วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 69 ร้านขายการ์ดเซรีน



ตอนที่  69  ร้านขายการ์ดเซรีน
หลินเว่ยและพวกที่เหลือถูกปราบราบคาบ พวกเขาอยู่ในเมืองสามวิญญาณมานาน  แต่ไม่เคยประสบกับการเสียท่าเช่นนั้นมาก่อน

เหลาอี้เงยหน้าทันที “เจ้าผู้นั้นเป็นแค่นักสู้ระดับสาม แต่กลับมีขุนพลวิญญาณระดับหกได้ยังไง?”
คำถามนี้เรียกความสนใจของคนอื่นๆ ได้  ถูกแล้ว เห็นได้ชัดว่าถังเทียนเป็นแค่นักสู้ระดับสาม แต่เขาสามารถครอบครองขุนพลวิญญาณระดับหกได้ยังไง?  สำหรับตระกูลใหญ่ที่มีการสะสมสิ่งของมายาวนาน การได้รับขุนพลวิญญาณจะทำได้ง่ายกว่าการฝึกฝนวิชายุทธมากนัก  ดังนั้นพวกเขาจึงมีประสบการณ์มากกว่าคนธรรมดาในเรื่องการศึกษาขุนพลวิญญาณ  พวกเขาค้นพบมานานแล้วว่าสำหรับนักสู้ทุกคน  พวกเขาสามารถครอบครองขุนพลวิญญาณที่มีระดับสูงกว่าตัวเขาอย่างมากที่สุดเพียงหนึ่งระดับเท่านั้น
ถ้ามีระดับที่ไม่เข้ากันระหว่างขุนพลวิญญาณและวิทยายุทธซึ่งต่างกันมากกว่าสองระดับ อาจทำให้เกิดสถานการณ์อันตรายได้เป็นอย่างมาก
หวี่ซีไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง  “บางทีอาจเป็นเพราะขุนพลวิญญาณอีกตนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เขาก็ได้ และเป็นขุนพลวิญญาณที่แปลกประหลาดที่ไม่มีหน้า  ข้ากะคำนวณระดับพลังปราณเที่ยงแท้ของเขาไม่ได้ และข้าเกรงว่าเขามีที่มาที่ไม่ธรรมดา"
หัวหลิงเม้มปากทำนัยน์ตาแดง “ความจริงเขาดุด่าข้าที่ไม่รู้มารยาทที่เหมาะสม  เขาน่ารังเกียจมาก”
หวี่ซีสูดหายใจลึกก่อนพูดต่อ “นี่คือสาเหตุที่ข้าสงสัยที่มาของเขา ปลดและเสนอดาบกระบี่  ข้าเคยอ่านเรื่องนี้ในหนังสือมาก่อน  นี่คือธรรมเนียมโบราณที่เชลยซึ่งยอมจำนนและส่งมอบอาวุธของพวกเขา  จนถึงเดี๋ยวนี้ ไม่มีใครทำอย่างนี้อีกต่อไปแล้ว  แต่เขายังสังเกตเห็นข้อธรรมเนียมโบราณอย่างนี้....”
สีหน้าคนอื่นๆ เขียวคล้ำ  สำหรับตระกูลใหญ่อย่างพวกเขา มารยาทเป็นเครื่องหมายบ่งสถานะของพวกเขา  พวกเขามีเกียรติประวัติยาวนานของตระกูลเก่า  และทั้งตระกูลและสายตระกูลจะพยายามรักษาเกียรติประวัติของตระกูลชั้นสูงอันยาวนานนี้ไว้ เพื่อให้เป็นธรรมเนียมมารยาทให้พวกเขาดูสง่างามและสุขุม และนั่นคือวิธีที่พวกเขาสามารถเยาะเย้ยตระกูลที่เริ่มตั้งตัวได้
ถ้าถังเทียนได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้  เขาคงถือว่าเป็นเรื่องไร้สาระแน่นอน
แต่สำหรับหลินเว่ยและพวกพ้อง  พวกเขาเคร่งเครียดและจริงจัง เพราะพวกเขารู้เป็นอย่างดีว่าพวกตระกูลใหญ่นั้นแสวงหาธรรมเนียมโบราณอย่างเด็ดเดี่ยวเพียงไหน 
 “ปลดและส่งมอบกระบี่เหรอ?  ข้าไม่เคยได้ยินธรรมเนียมเช่นนั้นมาก่อน”  หลินเว่ยส่ายหน้า “ไปเอามาจากยุคไหนกัน?”
 “ยุคสามกองทัพใหญ่”  หวี่ซีตอบ
คนอื่นๆ ปากอ้าค้างและเหลาอี้พูดตะกุกตะกัก “ขะ ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีตระกูลใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างนั้นคงเหลืออยู่”
 “ไม่มีแน่นอน”  หลินเว่ยยืนยัน  “แต่มันอาจเป็นตระกูลสาขา ที่บรรพบุรุษสืบสายเลือดย้อนไปถึงยุคนั้นได้”
หวี่ซีถามทันที “ใครสังเกตได้ว่าเขาแขวนกระบี่ไว้ตรงไหนในตอนท้าย?”
 “ดูเหมือนจะแขวนไว้บนร่างนกกระจอกเทศ”  หลินเว่ยนึก
 “ใช่แล้ว, มันถูกแขวนไว้ข้างอาน  ข้าไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า  แต่ข้าเคยเห็นภาพวาดกองทัพดาวกางเขนใต้อยู่สองสามภาพที่พวกเขาจะแขวนรางวัลชัยชนะไว้ในจุดเดียวกัน”  หวี่ซีพูดต่อ  “ยิ่งกว่านั้น, การปลดและเสนอกระบี่เป็นการฉลองการยอมแพ้ด้วย”
ทุกคนมองดูอย่างงงงวย
หวี่ซีเป็นคนรอบคอบในรายละเอียดมาก  และตระกูลครอบครัวของนางมีเบื้องหลังที่โดดเด่นที่สุดในสี่คนนั้น  ดังนั้น นางจึงมีความรู้มากกว่าพวกเขา  นอกจากนี้นี่เป็นรายละเอียดที่ไม่เด่นและเพราะเป็นรายละเอียดที่ไม่เด่น  จึงปรากฏว่าน่าเชื่อถือมากขึ้น
หนุ่มน้อยผู้นั้น... มีเบื้องหลังเช่นไรกันแน่?
ทุกคนยืนซึม เนื่องจากตระกูลของพวกเขาไม่สนใจพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะเกเรเพียงไหนก็ตาม  อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขารุกรานตระกูลชั้นสูงอื่น  ตระกูลของพวกเขาก็จะต้องประสบภัยเช่นกัน  หัวหลิงเริ่มโอดครวญและร้องไห้
หวี่ซีพยายามปลอบคนอื่นๆ  “อย่าห่วงเลย  ถ้าเขาเป็นคนที่เราคิดไว้จริงๆ  เนื่องจากเขาเห็นพ้องให้เราไถ่ถอนตัวเอง  ก็หมายความว่าการกระทบกระทั่งของพวกเราที่ผ่านมา ได้รับการแก้ไขแล้ว”
ทุกคนก็ยังซึมเซาเหมือนเดิม
※※※※※※※※※

ถังเทียนลืมเรื่องอึดอัดขัดใจก่อนหน้านั้นหมดสิ้น
เขาขี่นกกระจอกเทศและวิ่งไปตามถนน และดึงดูดสายตาจากคนผ่านไปมาได้มาก  นกกระจอกเทศอาจดูไม่งดงาม แต่ขนาดที่ใหญ่ของมันคู่กับความคล่องแคล่วรวดเร็วของมัน ทำให้ทุกคนทึ่ง
 “โห, โห, ว้าว.. ลุงปิง  งั้นเดิมทีพวกลุงก็ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เชียว  สามารถขี่เจ้านกนี่ได้ทุกวัน”  ถังเทียนกอดคอนกกระจอกเทศและร้องออกมาอย่างตื่นเต้น  เขาไม่เคยเดินทางอย่างรวดเร็วมาก่อน  เหมือนกับว่าเขากำลังเหินบิน
 “มีแต่เพียงพวกทหารใหม่เท่านั้นถึงได้ขี่นก”  ปิงที่เหาะตามมาข้างหลังถังเทียนตอบตามปกติ
 “อย่างนั้นท่านใช้อะไรเป็นพาหนะ?”  ถังเทียนถามอย่างข้องใจ
 “..... ข้าก็ขี่นกเหมือนกัน...” ปิงมองดูว่างเปล่า  แต่ก็รีบเสริม “ในฐานะผู้สอน  ข้าต้องทำให้เป็นตัวอย่างที่ดี  ไม่ใช่เป็นเพราะข้าอ่อนแอแน่นอน...”
 “เมื่อตอนนั้น,  ต้องเป็นเรื่องที่น่าดีใจที่สามารถได้ขับขี่นกกระจอกเทศและบุกตะลุยพร้อมกับพวกมันทุกวัน”  ถังเทียนรู้สึกว่า ต้องเป็นเรื่องสนุกมากที่สามารถเดินทางได้รวดเร็วได้ทุกวัน
 “ความจริงมันน่าเบื่อมาก”  ปิงตอบตามตรง  “เจ้าจะรู้สึกคลื่นไส้หลังจากขี่มันนานเกินไป
 “โอว, จริงเหรอ?  แต่มันน่าสนุกออกอย่างนั้น ทำไมลุงถึงรู้สึกคลื่นไส้เล่า?”  ถังเทียนไม่อาจนึกถึงเหตุผลออก
 “กลยุทธของนกกระจอกเทศรวมเอาหัวข้อหลักหกข้อและหัวข้อรองอีกสิบสามข้อ  เจ้าจะสอบผ่านได้ต่อเมื่อเจ้าทำคะแนนได้ 70%  ปิงอธิบาย
 “โอ้โฮ, ดูเหมือนฟังแล้วน่าสนุกมาก”  ถังเทียนตาเบิกกว้าง
 “สนุกมากงั้นหรือ?” ปิงหยัน  “หัวข้อง่ายที่สุดก็คือ วิ่งผ่านหลักไม้ที่วางสุ่มไว้สิบสองหลักภายในสองวินาที”
ถังเทียนตะลึง “เป็นไปไม่ได้”
วิ่งผ่านหลักสิบสองหลักภายในสองวินาที เป็นไปไม่ได้แน่นอน  แม้ว่านกกกระจอกเทศจะระเบิดพลังออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์   แต่อย่างสูงที่สุด มันสามารถบรรลุได้แค่มาตรฐานระดับหก  แต่เพราะรูปร่างและน้ำหนักมหึมาของมัน  ทำให้มันมีแรงเฉื่อยสูง  ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงความสามารถที่ซับซ้อนในระยะเวลาสั้นๆ
 “เป็นไปไม่ได้หรือ?”  ปิงเสียงแข็งตามปกติ “มันง่ายมาก”
ง่าย?
ถังเทียนอึ้งไปชั่วขณะ  ก่อนอุทาน  “ลุงปิง, ฉันไม่รู้ว่าลุงน่ากลัวมากเมื่อตอนนั้น  อย่างนั้นทำไมลุงไม่สอนกลยุทธนกกระจอกเทศให้ฉันเล่า?”
 “กลยุทธเหล่านี้ล้าสมัยไปแล้ว”  เสียงของปิงมีสำเนียงความโศกเศร้าอยู่ด้วย “หลายสิ่งหลายอย่างถูกกำหนดให้ล้มเหลวไม่มีค่า”
 “ทำไมล่ะ?”  ถังเทียนส่ายหัว “ในความเห็นของฉันมันน่ากลัวจะตาย  สิ่งง่ายๆ หลายอย่างที่ลุงพูด ฉันไม่คิดว่าหลายๆ คนจะสามารถทำมันได้”
 “เวลาเป็นผู้พิพากษาที่ยุติธรรมที่สุด” เสียงของปิงกลับคืนสู่ปกติ  “ความพินาศ ก็หมายความว่ายุคของมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว”
ถังเทียนอยากเถียง  แต่ที่ปลายถนนเขาเหลือบไปเห็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจเขาทันที “ร้านขายการ์ดเซรีนอยู่ตรงนั้น กระจอกเทศน้อย! ไปกันเถอะ”
นกกระจอกเทศใช้ขาข้างเดียวเอนตัวและมุ่งหน้าไปที่ร้านเซรีนอย่างเอิกเกริก
ในสายตาของปิงที่ลอยตัวตามหลังถังเทียน เป็นเหมือนกับว่าเขากำลังเห็นทหารใหม่ในครั้งกระโน้น
เมื่อมาถึงทางเข้าร้าน ถังเทียนเบรคฉุกเฉินทำให้เจ้านกกระจอกเทศหยุดและไถลมาอย่างต่อเนื่อง
ถังเทียนโดดลงจากหลังนกกระจอกเทศ
 “เอ๋?  หุ่นกลนกกระจอกเทศบรอนซ์นี่นา”  หญิงงามผมแดงวิ่งออกมาดูนกกระจอกเทศและตาของนางเป็นประกายทันที  นางเดินวนรอบนกกระจอกเทศแตะตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง  มีปากอ้าค้างเป็นครั้งคราว
 “คุณคือเซรีนใช่ไหม?”  ถังเทียนมองดูหญิงงามที่อยู่เบื้องหน้าเขา
ผมของเธอสีแดงเพลิงเหมือนเปลวไฟ  กระโปรงหนังดำสั้นเต่อและฟิตเปรี๊ยะเน้นให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าสมบูรณ์แบบ ถุงน่องสีดำ รองเท้าส้นสูงที่ส้นแหลมสูง หน้าอกสมส่วนน่ารัก ริมฝีปากแดงน่าหลงใหล คู่ดวงตาสีฟ้าเหมือนน้ำทะเลกับขนตางอนยาวและมีไฝสามแฉกอยู่ใต้นัยน์ตาซ้ายของเธอ
 “น้องชาย เจ้าจะว่ายังไงถ้าพี่สาวอยากจะได้นกกระจอกเทศตัวนี้?”  สาวงามผมแดงเงยหน้าขึ้นและยิ้มสดใสพร้อมทั้งโปรยเสน่ห์ที่ทำให้คนเห็นหัวใจปั่นป่วนได้
ถังเทียนส่ายศีรษะ “ไม่ได้แน่นอน”
ยิ้มของหญิงงามชะงักค้าง เธอระบายลมหายใจและบ่นไปพลาง “ยังอายุน้อยเกินไปหรือนี่?  โปรยเสน่ห์อย่างนี้ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปหรือนี่?”
ถังเทียนไม่สนใจ  เขาถามทื่อๆ “คุณคือเซรีนหรือเปล่า?”
สาวงามผมแดงลุกขึ้นยืน สะบัดผมสีแดงและตอบอย่างยั่วยวน “ข้าชื่อเซรีนนั่นเอง น้องชาย ถ้าเจ้าต้องการตัวข้า  ข้าจะยอมเลย ขอแค่เพียงนกกระจอกเทศนี้เท่านั้น”
นางชม้ายชายตาให้ถังเทียน และโปรยหว่านเสน่ห์ถึงขนาดที่คนที่เดินผ่านไปมาเดินลงท่อระบายน้ำโดยไม่รู้ตัว
นางก้มตัวใช้เสน่ห์ทุกทางที่ทำได้ เสียงของนางกระเส่าเย้ายวนใจ “อย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้าต้องการข้า”
ถังเทียนส่ายหน้ายืนกราน  “ข้าชอบเชียนฮุ่ยเพียงคนเดียวเท่านั้น”
เซรีนอารมณ์ค้าง  นางยืดตัวขึ้น ลักษณะทอดเสน่ห์หายไปหมดไม่เหลือร่องรอย  นางกล่าวเป็นเชิงเสียใจ “งั้นพูดไป เจ้ามีธุระอะไรกับข้า”
 “ข้ามาซื้อการ์ดวิญญาณที่นี่”  ถังเทียนเปิดเผยวัตถุประสงค์ที่เขามาเยือน
 “เข้ามาสิ” เซรีนพูดเย็นชาและเข้าไปในร้าน
ถังเทียนเดินตามเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น  เขาตะลึงเมื่อเห็นผนังที่เต็มไปด้วยการ์ดวิญญาณ  หวีเป่าพูดถูก  ร้านการ์ดเซรีนมีการ์ดระดับต่ำ  การ์ดระดับสูงสุดที่ถังเทียนเห็นเป็นเพียงการ์ดระดับห้า  แต่มีการ์ดประหลาดและการ์ดหายากอยู่มากมาย
 “ใครแนะนำเจ้าให้มาที่นี่?”  เซรีนจุดบุหรี่สูบและปรือตาลงครึ่งหนึ่งอยู่กับบรรยากาศที่ง่วงเหงา “อย่าบอกข้านะว่า เจ้าหาพบด้วยตัวเอง ร้านข้าไม่ใช่ร้านโด่งดัง”
 “หวีเป่า”  ถังเทียนตอบ
เซรีนตะลึง คำตอบของเขาไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดหวังไว้  ทันใดนั้นเธอยื่นหน้าเข้า “นกกระจอกเทศตัวนี้ได้มาจากร้านเขาด้วยใช่ไหม?”
 “เดาได้ถูก!  ถังเทียนตอบ  “เราซื้อจากกองขยะของเขาแล้วประกอบขึ้นด้วยตัวเอง”
 “เจ้าประกอบขึ้นด้วยตัวเองเหรอ?”  เซรีนยืดตัวและวางบุหรี่ของนางลง
 “ใช่แล้ว, ลุงปิงเป็นคนประกอบมันขึ้นมา”  ถังเทียนชี้ไปที่ปิงที่กำลังลอยอยู่
เซรีนสังเกตเห็นขุนพลวิญญาณทั้งสองที่ด้านหลังถังเทียนอยู่นานแล้ว  โดยเฉพาะปิง  หน้าของปิงคล้ายกระดานว่างเปล่าและเป็นที่ดึงดูดได้ง่ายเกินไป  พอได้ยินว่านกกระจอกเทศถูกปิงประกอบขึ้นมา  นัยน์ตาของนางจึงดูแปลกๆ
นางพ่นควันและพูดอย่างมีความหมาย “ความสามารถเช่นนั้นในเรื่องเครื่องกลโบราณ  เขาต้องเป็นคนที่น่ากลัวแน่นอน”
 “นั่นก็ถูก”  ถังเทียนพยักหน้าเห็นด้วย “ลุงปิงน่ากลัวมาก”
เอาล่ะ... มีเบาะแสอะไรบ้างที่จะเก็บเกี่ยวมาจากเด็กคนนี้ได้บ้าง... ท่าทีไร้เดียงสาเช่นนั้น
เซรีนเท้าข้อศอกลงบนโต๊ะและเกยคางของตนเอง ภายใต้แสงสลัวในร้าน นางดูเหมือนประติมากรรมที่มีเสน่ห์  “เอาล่ะ, กลับมาที่เรื่องการ์ด,  เจ้าต้องการซื้อการ์ดอะไร, พ่อหนุ่ม?”
 

7 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณรรับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น