ตอนที่ 461 กำพร้า
เมื่อเย่ว์หยางเทเลพอร์ตหนีจากมา
เขาได้ยินเสียงพ่นลมหายใจออกพร้อมกับอาการขำขันของสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง
นางเห็นเย่ว์หยางจับหน้าอกไห่อิงอู่
แต่นางแกล้งทำเป็นไม่เห็น
นางรู้ว่าเย่ว์หยางไม่ได้จงใจลวนลามไห่อิงอู่
หากแต่ทำไปเพื่อต้องการให้ศัตรูสับสน
สิ่งเดียวที่คาใจก็คือเย่ว์หยางแสดงละครบทนี้จริงจังเกินไป
นางอดขำไม่ได้เมื่อนางนึกถึงว่าไห่อิงอู่ดูน่าสงสารเพียงไหนเมื่อต้องฝืนยิ้มยามที่ถูกเย่ว์หยางแกล้งลวนลาม ขณะเดียวกันนางก็รู้สึกยินดี
เพราะไห่อิงอู่เห็นนางเป็นศัตรูคนหนึ่งและคอยเฝ้าจับตาดูนาง ดังนั้นนี่คือการล้างแค้นที่สมบูรณ์แบบ
หอทงเทียนชั้นที่เจ็ด
ที่พำนักมังกรเฒ่า
ที่พำนักของผู้เฒ่ามังกรเป็นดินแดนลับที่สวยงาม อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
มีสัตว์อสูรที่กินสัตว์อื่นเป็นอาหารน้อยมากและมีสัตว์ขนาดเล็กที่กินพืชเป็นอาหารอยู่ไม่กี่ตัว
กวางและกระต่ายตัวน้อยเหล่านี้เติบโตคุ้นเคยกับชีวิตที่สงบสุขอยู่ในภูเขา
ป่าไม้ไม่กลัวผู้คนเลยแม้แต่น้อย
หลังจากเดินทางมากกว่าสิบกิโลเมตรผ่านประตูเทเลพอร์ต พวกเขาก็มาถึงหุบเขาที่พำนักมังกรเฒ่า
ที่นี่คือที่ซึ่งผู้เฒ่ามังกรไร้เขาเลือกอาศัยอยู่อย่างสันโดษในคืนวันเก่าๆ
ของเขา ทิวทัศน์งามตระการ หมู่ภมรผีเสื้อจับคู่บินกันเป็นคู่และทั่วทั้งภาคพื้นปกคลุมไปด้วยไม้ดอกส่งกลิ่นหอมเตะจมูก
สาวรับใช้ตระกูลมังกรและแมงมุมแม่มดอีกนับสิบที่อยู่เฝ้าดูแลพื้นที่ออกมาต้อนรับทักทายเจี้ยงอิงเมื่อพวกนางเห็นนายหญิงกลับมา
นอกจากนี้ พวกนางยังเห็นเย่ว์หยางที่เป็นมนุษย์ก็มาพร้อมกันด้วย
ขณะที่พวกนางทักทายปราศรัย
พวกนางอดมองดูเย่ว์หยางไม่ได้เพื่อพยายามค้นดูว่ามีความสัมพันธ์เช่นใดกับนายหญิงของพวกเขา
“เมื่อข้ายังเด็ก
ข้าอาศัยอยู่ที่นี่กับปู่ของข้าเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม เวลาส่วนใหญ่ ข้าใช้เวลาอยู่กับยายที่หุบเขาแมงมุม
บางครั้งนางจะพาข้ามาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์ แม้ว่าข้าจะไม่เคยไปทวีปมังกรทะยาน แต่ข้าก็เคยไปอยู่ในทวีปฉีหลาน,
ทวีปอ้าวเจียและแม้แต่ทวีปกู่ฟง
ทวีปเหล่านั้นต่างจากทวีปมังกรทะยานและไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้าไปได้ ดังนั้นเราจึงปลอมสถานะของเรา ข้ามีความสุขมากที่ได้อยู่กับปู่ข้าและยายข้า เพราะพวกท่านไม่ใส่ใจเข้มงวดเรื่องการฝึกฝนของข้า ถ้าข้าต้องอยู่กับแม่ มีหวังได้เจ็บตัวแน่
การฝึกจะต้องทำอย่างเข้มงวด... โชคไม่ดีเลย
ท่านแม่และท่านพ่อข้าไปที่หอทงเทียนชั้นสิบพร้อมกัน
เพื่อหาความลับของประตูเข้าแดนสวรรค์
ข้าไม่เคยเห็นพวกท่านมาสิบกว่าปีแล้วและไม่รู้ว่าพวกท่านจะเป็นยังไงบ้าง”
กลับมาที่พำนักมังกรผู้เฒ่า เจี้ยงอิงนำเย่ว์หยางไปสำรวจดูที่พักเดิมของนางและบอกเขาเรื่องประสบการณ์ในครั้งก่อน
เย่ว์หยางลอบยินดี
ถ้าเด็กสาวยินดีบอกความลับในอดีตของนางกับบุรุษ นั่นพิสูจน์ได้ว่านางมีใจให้กับเขา มิฉะนั้นนางคงไม่ทำเช่นนั้น
เขาสามารถบอกได้ว่า สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงรู้สึกว้าเหว่เดียวดายอย่างยิ่ง
ผู้เฒ่ามังกรไร้เขาเสียชีวิตจากไปเร็ว เพราะเขาไม่อาจรักษาอาการบาดเจ็บหนักได้
บวกกับสุขภาพที่ไม่ดีและอายุที่มากด้วย
ขณะนั้น เจี้ยงอิงยังคงเป็นเด็กน้อย
หลังจากนั้น เจี้ยงอิงก็อยู่กับยายที่เป็นนางพญาแมงมุมและมีความสุขกับชีวิตในวัยเด็ก
วันแห่งความสุขเหล่านั้นจบสิ้นลงเมื่อนางพญาแมงมุมหายสาบสูญไป
หนูน้อยมังกรไร้เขาจึงได้แต่กลับไปที่พำนักผู้เฒ่ามังกรเพื่ออยู่กับบิดามารดาของนางและอยู่ภายใต้การฝึกฝนที่เข้มงวด อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากนั้น
บิดามารดาของนางไปสำรวจประตูสวรรค์ด้วยกัน
และไม่กลับอีกเลยเป็นเวลาเกินกว่าสิบปีแล้ว เจี้ยงอิงต้องใช้ชีวิตอยู่กับป้าของนาง เมื่อป้าของนางแต่งงานเมื่อสิบปีที่แล้ว นางต้องใช้ชีวิตตามลำพังขณะเทียวมาเทียวไประหว่างที่พำนักผู้เฒ่ามังกรและหุบเขาแมงมุม
เพื่อปฏิบัติหน้าที่นางพญาแมงมุมแทนยายของนางและยังปกครองชาวมังกรไร้เขาที่นี่อีกด้วย
ในวันคืนที่เปลี่ยวเหงาของนาง นางฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งเพื่อให้ได้เป็นอสูรในตำนาน
จนกระทั่งนางพบเย่ว์หยาง
นางเพิ่งทำให้เขาเป็นสหายบุรุษคนแรกของนาง
เขาไม่ใช่สายพันธุ์มังกรเหมือนนาง
แต่เป็นมนุษย์
“พ่อแม่ของเจ้าดูเหมือนจะแข็งแกร่งมาก
เจ้าไม่ต้องกังวลใจถึงความปลอดภัยของท่านก็ได้” มีข้อสังเกตอยู่สามจุดที่เขาสามารถบอกได้ว่า
บิดามารดาของเจี้ยงอิงแข็งแกร่งน่าทึ่ง
ประการแรกคือสายเลือดของพวกเขา
บิดาของเจี้ยงอิงเป็นบุตรของผู้อาวุโสมังกรไร้เขาและราชินีมังกรทอง ขณะที่มารดาของนางเป็นทายาทของจ้าวมังกรเงินและนางพญาแมงมุม
สี่สายเลือดทั้งหมดเหล่านี้น่าประทับใจมาก
ประการที่สอง สถานที่ซึ่งพวกเขาได้เลือกไว้ก็คือหอทงเทียนชั้นสิบ
เว้นแต่ท่านจะมีความแข็งแกร่งมากกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้า ไม่อย่างนั้นท่านตายแน่ นอกจากนี้
แม้แต่ธิดาของพวกเขาก็ยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ดซึ่งก็หมายความว่าบิดามารดาของเจี้ยงอิงเป็นนักสู้ที่น่าทึ่งแน่นอน
พวกเขามีความสามารถสูงกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้ามากมายนัก ประการที่สามก็คือ สมบัติพิเศษ
เกราะมังกรดำที่บิดามารดาสร้างให้นาง
เกราะมังกรดำนั้นมีน้ำหนักมาก
สามารถเสริมพลังให้ร่างกายและเพิ่มพูนความเร็วในการฝึกฝนโดยไม่มีผลร้ายต่อร่างกาย ความจริงที่ว่า
แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังต้องการศึกษาดูเกราะมังกรดำนี้หลังจากที่เขาได้รับความรู้ตกทอดมาจากมารดาของสหายผู้น่าสงสารและสารานุกรมหุ่นกลของภูตอัจฉริยะเย่ว์กง
จะได้พิสูจน์คุณค่าของมัน
ยอมถอยมาสักหมื่นก้าว
ไม่เพียงแต่ความลับของเกราะมังกรดำเท่านั้น
นี่สร้างจากหนังมังกรดำแท้ๆ
ในโลกนี้จะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดสักกี่คนสามารถสวมเกราะมังกรดำแท้ๆ ได้?
แม้ว่าจะมีหนังมังกรดำมากมายขายอยู่ในร้านค้ามหาสมบัติ
แต่ของเหล่านั้นเป็นของปลอมที่สร้างขึ้นจากหนังมังกรบินไวเวิร์ม
ไม่ใช่หนังมังกรดำแท้
ของเหล่านั้นเป็นเพียงเกราะดำที่มาจากหนังมังกร ขณะที่มีชื่อเหมือนกัน
แต่ของทั้งสองอย่างนั้นกลับแตกต่างกันไกล
เมื่อเจี้ยงอิงมาถึงหน้าห้อง จู่ๆ
นางรู้สึกเขินอายและหยุดเดิน
ดวงตาสีเขียวอ่อนของนางลอบมองเย่ว์หยางลอดผ่านผมสีม่วงและนางพูดอายๆ “นะ..นี่คือห้องของข้า ไม่มีอะไรให้ดูมากนักหรอก..” ขณะที่ปากของนางพูดเช่นนั้น
แต่ความจริงแล้วนางต้องการให้เย่ว์หยางเข้าไปชมดู
เนื่องจากเป็นห้องพักหญิงสาวโสด
นางจึงอายเกินกว่าจะเชิญเขาให้เข้าไปอย่างเปิดเผย และหวังลึกๆ ว่านางสามารถกระตุ้นความอยากรู้ของเย่ว์หยางได้
แน่นอนว่าเย่ว์หยางรู้ว่านางกำลังคิดอะไร
เขาหัวเราะและจงใจล้อเลียน “เนื่องจากไม่มีอะไรให้เราดูมากนัก
อย่างนั้นเราไปดูแถวๆ อื่นเถอะ”
ข้อความเช่นนี้ทำให้หัวใจเจี้ยงอิงตกวูบ
ทำไมนะ ชายผู้นี้ถึงเป็นแบบนี้....
เพียงเมื่อนางขยี้เท้าอย่างเงียบงัน ทันใดนั้นนางเห็นเย่ว์หยางรีบเดินไปที่ประตูห้องและผลักประตูออกเดินเข้าไปในห้องของนาง เมื่อนางตระหนักว่าเขาแกล้งหยอกล้อนาง ความโกรธในใจนางเปลี่ยนเป็นความทึ่งและอายทันที
ขณะที่นางอายอยู่ว่าเขาสามารถเห็นความคิดของนางได้ยังไง แต่นางก็ยังมีความสุขกับพฤติกรรมแกล้งหยอกล้อของเขา เขาฉลาดมากและเข้าใจความหมายของนาง
ต่างกับคนสมองทึบโดยสิ้นเชิง
เจี้ยงอิงกางมือออกกันเขาเล็กน้อยแก้เขิน
เหมือนกับว่านางไม่ต้องการให้เย่ว์หยางเข้าไป
ความจริงนางทำเพราะเขิน บอกเป็นนัยว่านางไม่ได้เชิญชวนเขา แต่เป็นเขาต่างหากที่บุกเข้าห้องของนางอย่างดื้อด้าน
“อย่าเพิ่งเข้าไปนะ, เจ้าเป็นอย่างนี้ได้ยังไง? ข้างในนี้ไม่มีอะไรให้ดู” แน่นอนเจี้ยงอิงหยุดเย่ว์หยางไม่ได้ นางแค่พยายามปกป้องศักดิ์ศรีของนางพอเป็นพิธี
“กลิ่นหอมมาก”
ทันทีที่เย่ว์หยางเข้าไป
เขาได้กลิ่นละเอียดอ่อนของสาวพรหมจรรย์
ความจริง แม้แต่ร่างของมังกรไร้เขา ก็มีกลิ่นละเอียดอ่อนนี้เจือจาง เป็นแต่มันถูกเกราะมังกรดำปกปิดไว้ซึ่งเกราะมีพลังพิเศษในการกลบกลิ่นนี้ไว้มิให้แสดงออกมา ถ้าเป็นคนอื่นนอกจากเย่ว์หยาง ก็คงไม่สามารถได้กลิ่นหอมนั้น ดูเหมือนว่านี่เป็นวิธีที่บิดามารดาของเจี้ยงอิงใช้ปกป้องนาง
พึงทราบว่า
สัตว์อสูรหลายชนิดติดตามคนได้ก็ขึ้นอยู่กับกลิ่นของพวกเขา
เนื่องจากเกราะมังกรดำสามารถปกปิดกลิ่นได้สิ้นเชิง
การปรากฏของกลิ่นที่ถูกกดไว้นี้เป็นการป้องกันสัตว์ประหลาดที่มีสัมผัสทางกลิ่นที่เหนือกว่าได้ดีที่สุด
เพราะเหตุนี้เองทักษะปราณก่อกำเนิดของเจี้ยงอิงจึงสามารถปกปิดเอาไว้ได้เป็นอย่างดี นักรบธรรมดาไม่สามารถเห็นได้ง่ายๆ
ได้ยินเย่ว์หยางสรรเสริญอย่างจริงใจแล้ว ใบหน้าดุจหยกของเจี้ยงอิงถึงกับแดง
นางรีบวิ่งไปต่อหน้าเย่ว์หยางและรีบซ่อนของทั้งหมดที่นางไม่ต้องการให้เย่ว์หยางเห็นไว้ในตู้
ความจริงของเหล่านั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าของเล่นเช่นตุ๊กตาหมี,
กระต่ายหูยาวและชุดเด็กเล็ก, กางเกงนอนสีชมพู
เย่ว์หยางสามารถเห็นได้ว่านางยังคงมีความเป็นเด็กอยู่ภายใน ขณะที่นางเติบโต นางก็ยังคิดถึงวัยเด็กของนาง
บางทีอาจเป็นเพราะนางว้าเหว่เกินไปและใช้ชีวิตสบายๆ กับครอบครัวสั้นเกินไป
เย่ว์หยางไม่รีบฝึกผสานร่างกับเจี้ยงอิงทันที
แต่กลับหยอกล้อกับนางเล่นทั้งวัน
โล้ชิงช้าเป็นการละเล่นวัยเด็กเป็นการละเล่นที่นางโปรดปราน นางชอบโล้ชิงช้าทั้งที่นางสามารถบินได้ ถึงกระนั้น เมื่อเย่ว์หยางหวี่ยงนางขึ้นไปในท้องฟ้าขณะที่นางนั่งโล้ชิงช้า
นางอดตะโกนด้วยความตื่นเต้นไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางเพลิดเพลินกับการปรุงอาหาร
แต่ส่วนมากยากจะรับประทานได้
เมื่อมีเย่ว์หยางติดตามนางมา นางอยากจะทำขนมปังขนาดยักษ์ให้เขา
น่าเสียดายที่นางล้มเหลว และต้องแบ่งออกเป็นสิบสองส่วน นี่ทำให้นางเสียดายเวลาในช่วงเช้าทั้งหมด
ในตอนบ่ายเย่ว์หยางไปว่ายน้ำในสระพร้อมกับนาง
นางภูมิในที่สุดแข่งชนะเย่ว์ยหยางได้
นางยืนอยู่บนฝั่งโน้มตัวลงพูดกับเย่ว์หยางที่เพิ่งขึ้นมาจากน้ำ “ข้ารอจนจะหลับอยู่แล้ว
เจ้าน่าจะช้ากว่านี้อีกสักหน่อย?”
คืนนั้น นางไม่สามารถทนได้ จึงไปนอน
แม้ว่านางจะไม่พูดถึง แต่ความจริงนางต้องการให้เย่ว์หยางอยู่กับนางต่อ นางหลบสายตาไม่กล้ามองดูเย่ว์หยางตรงๆ
“นิทานก่อนนอนเป็นไง? ข้าไม่ทำเรื่องโง่ๆ อย่างนั้น ข้าแค่ต้องการหาใครสักคนมาเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ข้าฟัง” เย่ว์หยางฉลาดพอที่จะรู้ว่า ใครที่นางเลือกไว้
“ก็ได้ อย่างนั้นเจ้าต้องทำตัวเหมือนเด็ก
ข้าจะทำหน้าที่เหมือนพ่อแม่ของเจ้าเล่านิทานก่อนนอนให้เจ้าฟัง” แน่ใจพอว่าเจี้ยงอิงได้ฟังแล้วจะกระตือรือร้นแน่นอน นางฉุดดึงเย่ว์หยางและผลักเขาลงบนเตียงของนาง
ก่อนที่จะดึงหนังสือออกมาจากชั้นหนังสือ
นางทำเป็นแกล้งทำเป็นบอกเย่ว์หยางจริงจังว่า นิทานก่อนนอนจะทำให้เขานอนหลับง่าย นางไม่ได้รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่นางทำ บางทีเป็นไปโดยไม่รู้ตัว
แต่นางไม่ถือสาที่จะให้เย่ว์หยางนอนบนเตียงของนาง
“ครอก.....”
เย่ว์หยางหลับทันทีหลังจากนอนลง
เหมือนเป็นสัญญาณบอกว่า “โปรดอย่าคุยกับคนที่หลับ” ท่าทีเช่นนี้ทำให้เจี้ยงอิงถอนหายใจกลั้วเสียงหัวเราะ
นางล้มตัวนอนบนร่างของเย่ว์หยางแล้วใช้หมัดน้อยๆ
ทุบอกเย่ว์หยางพลางหัวเราะจนน้ำตาซึม
เพียงเท่านั้นนางถึงตระหนักว่าท่าทางเช่นนี้ดูคลุมเครือเพียงไหน
นางช้อนตามองเย่ว์หยาง เอียงอายเล็กน้อย
เมื่อนางตระหนักว่าเขาหลับตาแล้ว
จึงคิดว่าใครจะไปรู้อะไรได้
นางลดศีรษะลงเพื่อฟังเสียงหัวใจเต้นของเขา
สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงถอนหายใจทันทีและพูดเสียงนุ่มนวลว่า “ในอนาคต หลังจากเราเอาชนะจักรพรรดิสมุทรแล้ว
จะไม่มีใครคุยกับข้าอีก
ข้าจะกลับไปเป็นเหมือนอย่างก่อนนี้ เป็นกำพร้าที่ว้าเหว่
ไม่มีคนช่วยเหลือ... แม้ว่าข้าจะมีพ่อแม่ แต่พวกท่านก็ไม่สนใจข้าอีกต่อไป...”
เย่ว์หยางเอื้อมมาลูบผมสีม่วงของนาง “ความจริงข้าก็เหมือนกับเจ้า ข้าก็กำพร้าเหมือนกัน”
เจี้ยงอิงชะงักและโงศีรษะขึ้น
นางใช้ดวงตาสีเขียวอ่อนมองดูเย่ว์หยาง
เหมือนลูกแมวน้อยที่พลัดหลงพลันได้มาพบสหาย
นางไม่ได้พูดอะไร
แต่ได้กอดเย่ว์หยางแน่น
หยดน้ำตากลิ้งผ่านขนตางอนของนางอย่างเงียบงัน
ดูเหมือนจะเป็นน้ำตาแห่งความยินดี
แต่ก็เหมือนกับน้ำตาแห่งการแสดงความเห็นอกเห็นใจ...
แม้ว่าเจี้ยงอิงไม่สามารถอธิบายอารมณ์ที่สับสนของนางได้ นางเพียงรู้ว่าสิ่งที่นางรู้สึกนั้น
เหมือนกับการได้เห็นแสงเล็กน้อยในความมืดมิดที่เปลี่ยวเหงาของนาง สหายที่ปรากฏต่อหน้านาง
ก็คือเย่ว์หยางนั่นเอง
นางจะไม่มีทางเปลี่ยวเหงาอีก
ในที่สุด กำพร้าก็ได้สหายคนหนึ่ง
เนื่องจากพวกเขาทั้งสองเป็นกำพร้า
ทำไมจะเข้ากันไม่ได้เล่า?
เจี้ยงอิงร้องไห้เงียบงันอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ยิ้มทั้งน้ำตาทันที รอยเปื้อนน้ำตาบนใบหน้านางดูงดงาม
และริมฝีปากสีผลเชอรี่ของนางค่อยเป็นรูปโค้งและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ข้ารู้, กลายเป็นว่าเจ้าคือกำพร้าคนหนึ่ง ก็ได้ จากนี้ไปข้าจะดูแลเจ้าเอง ข้าดูแลเอาใจคนอื่นเก่งมากนะ, เจ้าจะได้ดีถ้าเพียงแต่ฟังข้า”
เย่ว์หยางไวไม่พอ ตั้งใจว่าจะใช้หลังมือลูบผมของนาง
ทันใดนั้นสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงคว้ามือของเขาอย่างกล้าหาญและจับมาวางที่เอวนางเพื่อให้เขากอดนาง
บางทีเป็นเพราะพวกเขาถูกผ้าห่มคั่นอยู่ จึงไม่ได้รู้สึกจริงจัง จากนั้นนางแทรกตัวขึ้นที่นอนและมือของนางเป็นเหมือนลูกปลาหมึกกอดเย่ว์หยางไว้ตลอด ตัวของนางแนบกับเขาแน่น
อกนางกดใส่อกของเขา
แต่นางไม่อายแม้แต่น้อย
หัวใจของนางเต็มไปด้วยความสุข
เนื่องจากในสมัยเด็ก นางไม่ได้พบกับอ้อมกอดที่อบอุ่นมาเป็นเวลานาน
อ้อมกอดนี้ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยกับนางซึ่งต่างจากอ้อมกอดที่อบอุ่นของครอบครัวในความทรงจำของนาง
กลิ่นอายบุรุษที่นางไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ร่างกายเต็มตัวของเขา
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดเขา
มีความรู้สึกยินดีในหัวใจนางที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้
บางที นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความสุขที่แท้จริงกระมัง
15 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากคับ
ขอบคุณครับ
เริ่มจัดอสูรละพี่เยว่ ตัวแรกเลย อาหงส์ ตัว2 ซักคิวบัสของเมีย ตัวที่3 สาวมังกรไรเขา พี่เก็บหมด
ขอบคุณครับ
หวานนนนน
โอ้วกำลังจะมีเมียเพิ่มอีกละ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ใกล้ล่ะๆใกล้ได้อสูรพิทักอีก1
อื้อหือ.......จัดมาอยู่ในกลุ่มบรรดาเมียๆอีก1
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากคับ
แหม่ๆๆๆ ไม่เบาจริงๆ เธอคนนี้เรียกว่าแรงแซงทางโค้งจริงๆ
สาวๆในฮาเร็มของเย่ว์หยางจะโดนเธอตัดหน้าแล้ววววว
ป.ล. อี้หนาน (ชื่อนี้ใช่มะ สาวคนแรกที่ปลอมเป็นหนุ่มที่เย่ว์หยางเจอ) อยู่ไส!
ฝึกอยู่ ยังไม่กลับเหมือนอู่เสีย กับเชี่ยนเชี่ยน
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น