วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 72 หลอกลวง?



ตอนที่  72  หลอกลวง?
ทั้งถังเทียนและปิงมิได้เปลืองพลังงานมากนัก ขณะที่พวกเขาหาหอสมุดตามที่เซรีนบอกไว้
หลังจากออกมาจากหอสมุด ปิงยังคงเงียบอยู่

ถังเทียนไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์วิญญาณแม้แต่น้อย  ประวัติศาสตร์เหล่านี้ทั้งหมดไม่มีอะไรน่าตื่นตะลึง  เนื้อหาอย่างนั้นควรปล่อยให้ลุงปิงเค้นสมองศึกษาดีกว่า  สำหรับหนุ่มน้อยชาวฟ้า เขาท้าทายวิทยายุทธที่แข็งแกร่งทั้งหมด
ทันทีที่กลับมาค่ายฝึกทหารใหม่  ถังเทียนก็เริ่มฝึกเป็นบ้าเป็นหลังทันที
การเดินทางไปเมืองสามวิญญาณครั้งนี้  ถังเทียนให้ความสนใจการใช้พลังของเขา  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาต้องรับมือกับกลุ่มวัยรุ่นสี่คน   เขาถูกขุนพลวิญญาณข่มมากขนาดโงหัวไม่ขึ้น  นี่เองทำให้ถังเทียนอารมณ์เสีย  และอารมณ์เสียยิ่งขึ้น  ที่สำคัญคือเขาถูกขุนพลวิญญาณข่มจนซึมเซาอย่างแท้จริง
ถังเทียนเริ่มฝึกลมปราณสี่มังกรฟ้า
ปราณเที่ยงแท้ของเขาถึงระดับสุดยอดของยุทธระดับสามแล้ว  และเพื่อทลายกำแพงเพื่อเข้าสู่ระดับต่อไปไม่จำเป็นต้องใช้พลังมาก  เนื่องจากเมื่อเงื่อนไขถูกต้องพร้อมมูล  ความสำเร็จก็จะตามมาโดยธรรมชาติ  ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ทันทีถึงความแตกต่างระหว่างลมปราณสี่มังกรฟ้าและปราณคัมภีร์กระเรียนจะแหลมคม แต่ฐานปราณเที่ยงแท้ของมันก็คงอยู่ได้นาน แต่ปราณเที่ยงแท้ของปราณสี่มังกรฟ้า  กร้าวแกร่งรุนแรง เหมือนกับลาวาโคจรไปตามเส้นเดินปราณ  ค่อนข้างขัดแย้งกัน  แต่ก็สามารถทำให้ฟ้าถล่มดินทลายได้
เมื่อก้าวขึ้นสู่ระดับสี่  ปราณเที่ยงแท้ของถังเทียน  เพิ่มความรุนแรงถึงห้าเท่า
ปราณเที่ยงแท้มังกรฟ้า มีพลังอำนาจโดดเด่นแทนทันที  แต่เนื่องจากสิ่งที่เซรีนคาดการณ์ไว้   ปราณเที่ยงแท้กระเรียนระดับหกจะไม่ปล่อยพลังได้มาก  แต่จะเข้าร่วมกับพลังเที่ยงแท้ของปราณมังกรฟ้าในร่างของถังเทียนแทน  สิ่งที่น่าประหลาดใจมากก็คือ รูปแบบที่แตกต่างกันของปราณทั้งสองนี้ผสมผสานกันอย่างลงตัว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถังเทียนพยายามใช้วิธีกระตุ้นพลังงานของร่างกระเรียนให้ไปเดินปราณเที่ยงแท้ของปราณมังกรฟ้า  พลังร่างกระเรียนที่แหลมคมก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิด
แต่ทั้งหมดที่เซรีนได้กล่าวถึงเรื่องพลังมังกรฟ้า  ถังเทียนยังไม่เข้าใจเต็มที่  อย่างไรก็ตาม เขาไม่เร่ง และด้วยการฝึกร่างกระเรียน มันช่วยให้เขาเข้าใจสาระสำคัญ  เพื่อให้พลังตื่นขึ้นแท้จริงจำเป็นต้องอดทนและรอสถานการณ์ที่ดี
ปราณเที่ยงแท้มังกรฟ้าแข็งแกร่งมากกว่าปราณเที่ยงแท้เดิมของเขา จนถึงตอนนั้น ถังเทียนยังไม่เข้าใจจริงๆ ว่าความแตกต่างระหว่างปราณเที่ยงแท้ระดับสามและปราณเที่ยงแท้ระดับสี่ใหญ่หลวงมาก  ถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกฝนในร่างกระเรียน แม้คิดว่าการใช้พลังของปราณเที่ยงแท้ระดับสามไปสู้กับปราณเที่ยงแท้ระดับสี่  ก็อาจเป็นได้แค่เพียงฝัน
หลังจากฝึกมาสามวันเต็ม  ถังเทียนก็สามารถบริหารจัดการแอ่งตันเถียนชั้นที่สี่ได้
หลังจากสามวันไปแล้ว  แอ่งตันเถียนชั้นที่สี่มีความเสถียรอย่างสมบูรณ์ ทำให้ถังเทียนโล่งอก ทันใดนั้นเขาตระหนักว่าแอ่งตันเถียนทั้งสี่ของเขาแตกต่างจากกัน แอ่งตันเถียนแรกเหมือนกับถ้วยชา และว่างเปล่าสิ้นเชิง  แอ่งตันเถียนที่สองเป็นเหมือนปากน้ำพุที่เรืองรองสะสมพลังงานเที่ยงแท้จากการฝึกปราณลับและมีเส้นชีพจรเล็กเบาบาง  แอ่งตันเถียนที่สามเหมือนกับบ่อน้ำน้อยที่ถูกแปลงโดยปราณกระเรียน  ในภายในเป็นเหมือนทะเลเมฆ มีปราณที่แตกต่างชัดเจน  แอ่งตันเถียนที่สี่เป็นเหมือนปล่องภูเขาไฟ  และภายในก็เต็มไปด้วยพลังสีแดงไหลเวียนอยู่ช้าๆ
ทุกครั้งที่ระดับพลังปราณเที่ยงแท้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งคุณภาพหรือระดับปราณเที่ยงแท้ก็จะได้รับการปรับปรุงด้วย
ถังเทียนลืมตากว้างและสูดลมหายใจยาว  ช่างแตกต่างจากการหายใจของปราณกระเรียน  และทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเหมือนนำบอลไฟมาไว้ในตัวเขา
ถังเทียนยืดร่างตรงและมองไปรอบๆ
ลุงปิงยังคงอยู่ที่มุม นั่งคิดตั้งแต่วันแรก  สามวันต่อมาผีกรงเล็บยาวของผู้อาวุโสหนงก็กลับคืนสู่สภาพไม่มีอะไร
ถังเทียนตัดสินใจออกไปดู เพราะวิชาท่าเท้าระดับสี่  เท้าคู่เตะต่อเนื่องที่เซรีนให้เขา  ถังเทียนต้องการฝึกฝนให้สำเร็จในวิชาระดับสามก่อน  ถังเทียนรู้สึกว่าเซรีนพูดถูก  เมื่อเขาสู้กับหุ่นดำ  เขาก็พบจุดอ่อนของเขาวิชาที่ใช้มือของเขาพลังยังห่างกับวิชาเท้าเตะ  และเมื่อหุ่นดำใช้วิชาท่าเท้า  ถังเทียนก็ตกอยู่ในสถานการณ์ยุ่งยากทันที
ในที่สุด เมื่อเข้าสู่ระดับสี่  เขาก็จะย่างเข้าและกลายเป็นยอดฝีมือสู้ระยะประชิดอย่างเป็นทางการ  และเป็นเวลาที่เขาจะไปหาเชียนฮุ่ย
 “นี่คือแผนของถังเทียนเอง และอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธ  ก็เป็นแค่หินหยั่งเท้าก้าวเข้าไปหาเธอเท่านั้น
น่าเศร้า เขาต้องการหาจิ่งหาวเพื่อสู้ด้วยสักครั้ง
เขาส่ายศีรษะและเดินออกนอกประตูกางเขน  ก่อนอื่นเขาต้องได้ภาพที่ชัดเจนของสถานที่ซึ่งเชียนฮุ่ยอยู่ก่อน  เธออยู่ในดาวสายรุ้ง
ถังเทียนตัดสินใจถามเจ้าโล้น
※※※※※※※※※※※

หลังจากได้ยินคำอธิบายของหวี่ซี ผู้อาวุโสถึงกับคราง “เจ้ากำลังบอกว่าหุ่นนกกระจอกเทศบรอนซ์ถูกเขาสร้างทั้งหมดหรือ?”
หวี่ซีพยักหน้า “ขุนพลวิญญาณของเขาสร้างมันให้เขา ข้าไปสอบสวนหวีเป่ามาแล้ว และเขาไม่ได้ปิดบังอะไร”
 “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทราบวิธีประกอบหุ่นกลนกกระจอกเทศบรอนซ์” ผู้อาวุโสหน้าเข้ม “เขาสามารถเลียนแบบได้  แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำซ้ำและสร้างนกกระจอกเทศกลชั้นบรอนซ์ขึ้นมา ต้องเป็นคนรุ่นสามกองทัพใหญ่ถึงจะมีความสุดยอดในเรื่องหุ่นกลโบราณ  หุ่นกลในยุคนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขาในตอนนี้ หุ่นกลนกกระจอกเทศบรอนซ์เป็นหนึ่งในการจัดสรรของกองทัพดาวกางเขนใต้  มันง่ายที่จะถอดรหัสตามมาตรฐานของมัน  เจ้าต้องระมัดระวัง  หลังจากนั้นพวกเขาไปที่ไหน?”
 “พวกเขาไปที่ร้านขายการ์ดของเซรีน” หวี่ซียิ้มอย่างขมขื่นขณะกล่าว
 “เซรีน?” ผู้อาวุโสขมวดคิ้วและส่ายศีรษะทันที “เจ้าอย่าไปกวนเธอจะดีกว่า”
 “ได้ค่ะ” หวี่ซีหยุด  “แต่ ข้ากังวลว่าหัวหลิงจะไม่พอใจ  สำหรับหัวหลิง กระบี่กระต่ายไหมของเธอถูกเจ้านั่นเอาไปมอบให้เป็นของขวัญกับเซรีน หัวหลิงชอบกระบี่นั่น...”
 “ห้ามพวกเขาซะ”  ผู้อาวุโสพูดโดยไม่ลังเลใจ  “อย่านำความยุ่งยากมาสู่เมืองสามวิญญาณ”
หวี่ซีแสดงสีหน้าตกใจ  “เป็นไปได้ว่า...”
 “จำเอาไว้, อย่าไประรานเธอ”  หน้าของผู้อาวุโสจริงจัง “อย่าสืบสาวเรื่องนี้อีกต่อไป  ไม่ว่าเจ้าหนุ่มนี่จะมาจากไหน  ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรา  เนื่องจากเขาปฏิบัติตามธรรมเนียมดาวกางเขนใต้  เนื่องจากพวกเจ้าไถ่ตัวออกมาแล้ว อย่างนั้นเรื่องคับแค้นทั้งหมดนี้ก็ควรลืมซะ”
หวี่ซีรีบพูดทันที “ค่ะ”
ผู้อาวุโสยังคงกังวลและพึมพำกับตนเอง “ข้าจะแจ้งกับตระกูลอื่น เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้ห้ามคนของตนไม่ให้ออกไปข้างนอกเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก”
หวี่ซีเบิกตากว้าง  นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นปู่ของเธอมีสีหน้าเคร่งเครียดขนาดนั้น  ในใจของเธอ เธอรู้สึกถึงระลอกคลื่น  เซรีน เธอเป็นใครกันแน่
※※※※※※※※

เจ้าโล้นได้ยินว่าถังเทียนออกมาและสายตาเขาดูแปลก
ถังเทียนสังเกตได้และรู้สึกว่าแปลก  “อะไรนี่? ทำไมแกทำสีหน้าอย่างนั้น?”
 “พี่ใหญ่ พี่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์เกียรติยศชาวยุทธของเราแน่หรือ?”  เจ้าโล้นเค้นคำถามหลังจากคิดอยู่นาน
ถังเทียนจ้องมองเขาอย่างรำคาญ  “ถ้ามีอะไรที่เจ้าต้องการพูด ก็ว่ามาเร็วๆ”
เจ้าโล้นดูท่าทางเหงาและพูดเสียงทุ้มว่า “พี่ใหญ่, เว้นแต่ท่านไม่รู้  ข้างนอกค่าย รู้จักสถานที่นี้ว่าเป็นดินแดนเนรเทศ ทราบหรือเปล่า?  ทุกคนที่ถูกส่งมาที่นี่เป็นเด็กใหม่ที่ไม่มีอนาคต หรือสร้างไม่พอใจให้กับเบื้องบน  พี่ใหญ่ ท่านสร้างความไม่พอใจให้ใครหรือ?”
 “ข้าไม่ได้สร้างความไม่พอใจให้ใคร” ถังเทียนคิดหนัก และยังคงคิดไม่ออกว่าเขาได้สร้างความไม่พอใจให้ใครกันแน่?”
 “พี่ใหญ่ พี่ต้องทำให้ใครบางคนไม่พอใจแน่”  เจ้าโล้นยืนยัน  “แม้แต่ท่านจิ่งหาวก็ถูกส่งมาเพราะสร้างความไม่พอใจให้กับเบื้องบน  ค่ายนี้เป็นที่รู้จักดีเพราะความจริงว่าทุกคนสามารถเข้ามาได้  แต่ไม่มีใครเคยได้ออกไป  ทุกๆ แห่งใกล้กับที่นี่จะเต็มไปด้วยกับดักและเขาวงกต  แม้มีสมบัติที่ชี้บอกตำแหน่งก็ยังใช้ที่นี่ไม่ได้  แม้แต่นักสู้ชั้นทองแดงก็ยังไม่สามารถออกไปได้โดยปลอดภัย  พวกระดับสูงต้องการให้เราเป็นด่านหน้าคอยป้องกันในกรณีที่เราพบอสูรดวงดาวที่ทรงพลัง  อย่างน้อยเราจะสามารถช่วยเตือนเขาได้”
 “ทุกๆ สามเดือน พวกเขาจะส่งทรัพยากรมาที่นี่  ถ้าพี่ใหญ่อยู่ใกล้ค่าย  พี่ใหญ่จะไม่มีอันตรายแต่อย่างใด  แต่ทันทีที่พี่ใหญ่ออกไปไกลจากเขามากกว่าระยะห้าสิบลี้  อย่างนั้นจะมีอันตรายมากจริงๆ”
 “อย่างนั้นทำไมเราถึงเข้ามาอยู่ที่นี่ได้?”  ถังเทียนถามอย่างสงสัย
 “ยานขนส่งปลอดภัย  แต่ก็มีอุบัติเหตุอยู่หลายครั้ง”  เจ้าโล้นกล่าว
 “ทำไมพวกเขาต้องมาตั้งค่ายที่นี่? นี่จะมีความแตกต่างอะไรจากกรงขังเล่า?”  ถังเทียนไม่พอใจ
เจ้าโล้นอธิบาย “ตั้งแต่แรก พวกเขากล่าวว่าเป็นเพราะสมบัติ  จากนั้นก็เป็นเพราะภูตอสูรดวงดาว  ทั่วทั้งแนวเส้นทางรูปร่างรังผึ้งลึกลงไปจะมีภูตอสูรดวงดาวที่แข็งแกร่งและอันตราย นี่คือจุดที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางหมู่ดาวเพอร์ซูส ทันทีที่อสูรดวงดาวขึ้นมาจากข้างล่าง  จากนั้นถ้าหมู่ดาวเพอร์ซูสจะถูกคุกคาม  พวกเขาจะต้องการป้ายเตือนภัย
 “ถ้ามีอสูรดวงดาว  อย่างนั้นพวกเขามิตายกันหมดหรือ” ถังเทียนกล่าว
 “นั่นมันแน่นอน”  เจ้าโล้นเห็นด้วย “ถ้าลูกพี่ต้องการออกไป  ตราบเท่าที่ลูกพี่เข้าถึงระดับห้า และได้เลื่อนให้เป็นนักสู้ชั้นเหล็กได้ ลูกพี่ก็สามารถขึ้นยานขนส่งจากไปได้”
ถังเทียนไม่พูดสักคำ ประกายตาเยือกเย็นพาดผ่านนัยน์ตาเขา  เขาเพิ่งพบว่าเขาถูกโกง โดยการส่งมาที่นี่
 “อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ ไม่เคยมีใครเคยออกไปได้” เจ้าโล้นแบมือจนปัญญา “พวกที่ถูกส่งมาที่นี่เป็นเด็กใหม่ที่พรสวรรค์ไม่ดี  อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นเด็กใหม่ที่สูญเสียความสามารถ  พรสวรรค์ของทุกคนไม่ดี ยิ่งกว่านั้น ทรัพยากรที่นี่มีจำกัดมาก  รังผึ้งที่แนวภูเขานั่นมีความหนาแน่นพลังงานในระดับต่ำ และไม่มีหินดวงดาว  เป็นไปไม่ได้ในการใช้ฝึกฝน  เมื่อไม่มีการฝึกฝน ดังนั้นทุกคนจึงเกียจคร้าน”
 “ดูเหมือนเป็นอย่างนั้น” ถังเทียนสังเกตจุดนี้ได้  ความหนาแน่นของพลังงานเกือบเป็นศูนย์ ต่ำที่สุดเท่าที่เคยพบมา  ทันใดนั้นถังเทียนถาม “อย่างนั้นจิ่งหาวฝึกยังไง?”
 “ท่านจิ่งหาวเป็นนักสู้ระดับทองแดงไปแล้วเมื่อตอนที่เขาถูกส่งมาที่นี่  เขาแข็งแกร่งและสามารถบุกตะลุยเข้าไปในเส้นทางที่เหมือนรังผึ้งได้  มีแอ่งพลังงานอยู่ที่นั่น  และท่านจิ่งหาวไปฝึกอยู่ที่นั่น”  เจ้าโล้นอธิบาย  “แต่มันอันตรายมาก  นอกจากท่านจิ่งหาวแล้ว  ไม่มีผู้ใดสามารถไปถึงที่นั่นได้”
 “เด็กใหม่ส่วนใหญ่มาด้วยพื้นฐานสมัครใจ  แม้ว่าจะรู้สึกขมขื่นเมื่อคิดเรื่องนี้  แต่พวกเขาก็สามารถเพลิดเพลินกับการดูแลเหมือนเป็นนักสู้ระดับชั้นเหล็ก  พรสวรรค์ข้าแย่และข้าไม่มีอนาคต  ถ้าข้าได้รับผลประโยชน์บางอย่าง  ข้าก็สู้หน้าครอบครัวได้ แค่นั้นข้าก็พอใจแล้ว” เจ้าโล้นพูดมองโลกในแง่ดี
 “ข้าไม่ยินดีจะมาที่นี่เลย”  ถังเทียนดูน่ากลัว
 “อย่างนั้นพี่ใหญ่คงไปทำให้คนบางคนไม่พอใจ”  เจ้าโล้นมั่นใจ
ทันใดนั้น ร่างๆ หนึ่งปรากฏขึ้นทางเข้าค่าย
ถังเทียนมองดู  เป็นจิ่งหาว
สีหน้าของจิ่งหาวดูเหมือนเหน็ดเหนื่อย  ร่างของเขามีร่องรอยบาดเจ็บและเห็นได้ชัดว่าเขาผ่านการต่อสู้มาอย่างรุนแรง
จิ่งหาวมองสองคนอย่างไม่ใส่ใจนัก  ขณะที่สายตามเขากวาดผ่านถังเทียน ลักษณะที่แตกต่างวูบผ่านสายตาเขาไป  แต่เขาไม่หยุด  และยังคงเดินตรงไปที่ห้องของเขา
แม้แต่ด้วยพลังของจิ่งหาว  ก็ยังไม่ง่ายที่จะจัดการด้วย
แต่...ถ้าเขารู้ว่าใครส่งเขามายังที่กันดารแห่งนี้
ถังเทียนตัดสินใจตามหาเจ้าตัวบัดซบที่ส่งเขามาที่นี่
หนุ่นน้อยชาวฟ้า ไม่ใช่คนที่ใครจะมาระรานกันได้

6 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ชอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ในที่สุดชาวฟ้าก็รุ้ว่าถูกหลอก555

sittichok กล่าวว่า...

ชอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น