วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 463 มังกรไร้เขา อสูรในตำนาน



ตอนที่  463  มังกรไร้เขา อสูรในตำนาน
ขณะที่พวกเขาจะดำเนินการฝึกขั้นต่อไป  อย่าว่าแต่เจี้ยงอิงเลย  แม้แต่เย่ว์หยางที่เชี่ยวชาญในกระบวนการฝึกผสานร่างก็ยังรู้สึกเครียดมาก

สิ่งที่เย่ว์หยางต้องการ ไม่ใช่แค่เพียงให้สาวมังกรไร้เขาบรรลุปราณก่อกำเนิดขั้นที่แปดเท่านั้น
แต่ตอนแรกยังคงให้นางลดระดับพลังลงมาอยู่ในระดับหก หรือแม้แต่ในระดับห้าก่อนจะทะลวงขึ้นสู่ระดับแปด   เจี้ยงอิงจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการยกระดับหลายเท่าทวีคูณ  ถ้านางไม่ทำเช่นนี้ นางคงได้แต่เพียงยกระดับขั้นเดียว แต่จะไม่ได้รับประโยชน์มากเท่าที่ควร
ด้วยวิธีเช่นนี้  พลังของนางจะเพิ่มขึ้นมหาศาลหลังจากยกระดับ
ทักษะแฝงเร้นธรรมชาติของนางจะก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด
นางอาจจะทำสัญญากับคัมภีร์ได้สำเร็จยกระดับโดยตรงขึ้นเป็นอสูรในตำนานได้
เย่ว์หยางเดาว่าคงจะมีข้อจำกัดในการใช้อุทกแม่พระธรณีอยู่มาก  ถ้าเจี้ยงอิงสามารถยกระดับกลายเป็นอสูรในตำนาน  นางก็คงไม่จำเป็นต้องใช้อุทกแม่พระธรณี  เนื่องจากนางมีพลังพอจะช่วยตัวเองให้ยกระดับได้
ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ระดับที่หก
เป็นขอบเขตที่เย่ว์หยางต้องการจะบรรลุ  อย่างไรก็ตาม  สิ่งที่เขาปรารถนาอย่างที่สุดนี้ ก็ยังเอาแน่นอนไม่ได้  แต่ด้วยอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี  เขาต้องการยกระดับปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เป็นระดับเจ็ดหรือสูงกว่านั้น
เย่ว์หยางคงสำเร็จปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่หกมานานแล้ว  ถ้าเขาไม่มัวแต่ฝึกฝนเพลิงอมฤตซ้ำๆ กันหลายครั้ง
ตอนนี้, ขณะที่เขาฝึกฝน  เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาเข้าใกล้ขั้นที่หกเต็มที  เหมือนกับว่าพลังงานของเขากระจุกรวมกันสามารถปะทุได้ทุกเมื่อ
ยิ่งเขาฝึกฝนในระดับที่ต่ำเพิ่มนานขึ้น  รากฐานของเขาที่ดีกว่าก็ยิ่งเป็นสิ่งที่เขาเข้าใจและช่ำชองมากขึ้น  แต่ในบางครั้ง เมื่อเขาจะต้องยกระดับ  เย่ว์หยางก็จะไม่ยอมพลาด  เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการจะบรรลุเข้าสู่ขอบเขตใหม่  เขาจะต้องได้รู้แจ้งความรู้ใหม่  เพื่อจะบรรลุขอบเขตใหม่  เย่ว์หยางไม่ลังเลที่จะฝึกฝนในระดับเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากเขากำลังเตรียมจู่โจมและฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดชั้นสูงอย่างจักรพรรดิสมุทร  คงจะดีที่สุดถ้าเขาได้บรรลุขอบเขตใหม่ได้
เย่ว์หยางรู้ว่าเขาจะได้รับคืนมามากกว่า ถ้าเขาช่วยให้เจี้ยงอิงบรรลุเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด และยกระดับเป็นอสูรในตำนาน
พลังงานมังกรของนางจะช่วยให้เขารู้แจ้งวิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณะระดับหกในระดับลึกซึ้ง ระหว่างที่ฝึกผสานร่าง
ทั้งสองต่างกอดจูบ
เย่ว์หยางทำหลายอย่างกับเจี้ยงอิงเหมือนที่เขาทำกับเสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, หญิงงามอู๋เหินและเจ้าเมืองโล่วฮัวระหว่างฝึกผสานร่าง  แม้ว่าจะมีส่วนช่วยให้เย่ว์หยางฝึกผสานร่างนานหลายเดือน  ก็มีแต่เย่ว์หวี่ที่ไม่ยอมให้พัฒนามาถึงขั้นนี้  อย่างน้อย นางไม่ยอมให้เย่ว์หยางทำเช่นนี้ตราบเท่าที่นางยังเป็นตัวของตัวเอง
เจี้ยงอิงยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ในการกระทำของนาง
นางรู้สึกมีความสุข เขินและกลัวไปในขณะเดียวกัน  แม้ว่านางจะไม่ต่อต้านความก้าวหน้ารุกคืบของเย่ว์หยาง  แต่นางได้แต่ยืนโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไรและได้แต่อดทนยอมรับทุกอย่าง
นอกจากนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ  แต่นางแค่ไม่มีความรู้อะไรเลย  เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกของนางที่มีประสบการณ์แบบนี้
โชคดีที่กระบวนการฝึกผสานร่างตลอดกระบวนการนั้นชักนำโดยเย่ว์หยาง  สามารถดำเนินการได้แม้จะให้ความร่วมมือน้อยที่สุด ตราบเท่าที่ไม่มีเจตนาต่อต้าน
ตอนแรกเริ่ม เจี้ยงอิงรู้สึกเขินอายจริงๆ
นางเฝ้ามองขณะเย่ว์หยางจูบไล่ลงไปตามส่วนร่างกายนางตั้งแต่อกลงไป  ความสุขความตื่นเต้นแผ่ซ่านไปตามสายเลือดและนางอยากจะลูบไล้และจูบเย่ว์หยางบ้าง แค่ความกังวลและความอายยับยั้งนางไว้  ขณะที่เย่ว์หยางจูบนางอย่างนุ่มนวลและวางตัวนางลงนอนบนเตียง ทั้งหมดที่เจี้ยงอิงสามารถทำได้ก็คือปิดหน้าและหนีบต้นขาเข้าหากัน  ขาของนางยังแข็งเก้ๆ กังๆ ขณะที่นางยังนอนอยู่ นางกลับเสนอตัวให้เขา
 “ผ่อนคลายไว้ ทำใจให้ว่างเปล่า รู้สึกถึงพลังงานที่ไหลเวียนให้ได้..” เย่ว์หยางเหมือนเป็นปลาที่สามารถฮุบเจี้ยงอิงได้ทั้งตัวในตอนนี้แล้ว และนางคงจะไม่ขัดขืนเขา
อย่างไรก็ตาม จะครอบครองเจี้ยงอิง ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดในเวลานี้
สิ่งสำคัญก็คือ ยกระดับให้นางสำคัญมากกว่า
การฝึกฝนกับหญิงสาวร่างกายบริสุทธิ์เป็นวิธีที่เร็วที่สุด  ยังมีหนทางอีกยาวนานก่อนที่นางจะก้าวหน้าได้และการเร่งเวลาเร็วเกินไปจะทำให้นางยกระดับอย่างมากเพียงระดับเดียว
เนื่องจากในที่สุดแล้ว นางก็ต้องตกเป็นของเขาอยู่ดี  ทำไมเขาต้องรีบเร่งด้วย?
หลังจากเย่ว์หยางมีความมั่นใจ  เจี้ยงอิงผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด  ร่างของนางลดอาการเกร็งและจมอยู่ในความสุขความยินดีขณะที่เย่ว์หยางจูบร่างนาง  นางปล่อยให้เย่ว์หยางจูบและกอดร่างเปลือยเปล่าของนาง ขณะที่นางเองก็กอดเขาอย่างดูดดื่ม  นางตัวสั่นและส่งเสียงครวญครางที่อ่อนหวานออกมาทุกครั้งที่เย่ว์หยางมีการเคลื่อนไหว  ลมหายใจที่เร่าร้อนและเสียงครางของนางผสานกันเหมือนเพลงบรรเลง
ผ่านไปสิบนาที นางแทบจะลืมตัวขณะกอดเย่ว์หยางแน่น
นางเพียงแต่ตอบสนองความรักทั้งหมดที่เขาแสดงผ่านร่างกายนาง  ความกังวลก่อนหน้านี้ของนางถูกโยนทิ้งไปไกล
ร่างของนางตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเย่ว์หยางสิ้นเชิง  ขณะที่ใจของนางมุ่งเน้นอยู่ที่ความสุขยินดีที่เขาให้นาง  จนลืมโลกไปอีกนาน
โดยไม่ทันรู้ตัว  พลังของนางค่อยๆ เข้มข้นขึ้นและระดับของนางลดลงอย่างต่อเนื่องจากการข่มกำราบของเพลิงอมฤตและปราณก่อกำเนิด  จากระดับเจ็ด ระดับของนางตกลงมาอยู่ที่ระดับหก อีกสิบนาทีต่อมาระดับของนางตกลงมาอยู่ที่ระดับห้า... ถ้านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติ  นางคงตกตะลึงอย่างหนักเป็นแน่  แต่อย่างไรก็ตาม   นางเชื่อมั่นในตัวเย่ว์หยางสิ้นเชิง ตั้งแต่นางยอมมอบตัวเองให้กับเขา
บัวเพลิงฟ้าพิโรธ, พลังเยือกแข็งสุดขั้วและสายฟ้าม่วงมรณะถูกปล่อยออกมาจากร่างเย่ว์หยางและก่อตัวเป็นสนามพลังขนาดมหึมา
คัมภีร์อัญเชิญลอยออกมาด้วยตัวเอง และแสงม่านพลังรูปร่างอสูรโลกามีรัศมีหกสิบเมตร
ปราณก่อกำเนิดไหลออกจากปากของเย่ว์หยางไหลเข้าปากเจี้ยงอิง และมันแผ่ซ่านไปทั่วร่างของนางก่อนกลับมาที่ร่างของเย่ว์หยางจากตันเถียนของนาง  ตรงกันข้าม เพลิงอมฤตเข้าไปตามกระดูกก้นกบนางและโคจรขึ้นไปตามร่างนางก่อนโคจรกลับคืนมาที่เย่ว์หยางจากบริเวณอกนาง  เพลิงอมฤตปรับเปลี่ยนรูปทรงเป็นหงส์เพลิงที่สง่างามไม่มีใดเปรียบ และบินฉวัดเฉวียนผ่านร่างของพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ร่างของเจี้ยงอิงสั่นสะท้านรุนแรง ทุกที่ๆ พลังของนางไหลผ่าน พลังจะเพิ่มขึ้นทับทวีหลายเท่า
พลังของนางปะทุขึ้นจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้าไปเป็นระดับหก จากนั้นขึ้นมาอยู่ที่ระดับเดิมของนางคือระดับเจ็ด
ในที่สุด แสงลึกลับฉายส่องประกายเหมือนรุ้ง
ปีกมังกรคู่หนึ่งและหางมังกรปรากฏออกมาจากร่างของเจี้ยงอิง  ทั้งปีกทั้งหางโอบร่างเย่ว์หยางไว้แน่น ขณะที่นางร้องออกมาเพราะความเจ็ดปวดระคนสุขที่ได้บรรลุขอบเขตใหม่หลายระดับพลัง
ในทันทีนั้น เย่ว์หยางไม่สามารถหาคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดงได้  ดังนั้นเขาจึงเรียกคัมภีร์เงินออกมาฉับพลันและกดมือน้อยๆ ของเจี้ยงอิงลงบนนั้น ใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาช่วยให้นางทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ  เมื่อการทำสัญญาล้มเหลวขณะที่นางจะจบกระบวนการบรรลุขอบเขตใหม่  เย่ว์หยางกัดลิ้นเขาและพ่นเลือดลงบนคัมภีร์อัญเชิญ
เขาไม่รู้ว่าเหตุผลที่เขาทำลงไป  บางทีเพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จก็เป็นได้
บางที เป็นความรู้ที่ตกทอดมาจากมารดาของเขาที่ยอมให้เขากระทำไปโดยไม่รู้ตัวชั่วครู่
หรือบางทีอาจเป็นเทพธิดากระบี่ฟ้าสั่งจิตใต้สำนึกของเย่ว์หยางก็เป็นได้  เขารู้สึกว่า ทั้งหมดนี้น่าจะหาคำอธิบายได้  เพียงแต่เขาไม่มีเวลามากพอจะไตร่ตรอง  เขากลับเน้นมุ่งการถ่ายปราณก่อกำเนิดให้เจี้ยงอิงโดยบริสุทธิ์ใจเพื่อช่วยให้นางทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้
นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด
ถ้านางล้มเหลวในการทำสัญญาวันนี้  อย่างนั้นก็คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย
ในที่สุด แสงสว่างเจิดจ้าจากมือเจี้ยงอิงที่สัมผัสกับคัมภีร์อัญเชิญก็ฉายออกมา    ลำแสงสีทองฉายขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นรูปนางมังกรไร้เขาอยู่ในท้องฟ้า  ลำแสงพุ่งขึ้นไปในอากาศเป็นวงกลมก่อนที่จะกลับเข้ามาในตัวเจี้ยงอิงในพริบตา  หางแต่เดิมที่พันรอบตัวเย่ว์หยางหายไปทันที และเปลี่ยนเป็นแสงและกลับกลายเป็นเรียวขาที่งดงามไร้ตำหนิที่โอบเอวของเย่ว์หยาง
ปีกมังกรบนหลังของนางลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว และงอกใหม่เป็นปีกละเอียดอ่อน
ปีกเหล่านั้นกลายเป็นแก้วผลึกใสที่ยังคงโอบพันรอบตัวเย่ว์หยางอยู่
เจี้ยงอิงกอดเย่ว์หยางแน่น  ขณะที่นางเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วโดยไม่มีสติขณะที่นางยกระดับ  ขอบเขตใหม่ของอสูรในตำนานมีผลต่อภูมิปัญญาของนาง  แต่สิ่งที่ทำให้นางกลัวมากกว่าก็คือ นางเชื่อมโยงความสัมพันธ์เข้ากับชีวิตส่วนหนึ่งของเย่ว์หยางแล้ว  ข้อมูลนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในหัวของนางและนางไม่สามารถจัดลำดับความสับสนในจิตใจนางได้
ความสุขที่นางรู้สึกในร่างกายนางก็ยังคงเป็นเหตุผลหนึ่งที่นางคิดได้ไม่ชัดเจนนัก
นางรู้สึกว่าความเป็นชายของเย่ว์หยางเริ่มกดดันนางอย่างนิ่มนวล  ความรู้สึกชนิดนั้นทำให้นางสั่นตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เป็นความรู้สึกแทบทนไม่ได้ แต่น่าพอใจไปในขณะเดียวกัน
เหมือนกับว่าร่างกายของนางโหยหาความรู้สึกนั้นโดยอัตโนมัติ  เท้าและปีกโอบกอดเย่ว์หยางไว้แน่น เหมือนกับว่าร่างกายของนางต้องให้เย่ว์หยางสมสู่นางทันที เป็นหนึ่งเดียวกับนางอย่างแท้จริง...
เย่ว์หยางก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เขาสามารถรู้สึกได้ว่าทั้งหมดนั้นเข้าทางเขาแล้ว เหลือเพียงอุปสรรคที่บางเบาเท่านั้น
นั่นก็คือปราการสุดท้ายของสาวพรหมจรรย์
ทั้งหมดที่เย่ว์หยางต้องทำก็คือเดินหน้าต่อและทำให้เจี้ยงอิงกลายเป็นสตรีของเขาจริงๆ.. การพรากพรหมจรรย์ของนางอย่างนั้น บางทีนางจะไม่สามารถยกระดับได้เหมือนเจ้าเมืองโล่วฮัวและสตรีที่เหลือ  เนื่องจากนางเพิ่งจะยกระดับ  ยิ่งกว่านั้น เขาไม่มีพลังปราณก่อกำเนิดเหลือพอจะยกระดับให้นาง  ลืมไปเสียก่อน  เรื่องนี้คงยังไม่มีในตอนนี้
เย่ว์หยางไม่สามารถหยุดยั้งถอนถอยได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจรับสาวมังกรไร้เขาไว้ทันที
ขณะที่เย่ว์หยางเตรียมจะรุกหน้าต่อ  ร่างของเจี้ยงอิงก็กลายเป็นลูกกลมแสงลอยเข้าไปในคัมภีร์อัญเชิญของเขา
มีแสงฉายรอดออกมา
หน้าของคัมภีร์พลันพลิกเปิด
เย่ว์หยางที่ยังเปลือยกาย สะดุ้งโหยงและเหงื่อไหลพร่างพรู
กลับกลายเป็นว่าเขาได้ทำสัญญากับเจี้ยงอิงโดยไม่รู้ตัว  สิ่งที่ทำให้เขากังวลใจที่สุดก็คือนี่ต่างจากสิ่งที่เขาเคยเห็นมาก่อน เมื่อเขาทำสัญญากับโคเงาอาหมัน, นางพญากระหายเลือดหงและนางพญาดอกหนามมงกุฎทองตั่วตั่ว.. เป็นไปได้ไหมว่าเลือดเขาที่พ่นลงไปบนคัมภีร์อัญเชิญตอนที่เจี้ยงอิงทำสัญญากับคัมภีร์ทำให้เกิดผลเช่นนี้?
เมื่อลงเอยกับสาวมังกรอย่างนี้ ทำให้เย่ว์หยางถอนหายใจโล่งอก
แน่นอนว่า นี่ไม่ได้พูดถึงทำให้นางเป็นสตรีของเขา  นั่นคงจำเป็นต้องใช้เพิ่มอย่างน้อย 2-3 วินาทีร่วมกันจึงจะสำเร็จได้ แต่นี่ต้องเรียกว่า เป็นอสูรพิทักษ์ของเขา เย่ว์หยางตระหนักว่าอสูรพิทักษ์ของเขาทั้งหมดปรากฏขึ้นมาอย่างฉาบฉวยฉับพลันและทำสัญญากันอย่างที่อธิบายไม่ได้  ไม่มีสัญญาณเตือน  พวกเขาทั้งหมดลงเอยเป็นอสูรพิทักษ์ของเขาภายใต้สถานการณ์ที่มิได้คาดไว้เลย  เจี้ยงอิงยังคงทำสัญญาสำเร็จ  โดยไม่ได้เตรียมใจมาก่อน นางกลายเป็นอสูรพิทักษ์ของเขา
เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจได้
ช่างเถอะ, ยังไงเสียก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี เขาสามารถถามเทพธิดากระบี่ฟ้าได้เสมอ  บางทีนางคงช่วยเขามาตลอดเวลา
เย่ว์หยางตัดสินใจว่า เขายังจะไม่สาวลึกลงไปในปัญหาเช่นนี้ในตอนนี้ก่อน
เมื่อดูใกล้ๆ  เขาสังเกตว่าสาวมังกรไร้เขายังคงหลับ  นางยังดูเหมือนสับสนว่าพลังของนางยังเพิ่ม ขณะที่พลังของอสูรในตำนานและพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปดยังอยู่ในกระบวนการหลอมรวมกัน  ขณะเดียวกัน นางต้องจัดการกับความเปลี่ยนแปลงในฐานะเป็นอสูรพิทักษ์  พลังทั้งหมดที่นางได้รับหลังจากบรรลุขอบเขตใหม่ ทำให้ตอนนี้นางยังสับสนสถานะตนเองอยู่  เขาคาดว่านางคงยังไม่พร้อมต่อสู้จนกว่าเวลาจะผ่านไปสักระยะ
สามารถทำสัญญากับนางได้นับเป็นความพึงพอใจยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเย่ว์หยาง และไม่ว่านางจะเข้าร่วมต่อสู้หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่เขาต้องกังวล
ปัญหาเรื่องการฆ่าจักรพรรดิสมุทรไม่เคยเป็นเรื่องกังวลใหญ่ที่สุดของเย่ว์หยางเลย
อย่างมากที่สุด จักรพรรดิสมุทรอาจถูกฆ่าได้สักวันหนึ่ง
มีเพียงสิ่งที่รบกวนใจเย่ว์หยางตอนนี้ก็คือ เขาเกือบจะบรรลุปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่หกแล้ว  แต่โชคไม่ดี  เจี้ยงอิงเข้าสู่ห้วงนิทราในขณะนี้เสียแล้ว
เขาจะทำอะไรได้ เนื่องจากนางเซียนหงส์ฟ้าและโล่วฮัวทั้งสองคนไม่ได้อยู่ข้างตัวเขา?
ในชั่ววาบหนึ่ง เงาร่างหนึ่งโฉบลงมาจากท้องฟ้าและนางพญากระหายเลือดโผเข้าอ้อมกอดเย่ว์หยาง  หน้าของนางยังแดงอยู่ “ให้ข้าได้ช่วยเจ้านายได้ยกระดับเถอะ  ข้าเรียนรู้วิธีมาบ้างแล้ว...”

21 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

มีต่อ รอบ 2 แต่ไม่อยากให้เป็นอสูรพิทักษ์เลย
ถ้าเจ้านายตาย ก็ตายตามอ่ะดิ

Yukio กล่าวว่า...

ถึงเวลาง่ำอาหงแล้ว

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

แหม อาหงเรียนรู้มาแล้ว

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Lucky กล่าวว่า...

อาหงศึกษาหนังสดมาเยอะแล้วได้เวลาปัฏิบัติจริงซักที

Pert กล่าวว่า...

555หงถวายตัวแล้ว!!!

GameError กล่าวว่า...

รอคนนี้มานาน 555 และแล้วก็ค้างอีกเช่นเคย

JaOurPaLa กล่าวว่า...

@bosshoio ถ้าไม่เป็นอสูรผู้พิทักษ์ แล้วมาตายตอนสู้กันนี่ก็ตายจริงนะครับ ตายก่อนเจ้านายด้วยซ้ำ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

อาหงกำลังจะจัดแล้ว.

ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เอ้าอารมณ์กำลังมาได้เสีย มาได้จังหว่ะจริง 5555

Nopanser Kung กล่าวว่า...

ฮุฮุฮุ ช่างน่ารักจริงแท้หนอ เธอตนนี้ >w< แหม่ อีกนิ๊ดดดดดดเดียวเท่านั้น!!!

ป.ล. โอ้ววว!! *0* หงเอ๋อ! หงเอ๋อยอมไม่ได้สินะ ที่จะมาโดนสาวอสูรตนใหม่แซงหน้า

aloha777 กล่าวว่า...

นั่นไง นางที่เราเชียร์มาตลอด ไม่รุ้ยังไง แต่ชอบนาง ถึงหลังๆบทจะน้อยลงเพราะสาวเยอะเกิน ก็เถอะ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

8lek8 กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopat Tawan กล่าวว่า...

ฉวยโอกาสเลยนะ 555

แสดงความคิดเห็น