ตอนที่ 484 กวางทะลวงมิติ
นามของราชาเฮยอวี้ทำให้เกิดระลอกความกลัวกระจายไปยังทุกคน
แค่แม่ทัพหมูป่าเหลียวหยาเหนือ ยังมิอาจเทียบได้กับราชาเฮยอวี้ มีเย่ว์หยางอยู่ด้วย
ต่อให้พวกเขาพบกับแม่ทัพหมูป่าเหลียวหยาเหนือ ทุกคนก็ยังสามารถหลบหนีได้
อย่างไรก็ตาม ต่อให้มีเย่ว์หยางอยู่ข้างๆ ตัวพวกเขา ถ้าพวกเขาต้องเจอกับราชาเฮยอวี้ ทุกคนต้องตายสถานเดียว ไม่มีโอกาสรอดได้เลย
ทุกคนรู้สึกว่าราชาเฮยอวี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ....
ถ้าพวกเขารู้ความจริงว่าราชาเฮยอวี้มีความสามารถชั้นปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งหรือระดับสอง พวกเขาคงสิ้นหวังหนักยิ่งขึ้น
ปกติสำหรับพวกเขาแล้วไม่ว่าจะเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบหรือปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง พวกเขาก็ถูกฆ่าตายได้ทันทีอยู่แล้ว
แม้แต่ศัตรูที่ระดับสูงกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้า
ก็สามารถฆ่าพวกเขาได้ทันทีแล้ว
แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาอย่างเสวี่ยทันหลางก็เหมือนกัน
“ข้าจะไม่ไป, ข้าไม่อยากตาย.... เจ้าหมูป่าเหลาหยาเหนือทำให้ข้ากลัวจนแทบฉี่ราดอยู่แล้ว แล้วนี่เป็นราชาเฮยอวี้
เขาคงได้ถลกหนังจับข้าย่างทั้งเป็นแน่
ข้ายังไม่อยากตาย”
เจ้าอ้วนไห่น้ำตาร่วงขณะกอดขาเย่ว์หยางร้องไห้
เขาไม่ต้องการไปสถานที่อันตรายอย่างนั้นแน่นอน เย่คงเตะเจ้าอ้วนหน้าด้านผู้นี้และลากเขาออกไปพร้อมกับพี่น้องตระกูลหลี่
“ไม่ต้องห่วง
ราชาเฮยอวี้จะฆ่าพวกเจ้าทุกคนได้ภายในวินาทีเดียว เขาไม่สนใจร่างพวกเจ้าหรอก”
คำพูดของเย่คงทำให้เจ้าอ้วนไห่ร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ไปกัน”
เสวี่ยทันหลางเปลี่ยนจากความกลัวเป็นความตั้งใจสู้แทน
ความจริงทุกคนรู้ว่า ต่อให้ราชาเฮยอวี้ปรากฏตัว เย่ว์หยางคงไม่ปล่อยให้ใครตาย
แม้ว่าราชาเฮยอวี้จะไม่ปรากฏตัว
แต่ดูเหมือนว่านั่นก็เป็นสถานที่อันตรายมากอยู่แล้ว มิฉะนั้น
เย่ว์หยางคงไม่บอกให้ทุกคนคอยดูแลตัวเองให้ดี
เสวี่ยทันหลางและคนอื่นนัยน์ตาเป็นประกาย
เมื่อติดตามเย่ว์หยางก็หมายความว่าพวกเขาเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง
นั่นคือแรงกดดันอย่างหนึ่ง แทนที่จะมีชีวิตอย่างขลาดกลัว ควรหาสิ่งที่ตื่นเต้นมีชีวิตชีวาทำจะดีกว่า
สถานที่แม้แต่ราชาเฮยอวี้ก็ไปเยือน ไม่ว่ายังไงพวกเขาต้องไปดูให้ได้สักครั้ง
ไม่เพียงแต่เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ เท่านั้น แม้แต่หลิวเย่ผู้เงียบขรึมและแอนนา
หรือกระทั่งเป่าเอ๋อที่ไม่รู้จักกลัวอะไร ก็ยังพลอยตื่นเต้นไปด้วย
น่าตื่นเต้น!
นี่คือเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริงๆ!
สำหรับทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยผู้อารมณ์ร้อนด้วยแล้ว นางไม่อาจอดใจรอไหว
รีบวิ่งเข้ามาหาเย่ว์หยางทันที
การกลับไปที่วังลึกลับ เย่ว์หยางพร้อมจะเข้าไปทันที
ขอเพียงไปภายหลังจากราชาเฮยอวี้จากไปแล้ว
เย่ว์หยางรู้ว่าราชาเฮยอวี้เคลื่อนไหวยังไง ทุกๆ สามวัน
ราชาเฮยอวี้จะมาปรากฏตัวต่อหน้าม่านพลังสีทองและโจมตีใส่เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง
เขาใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการฝึกฝีมือเพื่อพยายามเปิดม่านพลังให้ได้
ราชาเฮยอวี้ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขายังคงตรวจสอบทุกครั้งที่ออกมาจนเป็นนิสัย โชคดีที่เย่ว์หยางได้คิดเรื่องนี้ไว้แล้ว
เขายังค้นพบวิธีหลบ ที่เป็นวิธียืมมาจากสุดยอดนักฆ่าอันซี นั่นคือการซุ่มพรางตัว
ด้วยการซุ่มพรางตัว แม้แต่ราชาเฮยอวี้จะไม่สามารถตรวจสอบพวกเขาเจอ
พวกเขาสามารถถอยไปได้เป็นหมื่นก้าว ต่อให้ราชาเฮยอวี้ตรวจพบพวกเขา
อีกวิธีหนึ่ง เย่ว์หยางสามารถจับเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ
โยนเข้าไปในโลกคัมภีร์และหลบหนีไปกับพวกเขาได้
ด้วยการเพิ่มระดับพลังจากการได้รับอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่สามารถเอาชนะราชาเฮยอวี้ได้
แต่อย่างน้อยเย่ว์หยางไม่ต้องกลัว
ฟันของเจ้าอ้วนไห่กระทบกันกึกๆ และร่างของเขาสั่นด้วยความกลัว
ความจริง ราชาเฮยอวี้จากไปแล้วและไม่ปรากฏตัวมานานสามวันแล้ว
เย่ว์หยางไม่ได้บอกความจริงพวกเขาเพื่อให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้น
เขาเชื่อว่าหลังจากเรื่องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับราชาเฮยอวี้ครั้งนี้แล้ว พวกเขาจะไม่กลัวเหลาหยาเหนือ
แม้ว่าพวกเขาจะพบเจอเขา
คนในกลุ่มทุกคนระมัดระวังตัวมาก
ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวมากนัก
มีแต่เป่าเอ๋อที่ไม่กลัวอะไรและยังหลงใหลความสวยงามของที่แห่งนี้ นางบอกเย่ว์หยางว่า “ที่นี่สวยงามมาก
หลังจากเราเอาชนะราชาเฮยอวี้ เราย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไหม?”
“..... เป็นข้อเสนอที่ดี” เย่ว์หยางพูดไม่ออกเล็กน้อย เอาชนะราชาเฮยอวี้น่ะหรือ? จนกว่าพวกเขาจะฆ่าเฮยอวี้ได้
มิฉะนั้นบ้านนี้จะไม่มีความปลอดภัยเลย
“ไม่, ข้าไม่ต้องการเป็นเพื่อนบ้านกับราชาเฮยอวี้
ข้ายิ่งกลัวเขามาเคาะประตูเรียกตอนกลางคืนอยู่ด้วย” ยิ่งคิดเรื่องพวกนี้
เจ้าอ้วนไห่ก็ยิ่งขนหัวลุก
“สถานที่นี้งดงามมากเหลือเกิน”
เมื่อพวกเขามาถึงด้านหน้าม่านพลังทอง
ดาวดวงน้อยก็ปรากฏเต็มตาของหลิวเย่และคนที่เหลือ
“ม่านพลังนี้ใหญ่มาก ดูเหมือนยากจะเข้าไปได้
มันมีพลังงานลึกไม่มีที่สิ้นสุด
สมแล้วที่เป็นม่านพลังปกป้องของคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพ” ก่อนที่ลีนจะพูดจบ
ฟ่านหลุนเถี่ยก็ควงขวานฟันใส่ม่านพลังทันที
ผลก็คือนางถูกพลังสะท้อนกระดอนออกไปสองร้อยเมตร
ทุกคนปากอ้าค้าง
พลังป้องกันของม่านพลังน่ากลัวเกินไปหรือเปล่า?
ฟ่านหลุนเถี่ยเข้าใจลึกซึ้งและหมดแรงเซื่องซึมทันที
นางรู้ว่าพลังป่าเถื่อนของนางไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้
จึงได้แต่มองดูเย่ว์หยาง
เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและเสวี่ยทันหลางลองดูกันทุกคน แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าพลังงานที่สะท้อนกลับมาที่พวกเขานั้น
ไม่ได้สะท้อนมาแต่พลังที่พวกเขาใช้โจมตีเท่านั้น
แต่ยังมีพลังอย่างอื่นที่ไม่สามารถต่อต้านได้
เมื่อพลังทั้งสองผสานกันและสะท้อนกลับมาที่พวกเขา
ก็กลายเป็นพลังที่ไม่อาจต่อต้านได้
พวกเขาทุกคนกระเด็นไปเป็นร้อยเมตร ไม่มีใครสภาพดีกว่าฟ่านหลุนเถี่ยเลย
แอนนามองดูเย่ว์หยาง “ใช้พลังดิบเถื่อนทำอะไรไม่ได้แน่นอน
เจ้ามีวิธีแก้บ้างไหม?”
เย่ว์หยางยักไหล่อย่างเมินเฉย “ถ้าข้ามีวิธี ข้าคงเข้าไปขนสมบัติแล้ว ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แม้แต่ราชาเฮยอวี้ก็ได้แต่ถลึงตาโดยทำอะไรไม่ได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้
เจ้าอ้วนไห่กระตือรือร้นขึ้นมาทันที เขารีบวิ่งมาหาเย่ว์หยางอย่างตื่นเต้น “เจ้าหมายความว่า
ไม่มีใครแตะต้องสมบัติในนั้นใช่ไหม?
มันยังคงอยู่ที่นั้น ว้าว, ว้าว.. ถ้าข้าเก็บอาวุธระดับเทพมาได้นะ...”
ด้วยการเตะครั้งเดียว เย่คงส่งเจ้างี่เง่าที่กำลังฝันกลางวันกระเด็นไปสิบเมตร
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถฝันกลางวันได้
แต่เขาควรจะเลือกเวลาที่ดีกว่านี้
องค์ชายเทียนหลัวและลีนเริ่มจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เย่ว์หยางพาทุกคนเข้ามาที่นี่
เป็นเพราะหลิวเย่
ขณะที่ทุกคนเพ่งสายตาไปที่หลิวเย่
หน้าของนางแดงทันที
นางหลบสายตาลงพื้นพูดว่า “ให้.. ให้ข้าลองดูนะ”
นางเรียกคัมภีร์อัญเชิญของนางและเรียกอสูรพิทักษ์ของนาง
กวางทะลวงมิติออกมา
นางสั่งให้มันวิ่งเข้าไปในม่านพลังสีทองทันที...
ผลเป็นไปตามที่เย่ว์หยางคาด กวางทะลวงมิติไม่ได้ถูกพลังสะท้อนกลับมา แต่หลังจากเข้าไปในม่านพลังทอง มันสูญเสียการเชื่อมโยงทางใจกับเจ้านายทันที
เมื่อไม่มีระดับสติปัญญาที่สูงส่ง มันจึงหลงลืมสิ่งที่มันจะทำ
มันได้แต่งงงวยว่างเปล่า ติดอยู่ในม่านพลังสีทอง
หลังจากนั้น หลิวเย่เกรงว่ามันจะได้รับบาดเจ็บ จึงรีบเรียกมันกลับมา
ในขณะที่เป็นไปได้ที่กวางทะลวงมิติสามารถผ่านเข้าม่านพลังทองได้
แต่เป็นไปไม่ได้สำหรับความสามารถปัจจุบันของหลิวเย่และกวางทะลวงมิติ
เย่ว์หยางผงกศีรษะ ตราบใดที่ยังมีหวังนั่นนับว่าเป็นเรื่องดี
ไม่ว่ายังไงก็ตาม นี่ยังดีกว่าวิธีที่ราชาเฮยอวี้ทุบตีม่านพลังกระทั่งจนตาย
ตราบใดที่เย่ว์หยางสามารถหาวิธีเพิ่มความสามารถของหลิวเย่ และเพิ่มระดับชั้นพลังของกวางทะลวงมิติ
ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะผ่านม่านพลังสีทองเข้าไปได้มาก...
ก่อนนั้นเย่ว์หยางมีความคิดเช่นนี้อยู่แล้ว
และตอนนี้เขายิ่งพอใจกับผลที่ออกมาดังกล่าว
“ข้า..ขอโทษจริงๆ” หลิวเย่อายมากและกล่าวขออภัยเย่ว์หยาง
นางรู้ว่าเย่ว์หยางต้องคาดหวังไว้กับนางสูงมาก
ความล้มเหลวนี้ทำให้เขาผิดหวังซึ่งทำให้นางต้องขอโทษเขาโดยเฉพาะ กวางทะลวงมิติไม่มีพลังต่อสู้มากนัก
และระดับของมันยังต่ำเกินไป ยิ่งกว่านั้น
มันยังมีระดับสติปัญญาที่ไม่ฉลาดนัก มันจึงหลงทันทีที่พ้นไปจากการควบคุมของเจ้าของมัน
“ให้เขาช่วยเจ้ายกระดับพลังของอสูรพิทักษ์ของเจ้าเถอะ เขาน่าจะมีหนทาง” แอนนารีบปลอบหลิวเย่
“ช่วยให้ข้ายกระดับด้วยคนนะ!”
เป่าเอ๋อกอดแขนเย่ว์หยาง
“ได้เลย, ข้ายินดีรับใช้เจ้าเลย
สาวน้อยเอลฟ์ทองคนสวย!” พฤติกรรมแผลงๆ
ของเย่ว์หยางสร้างความยินดีให้เป่าเอ๋อและทำให้ทุกคนหัวเราะลั่น
ความจริงเย่ว์หยางไม่ใช่แค่ปลอบใจเป่าเอ๋อเท่านั้น เขารู้สึกว่ามีความจำเป็นต้องยกระดับภูต
(แฟรี่) อสูรพิทักษ์ของสาวน้อยเอลฟ์ทองผู้นี้
ภูตอสูรพิทักษ์ของนางเป็นภูตน้อยบุปผาที่เพิ่มโชคดีให้กับผู้คน
ในโลกนี้ ไม่มีสมบัติอื่นใดที่จะดีไปกว่าความมีโชค
ขอเพียงแต่มีโชค คนเราก็สามารถมีทุกอย่างได้
ไม่มีโชค...
นั่นก็เหมือนกับราชาเฮยอวี้ผู้อับโชคได้แต่ถลึงตามองม่านพลังสีทองตลอดชีวิต!
สำหรับเย่ว์หยางแล้ว
เป่าเอ๋อเป็นขุมสมบัติในร่างมนุษย์ที่สามารถเพิ่มโชคให้เขา ถ้าเขาไม่ยกระดับให้นาง นั่นจะสูญเสียโอกาสกระตุ้นศักยภาพของเขาในการยกระดับสมบัติร่างมนุษย์นี้
ในทางกลับกัน
ดาวนำโชคที่ยอดเยี่ยมอย่างเป่าเอ๋อนี้สามารถสร้างความประหลาดใจให้เย่ว์หยางได้ ไม่ทราบว่านางไปแตะต้องตรงจุดไหน
นางกลับเปิดกลไกลับที่แม้แต่เย่ว์หยางก็หาไม่เจอ
ประตูวงแหวนเทเลพอร์ตที่พิเศษแต่พังแล้วกลับเปล่งประกายไฟปะทุออกมาจากพื้น เย่ว์หยางไม่มีเวลาทำความเข้าใจมัน แต่เขารู้ว่านี้คือโอกาสที่หายาก
ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว เขาถีบเจ้าอ้วนไห่เข้าไป
และใช้มือโอบเป่าเอ๋อและหลิวเย่ข้างละคนขึ้น เขานำทางเข้าไปในวงแหวนเทเลพอร์ตที่มีพลังงานต่ำ
อาจจะหายไปได้ทุกเมื่อ
พรึ่บพั่บๆๆ...
เมื่อฮุยไท่หลางเป็นรายสุดท้ายที่ร่วงลงมาในน้ำ เย่ว์หยางตระหนักว่า
มันเทเลพอร์ตเขาเข้ามาในพื้นที่ปกติที่มืดและกว้างขวาง
“ปล่อยข้านะ” หลิวเย่ดิ้นรนเป็นพัลวัน พยายามหลบมือของเขา เย่ว์หยางไม่ได้สังเกตว่าขณะที่เขาโอบเอวหลิวเย่มือของเขากดลงที่หน้าอกนางเต็มฝ่ามือ
“อย่าปล่อยข้านะ ข้าไม่อยากตกลงไปในน้ำ” เป่าเอ๋อกอดเย่ว์หยางแน่น
ขายาวของนางเกี่ยวรอบเอวของเย่ว์หยาง ด้วยเนตรราตรีของนาง นางสามารถเห็นสภาพทุลักทุเลของเจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือในน้ำ
นางหัวเราะลั่น และรู้สึกว่ากอดเย่ว์หยางไว้ปลอดภัยกว่า แม้ว่าทุกคนจะตอบสนองได้รวดเร็ว แต่ทุกคนก็ยังเปียกโชกและอยู่ในสภาพทุลักทุเลอยู่ดี
“....” หลิวเย่ดิ้นรนอยู่ในมือของเย่ว์หยางชั่วครู่ และรู้สึกว่ามือของเขาคลี่คลายเล็กน้อย
แต่นางก็ยังรู้สึกอายอยู่ดี
“ที่นี่กลายเป็นเส้นทางผ่านโบราณ ทางผ่านโบราณชั้นในของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ”
เมื่อใช้จักษุญาณทิพย์พิเคราะห์พื้นที่รอบๆ
เย่ว์หยางก็ได้ข้อสรุปที่น่าตกใจ
วังลึกลับเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ เป็นไปได้ไหมว่า
มีความเกี่ยวพันระหว่างสถานที่ทั้งสอง?
เป็นไปได้ไหมว่าวังลึกลับความจริงแล้วเป็นส่วนชั้นในของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ?
“ที่ไหนก็ช่างเถอะ ตราบใดที่นี่ยังอยู่ห่างจากราชาเฮยอวี้” เจ้าอ้วนไห่รู้สึกปลอดภัยขึ้นเล็กน้อย
“ออกเดินทางเถอะ”
เสวี่ยทันหลางรู้ว่าการเดินทางจริงๆ เพิ่งจะเริ่ม
ขณะที่อันตรายก่อนหน้าเหล่านั้นสามารถคาดการณ์ได้
แต่การเปลี่ยนแปลงคราวนี้เกินกว่าที่เย่ว์หยางคาดไว้
ภายในทางผ่านแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ
ถ้าไม่มีกำลังใจเต็มร้อย ชีวิตพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้
แม้ว่าเย่ว์หยางจะอยู่ข้างๆ พวกเขาก็ตาม
ที่นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว
ไม่นานเท่าไหร่ เขาและองค์ชายเทียนหลัวก็พบทางออก
เป็นประตูใบมีดแบบคันโยก
ในทางผ่านโบราณ มีสถานที่แปลกประหลาดอย่างนี้นับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเป็นวัตถุอะไรก็ตามที่ผ่านเข้าประตูใบมีด
มันจะถูกตัดขาดกลางด้วยใบมีดที่มองไม่เห็น
แม้ว่าเสวี่ยทันหลางจะไม่มีจักษุญาณทิพย์ แต่ในฐานะนักรบ
สัญชาตญาณของเขาบอกได้ว่ามีอันตราย เขาหยิบหินก้อนหนึ่งและโยนไปที่ประตูทางออกเบาๆ
ผลก็คือหินถูกตัดขาดครึ่ง เจ้าอ้วนไห่ตัวสั่นด้วยความตกใจถอยมาอยู่ด้านหลังเย่ว์หยาง
แม้เขาจะอ้างอยู่เสมอว่าเป็นลูกพี่ แต่เมื่อเย่ว์หยางอยู่ที่นี่ เขาไม่เคยพยายามทำตัวโดดเด่นสมกับเป็นลูกพี่ แต่กลับเป็นผู้ติดตามที่ดีอย่างว่าง่าย
ถ้าหลิวเย่ไม่อยู่ที่นี่ เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ คนอื่นๆ อาจจะรื้อผนังทั้งหมด พวกเขาอาจเหน็ดเหนื่อย
และอาจดึงดูดความสนใจของอสูรโบราณที่ทรงพลังก็ได้
“ไปเถอะ เจ้าลองดู”
เย่ว์หยางสามารถผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย
แต่เขาตัดสินใจถือโอกาสนี้ฝึกหลิวเย่
“ได้” หลิวเย่รู้สึกว่าอกของนางกระเพื่อมจากมือที่ร้อนของเขา แม้ว่านางจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ความตั้งใจ แต่นางก็ยังคงอายอยู่ดี
อกของนางรู้สึกประหลาด นางต้องการยื่นมือไปปัดมือเย่ว์หยางออก
ร่างของนางยังคงอ่อนเล็กน้อย
แม้แต่จะเดินก็ดูเหมือนจะมีปัญหาเล็กน้อยตลอดเวลา แต่ก็ต้องรู้เมื่อทุกคนกำลังมองดู
หลิวเย่ไม่ต้องการให้ทุกคนรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับนางและนางรีบก้มหน้าทันที
ทำเหมือนไม่ไยดีอะไร ในใจของนางยินดี
นางเรียกกวางทะลุมิติ อสูรพิทักษ์ของนางออกมา
อยู่ต่อหน้าม่านพลังสีทอง
กวางทะลุมิติล้มเหลวผ่านเข้าไปไม่ได้
ครั้งนี้ นางตัดสินใจทำให้ดี เพื่อเพิ่มระดับความคาดหวังของเขา!
10 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แหม่ๆๆ ในที่สุด! ก็จะถึงตาเป่าเอ๋อแล้วสินะ...ลุ้นและรอคอยมาตั้งแต่แรกพบแล้ว ><
ขอบคุณคับ
Thx
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น