วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 82 เป้าหมายใหม่



ตอนที่  82  เป้าหมายใหม่
เมื่อปิงกลับมาเจอถังเทียนและหลังจากเห็นการเคลื่อนไหวของถังเทียนที่เด่นชัดแน่นอน  เขาประหลาดใจเล็กน้อย  เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเด็กนี่เล่นของสิ่งนี้

หลังจากสงบใจลงได้ เขากระแอมเบาๆ “เอาล่ะ, พ่อหนุ่ม, หยุดได้แล้ว”
ถังเทียนหยุดเคลื่อนไหว
 “หวา หวา ว้าว! ลุงปิง ลุงมีของดีจริงๆ แล้วลุงยังเอามาซุกซ่อนไว้ที่นี่อีก  มันใช้ได้ดีอย่างคาดไม่ถึง, ข้ากล้ายืนยัน  ข้าสามารถจัดการยอดฝีมือระดับห้าได้แน่นอน”  เสียงของถังเทียนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นนั้นดังออกมาจากเกราะเสือเขี้ยวดาบ
 “เจ้าเรียกนักสู้ระดับห้าว่ายอดฝีมือเหรอ?” ปิงดุ
ถังเทียนค่อนข้างลังเลที่จะถอดเกราะเสือเขี้ยวดาบ  เขาออกมาจากตัวมันและมองปิงด้วยความมุ่งหวัง “ลุงปิง, ลุงให้เสือเขี้ยวดาบตัวนี้ข้าได้ไหม? ได้โปรด?”
 “ไม่มีปัญหา”  ปิงโบกมือตรงๆ “สถานที่นี้ทั้งหมดเป็นของเจ้า”
 “ที่นี่ทั้งหมดเป็นของข้า...”  ราวกับว่าเขาถูกสายฟ้าฟาด ถังเทียนเหม่อมองไปรอบๆ เขาเป็นเหมือนกระต่ายที่จู่ๆ ก็ตระหนักว่าฝนตกลงมาเป็นแคร็อท
 “เอาล่ะ, ไม่ต้องพิรี้พิไรมาก  ก็แค่ของเก่าแก่โบราณไม่กี่ชิ้นก็ทำให้เจ้าสูญเสียความเยือกเย็นไปได้แล้ว”  ปิงขมวดคิ้ว  พร้อมกับการขยับคิ้วที่ดูเหมือนภาพวาด เมื่อมันขยับเคลื่อนไหว ดูแล้วน่าขำขัน
 “ของโบราณเหรอ?” ไม่เอาน่า, เสือเขี้ยวดาบแข็งแกร่งกว่าสมบัติบรอนซ์อื่นๆ มาก”  เห็นได้ชัดว่าถังเทียนเห็นแย้งกับมุมมองของปิงและเถียงเสียงดัง
 “แล้วอย่างนั้นในปีนั้นเราพ่ายแพ้ได้ยังไง?” ปิงผายมือ “ข้ามีประสบการณ์กับตัวเองและผ่านสงครามมาแล้ว ข้าเห็นมาชัดเจนมากกว่าเจ้า”
ถังเทียนซึมเซา แต่เขายังคงดื้อแพ่งอยู่ “มันเป็นเครื่องกลต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้น และสามารถเอาชนะสมบัติชั้นบรอนซ์อื่นๆ ได้แน่นอน”
ปิงถอนหายใจ “มันเป็นของตกยุคแน่นอน  เชื่อข้าเถอะ ตอนนี้เจ้ารู้สึกว่ามันทรงพลัง  แต่นั่นเป็นเพราะความรู้ของเจ้ายังน้อยนัก  ยกตัวอย่าง เจ้าเสือเขี้ยวดาบนี้ เจ้าอาจรู้สึกว่ามันแข็งแกร่ง แต่ข้าขอบอกเจ้า เมื่อเจ้าเข้าสู่การรบจริงๆ หินดวงดาวระดับห้าสามารถคงอยู่ในสนามรบได้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
 “ครึ่งชั่วโมง?”  ถังเทียนตะลึง
 “เจ้ารู้ไหม เจ้าจะทำอะไรได้ในครึ่งชั่วโมงระหว่างรบจริง? โจมตีครั้งเดียว”  ปิงชูหนึ่งนิ้ว “หลังจากนั้น เจ้าจำเป็นต้องปีนออกมาจากเจ้ากระป๋องบรอนซ์เครื่องนี้  เจ้าจะไม่มีเวลาเปลี่ยนหินดวงดาวเพิ่ม เพราะมันต้องใช้เวลาสิบสองชั่วโมงหรือมากกว่านั้นระบายความร้อน ก่อนที่มันจะสามารถกลับมารบได้อีกครั้ง  มันไม่อาจเทียบได้กับนกยูงครามบนตัวเจ้าซึ่งเจ้ายังมิได้ขุดเอาศักยภาพที่แท้ของมันออกมา  แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่เรื่องแค่นี้”
 “อย่างนั้นคืออะไร?”  ถังเทียนถาม
 “มันคือการพึ่งพา  หลายคนพึ่งพามันมากเกินไป และไม่ยินดีจะฝึกตนเองให้แข็งแกร่ง” ไม่บ่อยนักที่ปิงจะดูเคร่งขรึม “ถังเทียน  เจ้าต้องจำไว้ให้ดี  ไม่ว่าสมบัติหรืออาวุธจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม มันจะไม่มีทางเป็นประโยชน์เท่ากับพลังของตัวเจ้าเอง หมัดของเจ้า, ปราณเที่ยงแท้ของเจ้า  วิทยายุทธของเจ้าและร่างกายของเจ้า  สิ่งเหล่านี้ต่างหากเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุดที่เจ้ามีอยู่  เจ้ายังสามารถสู้ได้ด้วยความดื้อรั้นถือดี  อย่าเอาแต่พึ่งพลังภายนอก  ไม่ต้องคำนึงว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน  ไม่ว่าเมื่อไหร่หรืออะไรก็ตาม  การเพิ่มพลังส่วนตัวของเจ้าเป็นสิ่งพื้นฐานที่เจ้าจำเป็นต้องรู้”
ถังเทียนมองปิงด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ก็เป็นอย่างนี้มาแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ปิงซึมเซา ขณะที่เขาไม่เห็น เขาพึมพำ “แน่นอน  พอปลดปล่อยพลังของอาวุธ นั่นคือนักสู้ที่มีคุณภาพ และนั่นจำเป็นต้องมีพลังของอาวุธพื้นฐาน สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปเดี๋ยวนี้ ก็คือเสือเขี้ยวดาบนั้นยังไม่อาจเทียบได้กับนกยูงครามของเจ้า มันไม่ใช่ขยะ  เพราะนกยูงครามมีจิตวิญญาณพลังยุทธ  ขณะที่เสือเขี้ยวดาบไม่มี  อาวุธที่ฉลาดชิ้นหนึ่งเทียบกับอาวุธแข็งแกร่งก็ยังโดดเด่นมาก  แต่เกี่ยวกับสมบัติ  โดยส่วนตัว ข้ามีความเข้าใจน้อยเกินไป  อย่าว่าแต่วัตถุโบราณอย่างข้าก็ต้องพยายามทำความเข้าใจคนเหล่านี้  มันต้องใช้เวลา  แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้ แค่อย่าเดินไปตามเส้นทางเก่าที่พวกเราทำไว้ นั่นได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าผิด  ข้าเกรงว่ามันอาจยังคงดูแข็งแกร่งแม้กระทั่งวันนี้”
 “เฮ้..ลุง”  ถังเทียนพูดตัดบทปิง
 “หืม?”
 “ลุงพูดว่าของทั้งหมดนี้เป็นของข้าใชไหม?”  ถังเทียนทำท่าทางเหยียดนิ้วมือ
 “ถูกแล้ว มีอะไรเหรอ?”  ปิงถามอย่างไรรู้
ถังเทียนมีความสุขทันทีและวิ่งตรงไปที่อาวุธเครื่องกลแตะตรงโน้นบ้าง ตรงนี้หน่อย แม้แต่หยาหยาก็ไม่เข้าใจความตื่นเต้นของเขา มันทำตามเขาขึ้นๆ ลงๆ
 “เฮ้ เฮ้ เย้ ทั้งหมดนี้เป็นของข้า ฮ่าฮ่า เยี่ยมเหลือเกิน”
 “ขุนพลบรอนซ์ ไปเลย ไปไปไป
 “หนุ่มน้อยชาวฟ้า  อาวุธจักรกลชาวฟ้า”
ถังเทียนตื่นเต้นร่าเริงส่งเสียงไปตามระหว่างอาวุธหุ่นกล
 “เอาล่ะ ไปรับมอบฐานทัพกัน” ปิงอดกล่าวไม่ได้
 “เยี่ยมเลย เยี่ยม” ตาของถังเทียนเป็นประกายทันทีและเขาวิ่งไปรับมอบฐานทัพกองทัพดาวกางเขนใต้ หวา... มันดีเยี่ยมเกินจนเขาอาจหัวเราะในฝันได้
ปิงมีสีหน้าช่วยไม่ได้ พาถังเทียนไปยังที่ตั้งของตราสัญลักษณ์ “เอาละนะ กดฝ่ามือเจ้าลงบนนี้”
ถังเทียนร้องโอ้ และกดฝ่ามือลงไปบนจุดที่ระบุไว้
เขาประทับเครื่องหมายกางเขนบนฝ่ามือของเขาที่สว่างขึ้น  และแสงสว่างจากมือถังเทียนก็เข้าไปในสัญลักษณ์
บึ้ม!
พื้นโดยรอบสั่นสะเทือน ขณะที่วงกลมมีแสงสว่างขึ้นและล้อมรอบตัวถังเทียนไว้แล้วหุ้มตัวเขาไว้ข้างใน
เป็นไปตามคาด...
ปิงไม่ตื่นเต้นไม่ก่อให้เกิดเสียงอะไรทั้งนั้น แต่ในใจเขาเต็มไปด้วยความสงสัย  พ่อแม่ถังเทียนเป็นใครกัน? พวกเขามีความสัมพันธ์ยังไงกับกองทัพดาวกางเขนใต้?
หลังจากแสงกระจายหาย ถังเทียนยังคงสับสน  “แค่นั้นเองเหรอ?”
 “อย่างนั้นเจ้ายังต้องการอะไรอื่นอีก?” ปิงเหลือกตา  “ก็ได้ ไปกันเถอะ เราจำเป็นต้องกลับ ข้าพบแก่นพลังวิญญาณและหยกเหล็กวิญญาณแล้ว  เราโชคดีที่คลังอาวุธยังคงมีเก็บไว้บางส่วน”
 “เราจะออกไปทั้งอย่างนั้นเหรอ?”  ถังเทียนเบิกตากว้าง  เขายังไม่เต็มใจจากไป  “อย่างนั้นข้าจะเอาเสือเขี้ยวดาบออกไปด้วย”
 “ตู้เก็บอาวุธอควาเรียสของเจ้าเก็บมันได้พอดีไหม?” ปิงมองถังเทียน
 “ไม่พอดี...” ถังเทียนยิ่งไม่ยอมแพ้กว่าเดิม “ข้าจะสวมมันออกไป”
 “แล้วจากนั้นก็จะถูกคนอื่นตัดและปล้นใช่ไหม?”  ปิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น  “นี่ไม่ใช่นกกระจอกเทศบรอนซ์  ถ้าเจ้ากล้านำมันออกไปข้างนอก  จะมีคนมาปล้นฆ่าเจ้าเพื่อชิงอาวุธจักรกล เจ้าอย่านับข้ารวมไปด้วยล่ะ  ข้าเป็นแค่ครูฝึก  ฝีมือของข้าธรรมดามาก”
ถังเทียนรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็รู้ว่าปิงพูดถูก  นกกระจอกเทศบรอนซ์ก็ชักนำเรื่องยุ่งยากมาให้เขาพอแล้ว  ถ้าเป็นเสือเขี้ยวดาบ อย่างนั้นเขาคาดว่าเขาคงไม่อาจถอดมันออกมาได้
ถังเทียนรู้สึกอารมณ์เสียเป็นพิเศษ  อารมณ์เหมือนกับว่าสวรรค์ล่มต่อหน้า เห็นได้ แต่กินไม่ได้ ใช้ไม่ได้
ปิงเป็นเหมือนผู้วิเศษหยิบกล่องใบหนึ่งมาจากที่ใดมิทราบแล้วให้ถังเทียน
 “อะไรกันนี่?”  ถังเทียนถามเพื่อความแน่ใจ
 “โอว ขณะที่ข้าตรวจดูกับดัก ข้าพบโดยบังเอิญบนศพตรงนั้น หลังจากผ่านไปหลายปี จำนวนคนที่เข้ามามีหลายคน” ปิงพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา “คนสองสามคนที่ตามเราเข้ามาจะตายด้วยเช่นกัน  ร่างของพวกเขาไม่มีอะไรมาก ถ้ามีอะไรมากมาย ข้าต้องตรวจดูให้เจ้าแล้ว  เก็บกล่องใบนี้ไว้ในตู้อาวุธของเจ้า”
ถังเทียนเผลอยินดีและปลอบใจตนเอง เขาเก็บมันไว้โดยมิได้ตรวจสอบแต่อย่างใด
ใจของเขาชอบอยู่แต่ชุดเสือเขี้ยวดาบเท่านั้น   เขาเห่อหลงใหลกับชุดอาวุธเครื่องกลเท่านั้น
 “ไปกันเถอะ”  ปิงนำทางและลอยตัวไปข้างหน้า
ถังเทียนตามไปด้านหลัง
 “นี่ลุง, ในที่สุดลุงก็ทนไม่ไหว.. ยอมเขียนหน้าเขียนตาตนเองแล้ว...”
“…..”

※※※※※※※

เมื่อทั้งสองคนรีบกลับมาหาเซรีนที่ร้านขายการ์ด ร้านที่ยุ่งเหยิงซึ่งถูกทำลายก็มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว
จอมโจรแพนด้าทั้งสามเป็นเหมือนเด็กดีที่ขยันทำงานเป็นอย่างดี  พวกเขาสวมชุดคนงานชุดยาวสวมหมวกกันน็อคทำงานงกๆ ไม่ยอมหยุดโดยไม่เงยหน้ามองถังเทียนด้วยซ้ำ
พอเห็นภาพเช่นนี้ ไม่ว่าเขาจะมองดูอย่างไร  ถังเทียนรู้สึกว่ามีปรากฏการณ์บางอย่างที่แปลก และเขาไม่สามารถอธิบายได้  เขาอดถามไม่ได้ “เซรีน, เจ้าทำอะไรกับพวกเขาเหรอ?”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำถาม  จอมโจรแพนด้าทั้งสามที่กำลังทำงานสุดชีวิตถึงกับตัวสั่น
เซรีนไม่ได้มองถังเทียนและถามว่า “เจ้าเอาแก่นพลังวิญญาณและหยกเหล็กวิญญาณมาด้วยไหม?”
 “เรานำมาแล้ว “ปิงพูดพลางยื่นแก่นพลังวิญญาณและหยกเหล็กวิญญาณให้เซรีน
เซรีนรับมาดู และหลังจากตรวจดูชั่วครู่ จึงกล่าวอย่างพอใจ “ไม่เลวเลย  นี่หมายความว่าทุกอย่างที่นี่พร้อมแล้ว เอ่อ.. ข้าเตรียมตัวอ่อนไว้เสร็จสิ้นแล้ว  เอาล่ะพวกเจ้าไปได้แล้ว อย่ากวนใจขณะที่ข้าทำงาน อีกห้าวันพวกเจ้าค่อยกลับมารับของ”
ทันทีที่พูดจบ เธอก้มหน้าก้มตาทำงานของเธอต่อไปทันที
ถังเทียนประหลาดใจ  เขาคาดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะเปลี่ยนบุคลิกไปสิ้นเชิงเมื่อถึงเวลาทำงาน
※※※※※※※※※※※※

เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารใหม่  ถังเทียนเริ่มฝึกโหดทันที
ถังเทียนจำเป็นต้องใช้เวลาห้าวันเพื่อฝึกฝนในรอบการฝึกหนักครั้งต่อไป  ปิงตระหนักว่า ถังเทียนวางแนวทางฝึกแน่วแน่มากกว่าแต่ก่อน  วิธีการฝึกของเขาเหมือนกับว่าไม่สนใจชีวิตตนเองแม้แต่น้อย  เขาเริ่มฝึกวิชาท่าเท้าของเขา และเนื่องจากว่าเขาไม่มีวิชาท่าเท้าพื้นฐานมาก่อน เขาจึงเริ่มฝึกท่าเท้าพื้นฐานใหม่ทั้งหมด  เขาไม่รู้จักวิธีฝึกลัด  ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจ และยอมฝึกพื้นฐานวิชาต่อสู้ที่เขาไม่เคยฝึกมาก่อน
หัวใจถังเทียนกลับมากระตือรือร้นขึ้นบ้าง  นอกจากตามหาเชียนฮุ่ยและหาเจ้าบัดซบนั่นแล้ว ตอนนี้ถังเทียนมีเป้าหมายอื่นในระยะอันใกล้นี้อยู่ในใจ
ต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้
ขอเพียงแข็งแกร่งขึ้นเขาจะสามารถเปิดตัวและตัดสินเผชิญเรื่องราวอย่างสาสมใจ
ถังเทียนไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกว่าเหมือนมีก้อนหินใหญ่ถ่วงอยู่ ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดโกรธเคือง และกระหายจะเพิ่มความเคลื่อนไหวของเขา
สิ่งที่ปิงได้พูดไว้ เขายอมรับฟัง แต่ไม่ได้เห็นด้วยไปทุกอย่าง เนื่องจากเขามีวิธีการและแนวทางของตนเอง
แต่ก่อนนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือฝึกตนเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การฝึกโหดสิบวันผ่านไปในพริบตาเดียว   ถังเทียนมีแรงบันดาลใจใหม่ก็ยิ่งกระตือรือร้น  ทุกๆ ครั้งที่เหนื่อยล้า เขาจะคิดถึงคนผู้นั้น และร่างของเขามีความรู้สึกเหมือนมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ภายในตัวเขา
บางครั้ง เขามีความรู้สึกว่าเขาเกิดมาเพื่อเข้ากันได้กับอาวุธจักรกลเหล่านั้น
แต่ปิงพูดถูก สภาพปัจจุบันของเขายังอ่อนแอเกินไป  ไม่เพียงแต่ไม่สามารถใช้เสือเขี้ยวดาบได้เต็มศักยภาพเท่านั้น  เขายังไม่สามารถปกป้องมันได้ด้วย  เมื่อไม่สามารถปกป้องแม้แต่อาวุธของตัวเองได้ ถังเทียนไม่อาจทนเรื่องเช่นนั้นได้
แม้ว่าปิงจะรู้สึกทึ่งกับความดื้อรั้นของถังเทียน  แต่เขาไม่พูดอะไรมาก  เขาเดาความคิดของถังเทียนได้ง่ายมาก  ความจริง ถังเทียนดื้อรั้น  ไม่ว่าเขาทำอะไรก็ตาม ก็เหมือนกับแสดงออกมาทางหน้าทั้งหมด  ไม่ว่าเขาจะคิดอะไรก็ตาม  สำหรับถังเทียนแล้ว ดูเหมือนจะไกลเกินกว่าความเป็นจริงแน่นอน
แต่ปิงก็เข้าใจชัดถึงอุปสรรคในเป้าหมายของถังเทียน  การไม่บ่นสักคำแม้อยู่ภายใต้แรงกดดันที่ยิ่งใหญ่  และเจ้าเด็กนี่ซึ่งฝึกฝนวิทยายุทธพื้นฐานมาถึงห้าปีด้วยตัวเอง ทันทีที่เขากำหนดเป้าหมาย  ต่อให้เอาวัวห้าตัวมาฉุด ก็ยังไม่สามารถดึงเขาออกจากเป้าหมายได้เลย
ปิงไม่กังวลแม้แต่น้อย  สัญชาตญาณการต่อสู้ของถังเทียนยอดเยี่ยมทรงพลังนัก  ทันทีที่เขาดิ้นรนในระหว่างต่อสู้  เขาจะเข้าใจเหตุผลได้อย่างรวดเร็ว
ความจริงจะพิสูจน์ทุกอย่าง

3 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคร๊าฟ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น