ตอนที่ 496 พญาไม้ไตตันโบราณ
เย่ว์หยางผสานเม็ดพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดเผ่าพันธุ์ทะเล,
มุกวิญญาณของเอ้อเมิ่ง (ฝันร้าย) และผลึกของเยาถง (เนตรปีศาจ)
เข้าด้วยกันและใช้วิวัฒนาการผีเสื้อมอมประสาท
แตกต่างจากเพกาซัสเขาเงิน ผีเสื้อมอมประสาทอยู่ในสภาพดักแด้ทันทีเพื่อเข้าสู่วิวัฒนาการขั้นต่อไป
ผลที่เย่ว์หยางทำนายไว้กลายเป็นจริง
หลังจากที่มันอยู่ในช่วงดักแด้
ผีเสื้อมอมประสาททั้งสองจะกลายร่างเป็นปีศาจผีเสื้อมอมประสาทที่น่ากลัวยามเมื่อพวกมันออกมาจากดักแด้
พวกมันไม่ใช่ปีศาจผีเสื้อมอมประสาทธรรมดา
เนื่องจากได้พลังฝันร้ายของเอ้อเมิ่งและตาปีศาจของเยาถง พวกมันจะมีทักษะเฉพาะอีกต่างหาก
นี่จะกลายเป็นทักษะสำคัญที่ใช้สังหารฝ่ายตรงข้ามระหว่างต่อสู้ได้...
ผงพิษมอมประสาท, ทักษะดูดเลือดผนวกกับพลังฝันร้ายและตาปีศาจ เย่ว์หยางประเมินว่า
ต่อให้เขายังไม่ยกระดับอี้หนานเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด แค่เพียงพลังจิตของตัวนางเอง กับปีศาจผีเสื้อมอมประสาทและภูตกระจก
บางทีนางอาจสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสามและที่ต่ำกว่าได้..
ในการต่อสู้ที่ฝ่ายอ่อนแอกว่าสามารถเอาชนะฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าได้ อี้หนานจะเด่นล้ำในด้านนี้อย่างชัดเจน นางยังจะล้ำหน้าเย่ว์ปิงที่มีทักษะแฝงเร้นพิษเข้มข้นอีกด้วย
อี้หนานยังคงมีแมงมุมแม่มดพ่นใยที่เกือบถูกลืมไปแล้ว เย่ว์หยางรู้สึกว่าศักยภาพของแมงมุมแม่มดไม่เลวนัก
ยังพอรับกันได้
ถ้าเย่ว์หยางไม่รู้ว่าเจี้ยงอิงเป็นนางพญาแมงมุม แมงมุมแม่มดพ่นใยอาจจะไม่มีค่ามากนักก็ได้
เย่ว์หยางจะรอให้เจี้ยงอิงตื่นขึ้นเสียก่อน
บางทีนางอาจมีวิธียกระดับแมงมุมแม่มดก็ได้
อาจมีสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ได้
“จริงเหรอ? อย่างนั้นข้าต้องขอขอบคุณพี่เจี้ยงอิงมาก”
อี้หนานพยักหน้าด้วยความยินดี เมื่อนางได้ยินเย่ว์หยางพูด
นางไม่ถือสาว่าเจี้ยงอิงก็คือสาวมังกรร่างมนุษย์
ความจริงแมงมุมแม่มดพ่นใยยังคงจงรักภักดีอยู่ไม่ได้หนีไปไหนเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ เป็นเพราะว่าระดับของนางยังต่ำเกินไป และนางยังไม่มีสติปัญญาเพียงพอ
ทำให้นางกลัวกระทิงป่าอสูรระดับบรอนซ์ที่สามารถใช้ดวงตาฆ่าสิ่งมีชีวิตได้ทุกรูปแบบ
กระทิงป่าระดับทองแดงในอดีตได้ถูกเงาปีศาจยึดครองร่างไปแล้วทำให้นางกลายสภาพเป็นโคเงาอาหมันในปัจจุบัน
เย่ว์หยางรู้สึกว่าอี้หนานอสูรรุกโจมตีของอี้หนานยังมีพลังเล็กน้อยเกินไป
ความสามารถของแมงมุมแม่มดพ่นใยในการขัดขวางศัตรูจะช่วยอี้หนานได้อย่างมาก
สิ่งที่อี้หนานยังขาดในตอนนี้ก็คืออาวุธอย่างหนึ่งที่สามารถขยายพลังจิตของนางได้
ถ้าจะให้ดีที่สุดควรจะเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดจะต้องกลัวนางแทบบ้า
แน่นอนว่าพลังต่อสู้ที่แท้จริงของอี้หนานไม่ใช่แบบลุยสู้คนเดียว แต่เป็นสู้แบบร่วมกับกลุ่ม
ถ้าในกลุ่มประกอบด้วยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคอยสู้ประชิดด้วยดาบเทพของจักรพรรดิอวี้,
เสวี่ยอู๋เสียคอยหนุนอยู่ชั้นสองด้วยการโจมตีด้วยพลังสายฟ้าและพลังเยือกแข็ง,
พลังโล่แก้วผลึกปกป้องของอู๋เหิน, ทักษะแฝงเร้นพิษเข้มข้นของเย่ว์ปิง,
พลังแสงอุษาเกลียวของเจ้าเมืองโล่วฮัวและพลังมอมประสาทของอี้หนาน...
การประสานสู้แบบนี้อาจสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับซุ่นเทียนต่อให้มีพลังห้าเปลี่ยนแปรหรือองค์ชายเงาดำที่มีเพลิงเขียวภูตผีเป็นไม้ตายก็ตาม
เย่ว์หยางสงสัยว่าการฝึกฝนขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียจะดำเนินไปเช่นไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสวี่ยอู๋เสียที่ได้รับการแนะนำจากจื้อจุนโดยตรง เดี๋ยวนี้นางก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว?
เมื่อเทียบกับอี้หนานแล้วจะก้าวหน้ามากกว่าหรือเปล่า?
เป็นไปได้ไหมว่าแม่เสือสาวจะใช้ดาบเทพของจักรพรรดิอวี้ได้เชี่ยวชาญ?
เย่ว์หยางกำลังคาดหวังการกลับมาของสองสาว
อีกอย่างหนึ่ง เขาคิดถึงพวกนางมาก
นอกจากนี้เย่ว์หยางพยายามยกระดับให้อี้หนานและเจ้าเมืองโล่วฮัวในช่วงเวลาที่จำกัด
พลังของบุรุษคนเดียวคงไม่มีอะไรเมื่อเทียบกับพลังความแข็งแกร่งของทั้งทีม ยังคงมีเวลา
ทันทีที่พวกเขาเอาชนะราชาเฮยอวี้ได้ พวกเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่แดนสวรรค์ก็ได้
ลำพังการพึ่งพาพลังของตัวเขาเองสู้กับสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์และนักสู้จากแดนสวรรค์ที่ทรงพลังคงจะไม่เพียงพอ
ระหว่างที่กลับมาพบกันหลังจากพลัดพรากกัน
อี้หนานเปลี่ยนนิสัยจากเด็กผู้หญิงแข็งกระด้างเหมือนเด็กผู้ชายกลายเป็นนุ่มนวลเอาใจเย่ว์หยางเป็นพิเศษ
นางไม่รบกวนเขาในเวลาค่ำคืน
ปล่อยให้เขากลับไปอยู่ข้างกายเจ้าเมืองโล่วฮัว
ตราบเท่าที่มีเวลาครึ่งชั่วโมงให้ส่วนตัวเป็นประจำกับการฝึกฝนผสานร่างด้วยกัน อี้หนานก็คงพอใจ เนื่องจากนางยังคงสถานะคนรักที่ยังไม่ได้แต่งงาน
นางจึงไม่มีความปรารถนามาก เย่ว์หยางก็เอาใจใส่นางอย่างนุ่มนวล
แค่จูบนางก็ทำให้นางพอใจแล้ว แน่นอนว่า
แม้ว่านางจะรู้สึกอายบ้างเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ถึงกับห้ามเย่ว์หยางมิให้แตะต้อง
บางครั้งมือของเย่ว์หยางก็ซุกซนเข้ามาในเสื้อผ้านาง นางไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด
แต่นางจะดื่มด่ำเพลิดเพลินกับการดูแลเอาใจใส่ของคนรักนางแทน และเนื่องมาจากกำลังใจที่พอกพูน
และความรู้สึกที่สบายใจจะทำให้การฝึกผสานร่างคู่รักก้าวหน้าไปได้เร็ว
เมื่อเทียบกับอี้หนานแล้ว
ความก้าวหน้าที่ฝึกกับเจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหินจะมีความก้าวหน้ามากกว่าเนื่องพวกเขาฝึกฝนผสานร่างในฐานะคนใช้ชีวิตคู่เป็นประจำเกือบทุกคืน
เย่ว์ปิงกำลังขยันฝึกฝนอย่างหนัก
ภายใต้คำชี้แนะเป็นครั้งคราวของเย่ว์หยาง
ทำให้ทักษะสู้ระยะประชิดของนางรุดหน้ามากที่สุด
เย่ว์หยางเตรียมพร้อมสำหรับการยกระดับขุนพลพฤกษาพันปีของนางไว้ล่วงหน้าแล้ว
ภายใต้การช่วยเหลือของผลปัญญา, ใบไม้นิรันดร์, กิ่งชีวิต,
น้ำพุหวานใต้ดินและรากไม้ปีศาจของปีศาจไม้โบราณหมื่นปี
ขุนพลพฤกษาพันปีทั้งสองของเย่ว์ปิงเริ่มพัฒนาการ แสงสีเขียวเต็มพื้นที่ขณะที่รัศมีทองพุ่งออกมาจากมนุษย์พฤกษา
เย่ว์หยางใช้เพลิงอมฤตเผาผลาญใบและลำต้นของขุนพลพฤกษาพันปี
และจากนั้นใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาฟื้นฟูพวกมัน ภายใต้การช่วยเหลือของนางไม้แสงเขียวของเย่ว์ปิง ขุนพลพฤกษาที่กำลังเผาไหม้ทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่พวกเขาถูกบังคับให้ปลดปล่อยศักยภาพของพวกเขาออกมาอย่างเต็มที่
เปลือกไม้ของพวกเขาแตกออกเป็นชิ้นๆ
เปลือกชั้นในขยายลามออกมาพร้อมกับกิ่งอ่อนสีเขียวงอกออกมาจากไฟ
รัศมีทองเชื่อมขุนพลพฤกษาทั้งสองไว้
เมื่อพวกมันสูงขึ้นราวๆ
ยี่สิบเมตรก็หยุดโต และเปลี่ยนเป็นพญาไม้ดึกดำบรรพ์หมื่นปี
เย่ว์หยางเตรียมเลือดไตตันไว้สองถังก่อนจะราดรดไปบนเปลือกไม้ เมื่อเห็นเช่นนั้น
นางไม้แสงเขียวใช้ทักษะรากวิญญาณของนางทันที
ขุนพลพฤกษาที่กำลังวิวัฒนาการอยู่นั้นสามารถใช้พลังงานในเลือดของไตตันด้วยพลังของพวกมันทั้งหมดได้
ขุนพลพฤกษาทั้งสองเริ่มเติบโตอย่างบ้าคลั่งในขณะเดียวกัน
เปลือกไม้ของพวกมันค่อยๆ เปลี่ยน ขณะที่ขยายลามและหนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็หยุดเมื่อพวกมันสูงถึงขนาดสามสิบเมตร
เปลือกไม้ของขุนพลพฤกษาทั้งสองเริ่มเปลี่ยนรูปมีลักษณะเหมือนแขนมนุษย์คู่หนึ่ง
และยอดของต้นไม้ดูเหมือนศีรษะของมนุษย์ยิ่งขึ้น
กิ่งก้านยาวเชื่อมกับศีรษะของพวกมันเต็มไปด้วยใบไม้สีเขียว ลำต้นดำเป็นมันและรากของพวกมันเริ่มจะคล้ายกับขายาวของมนุษย์ ขณะที่เย่ว์หยางสลักวงเวทอักษรรูนสวรรค์ไว้บนร่างของพวกมัน
ร่างของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีผิวคล้ายกับยักษ์ไตตันทำให้ผิวที่เข้มคล้ำมีสีทองแซมอยู่ในนั้น
หลังจากเย่ว์หยางสลักวงเวทอักษรรูนสวรรค์แล้ว
ขุนพลพฤกษาทั้งสองก็กระโดดขึ้นไปในกลางอากาศ
เสียงตุ้บเมื่อพวกมันกระแทกลงพื้นพร้อมกับรากของมันที่หยั่งลึกลงไป
พวกมันมีระดับเกินกว่าพญาไม้ดึกดำบรรพ์หมื่นปีอสูรชั้นทองไปอย่างเป็นทางการแล้ว
ขณะที่พวกมันทะลุขีดจำกัดการเติบโต พวกมันกลายพันธุ์และยกระดับเป็นพญาไม้ไตตันโบราณ
อสูรระดับแพลตตินัม เป็นสายพันธุ์ใหม่และเป็นอสูรใหม่ที่เย่ว์หยางสร้างขึ้นมา
พญาไม้ไตตันโบราณ :
อสูรพิทักษ์ ชั้นแพลตตินัมระดับหนึ่ง ลำต้นไตตัน
จ้าวแห่งพญาไม้หมื่นปี มีภูมิคุ้มกันจุดอ่อนจากการโจมตีด้วยสายฟ้า ใบเขียวสดตลอดไม่มีเหี่ยวแห้ง
รากของมันสามารถสูบเลือดของสิ่งมีชีวิตและพลังงานจากโลกเพื่อการงอกใหม่ได้
“ร้อยรัด” “หมัดพร่างพราย” “แส้” “หนามพิษ” และ “เหยียบย่ำ”
“พี่สาม!” เย่ว์ปิงหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น
ขณะที่นางจับมือเย่ว์หยางกระโดดเต้นไปรอบๆ
นางกระโดดขึ้น กระโดดลง แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่าสาแก่ใจกับความสุขที่ได้รับ
นางพึงพอใจมากอยู่แล้วหากสามารถยกระดับขุนพลพฤกษาของนางขึ้นเป็นพญาไม้ดึกดำบรรพ์หมื่นปีได้
แต่ตอนนี้ พี่ชายนางกับสร้างอสูรสายพันธุ์ใหม่
พญาไม้ไตตันโบราณที่ไม่เหมือนใครให้นางเป็นเจ้าของ
แล้วนางจะไม่ปลาบปลื้มใจได้อย่างไร?
เย่ว์หวี่,
อี้หนานและพวกที่เหลือพลอยมีความสุขไปกับนางด้วยเช่นกัน
พวกนางทุกคนร่วมแสดงความยินดีกับเย่ว์ปิงที่ได้เป็นเจ้าอสูรใหม่ที่แข็งแกร่งขนาดนั้น
มีแต่เพียงเย่ว์ซวงกวาดตามองอยู่นานและบ่นพึมพำ
“ต้นใหญ่โต แต่พวกมันไม่มีผลไม้เลย...” เด็กหญิงให้ความสำคัญแต่เรื่องกินเท่านั้น
เรื่องอื่นเธอไม่สนใจ
พญาไม้ไตตันโบราณทั้งสองนับว่าเพียงพอจะเป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่ว์ปิง
ต่อไปก็เตรียมพร้อมให้อสูรพิทักษ์สายธาตุจำเพาะของนาง นางไม้แสงเขียว
แม้ว่าพญาไม้ไตตันโบราณจะกลายพันธุ์ได้สำเร็จ
แต่มันไม่ได้มีผลสำคัญต่อความก้าวหน้าเติบโตของเย่ว์ปิง นางไม้แสงเขียวกลับตรงกันข้าม
นางจะช่วยเย่ว์ปิงได้มากยิ่งกว่า
และยังสามารถยกระดับกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ง่ายอีกด้วย
ส่วนพญาไม้ไตตันโบราณเล่า? จะรอให้สมองไม้ของพวกมันพัฒนาการกลายเป็นปัญญาสูงส่งและกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์น่ะหรือ?
เป็นไปไม่ได้!
ปัญหาก็คือว่าระดับของนางไม้แสงเขียวยังค่อนข้างต่ำ เป็นอสูรเงินระดับสาม
บางทีอาจต้องใช้เวลาในการฝึกฝนนาง
“ไม่สำคัญหรอก
ด้วยพญาไม้ไตตันโบราณทั้งสอง ข้าก็ช่วยท่านพี่สู้ได้แล้ว” เย่ว์ปิงมั่นใจมาก
ด้วยพญาไม้ไตตันโบราณที่ทรงพลังทั้งสองนี้
บวกกับการปรับพลังวิญญาณของนางและทักษะแฝงเร้นพิษเข้มข้น พลังต่อสู้ของนางจะเพิ่มพูนขึ้นเป็นสิบเท่า
“อันที่จริง
ให้ปิงเอ๋อปรับตัวให้เข้ากับการควบคุมพญาไม้ไตตันโบราณทั้งสองนี้เสียก่อน
เรื่องนางไม้แสงเขียวยังไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วนตอนนี้ ข้าจะลองคิดหาสิ่งที่ช่วยพัฒนานางไม้แสงเขียวของปิงเอ๋อดู”
เจ้าเมืองโล่วฮัวลูบแก้มน้อยๆ ของเย่ว์ปิง ไม่เพียงแต่ในฐานะเป็นพี่สะใภ้เท่านั้น
แม้แต่ก่อนนี้พวกนางก็มีสัมพันธ์ที่ดีอย่างนี้อยู่แล้ว
นางให้ความสำคัญเย่ว์ปิงเป็นอย่างสูงอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่นางจะแสดงความโปรดปรานนางมาก
“ขอบคุณ,พี่สะใภ้!” เย่ว์ปิงเป็นเด็กที่สุภาพที่สุด ถ้าอี้หนานไม่ได้ย้ำว่าให้เรียกนางว่าพี่เฉยๆ
ต่อหน้าคนอื่น เย่ว์ปิงจะเรียกนางว่าพี่สะใภ้เป็นปกติเหมือนกัน
สำหรับเจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหิน เย่ว์ปิงเรียกพวกนางเป็นพี่สะใภ้มานานแล้ว
ขณะที่ทุกคนกำลังฉลองที่พญาไม้ไตตันถือกำเนิด
เย่ว์หยางมองเห็นหญิงสาววัยผู้ใหญ่ที่เขาไม่ได้พบเห็นมานานแล้วกำลังเดินตรงมาหาพวกเขาจากทางเดิน
นางคือพี่สาวขี้เมานั่นเอง
นางแตกต่างจากสภาพที่เคยเห็นตามปกติ
นางดูกระฉับกระเฉงมาก
จักรพรรดิหัวซิ่วรี่ได้รับของขวัญจากเย่ว์หยาง เป็นเลือดของไตตันเมื่อไม่กี่วันก่อน
วันนี้นางส่งพี่สาวขี้เมาส่งของขวัญกลับมามอบให้เขา นั่นคือ “หยกสุบิน”
แต่ก่อนที่พี่สาวขี้เมาจะล้วงหยกสุบินออกมา
เจ้าเมืองโล่วฮัวก็ฉุดรั้งนางออกไปคุยด้วย
เย่ว์หยางทักทายหนูน้อยแพนด้าหนิวหนิวนอกเหนือจากทักทายพี่สาวขี้เมา
สาวน้อยแพนด้าผู้น่ารักชอบเย่ว์หยางมากเช่นกัน
หลังจากทักทายสตรีสองสามคนอย่างสุภาพแล้ว
เธอรีบกางแขนและรีบวิ่งเข้าไปกอดเย่ว์หยางและตระหนักได้ว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ
เขาเลย “พี่ชาย... หนิวหนิวคิดถึงพี่ชายมากๆ ... โอวใช่แล้ว
หนิวหนิววาดภาพให้พี่ชายด้วย
ท่านตาบอกว่าสวยมากเลย” หนิวหนิวพูดเสียงดังลั่น
ท่านตาที่เธอพูดถึงก็คืออาจารย์จิ้งจอกเฒ่า สุ่ยตงหลิว
เย่ว์หยางรู้สึกทึ่ง
เธอรู้วิธีวาดรูปด้วยหรือนี่?
เด็กหญิงแพนด้าจะวาดอะไรให้เขากันแน่?
หนิวหนิวหันไปมองทางพี่สาวขี้เมา ก่อนจะกลับมาคุยกับเย่ว์หยาง
“อย่าให้แม่เห็นเชียวนะ ไม่อย่างนั้นนางจะโกรธ
แม่ไม่ยอมให้ข้าวาดภาพทุกอย่างที่เกี่ยวกับพี่ชาย นี่คือสิ่งที่ท่านตาสอนข้า!”
เธอล้วงภาพวาดออกมา
เย่ว์หยางเห็นเป็นภาพวาดคนสามคนที่วาดด้วยลายเส้นยุ่งเหยิง
คนซ้ายมือเป็นบุรุษตัวสูงผมเผ้ากระเซิง เด็กผู้หญิงอ้วนมีลายทางสีดำอยู่ตรงกลาง
และสตรีสูงผมยาวอยู่ทางขวา ทั้งสามคนยืนจับมือด้วยกัน นอกจากนั้น
ยังมีดวงอาทิตย์หนึ่งดวง พระจันทร์หนึ่งดวงและดวงดาวในท้องฟ้า มีดอกไม้สองสามดอกกับต้นหญ้าอยู่บนพื้น เย่ว์หยางเข้าใจภาพวาดเมื่อได้เห็น แต่ยังคงแกล้งทำเป็นไม่รู้ “นี่คือใคร?
ใช่หนิวหนิวหรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว, นี่ข้าเอง, นี่ท่านแม่และคนนี้ก็คือพี่ชาย” ชู่ววว ต้องไม่ให้ท่านแม่เห็นภาพนี้
ไม่อย่างนั้นท่านแม่ต้องตีก้นข้าแน่..”
แพนด้าน้อยหนิวหนิวชี้ให้เห็นว่าเย่ว์หยางควรจะรีบเก็บภาพที่ล้ำค่านี้ไว้
“หนิวหนิวฉลาดมาก เดี๋ยวข้าจะให้ลูกอมมอลต์เป็นรางวัลนะ”
เย่ว์หยางเชี่ยวชาญในเรื่องปะเหลาะเด็กอยู่แล้ว
พี่สาวขี้เมาเหลือบตามองจากระยะไกล เห็นได้ชัดว่านางรู้เรื่องภาพวาดนี้
แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เพราะเห็นแก่ความรู้สึกของหนูน้อยแพนด้า
เย่ว์หยางกระแอมเบาๆ ขณะที่จูงมือหนิวหนิวเดินเข้ามาหา
“ฝ่าบาทต้องการมอบอะไรให้ข้าหรือ?”
พี่สาวขี้เมาแบมือออกมา “เอาเหล้าฉีหลานของเจ้ามาแลกไป”
เย่ว์หยางพูดไม่ออก เขารู้ว่าหลายๆ
อย่างจะกลายเป็นแบบนี้
12 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ต้องแลกด้วยร่างกายละ5555
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากเลยนะคับ จะสร้างของหรือยกระดับสัตว์เลี้ยงต่อ ละเนี้ย
มันต้องแพ้ทางเมียซักคน
แหม่ๆๆ 5555+ ภาพวาดพ่อแม่ลูกสินะ! เย่ว์หยางเราจะมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วสินะ
ป.ล. เหล้าฉีหลานคือไรหว่า....สงสัยคงต้องไปถามลุงกู๋ล่ะ
พี่สาวทำได้เจ็บแสบ 555
พี่สาวขี้เมาไม่ยอมเสียเปรียบ
ขอบคุณครับ
Thx
แสดงความคิดเห็น