วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 474 อุทกแม่พระธรณี



ตอนที่  474  อุทกแม่พระธรณี
พลังคลื่นอัดกระแทกที่เกิดจากทั้งสองฝ่ายพอๆ กับแรงระเบิดที่ทรงพลังที่เกิดจากจักรพรรดิสมุทรและอันซี

ด้วยพลังสนับสนุนจากจ้าวมังกรทองสามหัว พลังหมัดของจักรพรรดิสมุทรแข็งแกร่งเพียงพอจะทำลายเนินเขาได้ราบคาบ  ขณะที่ด้วยความช่วยเหลือจากเงาปีศาจยักษ์สองร่าง  พลังของเย่ว์หยางทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนได้เช่นกัน ไม่เพียงแต่การเสริมพลังของพวกเขาทำได้ใกล้เคียงกันเท่านั้น  แต่รูปแบบการต่อสู้ก็ยังคลับคล้ายกันด้วย  ทั้งสองคนไม่เลือกโจมตีร่างกายของฝ่ายตรงข้าม แต่ทั้งสองฝ่ายกลับเลือกโจมตีหนักหน่วงใส่หน้าผากของฝ่ายตรงข้าม
เย่ว์หยางได้รับการปกป้องโดยเกราะเพลิงอมฤต  ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จักรพรรดิสมุทรจึงไม่โจมตีใส่ร่างของเขา
ในทำนองเดียวกัน จักรพรรดิสมุทรก็มีเกราะจักรพรรดิสมุทรชั้นศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องร่างของเขา และเขายังมีอสูรพิทักษ์สายเสริมพลัง จ้าวมังกรทองสามหัวคอยช่วยเหลือเขา และคล้ายๆ กับจักรพรรดิสมุทร เย่ว์หยางไม่ได้เล็งหมัดใส่ตัวของเขา  แม้ว่าอกของจักรพรรดิสมุทรจะมีบาดแผลเจ็บสาหัสอยู่แล้ว  และหัวใจของเขาไม่มีอะไรปกป้อง  แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเป้าหมายของเย่ว์หยาง
กระหน่ำใส่หน้าผากของคู่ต่อสู้อย่างเดียว
นี่เหมือนเป็นทางเลือกและข้อตกลงของทั้งสองโดยบังเอิญ
เหมือนจะเข้าใจกันและกัน การโจมตีใส่กันของพวกเขายังดำเนินต่อไป
ความเร็วของจักรพรรดิสมุทรก้วนหลานจัดว่าเร็วมาก
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางกลับเร็วกว่าเล็กน้อย ถ้าเขาไม่มีประสบการณ์พบกับการโจมตีเต็มกำลังของจักรพรรดิชื่อตี้  เขาอาจจะช้ากว่าจักรพรรดิสมุทรก้วนหลานมากก็ได้
นอกจากจักรพรรดิชื่อตี้แล้ว จักรพรรดิสมุทรคือคนหนึ่งที่มีความเร็วสูงสุดเท่าที่เย่ว์หยางเคยเห็น  เทียบกับความเร็วขององค์ชายเงาดำที่ภูมิใจนักหนาก็เป็นเหมือนแค่เต่าคลานตัวหนึ่ง  ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จักรพรรดิสมุทรสามารถต่อสู้เสมอได้ในระดับเดียวกับอันซีผู้ว่องไวที่สุดในหมู่นักฆ่า...
ในท่ามกลางประกายแปลบปลาบเย่ว์หยางกวัดแกว่งวงจักรล้างโลกและฟันใส่เขาอย่างดุเดือด
มันตัดผ่านปราณก่อกำเนิดของจักรพรรดิสมุทรที่ใช้คุ้มครองตนเองและกรีดใส่หน้าผากของจักรพรรดิสมุทร  จักรพรรดิสมุทรไม่ได้หลบหลีก แต่เขากลับใช้พลังทั้งหมดปล่อยหมัดใส่หน้าของเย่ว์หยางตั้งใจจะให้เย่ว์หยางพินาศไปพร้อมกับเขา  เขามีพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบชั้นสูงสุด มีอสูรศักดิ์สิทธิ์ จ้าวมังกรทองสามหัวเสริมพลังป้องกันตัวไว้แล้ว  เขาจึงสามารถเสี่ยงอย่างนี้ได้แน่นอน
เหตุผลที่จักรพรรดิสมุทรชนะอันซีได้ก็เพราะความแม่นยำจากการเสริมพลังจากจ้าวมังกรทองสามหัว
เย่ว์หยางไม่ได้ถอยแต่ยังคงมุ่งหน้าต่อขณะที่งอแขนซ้ายมาป้องกันใบหน้าของเขา
ในมือขวา ถือวงจักรล้างโลก
บัวเพลิงฟ้าพิโรธ, น้ำแข็งสุดยะเยียบและอสรพิษสายฟ้าม่วงทำให้พื้นที่ทั้งหมดบิดเบี้ยว  ขณะที่วงจักรล้างโลกตัดใส่ แม้แต่มิติก็ดูเหมือนจะขาดแตกกระจาย นี่คือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดที่เย่ว์หยางสร้างขึ้นได้ในระดับที่บรรลุใหม่  แม้ว่าจักรพรรดิสมุทรจะมีร่างที่แข็งแกร่ง  แต่หลังจากถูกวงจักรล้างโลกโจมตีใส่  เขาจะเจ็บหนักจนทรุดลงกับพื้น
ทันใดนั้น จ้าวมังกรสามหัวยื่นหัวยักษ์ข้างหนึ่งมาบังร่างจักรพรรดิสมุทรไว้
มันงับใส่วงจักรล้างโลกอย่างรุนแรง
วงจักรล้างโลกผ่าใส่ศีรษะมัน  แม้ว่าศีรษะของมันจะได้รับบาดแผลอย่างหนัก แต่มันยังพุ่งเข้าใส่ด้วยความโกรธที่ลุกโชน มันกัดใส่เย่ว์หยางอย่างรุนแรง แทบจะทันทีหมัดยักษ์ของจักรพรรดิสมุทรกระแทกใส่แขนซ้ายของเย่ว์หยาง  แขนซ้ายของเขาหักทันที เย่ว์หยางเจ็บปวดอย่างหนัก เขาพลิกตัวด้านบนใช้ขาขวาเตะใส่อกของจักรพรรดิสมุทร เขายิงปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ใส่รอยแตกของเกราะจักรพรรดิสมุทรซึ่งเกิดจากกริชสังหารเทพ  ปราณของเขายิงเข้าใส่หัวใจของจักรพรรดิสมุทร
แขนข้างหนึ่งกับชีวิต
นี่คือส่วนทั้งหมดของแผนการที่เย่ว์หยางวางไว้  แม้แต่ช่วงสามวันก่อนนี้ เขาได้ปรึกษากับอันซีในลักษณะดังกล่าว
อันซีเจตนาสร้างรูเล็กไว้บนเกราะของจักรพรรดิสมุทรและเปิดโอกาสให้เย่ว์หยางได้เล่นงานเขาอย่างหนัก
หลังจากหัวใจของจักรพรรดิสมุทรถูกแทง ร่างกายของเขาก็เชื่องช้าลง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้หยุดทันที กลับโต้ตอบกลับอย่างบ้าคลั่งแทน
บนร่างของเขา  ศีรษะยักษ์ของมังกรทองอีกข้างหนึ่งงอกออกมา  มันงับเย่ว์หยางแล้วฟาดเขาลงกับพื้นแก้วผลึก ขณะที่เย่ว์หยางเจ็บปวดทรมานและมึนงงอยู่นั้น หัวมังกรที่สามก็งอกออกมาจากตัวของจักรพรรดิสมุทร  มันมีขนาดใหญ่และมีกลิ่นอายรุนแรง มันคายสามง่ามออกมา  จักรพรรดิสมุทรฉวยไว้แล้วใช้ตีใส่ร่างเย่ว์หยางจนล้ม
 “โอวบรรลัยแล้ว...”  เย่ว์หยางสติแตก เมื่อจักรพรรดิสมุทรยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อีกชิ้น  แม้แต่อันซีก็ยังไม่รู้
ง้าวสามง่ามอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิสมุทรเป็นประกายสีทองแทงตรงมาที่ร่างของเย่ว์หยาง
ถ้ามันแทงลงมาได้ ชีวิตของเย่ว์หยางคงแขวนอยู่บนเส้นด้ายแน่
ช่วงวิกฤตินั้นเอง เย่ว์หยางปลดปล่อยร่างของเขาจากแรงกดดันที่เกิดจากสนามพลังของจักรพรรดิสมุทร   เขาใช้ท่าระบำกระบี่หนึ่งในสามวิชาลับหลบหนีได้พ้นอย่างรวดเร็ว  ขณะเดียวกัน เขาเตะโดยใช้ขาขวา  ด้วยหวังจะใช้พลังหลบหนีจากพลังที่คุกคามแทบตายนั้น
หัวมังกรยักษ์ที่อยู่บนร่างของจักรพรรดิสมุทรไม่มีความกลัวตายมันอ้าปากงับร่างของเย่ว์หยาง
แม้ว่าเกราะเพลิงอมฤตสร้างจากเปลวเพลิงอมฤตจะเผาไหม้อย่างรวดเร็ว  แต่ขากรรไกรยักษ์ของมันก็ยังไม่ยอมปล่อย  ยังคงชะงักได้ชั่วขณะเพื่อให้จักรพรรดิสมุทรได้โจมตีได้ถึงร้อยครา  ง้าวสามง่ามของจักรพรรดิสมุทรแทงลงมาอย่างรุนแรง  เย่ว์หยางไม่มีทางเลือก  ได้แต่หลบและทุ่มเทพลังป้องกันอย่างสุดชีวิต อย่างไรก็ตามขาขวาที่เขาเตะออกไปชักกลับมาไม่ทันเวลา ง้าวสามง่ามของจักรพรรดิสมุทรแทงขาเขาและปักตรึงไว้กับพื้นแก้วผลึก  หัวมังกรที่ใหญ่ที่สุดบนตัวของจักรพรรดิสมุทรเกร็งพลังรอไว้เป็นเวลานาน มันอ้าปากยักษ์ของมันและพ่นไฟมังกรที่น่ากลัวกว่าไฟนรกเป็นร้อยเท่าออกมา
เพลิงที่พ่นออกมาจากจ้าวมังกรทองสามารถทำร้ายและฆ่าทุกชีวิตได้ทันที
ไม่สามารถหลบหนีได้
แค่เพียงเมื่อจักรพรรดิสมุทรคิดวาเขาจะชนะ  เกราะเพลิงอมฤตบนร่างของเย่ว์หยางก็เปลี่ยนเป็นหงส์เพลิงทันที  มันพุ่งเข้าใส่ขากรรไกรยักษ์ของจ้าวมังกรทองซึ่งกำลังจะพ่นไฟมังกร
แม้ว่าเพลิงมังกรจะทรงพลังมาก แต่ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับเพลิงอมฤต
หงส์เพลิงปล่อยเพลิงอมฤตและชำระเพลิงมังกรทั้งหมด  จากนั้นโถมตัวเองเข้าหาไปที่ขากรรไกรขนาดยักษ์ของจ้าวมังกรทอง ทำให้จ้าวมังกรทองหายไปทันที เป็นการบีบบังคับให้มันกลับเข้าไปในร่างของจักรพรรดิสมุทร
ถ้ามันช้าไปสักวินาทีเดียว มันจะถูกหงส์เพลิงอมฤตเผาทั้งเป็น
อสูรของจักรพรรดิสมุทรไม่อาจเทียบได้กับของเย่ว์หยาง  อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิสมุทรก็ยังครอบครองพลังนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบขั้นสูง  เขากำหมัดแน่นและปล่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง
ทันใดนั้น เย่ว์หยางเรียกคัมภีร์อัญเชิญของเขาออกมากางม่านพลังป้องกัน  แม้ว่าม่านพลังจะถูกหมัดของจักรพรรดิสมุทรทำลาย  แต่เขาก็สามารถยับยั้งจักรพรรดิสมุทรได้ครึ่งวินาที  เสี่ยวเหวินหลีปรากฏออกมาจากร่างของเย่ว์หยาง  ตากลมน่ารักของเธอจ้องดูเขาขณะใช้ทักษะแฝงเร้นโซ่ล่องหน หมัดของจักรพรรดิสมุทรเชื่องช้าลงอีกครั้งหนึ่ง  โคเงาอาหมันกระโจนออกมาและใช้หมัดของนางต่อยเข้าที่เอวของจักรพรรดิสมุทรอย่างรุนแรง
เมื่อเกราะของจักรพรรดิสมุทรสั่นสะเทือนรุนแรง  โคเงาอาหมันร้องคำรามลั่น นางยกร่างจักรพรรดิสมุทรที่โดนโซ่ล่องหนมัดอยู่และทุ่มเขาออกไป
ช่วงเวลานี้ มีเวลาอีกสามสิบวินาทีก่อนอุทกแม่พระธรณีจะกำเนิด
เย่ว์หยางและจักรพรรดิสมุทรบาดเจ็บหนักทั้งคู่
ที่แตกต่างกันก็คือ เย่ว์หยางเพียงบาดเจ็บที่แขนซ้ายและขาขวา  อวัยวะภายในของเขาได้รับความกระทบกระเทือน แต่ยังสามารถสู้ได้
จักรพรรดิสมุทรบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว  หลังจากถูกวงจักรล้างโลกและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเย่ว์หยางเล่นงาน ตอนนี้เขาอยู่ในขอบเหวความตายอาจตายได้ทุกเมื่อ  นอกจากนี้ อสูรพิทักษ์ของเขา จ้าวมังกรทองสามหัวถูกทำลายไปสองหัวและพลังของมันตกลงไปมาก แม้ว่ายากจะป้องกันได้  เมื่อเขายืนขึ้น เขากระอักโลหิตออกมาเต็มปาก  ร่างของจักรพรรดิสมุทรใกล้จะล้มลงเต็มที  เย่ว์หยางถูกตรึงด้วยง้าวสามง่ามกับพื้นแก้วผลึก  ดังนั้นจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระชั่วขณะ  จักรพรรดิสมุทรฝืนอาการบาดเจ็บและวิ่งเข้าหาบัวแก้วผลึก  ถ้าเขากินอุทกแม่พระธรณีลงไป  อย่างนั้นร่างของเขาก็จะฟื้นคืนจนอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด  บางทีอาจจะบรรลุกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าไปเลยก็ได้
อาหมันใช้พลังของนางทั้งหมดถอนง้าวสามง่ามของจักรพรรดิสมุทรออกมาจากพื้นผลึก
อย่างไรก็ตาม อาวุธชั้นศักดิ์มักมีสติปัญญา
มันทำตามความตั้งใจของเจ้านายของมันตรึงอยู่กับพื้นต่อต้านการดึงถอนของอาหมันไว้ได้
สามง่ามของจักรพรรดิสมุทรถูกขยับดึงออกช้าๆ แต่ด้วยความเร็วขนาดนั้น คงไม่อาจถอนออกได้ภายในสามสิบวินาที  นี่ก็หมายความว่าเย่ว์หยางจะไปถึงที่กำเนิดของอุทกแม่พระธรณีไม่ทันเวลา
 “ก้วนหลาน ได้เวลาที่แกจะต้องไปขอขมากับทุกคนแล้ว”  ชายชราชุดปออันซีปรากฏตัวอยู่ด้านหลังจักรพรรดิสมุทร  เขาแทงกริชสังหารเทพในมือเข้าที่หลอดเลือดแดงที่คอของจักรพรรดิสมุทร  จักรพรรดิสมุทรจับมือของเขา หยุดไม่ให้เขาตัดศีรษะตนเองได้  เขาใช้พลังอึดสุดท้ายยกร่างของอันซีและฟาดใส่เสาแก้วผลึกที่อยู่ห่างออกไป
 “ตอนนี้ ไม่มีเวลาแล้ว เมื่อข้าตาย ข้าค่อยไปพบพวกนั้นเอง”  จักรพรรดิสมุทรฝืนถอนกริชสังหารเทพออกมา ทำให้เลือดพุ่งไหลออกมาเป็นสายน้ำ
ชั่วเวลาขณะนี้บัวแก้วผลึกเริ่มคลี่กลีบบานแล้ว
สวยงดงามมาก
รัศมีสีทองนับพันสายฉายออกมาจากบัวแก้วผลึก ทำให้หุบเขาแก้วผลึกกลายเป็นโลกสีทอง
จักรพรรดิสมุทรทั้งที่ยังมีเลือดหยดไหลอยู่กระโดดขึ้นไปอยู่บนบัวแก้วผลึกและมองดูภาพที่อยู่ต่อหน้าด้วยความตื่นเต้น
อุทกแม่พระธรณีหมื่นปีที่เขารอคอยมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็พร้อมแล้ว
อาหมันถอนสามง่ามของจักรพรรดิสมุทรออกมาได้และโยนมันออกไปอย่างฉุนเฉียว  อย่างไรก็ตาม สายเกินไปแล้ว  แม้ว่าเย่ว์หยางจะลุกขึ้นได้ แต่เขาไม่สามารถห้ามมิให้จักรพรรดิสมุทรได้รับอุทกแม่พระธรณีได้
เพราะมันอุบัติขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
ประกายแสงสีทองจำนวนมากฉายออกมาจากบัวแก้วผลึกก่อตัวเป็นลำแสง
สายน้ำพุพุ่งออกมาจากบัวแก้วผลึก  มันเหมือนกับสายรุ้ง  หลังจากนั้น มันลอยไปตามลำแสงทองและลอยขึ้นไปในอากาศ
จักรพรรดิสมุทรใช้ความเร็วสุดชีวิตเท่าที่เขาจะทำได้ดึงขวดหยกที่เขาเตรียมไว้เป็นเวลานานออกมา  แล้วบรรจุน้ำพุไว้ในขวดหยกทันที  ก่อนที่อันซีจะเข้ามาถึง  เขาโน้มตัวและเรียกสามง่ามจักรพรรดิสมุทรของเขากลับมา และใช้มันป้องกันการโจมตีของอันซี เขาใช้สามง่ามฉีกปีกมังกรของเขา  ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าแสง เขาคำรามใส่อากาศแล้วจากไป
จักรพรรดิสมุทรเทเลพอร์ตส่งตนเองหนีออกมาจากหุบเขาแก้วผลึก
เย่ว์หยางได้แต่ดูกระบวนการที่เกิดขึ้นทั้งหมดเท่านั้น
อาหมันโกรธจัด นางใช้แท่งแก้วผลึกยักษ์ทุ่มใส่จักรพรรดิสมุทร แต่ช้าเกินกว่าจะห้ามมิให้จักรพรรดิสมุทรหนีไป
เสี่ยวเหวินหลียังคงมองดูเย่ว์หยางด้วยสายตาน่าเวทนา  ตาของเธอแดงราวกับว่าจะเริ่มร้องไห้
เย่ว์หยางอุ้มเธอไว้แตะจมูกน้อยๆ ของเธอเบาๆและพูดว่า “จะร้องทำไมลูก, อุทกแม่พระธรณีของจริงยังอยู่ที่นี่  สิ่งที่จักรพรรดิสมุทรเพิ่งเอาไปเป็นผลึกเหลวบริสุทธิ์เท่านั้น  ถ้าเขาเอาอุทกแม่พระธรณีไปจริงๆ ข้าจะดูเฉยๆ ได้ยังไง คงจะแปลกล่ะ ถ้าข้าไม่สู้กับเขา ไม่ต้องร้องนะ..เราไปรับของจริงกันเถอะ”
รอบๆ บัวแก้วผลึก พวกผู้พิทักษ์โบราณต่างคุกเข่ากันหมด
พวกมันไม่ขยับ
เป็นเหมือนกับว่ามีเสียงร้องเพลงที่ไพเราะน่าฟังกว่าเสียงธรรมชาติ แต่ไม่ดังออกมาเป็นเสียง กลับก้องอยู่ในหัวใจของผู้คน  เป็นเสียงกำเนิดของอุทกแม่พระธรณี  ทั่วทั้งหุบเขาแก้วผลึกอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมฟุ้งขึ้นและเป็นกลิ่นที่หอมมากกว่าบุปผาชาติทั้งมวลในโลก  เมื่อมีผู้ได้กลิ่นมัน จะรู้สึกมึนเมา นี่คือกลิ่นหอมของอุทกแม่พระธรณี
บัวแก้วผลึกคลี่บานเต็มที่
แสงนับไม่ถ้วนส่องเต็มพื้นที่เบื้องบนจนเหมือนสายรุ้ง
พลังของแก้วผลึกในหุบเขาแก้วผลึกไหลตรงมาที่บัวแก้วยักษ์เหมือนกับแม่น้ำไหลลงทะเล  ธาตุที่บริสุทธิ์เข้มข้นได้กลับเข้ามารวมที่ใจกลางของบัวแก้วผลึก
ผู้พิทักษ์โบราณสูญเสียพลังของมันและได้ล้มลงทีละตัวๆ
วิญญาณของพวกมันผสานเข้ากับแก้วผลึกและนอนลงอยู่นิ่งๆ อีกครั้ง
ขณะที่เย่ว์หยางพาเสี่ยวเหวินหลีไปที่ต่อหน้าบัวแก้วผลึก เขาตระหนักว่ามีอุทกแม่พระธรณีเพียงหยดเดียวอยู่ภายใน
บัวแก้วแตกออกเป็นพันชิ้นและทั่วทั้งหุบเขาแก้วผลึกสั่นสะเทือนไปหมด บางที่ก็เริ่มพังทลายลง พลังของแก้วผลึกดูเหมือนจะหายไปสิ้นเชิง หุบเขาแก้วผลึกทั้งหมดจะกลับกลายเป็นหินขาวธรรมดา มีเศษชิ้นส่วนแก้วผลึกเล็กๆ ที่ยังมีพลังงานเหลืออยู่กระจายอยู่บนพื้น
อุทกแม่พระธรณีลอยมาอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง เป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
พลังงานที่เหลืออยู่นั้นช่างเหลือเชื่อ ทั้งบริสุทธิ์ทั้งเข้มข้นมาก
มันส่องแสงสีทองสว่างแพรวพราว  แม้จะอยู่ในรูปของเหลว แต่ก็มีรัศมีงดงามจับใจ

16 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

แดรกๆ ไปเหอะ ขี้เกียจลุ้น

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ย่อหน้าที่14 ถังเทียน

Unknown กล่าวว่า...

ถังเทียนมาแจมตอนนี้ด้วย อิอิ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ติดตามๆ

Unknown กล่าวว่า...

ให้รู้บ้างใครเป็นใคร

Unknown กล่าวว่า...

ให้รู้บ้างใครเป็นใคร

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

จักรพรรดสมุทร เอาน้ำพุไปทำไม หรือว่าเอาผิดไปหรอ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

แหม่....ช่างน่าสงสารท่านจักรพรรดิยิ่งนัก!

ป.ล. เสี่ยวเหวินหลีนี่น่ารักจริงๆ ><

Unknown กล่าวว่า...

โง่

8lek8 กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น