนไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง” ผู้เฒ่าเว่ยโบกมือ “ไปชำระล้างตัวซะ
อย่าทำให้ฉันขายขี้หน้าล่ะ”
ถังเทียนอดพูดไม่ได้ “ปู่!
ให้เราทั้งสองทำความสะอาด แล้วปู่ล่ะ?”
ผู้เฒ่าเว่ยหน้าแดงและทำกระแอมเบาๆ “ให้เวลาฉันสักเดี๋ยว”
พอสิ้นเสียงเขาก็หายลับไปจากสายตา
※※※※※※※※※※※※※※
ถังเทียนและอาโมรี่มองดูคำสามคำโตๆ ว่า “สถาบันเทียนเจียง”
ด้วยความตกใจ นอกจากคำสามคำนี้ ยังมีผู้คนเดินขวักไขว่ไม่ขาดสาย
คนเหล่านี้แต่งตัวดูดีน่าประทับใจ
บางทีพวกเขาอาจถูกมองว่าแปลกประหลาด
ทั้งสามคนสวมชุดที่ฉีกขาดและเก่าทำให้ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
“เฮ้, ผู้เฒ่า
แน่ใจนะว่าไม่ได้พาเรามาผิดที่?” อาโมรี่อดถามไม่ได้
สถาบันเทียนเจียงเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของเมืองซิงฟง และถือว่าเป็นโรงเรียนชั้นสูงที่สุดในเมืองซิงฟง นักเรียนผู้เข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้
ถ้าไม่ร่ำรวยมากก็เป็นผู้มีพรสวรรค์
นอกเหนือจากเมื่อ 2-3
ปีก่อนที่ซ่างกวนเชียนฮุ่ยอุบัติขึ้น อันดับหนึ่งของสถาบันเทียนเจียงนับว่าหนักแน่นมั่นคง สถาบันแห่งนี้ถือว่าดีที่สุดในเมืองซิงฟง อาจารย์ผู้สอนก็ดีที่สุด แข็งแกร่งที่สุด
มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันมากที่สุด มีร้านค้าหินดวงดาวที่ใหญ่ที่สุด
และร้านขายการ์ดวิญญาณระดับคุณภาพสูงสุด
มองไปทั่วเมืองซิงฟงแล้ว
สถาบันเทียนเจียงเป็นจุดเริ่มต้นของโรงเรียนที่มีชื่อ
ตอนนี้
บุรุษวัยกลางคนปรากฏตัวอยู่ข้างหน้า
“ขอถามหน่อยนะครับ คุณคือผู้อำนวยการเว่ยใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว” ผู้เฒ่าเว่ยตะโกนด้วยความภูมิใจ
“โปรดตามผมมานะครับ ผู้อำนวยการรอคุณอยู่” บุรุษวัยกลางคนที่พูด
เชิญชวนให้พวกเขาตามเขาไปยังที่หมาย
ผู้เฒ่าเว่ยพยักหน้าและพูดกับถังเทียนและอาโมรี่
“ตามฉันมา, อย่าหลงทางเสียล่ะ”
ทั้งสองคนเดินตามตัวลีบ
“นี่ไม่ธรรมดา
ไม่ธรรมดาจริงๆ
เราต้องพึ่งลำแข้งตัวเองแล้ว
เพื่อที่ว่าตาเฒ่าจะได้ไม่ขายเรา” ถังเทียนพึมพำ
“หือ, อู้หู, เราสองคนเป็นอัจฉริยะ และเราสองคนเป็นผู้มีค่ามากแน่นอน” อาโมรี่พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
ผู้เฒ่าเว่ยอยู่ข้างหน้ามีสีหน้ากังวล
แล้วจู่ๆ เขาก็หยุดเดิน ทำให้ถังเทียนและอาโมรี่หัวชนเขา
บุรุษวัยกลางคนมักจะยิ้มเสมอแม้ว่าเขาจะเก็บซ่อนอารมร์ไว้ก็ตาม เมื่อเขาได้ยินประโยคเหล่านี้
เขาอดแสดงแววเหยียดหยามบนใบหน้าไม่ได้
นักเรียนที่เดินผ่านคนทั้งสามพากันสงสัยการปรากฏตัวของเขาทั้งหมด
การแต่งตัวของทั้งสามคนไม่ได้เข้ากับสถาบันเทียนเจียงเลย
อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนมิได้รู้สึกไม่สบายใจแต่อย่างใด
กลับเป็นผู้เฒ่าเว่ยที่ดูเหมือนจะมีสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่ถังเทียนและอาโมรี่ ปากอ้าตาค้างกับทุกอย่างที่เห็น
สถาบันเทียนเจียงมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
สถาบันเทียนเจียงนั้นใหญ่โต ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงห้องทำงานของผู้อำนวยการ
บุรุษวัยกลางคนเห็นผู้อำนวยการยืนอยู่ที่ประตูก็รู้สึกตกใจ เขาติดตามผู้อำนวยการมาหลายปีและนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผู้อำนวยการออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
“ในที่สุดนายก็มาถึงจนได้นะ” ชายชราพูดพร้อมกับหัวเราะทันที
เดินตรงมาหาพวกเขาพลางกางแขน
ผู้เฒ่าเว่ยยังคงยิ้มและเดินเข้าไปกอดเขา “ฉันไม่มีทางเลือก จึงได้แต่บากหน้ามาขอยืมสถานที่ของนายสักเล็กน้อย”
“ไม่จำเป็นต้องพูดมากมารยาทระหว่างเราสองคนหรอก” ชายชราหัวเราะ แล้วหันหน้าไปสำรวจตรวจสอบถังเทียนและอาโมรี่
ก่อนจะถามอย่างยินดี “สองคนนี้เป็นลูกศิษย์ที่นายรับไว้หรือ?”
ผู้เฒ่าเว่ยสั่นศีรษะ ชี้ไปที่อาโมรี่ “เขาเชี่ยวชาญวิชาดาบเป็นพิเศษ
และฉันจับตาดูเขามา 2-3 ปีแล้ว และฉันก็ชิงตัวมาได้ในที่สุด โอ, หมายถึงฉันเลือกเขามานั่นแหละ”
หลังจากนั้นเขาฉุดดึงถังเทียนเข้ามา “ฉันรู้สึกว่าพ่อหนุ่มนี้เหมาะกับเส้นทางยอดฝีมือสู้ระยะประชิด แต่นายก็รู้ ฉันไม่เชี่ยวชาญแนวนี้ ฉันไม่ต้องการจะละเลยเขา จึงไม่มีทางเลือก
ก็ต้องพาเขามาด้วยเช่นกัน”
“ยอดฝีมือสู้ระยะประชิดงั้นหรือ?”
เขามองดูถังเทียนด้วยสายตาแปลกประหลาดและประเมินถังเทียนใหม่อีกครั้ง
“ฮืม, นอกจากนี้
ต้องเป็นยอดฝีมือต่อสู้ระยะประชิดที่ไม่ธรรมดา” ผู้เฒ่าเว่ยพูด
“ไม่ใช่ยอดฝีมือสู้ระยะประชิดที่ธรรมดา”
ชายชรารู้สึกสนใจมากขึ้นและหัวเราะ “เราเข้ามาคุยกัน ผู้ช่วยสวี่!
พาเด็กหนุ่มทั้งสองไปเดินชมสถานที่ก่อน”
บุรุษวัยกลางคนรีบคำนับกล่าวตอบทันที “ขอรับ”
4 ความคิดเห็น:
ขอบคุณกร๊าฟ
โดนขายแน่ถังน้อย ฮ่าๆ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น