ตอนที่ 463 มังกรไร้เขา อสูรในตำนาน
ขณะที่พวกเขาจะดำเนินการฝึกขั้นต่อไป
อย่าว่าแต่เจี้ยงอิงเลย
แม้แต่เย่ว์หยางที่เชี่ยวชาญในกระบวนการฝึกผสานร่างก็ยังรู้สึกเครียดมาก
สิ่งที่เย่ว์หยางต้องการ
ไม่ใช่แค่เพียงให้สาวมังกรไร้เขาบรรลุปราณก่อกำเนิดขั้นที่แปดเท่านั้น
แต่ตอนแรกยังคงให้นางลดระดับพลังลงมาอยู่ในระดับหก
หรือแม้แต่ในระดับห้าก่อนจะทะลวงขึ้นสู่ระดับแปด
เจี้ยงอิงจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการยกระดับหลายเท่าทวีคูณ ถ้านางไม่ทำเช่นนี้
นางคงได้แต่เพียงยกระดับขั้นเดียว แต่จะไม่ได้รับประโยชน์มากเท่าที่ควร
ด้วยวิธีเช่นนี้
พลังของนางจะเพิ่มขึ้นมหาศาลหลังจากยกระดับ
ทักษะแฝงเร้นธรรมชาติของนางจะก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด
นางอาจจะทำสัญญากับคัมภีร์ได้สำเร็จยกระดับโดยตรงขึ้นเป็นอสูรในตำนานได้
เย่ว์หยางเดาว่าคงจะมีข้อจำกัดในการใช้อุทกแม่พระธรณีอยู่มาก
ถ้าเจี้ยงอิงสามารถยกระดับกลายเป็นอสูรในตำนาน นางก็คงไม่จำเป็นต้องใช้อุทกแม่พระธรณี เนื่องจากนางมีพลังพอจะช่วยตัวเองให้ยกระดับได้
ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ระดับที่หก
เป็นขอบเขตที่เย่ว์หยางต้องการจะบรรลุ
อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่เขาปรารถนาอย่างที่สุดนี้ ก็ยังเอาแน่นอนไม่ได้ แต่ด้วยอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี เขาต้องการยกระดับปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เป็นระดับเจ็ดหรือสูงกว่านั้น
เย่ว์หยางคงสำเร็จปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่หกมานานแล้ว ถ้าเขาไม่มัวแต่ฝึกฝนเพลิงอมฤตซ้ำๆ
กันหลายครั้ง
ตอนนี้, ขณะที่เขาฝึกฝน
เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาเข้าใกล้ขั้นที่หกเต็มที เหมือนกับว่าพลังงานของเขากระจุกรวมกันสามารถปะทุได้ทุกเมื่อ
ยิ่งเขาฝึกฝนในระดับที่ต่ำเพิ่มนานขึ้น
รากฐานของเขาที่ดีกว่าก็ยิ่งเป็นสิ่งที่เขาเข้าใจและช่ำชองมากขึ้น แต่ในบางครั้ง เมื่อเขาจะต้องยกระดับ เย่ว์หยางก็จะไม่ยอมพลาด เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการจะบรรลุเข้าสู่ขอบเขตใหม่ เขาจะต้องได้รู้แจ้งความรู้ใหม่ เพื่อจะบรรลุขอบเขตใหม่
เย่ว์หยางไม่ลังเลที่จะฝึกฝนในระดับเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากเขากำลังเตรียมจู่โจมและฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดชั้นสูงอย่างจักรพรรดิสมุทร คงจะดีที่สุดถ้าเขาได้บรรลุขอบเขตใหม่ได้
เย่ว์หยางรู้ว่าเขาจะได้รับคืนมามากกว่า
ถ้าเขาช่วยให้เจี้ยงอิงบรรลุเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด
และยกระดับเป็นอสูรในตำนาน
พลังงานมังกรของนางจะช่วยให้เขารู้แจ้งวิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณะระดับหกในระดับลึกซึ้ง
ระหว่างที่ฝึกผสานร่าง
ทั้งสองต่างกอดจูบ
เย่ว์หยางทำหลายอย่างกับเจี้ยงอิงเหมือนที่เขาทำกับเสวี่ยอู๋เสีย,
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, หญิงงามอู๋เหินและเจ้าเมืองโล่วฮัวระหว่างฝึกผสานร่าง แม้ว่าจะมีส่วนช่วยให้เย่ว์หยางฝึกผสานร่างนานหลายเดือน ก็มีแต่เย่ว์หวี่ที่ไม่ยอมให้พัฒนามาถึงขั้นนี้ อย่างน้อย นางไม่ยอมให้เย่ว์หยางทำเช่นนี้ตราบเท่าที่นางยังเป็นตัวของตัวเอง
เจี้ยงอิงยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ในการกระทำของนาง
นางรู้สึกมีความสุข เขินและกลัวไปในขณะเดียวกัน แม้ว่านางจะไม่ต่อต้านความก้าวหน้ารุกคืบของเย่ว์หยาง แต่นางได้แต่ยืนโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไรและได้แต่อดทนยอมรับทุกอย่าง
นอกจากนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ
แต่นางแค่ไม่มีความรู้อะไรเลย
เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกของนางที่มีประสบการณ์แบบนี้
โชคดีที่กระบวนการฝึกผสานร่างตลอดกระบวนการนั้นชักนำโดยเย่ว์หยาง
สามารถดำเนินการได้แม้จะให้ความร่วมมือน้อยที่สุด ตราบเท่าที่ไม่มีเจตนาต่อต้าน
ตอนแรกเริ่ม เจี้ยงอิงรู้สึกเขินอายจริงๆ
นางเฝ้ามองขณะเย่ว์หยางจูบไล่ลงไปตามส่วนร่างกายนางตั้งแต่อกลงไป
ความสุขความตื่นเต้นแผ่ซ่านไปตามสายเลือดและนางอยากจะลูบไล้และจูบเย่ว์หยางบ้าง
แค่ความกังวลและความอายยับยั้งนางไว้
ขณะที่เย่ว์หยางจูบนางอย่างนุ่มนวลและวางตัวนางลงนอนบนเตียง ทั้งหมดที่เจี้ยงอิงสามารถทำได้ก็คือปิดหน้าและหนีบต้นขาเข้าหากัน ขาของนางยังแข็งเก้ๆ กังๆ ขณะที่นางยังนอนอยู่
นางกลับเสนอตัวให้เขา
“ผ่อนคลายไว้ ทำใจให้ว่างเปล่า
รู้สึกถึงพลังงานที่ไหลเวียนให้ได้..” เย่ว์หยางเหมือนเป็นปลาที่สามารถฮุบเจี้ยงอิงได้ทั้งตัวในตอนนี้แล้ว
และนางคงจะไม่ขัดขืนเขา
อย่างไรก็ตาม จะครอบครองเจี้ยงอิง ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดในเวลานี้
สิ่งสำคัญก็คือ ยกระดับให้นางสำคัญมากกว่า
การฝึกฝนกับหญิงสาวร่างกายบริสุทธิ์เป็นวิธีที่เร็วที่สุด
ยังมีหนทางอีกยาวนานก่อนที่นางจะก้าวหน้าได้และการเร่งเวลาเร็วเกินไปจะทำให้นางยกระดับอย่างมากเพียงระดับเดียว
เนื่องจากในที่สุดแล้ว นางก็ต้องตกเป็นของเขาอยู่ดี ทำไมเขาต้องรีบเร่งด้วย?
หลังจากเย่ว์หยางมีความมั่นใจ
เจี้ยงอิงผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด
ร่างของนางลดอาการเกร็งและจมอยู่ในความสุขความยินดีขณะที่เย่ว์หยางจูบร่างนาง นางปล่อยให้เย่ว์หยางจูบและกอดร่างเปลือยเปล่าของนาง
ขณะที่นางเองก็กอดเขาอย่างดูดดื่ม
นางตัวสั่นและส่งเสียงครวญครางที่อ่อนหวานออกมาทุกครั้งที่เย่ว์หยางมีการเคลื่อนไหว
ลมหายใจที่เร่าร้อนและเสียงครางของนางผสานกันเหมือนเพลงบรรเลง
ผ่านไปสิบนาที นางแทบจะลืมตัวขณะกอดเย่ว์หยางแน่น
นางเพียงแต่ตอบสนองความรักทั้งหมดที่เขาแสดงผ่านร่างกายนาง ความกังวลก่อนหน้านี้ของนางถูกโยนทิ้งไปไกล
ร่างของนางตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเย่ว์หยางสิ้นเชิง
ขณะที่ใจของนางมุ่งเน้นอยู่ที่ความสุขยินดีที่เขาให้นาง จนลืมโลกไปอีกนาน
โดยไม่ทันรู้ตัว พลังของนางค่อยๆ
เข้มข้นขึ้นและระดับของนางลดลงอย่างต่อเนื่องจากการข่มกำราบของเพลิงอมฤตและปราณก่อกำเนิด จากระดับเจ็ด ระดับของนางตกลงมาอยู่ที่ระดับหก
อีกสิบนาทีต่อมาระดับของนางตกลงมาอยู่ที่ระดับห้า...
ถ้านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติ
นางคงตกตะลึงอย่างหนักเป็นแน่
แต่อย่างไรก็ตาม
นางเชื่อมั่นในตัวเย่ว์หยางสิ้นเชิง ตั้งแต่นางยอมมอบตัวเองให้กับเขา
บัวเพลิงฟ้าพิโรธ, พลังเยือกแข็งสุดขั้วและสายฟ้าม่วงมรณะถูกปล่อยออกมาจากร่างเย่ว์หยางและก่อตัวเป็นสนามพลังขนาดมหึมา
คัมภีร์อัญเชิญลอยออกมาด้วยตัวเอง
และแสงม่านพลังรูปร่างอสูรโลกามีรัศมีหกสิบเมตร
ปราณก่อกำเนิดไหลออกจากปากของเย่ว์หยางไหลเข้าปากเจี้ยงอิง
และมันแผ่ซ่านไปทั่วร่างของนางก่อนกลับมาที่ร่างของเย่ว์หยางจากตันเถียนของนาง ตรงกันข้าม เพลิงอมฤตเข้าไปตามกระดูกก้นกบนางและโคจรขึ้นไปตามร่างนางก่อนโคจรกลับคืนมาที่เย่ว์หยางจากบริเวณอกนาง
เพลิงอมฤตปรับเปลี่ยนรูปทรงเป็นหงส์เพลิงที่สง่างามไม่มีใดเปรียบ
และบินฉวัดเฉวียนผ่านร่างของพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ร่างของเจี้ยงอิงสั่นสะท้านรุนแรง ทุกที่ๆ พลังของนางไหลผ่าน
พลังจะเพิ่มขึ้นทับทวีหลายเท่า
พลังของนางปะทุขึ้นจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้าไปเป็นระดับหก
จากนั้นขึ้นมาอยู่ที่ระดับเดิมของนางคือระดับเจ็ด
ในที่สุด แสงลึกลับฉายส่องประกายเหมือนรุ้ง
ปีกมังกรคู่หนึ่งและหางมังกรปรากฏออกมาจากร่างของเจี้ยงอิง ทั้งปีกทั้งหางโอบร่างเย่ว์หยางไว้แน่น
ขณะที่นางร้องออกมาเพราะความเจ็ดปวดระคนสุขที่ได้บรรลุขอบเขตใหม่หลายระดับพลัง
ในทันทีนั้น เย่ว์หยางไม่สามารถหาคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดงได้ ดังนั้นเขาจึงเรียกคัมภีร์เงินออกมาฉับพลันและกดมือน้อยๆ
ของเจี้ยงอิงลงบนนั้น
ใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาช่วยให้นางทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ
เมื่อการทำสัญญาล้มเหลวขณะที่นางจะจบกระบวนการบรรลุขอบเขตใหม่ เย่ว์หยางกัดลิ้นเขาและพ่นเลือดลงบนคัมภีร์อัญเชิญ
เขาไม่รู้ว่าเหตุผลที่เขาทำลงไป บางทีเพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จก็เป็นได้
บางที
เป็นความรู้ที่ตกทอดมาจากมารดาของเขาที่ยอมให้เขากระทำไปโดยไม่รู้ตัวชั่วครู่
หรือบางทีอาจเป็นเทพธิดากระบี่ฟ้าสั่งจิตใต้สำนึกของเย่ว์หยางก็เป็นได้ เขารู้สึกว่า
ทั้งหมดนี้น่าจะหาคำอธิบายได้
เพียงแต่เขาไม่มีเวลามากพอจะไตร่ตรอง
เขากลับเน้นมุ่งการถ่ายปราณก่อกำเนิดให้เจี้ยงอิงโดยบริสุทธิ์ใจเพื่อช่วยให้นางทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้
นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด
ถ้านางล้มเหลวในการทำสัญญาวันนี้
อย่างนั้นก็คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย
ในที่สุด แสงสว่างเจิดจ้าจากมือเจี้ยงอิงที่สัมผัสกับคัมภีร์อัญเชิญก็ฉายออกมา
ลำแสงสีทองฉายขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นรูปนางมังกรไร้เขาอยู่ในท้องฟ้า
ลำแสงพุ่งขึ้นไปในอากาศเป็นวงกลมก่อนที่จะกลับเข้ามาในตัวเจี้ยงอิงในพริบตา หางแต่เดิมที่พันรอบตัวเย่ว์หยางหายไปทันที
และเปลี่ยนเป็นแสงและกลับกลายเป็นเรียวขาที่งดงามไร้ตำหนิที่โอบเอวของเย่ว์หยาง
ปีกมังกรบนหลังของนางลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว และงอกใหม่เป็นปีกละเอียดอ่อน
ปีกเหล่านั้นกลายเป็นแก้วผลึกใสที่ยังคงโอบพันรอบตัวเย่ว์หยางอยู่
เจี้ยงอิงกอดเย่ว์หยางแน่น
ขณะที่นางเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วโดยไม่มีสติขณะที่นางยกระดับ ขอบเขตใหม่ของอสูรในตำนานมีผลต่อภูมิปัญญาของนาง แต่สิ่งที่ทำให้นางกลัวมากกว่าก็คือ นางเชื่อมโยงความสัมพันธ์เข้ากับชีวิตส่วนหนึ่งของเย่ว์หยางแล้ว
ข้อมูลนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในหัวของนางและนางไม่สามารถจัดลำดับความสับสนในจิตใจนางได้
ความสุขที่นางรู้สึกในร่างกายนางก็ยังคงเป็นเหตุผลหนึ่งที่นางคิดได้ไม่ชัดเจนนัก
นางรู้สึกว่าความเป็นชายของเย่ว์หยางเริ่มกดดันนางอย่างนิ่มนวล ความรู้สึกชนิดนั้นทำให้นางสั่นตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
เป็นความรู้สึกแทบทนไม่ได้ แต่น่าพอใจไปในขณะเดียวกัน
เหมือนกับว่าร่างกายของนางโหยหาความรู้สึกนั้นโดยอัตโนมัติ เท้าและปีกโอบกอดเย่ว์หยางไว้แน่น
เหมือนกับว่าร่างกายของนางต้องให้เย่ว์หยางสมสู่นางทันที เป็นหนึ่งเดียวกับนางอย่างแท้จริง...
เย่ว์หยางก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
เขาสามารถรู้สึกได้ว่าทั้งหมดนั้นเข้าทางเขาแล้ว
เหลือเพียงอุปสรรคที่บางเบาเท่านั้น
นั่นก็คือปราการสุดท้ายของสาวพรหมจรรย์
ทั้งหมดที่เย่ว์หยางต้องทำก็คือเดินหน้าต่อและทำให้เจี้ยงอิงกลายเป็นสตรีของเขาจริงๆ..
การพรากพรหมจรรย์ของนางอย่างนั้น บางทีนางจะไม่สามารถยกระดับได้เหมือนเจ้าเมืองโล่วฮัวและสตรีที่เหลือ เนื่องจากนางเพิ่งจะยกระดับ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่มีพลังปราณก่อกำเนิดเหลือพอจะยกระดับให้นาง ลืมไปเสียก่อน
เรื่องนี้คงยังไม่มีในตอนนี้
เย่ว์หยางไม่สามารถหยุดยั้งถอนถอยได้อีกต่อไป
เขาตัดสินใจรับสาวมังกรไร้เขาไว้ทันที
ขณะที่เย่ว์หยางเตรียมจะรุกหน้าต่อ
ร่างของเจี้ยงอิงก็กลายเป็นลูกกลมแสงลอยเข้าไปในคัมภีร์อัญเชิญของเขา
มีแสงฉายรอดออกมา
หน้าของคัมภีร์พลันพลิกเปิด
เย่ว์หยางที่ยังเปลือยกาย สะดุ้งโหยงและเหงื่อไหลพร่างพรู
กลับกลายเป็นว่าเขาได้ทำสัญญากับเจี้ยงอิงโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่ทำให้เขากังวลใจที่สุดก็คือนี่ต่างจากสิ่งที่เขาเคยเห็นมาก่อน
เมื่อเขาทำสัญญากับโคเงาอาหมัน, นางพญากระหายเลือดหงและนางพญาดอกหนามมงกุฎทองตั่วตั่ว..
เป็นไปได้ไหมว่าเลือดเขาที่พ่นลงไปบนคัมภีร์อัญเชิญตอนที่เจี้ยงอิงทำสัญญากับคัมภีร์ทำให้เกิดผลเช่นนี้?
เมื่อลงเอยกับสาวมังกรอย่างนี้ ทำให้เย่ว์หยางถอนหายใจโล่งอก
แน่นอนว่า
นี่ไม่ได้พูดถึงทำให้นางเป็นสตรีของเขา
นั่นคงจำเป็นต้องใช้เพิ่มอย่างน้อย 2-3 วินาทีร่วมกันจึงจะสำเร็จได้
แต่นี่ต้องเรียกว่า เป็นอสูรพิทักษ์ของเขา เย่ว์หยางตระหนักว่าอสูรพิทักษ์ของเขาทั้งหมดปรากฏขึ้นมาอย่างฉาบฉวยฉับพลันและทำสัญญากันอย่างที่อธิบายไม่ได้ ไม่มีสัญญาณเตือน
พวกเขาทั้งหมดลงเอยเป็นอสูรพิทักษ์ของเขาภายใต้สถานการณ์ที่มิได้คาดไว้เลย เจี้ยงอิงยังคงทำสัญญาสำเร็จ โดยไม่ได้เตรียมใจมาก่อน นางกลายเป็นอสูรพิทักษ์ของเขา
เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจได้
ช่างเถอะ, ยังไงเสียก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี
เขาสามารถถามเทพธิดากระบี่ฟ้าได้เสมอ
บางทีนางคงช่วยเขามาตลอดเวลา
เย่ว์หยางตัดสินใจว่า เขายังจะไม่สาวลึกลงไปในปัญหาเช่นนี้ในตอนนี้ก่อน
เมื่อดูใกล้ๆ เขาสังเกตว่าสาวมังกรไร้เขายังคงหลับ นางยังดูเหมือนสับสนว่าพลังของนางยังเพิ่ม
ขณะที่พลังของอสูรในตำนานและพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปดยังอยู่ในกระบวนการหลอมรวมกัน ขณะเดียวกัน
นางต้องจัดการกับความเปลี่ยนแปลงในฐานะเป็นอสูรพิทักษ์ พลังทั้งหมดที่นางได้รับหลังจากบรรลุขอบเขตใหม่
ทำให้ตอนนี้นางยังสับสนสถานะตนเองอยู่
เขาคาดว่านางคงยังไม่พร้อมต่อสู้จนกว่าเวลาจะผ่านไปสักระยะ
สามารถทำสัญญากับนางได้นับเป็นความพึงพอใจยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเย่ว์หยาง
และไม่ว่านางจะเข้าร่วมต่อสู้หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่เขาต้องกังวล
ปัญหาเรื่องการฆ่าจักรพรรดิสมุทรไม่เคยเป็นเรื่องกังวลใหญ่ที่สุดของเย่ว์หยางเลย
อย่างมากที่สุด จักรพรรดิสมุทรอาจถูกฆ่าได้สักวันหนึ่ง
มีเพียงสิ่งที่รบกวนใจเย่ว์หยางตอนนี้ก็คือ
เขาเกือบจะบรรลุปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่หกแล้ว
แต่โชคไม่ดี เจี้ยงอิงเข้าสู่ห้วงนิทราในขณะนี้เสียแล้ว
เขาจะทำอะไรได้ เนื่องจากนางเซียนหงส์ฟ้าและโล่วฮัวทั้งสองคนไม่ได้อยู่ข้างตัวเขา?
ในชั่ววาบหนึ่ง
เงาร่างหนึ่งโฉบลงมาจากท้องฟ้าและนางพญากระหายเลือดโผเข้าอ้อมกอดเย่ว์หยาง หน้าของนางยังแดงอยู่ “ให้ข้าได้ช่วยเจ้านายได้ยกระดับเถอะ ข้าเรียนรู้วิธีมาบ้างแล้ว...”
21 ความคิดเห็น:
มีต่อ รอบ 2 แต่ไม่อยากให้เป็นอสูรพิทักษ์เลย
ถ้าเจ้านายตาย ก็ตายตามอ่ะดิ
ถึงเวลาง่ำอาหงแล้ว
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
แหม อาหงเรียนรู้มาแล้ว
ขอบคุณครับ
อาหงศึกษาหนังสดมาเยอะแล้วได้เวลาปัฏิบัติจริงซักที
555หงถวายตัวแล้ว!!!
รอคนนี้มานาน 555 และแล้วก็ค้างอีกเช่นเคย
@bosshoio ถ้าไม่เป็นอสูรผู้พิทักษ์ แล้วมาตายตอนสู้กันนี่ก็ตายจริงนะครับ ตายก่อนเจ้านายด้วยซ้ำ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
อาหงกำลังจะจัดแล้ว.
ขอบคุณครับ
เอ้าอารมณ์กำลังมาได้เสีย มาได้จังหว่ะจริง 5555
ฮุฮุฮุ ช่างน่ารักจริงแท้หนอ เธอตนนี้ >w< แหม่ อีกนิ๊ดดดดดดเดียวเท่านั้น!!!
ป.ล. โอ้ววว!! *0* หงเอ๋อ! หงเอ๋อยอมไม่ได้สินะ ที่จะมาโดนสาวอสูรตนใหม่แซงหน้า
นั่นไง นางที่เราเชียร์มาตลอด ไม่รุ้ยังไง แต่ชอบนาง ถึงหลังๆบทจะน้อยลงเพราะสาวเยอะเกิน ก็เถอะ
ขอบคุณคับ
ขอบคุณค่ะ
Thx
ขอบคุณครับ
ฉวยโอกาสเลยนะ 555
แสดงความคิดเห็น