วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 483 คัมภีร์เทพ



ตอนที่  483  คัมภีร์เทพ
เมื่อมีการเริ่มต้นที่ดี การค้นคว้าของเย่ว์หยางจึงอยู่ในแนวทางที่ถูกต้องจนได้

การประสบความสำเร็จในการสร้างอาวุธวิเศษโบราณ “ใบมีดนางฟ้า” ให้เย่ว์หวี่ไขความกระจ่างให้กับเย่ว์หยาง และแรงบันดาลใจของเขากำลังพุ่งพรวดทับทวี
วันนี้ เย่ว์หยางและเย่ว์หวี่ยังคงทดลองอยู่
เจ้าเมืองโล่วฮัวได้ชงชาหอมเพื่อเอาใจแม่สี่โดยเฉพาะ  ปกตินางจะไม่ทำงานอย่างนี้ เพราะสถานะนางเป็นเจ้าหญิงองค์หนึ่ง มีแต่คนอื่นๆ จะต้องมารับใช้นาง  อย่างไรก็ตาม วันนี้ถือว่ายกเว้น เพราะวันนี้นางใช้น้ำชาที่ชงจากน้ำพุแห่งความเยาว์วัยกับหญ้าประกายดาว  หลังจากดื่มแล้ว ชาถ้วยนี้จะช่วยให้ร่างกายคืนสู่ความเยาว์วัยและจะมีผลต่อสตรีอย่างโดดเด่น
เหตุผลง่ายๆ คือเจ้าเมืองโล่วฮัวในฐานะสะใภ้เยาว์วัยต้องการเอาใจแม่สี่ในฐานะเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
แม่สี่ตอนแรกไม่ทราบเรื่องนี้ และคิดว่านี่คือสมุนไพรธรรมดา  นางเปิดฝาถ้วยชาและจิบอย่างมีความสุข  นางตกใจเล็กน้อยและโพล่งออกมา “นี่เป็นน้ำพุแห่งความเยาว์วัยไม่ใช่หรือ? แล้วก็หญ้าประกายดาว.... โล่วฮัว!  เจ้าใช้น้ำพุแห่งความเยาว์วัยมากไปหรือเปล่า? นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเอามาใช้ชงชา?  นี่เหมาะกับหญิงสาวเยาว์วัยอย่างเจ้ามากกว่า  ข้าเป็นแม่ของปิงเอ๋อกับซวงเอ๋ออยู่แล้ว  ใช้ชานี้ชงให้ข้าจะสิ้นเปลืองเสียเปล่าๆ”
เจ้าเมืองโล่วฮัวรีบมาบีบนวดไหล่ให้นางเป็นการเอาใจ “ทั้งหมดนี้ชงให้แม่สี่โดยเฉพาะ ดื่มเสียเถอะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่สี่ฝืนยิ้ม
ในที่สุด นางก็ไม่รานความตั้งใจดีของลูกสะใภ้ ยอมดื่มจนหมด
นางยื่นมือมาลูบหน้าน้อยๆ ของโล่วฮัวเบาๆ “เจ้าเป็นเด็กดีมาก  แต่ของเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับข้า.... ต่อไปเจ้าควรจะดื่มเองนะ แม่สี่ขอรับแต่ความตั้งใจดีของเจ้า  แล้วนี่ซานเอ๋อไม่ได้ให้ชานี้กับปิงเอ๋อและซวงเอ๋อใช่ไหม?  อะไรนะ? ช่างยุ่งยากจริงๆ” เมื่อได้ยินว่าเย่ว์ปิงและเย่ว์ซวงทั้งสองคนนี้ต่างก็ดื่มน้ำพุแห่งความเยาว์วัยไปแล้ว แม่สี่แทนที่จะสบายใจกลับตกใจแทน
เจ้าเมืองโล่วฮัวกลัวว่าแม่สี่จะขุ่นเคือง จึงรีบอธิบาย “เขาแค่ต้องการให้ปิงเอ๋อดื่มบางส่วนก่อน เพื่อที่ว่านางจะได้ฝึกฝนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น  แต่เมื่อซวงเอ๋อเห็น แม่สี่ก็คงทราบเด็กหญิงนั่นหากต้องการจะกินอะไร เธอก็ต้องดื่มให้ได้เช่นกัน  หลังจากดื่มน้ำพุแห่งความเยาว์วัยแล้ว เธอยังจะเติบโตได้ใช่ไหม? จะไม่กลายเป็นเด็กหญิงตลอดไปใช่ไหม?”
พอพูดเช่นนั้นไปแล้ว แม้แต่เจ้าเมืองโล่วฮัวก็ตกใจกลัวเช่นกัน
แม่สี่โบกมือไม่พูดกล่าวอะไร
นางถอนหายใจอีกครั้ง “ซานเอ๋อรักและตามใจน้องสาว  ข้าจะไม่รู้ได้ยังไงว่าปิงเอ๋อและซวงเอ๋อก็เป็นเหมือนกับข้า ดื่มสิ่งนี้ไปก็ไม่ได้รับประโยชน์มากนัก...”
เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวกลับไปบอกข่าวนี้กับเย่ว์หยาง, เย่ว์หวี่และอู๋เหิน ทั้งสามคนก็เลยพลอยสับสนไปด้วย
ใครก็ตามที่ดื่มน้ำพุแห่งความเยาว์วัยก็น่าจะได้รับผลเยาว์วัยชั่วนิรันดร์  ทำไมแม่สี่กลับบอกว่าไม่มีผลต่อนาง?  บางทีอาจเป็นความถ่อมตัวเจียมตัวและรู้สึกเสียดายของก็เป็นได้  แต่นางบอกว่ามันมีผลเล็กน้อยต่อเย่ว์ปิงและเย่ว์ซวง นั่นกลับกระตุ้นความสงสัยของเย่ว์หยาง  เป็นไปได้ไหมว่าในตัวเย่ว์ปิงและเย่ว์ซวง  มีความลับที่แม้แต่จักษุญาณทิพย์ก็ไม่สามารถมองเห็น?
พลังจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางสามารถมองเห็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบได้
เว้นแต่พวกนางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าหรือเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสุดยอด  อย่างจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางก็น่าจะมองเห็นพวกนางได้  เป็นไปไม่ได้ที่แม่สี่, เย่ว์ปิงและซวงเอ๋อจะแข็งแกร่งขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้นจะเป็นใครกันที่สามารถปกปิดความลับในร่างของพวกนางไว้ได้?
มารดาของสหายผู้น่าสงสาร!
นั่นก็คือพี่สาวของแม่สี่นั่นเอง....
ในก้นบึ้งหัวใจเย่ว์หยาง สตรีลึกลับผู้นี้กลับมาปรากฏในใจของเขาอีกครั้งหนึ่ง  กลับกลายเป็นว่ามารดาของสหายผู้น่าสงสารไม่ใช่คนธรรมดาๆ เสียแล้ว
นางเป็นสตรีคนแรกที่เข้าไปถึงชั้นในของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพได้  ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับนางในทั่วทั้งหอทงเทียน แม้แต่ในทั่วทวีปมังกรทะยานทั้งสิ้น  พลังลึกลับของนางเกินกว่าเย่ว์หยางจะจินตนาการ การสืบทอดความรู้ที่กว้างใหญ่ไร้ขีดจำกัดเหมือนห้วงมหรรณพ  การครอบครองสร้อยคอหยกดำที่ผนึกนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไว้  ความรู้เกี่ยวกับความลับบันไดสวรรค์  แม้จะทิ้งวิธีขึ้นบันไดสวรรค์ที่สามารถทะลุผ่านประตูสวรรค์ได้... แต่มารดาของสหายผู้น่าสงสารก็ยังลึกลับมากยิ่งกว่าจื้อจุนมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเสียอีก
ตอนนี้ เย่ว์หยางรู้สึกว่าแม้แต่แม่สี่ก็ลึกลับมาก
แม่สี่ต้องรู้ความลับบางอย่าง  แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง นางจึงไม่บอกกับทุกคน
เรื่องเล็กน้อยนี้กวนใจเย่ว์หยาง  เขาเริ่มอยากรู้อยากเห็นแม้แต่รายละเอียดสำคัญรอบๆ ตัวเขา  ขณะที่เขาไม่สามารถสัมผัสแม่สี่ได้  แต่เขายังสามารถสืบสาวจากเย่ว์ปิงและเย่ว์ซวงเด็กผู้หญิงทั้งสองคน  บางทีภายในร่างกายของพวกเธออาจมีความลับน่าตกตะลึงก็เป็นได้
 “อย่าคิดมากเลย ให้เด็กๆ ดื่มน้ำพุแห่งความเยาว์วัยไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก”  เย่ว์หวี่เลือกที่จะเชื่อ นางรู้สึกว่าเด็กๆที่ดื่มน้ำพุแห่งความเยาว์วัยจะไม่สามารถเติบโตได้ ความจริงไม่ใช่เรื่องที่ดี  เย่ว์หยางไม่ต้องการให้เย่ว์ซวงดื่มอีก เมื่อเธอยังเด็กเกินไป  อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถเอาชนะเด็กหญิงที่เอาแต่ร้องไห้หลังจากที่ไม่ได้สิ่งที่พี่สาวเธอได้  ยิ่งกว่านั้น เด็กหญิงยังน่ารักมาก  เป็นความฝันของของหนุ่มน้อยที่ชอบเก็บตัวชอบเติมเต็มความปรารถนาของสาวน้อยอยู่แล้ว
 “เราลืมเรื่องนี้ไปก่อนเถอะ”  เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่สืบสาวเอาความอีกต่อไป  นางแจ้งข่าวอีกข่าวให้เย่ว์หยางทราบ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ กลับมากันแล้ว เจ้าวางแผนจะไปวังลึกลับอีกเมื่อไหร่?”
 “เย่คงและเจ้าอ้วนไห่กลับมาแล้วหรือ? พวกเขาได้อะไรมาบ้าง?”  เย่ว์หยางรู้สึกว่าพวกเขากลับมาเร็วเกินไป และเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจล้มเหลว
 “พวกเขาไม่ได้อะไร” เจ้าเมืองโล่วฮัวพูดกับเย่ว์หยางเกี่ยวกับคุณสมบัติ  แน่ใจได้ว่าคนพวกนี้โง่ไม่ฉลาด
 “นักสู้ปราณก่อกำเนิดหลายคนก็พลาดท่าเสียทีในหุบเขามรณะ เป็นเรื่องธรรมดามากที่พวกเขาจะได้ผลลัพธ์ออกมาเช่นนั้น  คงเป็นเรื่องแปลกถ้าพวกเขาจะทำอะไรได้!  อู๋เหินหัวเราะคิกคัก นางเองก็ไม่ได้คาดหวังมากนักจากการสำรวจครั้งนี้  ก็แค่นางไม่ต้องการข่มความตั้งใจดีของเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ให้หดหู่ลง  เมื่อตอนที่พวกเขาจากไป  อาจกล่าวได้ว่าจุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ได้ทำนายผลออกมาแล้ว  แต่พวกเขาเพียงแต่ปล่อยให้เจ้าอ้วนไห่และเย่คงไปพบกับความผิดหวัง
พื้นที่ของหุบเขามรณะ ด้านขอบนอกของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเต็มไปด้วยขอบเขตจำกัดและพื้นที่เขาวงกต  แม้แต่อสูรก็ยังมีขนาดใหญ่โตมหึมา
เมื่อไม่มีประสบการณ์ใดๆ  ต่อให้เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ต้องการจะสำรวจก็ตาม แต่นั่นเป็นการกระทำที่เกินตัว
เย่ว์หยางวางมือจากการค้นคว้าไว้ก่อนและกลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์
เนื่องจากราชาเฮย์อวี้ไม่ได้อยู่ที่วังลึกลับ  เย่ว์หยางตัดสินใจถือโอกาสนี้พาพวกที่เหลือไปหาประสบการณ์และเพิ่มพูนความกล้าหาญของพวกเขา  นอกจากนี้เขาต้องการเห็นว่ากวางทะลวงมิติของหลิวเย่จะสามารถผ่านเข้าไปในม่านพลังสีทองได้หรือไม่
นอกจากนี้เย่ว์หยางยังอยากรู้อยากเห็นคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพที่อยู่ในวังลึกลับว่าเป็นเช่นไรกันแน่
เมื่อเขากลับมา  เขาพบว่าเย่คงและเจ้าอ้วนไห่สีหน้าหดหู่ท้อแท้  ทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยและสี่สาวคิวบัวร์นอนอยู่บนพื้นหมดเรี่ยวแรง ขัดกับภาพลักษณ์เดิมของพวกเขา  แอนนากำลังรักษาให้ทุกคน เสวี่ยทันหลางผู้แข็งแกร่งที่สุด, องค์ชายเทียนหลัวและผู้เฒ่าหนิงไห่ไม่เต็มใจจะกลับมา  มีแต่เพียงเป่าเอ๋อผู้โชคดีคนเดียวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
เมื่อเจ้าอ้วนไห่เห็นเย่ว์หยางกลับมา เขารีบยืดอกคุยฟุ้งทันที “เจ้าต้องไม่รู้แน่ว่าเราไปเจอคนแบบไหนมา... เราไปพบกับเหลียวหยาเหนือมา  อะไรนะ? เจ้าไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นใคร? โธ่จะเป็นลม, เขาเป็นหนึ่งในห้าแม่ทัพของกองกำลังนรกดำประกอบด้วย จ้านหู่ตะวันออก, ขวงฟงตะวันตก, เซี่ยถีใต้, เหลาหยาเหนือและเหลยถิงกลาง คนหนึ่งเป็นเสือ, คนหนึ่งเป็นนกยักษ์, คนหนึ่งเป็นกระทิงแก่, คนหนึ่งเป็นมนุษย์หมูป่า และอีกคนเป็นมนุษย์กิ้งก่า  เจ้าตัวที่เราพบวันนี้เป็นมนุษย์หมูป่าดุร้ายผิวหนา มันคือเหลาหยาเหนือ  เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าเขาน่ากลัวเพียงไหน เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ด หรืออาจเป็นระดับแปดก็เป็นได้ ถ้าไม่ใช่เพราะหลบหนีได้ไว เราคงตายกันหมด”
 “ทำไมเจ้าหมูป่านั่นถึงได้ไปที่หุบเขามรณะ?”  เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าเหลาหยาเหนือ นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดคงจะเบื่อไล่ตามเจ้าอ้วนไห่กับพวกเสียมากกว่า
 “ข้าไม่แน่ใจสถานการณ์นัก  แต่เมื่อเราพบเขา เขากำลังฟาดประตูทองแดงและประตูทองแดงนั้นมีม่านพลังป้องกันไว้ แม้ว่าเขาจะฟาดจนหมดแรง  แต่ม่านพลังก็ไม่เสียหายแม้แต่น้อย  เขาสิ้นเปลืองความพยายามไปเปล่าๆ”  เจ้าอ้วนไห่ยินดี  มันเป็นเรื่องโปรดปรานสำหรับเขาที่ได้เห็นศัตรูของเขาโชคร้าย
 “เขายังอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?”  ถ้าเหลาหยาเหนือนี้ยังอยู่ที่นั่น เย่ว์หยางจะไปสังหารเขา
 “ข้าไม่รู้”  เจ้าอ้วนไห่ส่ายหน้า
 “มีโอกาสเป็นไปได้ที่เขาจะจากไปแล้ว  ประตูทองแดงนั่นความจริงมีขีดจำกัดเรื่องเวลา มันจะเปิดออกทุกๆ สามชั่วโมง  ข้าคาดว่าเหลาหยาเหนือโจมตีใส่ประตูก็เพราะมือของเขาติดอยู่ในนั้น... ความจริงเราผ่านเข้าประตูนั่นไปได้แล้ว  แต่เราเดินผ่านไปเลยเมื่อมันเปิดออก..”  ผู้เฒ่าหนิงไห่รายงานเย่ว์หยางด้วยความเคารพ
 “น่าเสียดาย”  เย่ว์หยางลอบเสียดาย  ถ้าพวกเขาตามหาเขาทันทีเมื่อพวกเขากลับมา เจ้าหมูป่านั่นคงไม่มีทางหลบหนีได้
 “เป็นไปไม่ได้หรือ? เป็นไปได้ไหมที่ตอนนี้เจ้าสามารถฆ่าเหลาหยาเหนือนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ดผู้นั้น?”  ทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยตกใจเมื่อทราบข่าว
 “ต่อให้ข้าไม่สามารถชนะได้  แต่ก็ดีพอจะตัดแขนหรือขาได้”   แน่นอนว่าเย่ว์หยางไม่ได้บอกพวกเขาว่าหลังจากดูดซับอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี เขามีพลังระดับเดียวกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบไปแล้ว  ถ้าเขาพูดเช่นนั้นออกไป  ทุกคนคงจะเชื่อ  เนื่องจากเย่ว์หยางมีความสามารถฆ่ามารมังกรฟ้า นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก  พวกเขาประเมินว่าอย่างน้อยเย่ว์หยางก็สามารถสู้เสี่ยงชีวิตกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ด โอกาสชนะยังมีสูง  เมื่อต้องสู้กับเหลาหยาเหนือที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ดหรือแปด  ถ้าเย่ว์หยางลอบทำร้ายเขาโดยใช้วงจักรล้างโลก  เย่ว์หยางอาจสามารถตัดแขนได้ข้างหนึ่ง  ไม่ว่าเขาจะสามารถฆ่าเหลาหยาเหนือได้หรือไม่  พวกเขายังคงรู้สึกว่าเย่ว์หยางอ่อนแอกว่าเล็กน้อย  อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพความเร็วปัจจุบันของเขา เย่ว์หยางนับว่าเป็นนักสู้ที่ผิดธรรมดา
 “เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าจะพาเราไปสถานที่ๆ ดีกว่านี้?”  ลีนและองค์ชายเทียนหลัวรู้สึกว่า เย่ว์หยางคงไม่ได้มาหัวเราะเยาะเขาแน่ แต่คงมาแจ้งข่าวดีเสียมากกว่า
 “ไปกันเถอะ!  เสวี่ยทันหลางจะลงมือท่าเดียว
 “ไม่, ข้าจำเป็นต้องพักสักเดี๋ยว  ถ้าเป็นสถานที่ผิดธรรมดาอย่างวังเบญจธาตุ  ขอร้องอย่าเรียกข้าเลย  ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ”  เจ้าอ้วนไห่รู้สึกว่าแค่นกนางนวลสายลมตัวเดียวก็เหนื่อยพอแล้ว ถ้ายังมีอสูรตัวอื่นไล่ตามเขาอีก เขาคงต้องใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวฆ่าตัวตายแน่
 “ข้าขออาสาเอง  วังห้าธาตุไม่น่ากลัวเลย” เป่าเอ๋อที่หลับสนิทตลอดเส้นทางเป็นเพียงคนเดียวที่รู้สึกว่าวังห้าธาตุเป็นสถานที่ดี
 “ไม่ใช่ว่าเราไม่สามารถไปกันได้ทุกคน  แต่คนที่จะไป ต้องขึ้นอยู่กับตัวเอง  ข้าเพียงแต่บุกนำทางให้  พวกเจ้าจะต้องดูแลตัวเอง”  เย่ว์หยางประกาศล่วงหน้าก่อนที่จะโยนของล่อใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกออกมา  “ในสถานที่นั้นมีคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพรออยู่  อย่าว่าแต่สมบัติที่นั่นเลย  แม้แต่เศษขยะที่เกะกะอยู่เกลื่อนพื้นก็เป็นของระดับแพลตตินัมแล้ว  ถ้าพวกเจ้ามีความสามารถเก็บมันมาได้  เป็นไง พวกเจ้าได้ยินถูกต้องแล้ว ข้าพูดถึงคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพ”
 “โห, คัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพมีอยู่จริงๆ ด้วยหรือ?”  แม้แต่หลิวเย่ที่ปกติไม่ติดในของล่อลวงก็ยังพลอยตื่นเต้นไปด้วย
แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพเป็นเช่นไร?
แม้แต่ราชาเฮย์อวี้ก็ยังกระหายอยากได้มาครอง
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นเวลากี่ปีมาแล้วที่ราชาเฮยอวี้ผู้น่าสงสารทุบม่านพลังมาแล้วก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้
สำหรับเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นไม่เคยเห็นแม้แต่คัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์ พอเย่ว์หยางเอ่ยถึงคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพ  ทำให้พวกเขาตกใจจนคิดอะไรไม่ออก
ความจริง ถ้าพวกเขายังมีความคิดที่ปลอดโปร่ง  พวกเขาคงจะทราบได้อย่างหนึ่งว่า  ไม่ว่าคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพจะน่าประทับใจมากเพียงไหน  พวกเขาก็ไม่มีทางครอบครองมันได้  ทั้งนี้เป็นเพราะคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพจะเลือกเจ้าของเอง  ต่อให้คัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพจะอยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ตาม  มันจะไม่เลือกพวกเขา  ถ้าพวกเขามีพลังไม่เพียงพอ มิฉะนั้น ทำไมราชาเฮยอวี้ถึงได้หดหู่หม่นหมองนักเล่า? เย่ว์หยางรู้แต่เพียงว่าคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพมีอยู่เพียงสิบเล่ม    ใครก็ตามที่ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพก็ถือได้ว่าเป็นเทพเจ้าจากในตำนานไปแล้ว
สำหรับคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อีกเล่มหนึ่งของเย่ว์หยางนั้น เขายังไม่สามารถตัดสินได้ว่าเป็นคัมภีร์ระดับเทพหรือไม่ มีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้ และเขาเดาว่ามันจะเติบโตเป็นคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพได้...
นอกจากเย่ว์หยางผู้มาจากโลกอื่นแล้ว  คนอื่นๆ เช่นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ก็ครอบครองแต่คัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น
คัมภีร์ชั้นเทพสำหรับนักรบธรรมดา ย่อมไม่อาจแตะต้องได้แม้แต่ในฝัน  แม้ว่าจะมีอยู่ในโลกนี้จริงๆ แต่มันไม่เคยเป็นของธรรมดาเลย
 “ที่ๆ ท่านพูดถึงมีอันตรายมากไหม?”  เย่คงถามขึ้นทันที
 “มันก็ไม่อันตรายขนาดนั้น เพียงแต่ว่า ราชาเฮยอวี้จะไปที่นั่นเป็นครั้งคราว”  คำพูดของเย่ว์หยางทำให้เจ้าอ้วนไห่กลัวจนขึ้นสมอง  แม้แต่เสวี่ยทันหลางและคนอื่นก็ตกตะลึงไปด้วย

7 ความคิดเห็น:

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

8lek8 กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

ฮิฮิฮิฮิ พูดไปแบบนั้นแล้วใครจะกล้าไปด้วยล่ะ เย่ว์หยางเอ๊ย

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น