วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 141 แผนของกู้เสวี่ย

ตอนที่  141  แผนของกู้เสวี่ย
"ตอนนี้เจ้ามีแผนอะไรบ้าง?"  ถังเทียนถามกู้เสวี่ย เขาแนะนำ "เราสามารถพาเจ้าออกไปจากเมืองเฮยซานได้  ที่ไหนก็ได้ที่เจ้าต้องการไป"

กู้เสวี่ยสั่นศีรษะ  "ข้าไม่อาจจากไปได้"
"ทำไมล่ะ?"  ถังเทียนสับสน
หลิงซิ่วที่อยู่อีกข้างหนึ่งแดกดัน "นางจะได้ไหนได้?  ทันทีที่นางออกจากตระกูลกู้ นางจะตกเป็นเป้าหมายทันที  ศัตรูของตระกูลกู้จะฆ่านางอย่างไม่ลังเล  นอกจากนี้ นางยังมีสายเลือดรุ้งหิมะ  ถ้านางให้กำเนิดทายาทรุ่นต่อไป  สำหรับครอบครัวอื่นและตระกูลอื่นจะมิเป็นการสร้างปัญหาใหญ่หรอกหรือ?"
"จริงสินะ" ถังเทียนคิดเรื่องไซอาที่คาดการณ์ไม่ได้  เห็นได้ชัดว่า เขายังไม่ดีพอสำหรับงานนี้  เขายักไหล่และถาม "งั้นตอนนี้จะเอายังไง?"
"รอ!" กู้เสวี่ยแสดงความมุ่งมั่นแน่วแน่  "รอแค่สามวัน  พวกเขาจะรีบกลับมา"
หลิงซิ่งลอบมองนาง  "คนพวกนั้นจะทำอะไรได้?"
"ใคร?" ถังเทียนเข้ามาร่วมสนทนาอีกครั้งเหมือนเด็กช่างสงสัย
"ครอบครัวของข้า"  กู้เสวี่ยอธิบาย  "ถ้าบ้านนี้ล่มสลายสิ้นเชิง  อย่างนั้นพวกเขาจะอยู่ในสถานการณ์แย่ยิ่งกว่าข้าเสียอีก  พวกเขาไม่มียอดฝีมือที่ทรงพลัง  แต่พวกเขาจะมากันเป็นกลุ่มใหญ่ นั่นจะทำให้กำลังเพิ่มขึ้นมาบ้าง"
"ไม่มีประโยชน์"  หลิงซิ่วอยู่ข้างตัวผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลมาเป็นเวลานาน เขาเป็นคนที่คุ้นเคยกับชะตากรรมของกู้เสวี่ย  เขาพูดตามตรง "คนพวกนี้จะทำอะไรได้  ข้าคนเดียวก็ฆ่าพวกเขาได้ อย่านึกว่าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลจะยอมอดกลั้นต่อเรื่องนี้ เท่าที่ข้ารู้ เขาจะต้องโต้ตอบอย่างร้ายกาจรุนแรงกว่าแต่ก่อนแน่"
หลิงซิ่วมองดูถังเทียน
ถังเทียนสับสน "เจ้ามองข้าหาอะไร?"
หลิงซิ่วเหลือกตา  "สำหรับคนเจ้าเล่ห์อย่างเจ้า  เมื่อเจ้าพบกับคมหอก คมดาบ อย่าฉี่รดกางเกงก็แล้ว"
ถังเทียนพูดด้วยความภูมิใจ  "อย่าห่วง   หนุ่มน้อยชาวฟ้าผู้นี้แข็งแกร่งมากพอ ข้าไม่เคยกลัวเรื่องการต่อสู้อยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง เจ้าคิดว่าเขาจะกลายเป็นพี่ใหญ่เจ้าได้ยังไง?"
หลิงซิ่วหน้าเขียวคล้ำ  เขาเหลือกตาเตรียมอาละวาด เมื่อไรก็ตามที่เขาใช้คำว่าพี่ใหญ่ นั่นไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเลย
กู้เสวี่ยมองดูคนทั้งสองเตรียมทะเลาะกัน  นางรีบเสริมต่อทันที  "ความจริงยังมีอีกทางหนึ่ง"
ทั้งสองคนสนใจคำพูดของกู้เสวี่ย ถึงกับหันหน้ามามองพร้อมกัน
"สำหรับสายเลือดซ่อนเร้นของข้า บิดาข้าพบมานานแล้วตั้งแต่ข้ายังเล็กๆ ตลอดหลายปีมานี้ เขาได้เรียนรู้วิธีกระตุ้นพลังสายเลือดซ่อนเร้น  เพราะเขากังวลว่าความลับที่ข้าครอบครองสายเลือดเร้นจะแพร่กระจายออกไป  เขาทำอย่างรอบคอบ  แม้แต่ลุงเมอเรย์ก็ไม่รู้เรื่องนี้"  กู้เสวี่ยอธิบาย
ถังเทียนยังฟังอย่างปกติ  เขาไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับพลังสายเลือด  แต่สำหรับหลิงซิ่ว เมื่อเขาได้ยินนาง  เขาถึงกับตะลึง  เขารู้ว่าจะคุ้มค่ามากแค่ไหน ถ้าเขารู้วิธีกระตุ้นพลังสายเลือดเร้นลับ
เพื่อให้สามารถกระตุ้นพลังสายเลือดเร้นลับ  นั่นหมายความว่า...
เมอเรย์ก็ตกใจเช่นกัน
กู้เสวี่ยมองดูเมอเรย์และอธิบาย  "นี่ยังเป็นสาเหตุให้บิดาข้าเสียชีวิต ไม่รู้ว่ากู้อันสวงรู้เรื่องนี้ได้ยังไง  เพราะกู้อันสวงมายื่นข้อเสนอให้ข้า บิดาข้ามีสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับกู้อันสวง  เพราะเขามาเคาะประตูบ้านของเรา  บิดาข้าและข้ารู้ทันทีว่าเขาอาจจะรู้บางอย่าง"
"อย่างไรก็ตาม  เรายังคงประมาทวิธีการเจ้าเล่ห์ของเขา  ตอนนี้ข้ามาคิดดูแล้ว   บางทีเราไร้เดียงสาเกินไป  ถ้าบิดาของข้าสามารถกระตุ้นสายเลือดรุ้งหิมะของข้าได้  อย่างนั้นบิดาของข้าอาจได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้อาวุโสคนใหม่ของตระกูล  กู้อันสวงที่จะกลายเป็นผู้อาวุโสของตระกูลได้แน่นอน  แล้วเขาจะยอมได้อย่างไรที่ให้อุบัติเหตุนั้นมาชิงตำแหน่งเขาไป?"
"เมื่อข้าได้ยินว่าบิดาข้าถูกฆ่า  ข้ารู้ว่ากู้อันสวงไม่ซื่อสัตย์ คิดจะกลายเป็นประมุขตระกูล  นอกจากนี้ เขายังต้องการตัวข้า"  หน้าของกู้เสวี่ยซีดเล็กน้อย เต็มอยู่ดวงตาสีน้ำตาลแดงของนาง
"ใครจะสามารถต่อต้านสายเลือดรุ้งหิมะได้?  เมื่อเขาบอกบิดาข้า เขากำลังยื่นข้อเสนอให้ข้าและถูกปฏิเสธ  ทั่วทั้งตระกูลกู้รู้เรื่องนี้  ถ้าข้าไม่ประกาศข้อเท็จจริงว่าข้ามีพลังสายเลือดรุ้งหิมะ  กู้อู่จะลักพาตัวข้าไป  ไม่มีผู้ใดกล้าชิงคนจากกู้อู่"
กู้เสวี่ยอธิบาย
"เดรัจฉานนั่นอำมหิตแท้" ถังเทียนโกรธ  "ข้าจะต้องฆ่ามัน"
"ไม่!" กู้เสวี่ยส่ายหน้า  "ช่วยเขาเผื่อข้าด้วย  ข้าต้องการแก้แค้นเขาเป็นการส่วนตัว"
เสียงเย็นชาของนางทำให้ถังเทียนเสียวสันหลังวาบ
ความจริงสตรีต้องไม่ถูกยั่วให้โกรธ!
หลิงซิ่วถาม "ทำไมเจ้าไม่กระตุ้นสายเลือดเดี๋ยวนี้เล่า?"
น้ำเสียงของกู้เสวี่ยเคร่งเครียด "ท่านพ่อยังค้นคว้าไม่สำเร็จ  ข้าแค่สามารถทำตามข้อสันนิษฐานของเขาเพื่อกระตุ้นสายเลือด  ข้าไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร  ข้าจำเป็นต้องเตรียมตัว
"คุณหนู!"  เมื่อเมอเรย์ได้ยินว่ามีอันตรายเข้ามาเกี่ยวข้อง  เขาคัดค้านแข็งขัน
กู้เสวี่ยหันมาพูดเบาๆ "ลุงเมอเรย์  มันยังจะดีกว่าปล่อยให้พวกเขาล่วงเกินข้า ข้ายินดีจะเสี่ยงมากกว่า แม้อาจหมายถึงความตายของข้าก็ตาม  ข้าไม่กลัว"
เมอเรย์ได้แต่เงียบ  เขาเพียงแต่เม้มริมฝีปากแน่น
"อย่างนั้น ทั้งหมดที่เราทำได้ก็คือ รอใช่ไหม?"  ถังเทียนถามกู้เสวี่ย
"อืม..." กู้เสวี่ยพยักหน้า  นางสังเกตดูถังเทียนเงียบๆ
เมื่อยามราตรีมาเยือน
ถนนว่างเปล่าเงียบสงัดและเริ่มมีหิมะตก
เมื่อหากล่องไม้ในซากหักพังเจอ ถังเทียนเอามาใช้ทำกระโจม ทั้งสี่คนนั่งอยู่ภายในกระโจม โชคดีที่ลมไม่แรงนัก  กระโจมยังพอทนรับได้ พวกเขาทุกคน แม้แต่กู้เสวี่ยที่มีพลังอ่อนแอที่สุดก็ยังมีพลังระดับสี่  ไม่มีใครอ่อนเพลียเกินไป
"หลิงซิ่ว, ก่อนนั้นเจ้าทำอะไรอยู่เหรอ?"  ถังเทียนถามหลิงซิ่วอย่างสงสัย  เขาคิดว่าหลิงซิ่วเป็นคนน่าสนใจขนาดนั้น เขาดูคล้ายกับอาโมรี่
หลิงซิ่วชำเลืองมองถังเทียนและแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถาม
"ข้าถามเจ้าแค่ปัญหาเดียว"  ถังเทียนพยายามถามไม่ลดละ
"ข้าเป็นคนพเนจร"  หลิงซิ่วไม่ยินดีจะพูดออกมา
"พเนจรเหรอ?"  ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย  "อย่างนั้นเจ้าต้องไปมาหลายที่น่ะสิ"
"แน่นอน!"  หลิงซิ่วภูมิใจ  เขามองดูถังเทียนด้วยความรังเกียจ
"อย่างนั้นเจ้าต้องรู้วิธีออกไปจากสถานที่นี้!" ถังเทียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง
"เจ้ากำลังคิดออกไปจากดาวไพรมายานี่หรือ?" หลิงซิ่วมองดูถังเทียน เขากำลังยินดีเล็กน้อยในความโชคร้ายของเขา  "ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะออกไปจากดาวไพรมายา ทุกครอบครัวและทุกตระกูลต่างก็มีรายชื่อ มีแต่ผู้เยาว์ที่มีศักยภาพ ถึงจะสามารถเข้าร่วมทดสอบได้ ผู้มีคุณสมบัติเพียงสิบคนจะได้ออกไปจากดาวไพรมายา"
ไม่ต้องสงสัยเลย  เหมือนกับสิ่งที่เมอเรย์พูดไว้เลย
ถังเทียนขมวดคิ้วและถามอย่างไม่สบายใจ  "ยังมีทางอื่นอีกไหม?"
หลิงซิ่วมองดูใบหน้าผิดหวังของถังเทียนทำให้อารมณ์เขาดีขึ้น "ดาวไพรมายาตั้งอยู่บนดาวที่ยังไม่เสถียรดี  ไม่มีประตูดวงดาวที่มีความเสถียร  สำหรับประตูดวงดาวที่เสถียร พวกเขาจำเป็นต้องใช้กันมาก  ดังนั้นพวกเขาจึงจำกัดจำนวนครั้งในการเปิดใช้ประตูดวงดาว  ถ้าเจ้าต้องการจะลองดูกับประตูดวงดาวที่ไม่เป็นที่รู้จักและยังไม่สำรวจพบ  เชิญลองได้เลย  อย่างไรก็ตามอย่าหาว่าข้าไม่เตือนเลยนะ ประตูดวงดาวบนดาวไพรมายาคาดเดาไม่ได้ เอ่อ... เจ้าอาจไม่มีทางกลับได้อีกเลย ถ้าเจ้าเข้าไปแล้ว"
"ใครจะรู้, ข้าอาจหาพบประตูดวงดาวที่ข้าเข้ามาก็ได้"  ถังเทียนพูดอย่างไม่มั่นใจ
หลิงซิ่วทำสีหน้าทำนองว่า 'แล้วแต่จะคิด' เจ้าอาจผิดหวัง ประตูดวงดาวที่นำข้ามาก็หายไปแล้ว  ไม่มีประตูดวงดาวที่มั่นคงอยู่บนดาวดวงนี้ ไม่มีหินดวงดาวช่วยให้มันมั่นคง ประตูดวงดาวก็ไม่มีทางเสถียรได้"
ถังเทียนพูดด้วยความตกใจ  "เจ้าไม่ใช่คนของดาวไพรมายาหรอกหรือ?"
"อือ" หลิงซิ่วคราง
"อย่างนั้นเจ้ามาจากหมู่ดาวแห่งไหนเหรอ?"  ถังเทียนถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง
"หมู่ดาวแกะ" หลิงซิ่วตอบแบบรำคาญเล็กน้อย  "ทำไมเจ้าต้องถามเซ้าซี้ด้วยเล่า?"
ถังเทียนตบไหล่ของหลิงซิ่ว "ก็ข้าเป็นพี่ใหญ่ของเจ้า  มีพี่ใหญ่คนไหนบ้าง ไม่ทำความคุ้นเคยกับน้องๆ ตนเอง? โอ้โฮ หมู่ดาวแกะ นั่นเป็นหมู่ดาวที่ใหญ่มาก!"
"ไปไกลๆ เลย" หลิงซิ่วจ้องเขา
"เล่ามาเถอะน่า, ทุกคนเบื่อและราตรีก็ยังอีกยาวนาน"  เขาทำหน้าเหมือนกำลังซุบซิบ "เจ้าต้องรู้สึกเหลือเชื่อแน่เมื่อเจ้าได้เข้าเรียน"
"ข้าไม่เคยไปโรงเรียน" หลิงซิ่วมีสีหน้าเย็นชา
ถึงตอนนี้ ไม่ใช่แค่ถังเทียนที่อึ้ง  แม้แต่กู้เสวี่ยและเมอเรย์ก็ตะลึงไปด้วย
"อย่างนั้นวิทยายุทธของเจ้าเรียนมาได้อย่างไร?"  ถังเทียนถาม
"จากอาจารย์ของข้า"  หลิงซิ่วพูดด้วยสีหน้าซื่อตรง  แต่คำพูดของเขาอ่อนโยนขึ้นแล้ว
"อาจารย์ของเจ้าต้องยอดเยี่ยมแน่" เมอเรย์อุทาน  "ถึงได้อบรมศิษย์ที่โดดเด่นได้อย่างนี้  เขาต้องปลื้มใจแน่"
หลิงซิ่วส่ายศีรษะ  เขาขดตัวกลมขณะที่กอดหอกเงินและพูดอย่างมีอารมณ์ "เขาไม่พอใจข้า"
"ไม่พอใจ?"  ถังเทียนตะลึง  "เจ้าเหลือเชื่อขนาดนี้ แต่เขายังไม่พอใจอีกหรือ?"
เหตุผลที่ถังเทียนสามารถทุบตีหลิงซิ่วยับเยินได้เป็นเพราะเขาได้เปรียบเป็นอย่างมาก
เมอเรย์และกู้เสวี่ยรู้สึกเหลือเชื่อ  ในสายตาพวกเขา หลิงซิ่วยังอายุน้อยมาก  แต่เขาก็ทรงพลังมากแล้ว ถ้าอาจารย์ของเขาไม่พอใจเขา  อย่างนั้นอาจารย์ของหลิงซิ่วจะเคี่ยวเข็ญอบรมเขาได้อย่างไร?
"เขาผิดหวังในตัวข้า"  หลิงซิ่วเหม่อมองในที่ไกลออกไป ขณะที่เขากอดหอกเงินของเขา  ขณะที่หิมะตก เขามองดูอย่างไม่ใส่ใจ  เขาพึมพำ  "เขามักจะผิดหวังในตัวข้าอยู่เสมอ"
แม้แต่ถังเทียนผู้ไม่อ่อนไหวง่ายๆ ก็สามารถรับรู้ได้ว่าอารมณ์ของเขากำลังอ่อนไหว
หลิงซิ่วพึมพำกับตนเอง "ข้ามักคิดว่าข้ากำลังทำได้ดีพอเสมอ แต่เขาก็ไม่พอใจ  ใช่แล้ว ข้าเห็นได้จากวิธีที่เขาดูข้า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและไม่สบายใจ  เขาเป็นคนดี เป็นคนดีจริงๆ เขาเลี้ยงข้ามาตั้งแต่เล็ก  ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ข้าคงถูกหมาป่ากินไปนานแล้ว  ข้าพยายามแล้วพยายามอีก  แต่เขาก็ยังผิดหวัง"
หิมะตกลงบนพื้นอย่างเงียบๆ  ในใจของเขา ฉากภาพที่คุ้นเคยเหล่านั้นกลับมาปรากฏอีกครั้ง
เสียงของหลิงซิ่วเป็นเหมือนคนละเมอ
"ข้ารู้ว่า เขามักต้องการให้ข้าเป็นคนดี คนเก่งเหมือนกับเขา จนกระทั่งเขาตายจากไป เขาก็ยังไม่พอใจข้า ข้าเริ่มร่อนเร่พเนจร เมื่อตอนอายุสิบเอ็ด ข้าก็เริ่มออกเดินทางแล้ว  ข้าแข็งแกร่งขึ้น แต่ข้ามักจะไม่มีความสุข ตราบใดที่ข้ายังไม่มีความสุข ข้าก็จะเดินทางไปที่อื่นเรื่อยๆ"
"ตอนนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว?"  เมอเรย์อดถามไม่ได้
"สิบเจ็ด" หลิงซิ่วตอบอย่างไม่ใยดี
เมอเรย์และกู้เสวี่ยตกใจ  หลิงซิ่วอายุเพียงสิบเจ็ดปีเขาร่อนเร่พเนจรมาถึงหกปี! พวกเขาไม่สามารถนึกภาพออกที่เด็กสิบเอ็ดขวบร่อนเร่ไปตามถนนในโลกของผู้ใหญ่
มิน่าเล่าเขาถึงได้แข็งแกร่งนัก!
เมอเรย์ตื่นเต้น
"โห! เราวัยเท่ากันเลย!" ถังเทียนโห่ร้องพร้อมกับชูมือ "อย่าห่วงไปเลย! จากวันนี้เป็นต้นไป  ข้าจะดูแลเจ้าเอง เราจะก่อตั้งทีมหนุ่มชาวฟ้าไร้เทียมทานกัน และไปตามเส้นทางของเรามุ่งสู่หมู่ดาวกางเขนใต้ ไปช่วยเชียนฮุ่ยกัน!"
ทีมหนุ่มชาวฟ้าไร้เทียมทาน...
หนังตาของหลิงซิ่วกระตุก ความสิ้นหวังและอารมณ์เศร้าของเขาทั้งหมดหายไปอย่างรวดเร็ว เจ้างี่เง่าถือเป็นยอดฝีมือในการทำลายอารมณ์สุนทรีคนอื่นนัก
ความจริงเขาเตรียมจะอ้าปากด่า เจ้าคนไร้ยางอายอยู่แล้ว
เดี๋ยวก่อน!
เจ้างี่เง่านี่เพิ่งพูดอะไรออกไป?
นัยน์ของหลิงซิ่วเย็นชา หน้าของเขาเคร่งเครียด
หมู่ดาวกางเขนใต้!
 

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

งานงอกแน่แก

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น