วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 137 ความจริงใจ

ตอนที่  137  ความจริงใจ
เมื่อเห็นคนบาดเจ็บทุกคนนอนอยู่บนพื้น  ถังเทียนรู้สึกพอใจ

ผลการต่อสู้ในวันนี้ทำให้เขามีความสุข และที่สำคัญก็คือ เขาสู้ได้ดังใจและได้รับชัยชนะ  นั่นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ เขาพึงพอใจตัวเองและยินดีมาก ถังเทียนยืนกอดอก  ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความภูมิใจอย่างมากอยู่ท่ามกลางลานบ้าน
หัวใจเขาพองโตจนแทบระเบิด
ถ้าจะมีความเสียใจอยู่บ้างก็คงมีอยู่เรื่องเดียวคือเขาไม่อาจบรรลุเคล็ดสังหารของวิชาประทับหัตถ์ใหญ่ได้
แต่ถังเทียนรู้สึกว่าเขาพอใจมากแล้ว เขาโยนความบกพร่องทิ้งไว้เบื้องหลังและเสพสุขกับชัยชนะของตน
คนอื่นๆ กลัวเขา แม้แต่ชื่อหลานก็ยังถูกโค่นล้ม ทุกคนมองถังเทียนด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
ยอดฝีมือผู้นี้มาจากแห่งใดกัน?
ถังเทียนยืดตัวตั้งท่า  เนื่องจากไม่มีใครเข้ามาสู้กับเขา เขารู้สึกเหลืออดเล็กน้อย   สำหรับคนที่มีประสบการณ์และมีคุณสมบัติเป็นหัวโจกจอมเกเรประจำโรงเรียน การเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาชาชินเสียแล้ว
"พวกเจ้าทุกคนสนใจข้าใช่ไหม" ถังเทียนใช้หัวแม่มือชี้มาที่ตนเอง และใบหน้าที่ดุดัน  "จากวันนี้เป็นต้นไป กู้เสวี่ยอยู่ภายใต้การอารักขาของข้า  ใครก็ตามที่ไม่รู้สำนึก ข้าจะหักขามันซะ"
ขาใหญ่จอมเกเรประจำโรงเรียนทุกคนถนัดในการพูดบทอย่างนี้เป็นอย่างมาก
ประโยคที่ดุดันและทรงพลัง กับคนบาดเจ็บที่อยู่บนพื้น ส่งเสียงร้องระงมอย่างเจ็บปวด นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย
ไม่มีใครกล้าหัวเราะ
หลังจากทิ้งท้ายด้วยประโยคนั้นแล้ว  ถังเทียนก็ไม่สนใจกลุ่มคนอีก  สีหน้าของกู้เสวี่ยและเมอเรย์ชะงักค้างจนดูแปลกประหลาด  ท่าทีที่ดูประหลาดนั้นราวกับว่าพวกเขาเห็นผี  ขณะที่สายตาพวกเขาจ้องดูถังเทียน พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาเห็นผีจริงๆ
ถังเทียนงง "ทำไมพวกท่านทั้งสองคนถึงได้มองข้าแบบนั้นเล่า?"
แต่หลังจากชั่วเวลาสั้นๆ เขาก็หัวเราะดังลั่น "ท่านทั้งสองคนต้องตกใจเพราะหนุ่มน้อยชาวฟ้าแน่ๆ"
กู้เสวี่ยและเมอเรย์จ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่า
"ข้าพูดถูกหรือเปล่า  จริงไหม?"  ถังเทียนยื่นหน้าที่ตื่นเต้นเข้ามาใกล้ๆ ด้วยท่าทีคาดหวัง
"ถูกแล้ว  เราตกใจจริงๆ" กู้เสวี่ยกลืนน้ำลายพยักหน้า และตอบออกไปโดยไม่รู้ตัว
ถังเทียนฉีกยิ้มกว้าง เขาเท้าสะเอวและเชิดหน้าแหงนมองฟ้าและแหกปากหัวเราะลั่น "ความรู้ของพวกท่านยังคงจำกัดมาก  แต่พวกท่านทั้งสองคนจะค่อยๆ เข้าใจหนุ่มน้อยชาวฟ้าผู้นี้อย่างสุดซึ้งอีกครั้ง!"
หัวใจของกู้เสวี่ยรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
เด็กหนุ่มผู้นี้ ก่อนหน้านั้นเขาแกล้งทำหรอกหรือ...
นางไม่อาจวางตัวเป็นผู้ใหญ่และทำท่าจริงจังกับเด็กหนุ่มผู้ช่วยชีวิตนางไว้ก่อนหน้านั้น  และเด็กหนุ่มคนนี้กำลังตะโกนเสียงดังโหวกเหวก
แม้ว่าเขาได้ช่วยนางไว้ก่อนหน้านั้น..
แต่กู้เสวี่ยไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกปัจจุบันของนางได้อย่างไร
ถังเทียนได้รับคำชมก็มีความสุขมาก เขามองซ้ายทีขวาที เมื่อเห็นคนที่นอนบาดเจ็บบนพื้นเขารู้สึกว่าเกะกะทำให้ไม่มีที่เดิน  เขาบ่นเสียงดัง  "ขอโทษที  ข้าจะพักแล้ว  ขอส่งพวกเจ้าทุกคนออกไปละนะ"
ตอนแรก เขาคว้านักสู้สองคนบนพื้นและจับโยนออกไปข้างนอกอย่างสบายๆ
ป้าบ  ป้าบ!
นักสู้ทั้งสองคนตกกระทบพื้นก็หมดสติทันที  ถังเทียนจัดการได้อย่างรวดเร็ว มือของเขาไวเหมือนสายลม คนทั่วไปเห็นแต่มีร่างคนลอยละลิ่วออกมา ในไม่ช้าเขาก็เก็บกวาดลานบ้านจนหมด
เมอเรย์ลอบตกใจ  พลังแขนที่แข็งแรงนัก!
เท่าที่มองดู เขาสามารถบอกได้เลยว่าถังเทียนใช้กำลังแขนล้วนๆ ขณะที่จับคนโยนออกไป  ทุกคนเป็นนักสู้ที่มีน้ำหนักตัว แต่ในมือของถังเทียนกลับเหมือนไม่มีน้ำหนัก ด้วยการโยนตามปกติ พวกเขาโดนจับโยนออกมากว่าสามสิบเมตร
ไม่เพียงแต่เมอเรย์ที่เห็นประจักษ์และรู้เรื่องนั้น  นักสู้ที่คอยก่อกวนทุกคนก็สามารถเห็นได้  เหมือนกับว่าพวกเขาถูกราดน้ำเย็นที่ศีรษะ  ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่ยั้งคิด
นั่นต้องเปลืองเรี่ยวแรงมาก
ดาวไพรมายาอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์การวิญญาณมืด  อย่างไรก็ตาม คนที่แข็งแกร่งอย่างน่าทึ่งแบบนั้นก่อนที่จะปลุกพลังสายเลือด เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้เห็น
ในที่สุด ถังเทียนก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
หลังจากหาวแล้ว เขารู้สึกตาพร่า และง่วงจัด
เมื่อมองดูกู้เสวี่ยที่กำลังนั่งลงอย่างว่างเปล่าและเมอเรย์บุรุษเหล็ก  เขาโบกมือให้ "ข้าของีบก่อน, เหนื่อยเหลือเกิน!"
พอพูดเสร็จเขาหาที่ว่างข้างกองไฟเลือกท่อนไม้ใช้ต่างหมอนและเอนตัวนอนหลับทันที
สิบวินาทีต่อมาค่อยๆ มีเสียงกรน จากนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
กู้เสวี่ยตะลึง สีหน้าของนางแข็งค้างขณะมองดูถังเทียนผล็อยหลับ
ยังคงมีศัตรูอยู่ข้างนอก... ที่นี่ไม่ปลอดภัย... และมีอันตรายได้ทุกเมื่อ..
แต่.....
ถังเทียนหลับอุตุเหมือนหมูไปแล้ว
หลังจากนั้นชั่วขณะ สีหน้าของกู้เสวี่ยค่อยกลับคืนปกติ และนางค่อยยิ้มได้เหมือนปกติ
เขาไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
นางตรวจสอบใบหน้าของถังเทียนอย่างระมัดระวัง  ถังทียนหลับสนิทมองดูเหมือนทารก  ปากอ้าดูเหมือนเด็กปัญญาอ่อน และที่มุมปากมีฟองน้ำลาย นางเพ่งพินิจเขาอย่างละเอียด และอดที่จะยิ้มไม่ได้
ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีเมื่อจู่ๆ ถังเทียนวิ่งมาหานางที่ทางน้ำขาว จู่ๆ ภาพนั้นปรากฏอยู่ในใจของกู้เสวี่ย
ถังเทียนในช่วงเวลานั้น เป็นเหมือนสัตว์ป่า
กู้เสวี่ยเคยเห็นผู้เยาว์มามากมีทั้งความเยาว์วัยและมีพรสวรรค์  แต่ถังเทียนแตกต่างพวกเขา
ความรู้สึกที่บริสุทธิ์?
เมอเรย์คำราม ปลุกให้กู้เสวี่ยตื่นจากภวังค์  กู้เสวี่ยสังเกตว่าเมอเรย์หน้าซีดขาว นางถึงกับหน้าซีดด้วยความกลัวไปด้วย  "ลุงเมอเรย์, ลุงเป็นอะไรหรือเปล่า?"
เมอเรย์หัวเราะลั่น "คุณหนูวางใจได้  ตาแก่เมอเรย์ผู้นี้ไม่ตายง่ายๆ แน่"
เพลิงเขียวสวรรค์ในร่างของเขายังคงลามเลียบาดแผลสีน้ำเงินบนเอวของเขาต่อเนื่อง  หลังจากเพลิงเขียวสวรรค์กำจัดจุดน้ำเงินสุดท้ายแล้ว เมอเรย์จึงค่อยคลายใจและนั่งลงกับพื้น  พลังสายเลือดเพลิงเขียวสวรรค์ในร่างของเขาสามารถขับพิษได้
"เรื่องในวันนี้ต้องขอบคุณเขาจริงๆ!"  เมอเรย์พูดเบาๆ  "ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยินดีช่วยเรา"
"ใช่แล้ว!"  น้ำเสียงของกู้เสวี่ยเต็มไปด้วยความตื้นตัน
เมอเรย์อัดอั้นใจอยู่ชั่วขณะ และกล่าวขึ้นทันที "คุณหนูไปพักเสียเถอะ  คืนนี้ข้าจะเฝ้าให้เอง"
กู้เสวี่ยกังวลเล็กน้อย "แล้วคนพวกนั้นล่ะ?"
นางชี้ไปที่กลุ่มนักสู้ที่ยืนเฝ้ามุมถนน  ทุกคนจ้องมองมาตำแหน่งที่พวกเขาอยู่  แม้แต่จะเคลื่อนไหว พวกเขาก็ไม่กล้า
"พวกมันกลัวจนขี้ขึ้นสมองไปแล้ว  ไม่มีอะไรต้องกลัว"  น้ำเสียงของเมอเรย์เต็มไปด้วยความรังเกียจ  แต่เมื่อเขาคิดว่าถ้าเขาต้องสู้กับถังเทียน ก็คงกลายเป็นเช่นนี้เหมือนกัน  ใบหน้าชราถึงกลับเปลี่ยนเป็นสีแดง  เขากล่าวว่า "ข้าจะเฝ้าให้เอง  คุณหนูวางใจได้"
เมอเรย์มีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน แค่ใช้ดุลพินิจเหลือบมองนักสู้พวกนั้นก็รู้ได้ว่าพวกเขาไม่มีความตั้งใจจะเข้าโจมตี พวกเขาสูญเสียความกล้าไปแล้ว
ฝีมือของถังเทียนน่าทึ่งจนขนลุก  และเมื่อเมอเรย์นึกย้อนไป เขาอดส่ายหน้าไม่ได้  โชคดีที่เขาไม่ได้พบคู่ต่อสู้ที่กลัวแบบนั้น
เมอเรย์สลัดทิ้งความคิดที่กวนใจเขาออกไป  เขานั่งขัดสมาธิและเริ่มโคจรปราณเที่ยงแท้
เขารู้ว่าการต่อสู้ที่ดุเดือดกำลังจะมีมาอีก  เขาต้องรีบฟื้นฟูร่างกายให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
แม้ว่าถังเทียนจะแข็งแกร่ง  แต่หนึ่งหมัดสู้กับสี่ฝ่ามือ นับเป็นเรื่องที่ลำบาก และ...
รากฐานตระกูลกู้ลึกล้ำเกินกว่าคนภายนอกจะจินตนาการได้
※※※※※

ถังเทียนอาจเป็นเพียงคนเดียวที่หลับได้ ทั้งที่เมืองเฮยซานแตกตื่นกันไปหมดทั้งเมือง
เขาใช้พลังงานทั้งหมดของเขาป้องกันและขับไล่ ต่อต้านการบุกจู่โจมทำร้ายจากตระกูลกู้  เหล่านักสู้จำนวนมากถูกเล่นงานในเงื้อมมือของเขา ทำให้ทั่วทั้งตระกูลกู้ต้องหยุดชะงักอย่างคาดไม่ถึง
ตกตะลึงไปกันทั้งเมืองเฮยซาน
เมืองเฮยซานอยู่ภายใต้อิทธิพลของตระกูลกู้  ตระกูลกู้เป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเฮยซาน  และอิทธิพลของพวกเขาหยั่งรากลึกในเมืองเฮยซาน ไม่มีผู้ใดโยกคลอนได้
และนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลกู้
ตระกูลอื่นๆ ไม่มีความคิดแทรกแซงแม้แต่น้อย  ความขัดแย้งกันภายในตระกูลกู้เป็นเรื่องน่าขมขื่น  และไม่ใครกล้าเข้าไปแทรกแซง
ข่าวที่ว่าร่างของกู้เสวี่ยมีสายเลือดรุ้งหิมะแฝงตัวอยู่นั้นได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองเฮยซานแล้ว  ทุกคนรู้  คนของตระกูลกู้สามารถต่อสู้เพื่อให้ได้นาง  แต่ถ้ามีคนนอกกล้ายื่นมือเข้ามาเอี่ยวเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องตายอย่างน่าสยดสยอง
ทุกคนสามารถคาดได้ว่ากู้เสวี่ยมีผู้ช่วยบางส่วน  เวลานี้นางอาจมีโอกาสหวนคืนมาก็ได้
คนระดับเบื้องบนของตระกูลกู้เพิ่งจะผ่านเหตุการณ์รุนแรงมาได้ เนื่องจากครอบครัวของกู้เสวี่ยเวลานี้เพิ่งจะประสบภัยพิบัติมาไม่นาน
ควันกำยานลอยอ้อยอิ่งในห้องประชุมผู้อาวุโส ทำให้ผู้อาวุโสทุกคนที่สูดกลิ่นควันเข้าไปเงียบสงบ
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดลอดหน้าต่างเข้ามา  แต่ไม่สามารถผ่านทะลุหมอกควันหนาแน่นได้
ที่เก้าอี้ตัวแรกกู้อันสวงมีสีหน้าดำคล้ำ เขาเป็นหัวหน้าตระกูลกู้มาได้สามวันแล้ว และความจริงเขาคงจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นไว้ในเงื้อมเขาได้แล้ว   กู้อู่ลักพาตัวล้มเหลว ความลับเรื่องที่ร่างกายของกู้เสวี่ยมีสายเลือดซ่อนเร้นแพร่กระจายออกไปราวกับไฟลามทุ่ง
ผู้อาวุโสทั้งห้ามาถึงแล้ว
กู้อันสวงสามารถนั่งตำแหน่งประมุขตระกูลได้เพราะมีผู้อาวุโสมากกว่าสามคนสนับสนุนเขา  แต่เรื่องเกี่ยวกับกู้เสวี่ยไม่มีผู้อาวุโสแม้แต่คนเดียวที่สนับสนุนเลย
ถ้าสายเลือดของนางสามารถให้กำเนิดลูกหลานที่มีพลังสายเลือดรุ้งหิมะได้ อย่างนั้นสายเลือดของนางจะกลายเป็นสายเลือดอันดับหนึ่งของตระกูลกู้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
 “ไม่ว่ายังไงก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสาขาครอบครัวไหนก็ตามที่กู้เสวี่ยเลือก  สำหรับตระกูลกู้ของเรา ก็ไม่นับว่าเสียหาย” ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเปิดปากพูดก่อน “แต่ไม่ต้องสงสัยเลย  ความปลอดภัยของกู้เสวี่ยต้องไม่ถูกละเมิด  นี่เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของตระกูลกู้ตั้งแต่วันนี้ไป และตรงจุดนี้ต้องไม่มีอะไรที่ค้างคากัน”
กู้อันสวงรู้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลกำลังพูดให้เขาฟัง  ครอบครัวของกู้เสวี่ยถูกทำลายลงไป เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง
เขาพูดโดยไม่ลังเลใจ “นั่นก็ถูกแล้ว  ความสนใจเรื่องขยายสาขาของตระกูล ไม่สามารถแทนที่ความสนใจหลักของตระกูลกู้ได้”
ผู้อาวุโสของตระกูลคนอื่นๆ เห็นด้วย
 “ข้าได้ยินว่าเมื่อนางอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน  นางพบกับการจู่โจมทำร้ายของนักฆ่าราตรีไซอา  สวรรค์ยังโปรดตระกูลกู้ของข้า!  เรื่องอย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในเวลาอื่นมาก่อน” นัยน์ตาของผู้อาวุโสที่สามฉายแววอำมหิต “ดูเหมือนว่าเราต้องลั่นระฆังปลุกคนสองสามคนแล้วกระมัง ฮึ่ม.. ตระกูลกู้ของพวกเรายอมให้คนอื่นรังแกกันได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
 “ถูกแล้ว” ผู้อาวุโสที่สี่พูดสนับสนุน  “เราต้องตอบโต้!
ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลตัดสินใจในที่สุด “นั่นจะไม่มีทางเกิดขึ้น!
 “ดูเหมือนว่าการนำกู้เสวี่ยกลับตระกูลกู้โดยตรงจะเป็นการดีกว่า  นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชะตากรรมของตระกูลกู้ของพวกเรา  เราไม่อาจเสี่ยงผิดพลาดใดๆ ได้”  กู้อันสวงถามขึ้นทันที “ใครรู้จักประวัติของเขาบ้าง?”
ผู้อาวุโสทุกคนมองหน้ากันเอง  ดูเหมือนไม่มีผู้ใดรู้
 “เนื่องจากความเป็นมาของเขาไม่ชัดเจน เราจะปล่อยให้คนเช่นนี้อยู่ข้างตัวกู้เสวี่ยได้ยังไง?” กู้อันสวงถามต่อ
เหตุผลของเขาดูดี และด้วยความที่เขาเข้าใจผู้อาวุโสของตระกูลของเขา  เหล่าผู้อาวุโสจากตระกูลทุกคนจะไม่ยอมปล่อยให้พลังสายเลือดของตระกูลกู้ตกอยู่ในเงื้อมมือคนอื่นแน่นอน
เป็นไปตามคาด  ผู้อาวุโสทุกคนเห็นด้วย
ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเอ่ย “เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หลิงซิ่ว เจ้าไปจัดการที”
 “ขอรับ!” บุรุษหนุ่มที่ดูค่อนข้างธรรมดาลุกขึ้นยืนและหมุนตัวเดินออกไป
กู้อันสวงยิ้มไม่หุบ  เนื่องเพราะเมื่อหลิงซิ่วลงมือ บุรุษหนุ่มลึกลับต้องตายแน่นอน
กู้เสวี่ยไม่มีไพ่เด็ดอยู่ในมือ ก็ไม่มีทางกลับมาได้แน่นอน
ตะขาบตาย แต่ตัวมันยังไม่แข็งก็ยังไม่น่าวางใจ  พ่อแม่ของกู้เสวี่ยประสบเคราะห์เพราะแผนพวกเขา  แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าสาขาครอบครัวอย่างกู้เสวี่ยจะถูกกำจัดอย่างสิ้นเชิง  สาขาครอบครัวของกู้เสวี่ยยังมีอยู่อีกหลายคน และนอกจากที่อยู่ในเมืองเฮยซาน ก็ยังไม่มีความสูญเสียเกิดขึ้น
เรื่องของเวลา  เขาไม่อาจยอมให้เวลากู้เสวี่ยรวบรวมคนได้แน่
ตราบใดที่กู้เสวี่ยแต่งงานเข้าสาขาครอบครัวใด  สาขาครอบครัวนั้นจะต้องถูกกำจัดสิ้นเชิง
ถึงเวลานั้น กู้เสวี่ยจะเป็นแค่เพียงแม่พันธุ์คอยให้กำเนิดเด็กเท่านั้น!
 

4 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

โหดแท้ ญาติกันก็ยังฆ่าได้ลง ..... ดาบนั้นคืนสนองแน่นอน

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

aloha777 กล่าวว่า...

ไม่ค่อยเข้าใจไอ้พวกนี้เท่าไร ฆ่ากันเองแล้วตละกูลมันจะยิ่งใหญ่ได้ยังไง เฮ่อ

Unknown กล่าวว่า...

ไหนสินสงครามอะ ทำไมไม่เก็บ 55555

แสดงความคิดเห็น