ตอนที่ 6-27
ไวน์
ลินลี่ย์อดเหลียวมองไปที่ประตูไม่ได้
กิลเยโมอยู่ตรงนั้น
เขาสวมชุดยาวสีแดงใบหน้ามีรอยยิ้มจริงใจ เอวตั้งตรง อย่างไรก็ตามดวงตาของเขามีความมุ่งมั่นรุนแรง
ภายใต้การพิทักษ์ของไวการ์ (บาทหลวง) สองคน
กิลเยโมตรงดิ่งเข้ามาในห้อง
“กิลเยโมมาถึงแล้ว หวังว่าเคลย์จะมาช้าสักเล็กน้อย”
ลินลี่ย์คาดหวังอยู่เต็มเปี่ยม
จุดอ่อนในแผนการนี้ของเขาก็คือความเป็นไปได้ว่าเคลย์และจอมเวทระดับเก้าผู้นี้จะมาในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญพิษสลายโลหิตไม่มีผลต่อจอมเวท
ลินลี่ย์เริ่มลุกขึ้นยืน
“ใต้เท้ากิลเยโม”
“ลินลี่ย์, ดูตัวเจ้าสิ, หน้าของเจ้าซีดมาก
นั่งลง นั่งลง”
กิลเยโมสาวเท้ายาวเข้ามาอย่างรวดเร็วเพื่อห้ามไม่ให้ลินลี่ย์ลุกขึ้น
“ใต้เท้ากิลเยโม, ข้าสบายดี แม้ว่าข้าจะได้รับบาดเจ็บภายในขณะฝึกเดินลมปราณ
แต่ข้ายังสามารถเดินและทำงานได้ตามปกติ
น่าเสียดายที่ในช่วงเวลานี้ ข้าไม่สามารถฝึกเดินลมปราณได้มากกว่านี้”
ลินลี่ย์พูดพลางถอนหายใจยาว
“ในเวลาอย่างนี้ เจ้ายังจะคิดเรื่องการฝึกลมปราณอีกหรือ?”
กิลเยโมพูดด้วยความโมโห “อาการบาดเจ็บภายนอกรักษาได้ง่าย แต่บาดเจ็บภายในนั้นอันตรายมาก
ถ้าเจ้าไม่รักษาให้ดี
เป็นไปได้ว่าอาการบาดเจ็บเหล่านั้นจะทำร้ายเจ้าไปทั้งชีวิต”
“ขอบคุณใต้เท้ากิลเยโมที่กังวลห่วงใย”
ความจริงลินลี่ย์มีความประทับใจที่ดีต่อกิลเยโม เขาอดชำเลืองไปที่ประตูทางเข้าอย่างช่วยไม่ได้ “หวังว่าเคลย์คงจะมาถึงช้าสักนิดนะ”
หิมะที่ตกเมื่อวานนี้ทำให้เมืองเฟนไลหนาวจัด
และมีผู้คนน้อยมากบนถนนจากพระราชวัง
แต่ตอนนี้
ราชองครักษ์ที่แข็งแกร่งร้อยคนเตรียมการป้องกันพร้อมสรรพนำหน้ารถม้าทองงดงามออกมาจากพระราชวัง
“กุบกับ, กุบกับ”
ล้อรถม้าโดยสารบดหิมะไปตามถนน
“แรนซัม, เปิดประตู” เคลย์สั่ง
รถม้าโดยสารมีขนาดใหญ่มากและสามารถรับโดยสารคนได้ห้าหรือหกคนได้อย่างสบายๆ
แรนซัมผู้นี้เป็นหนึ่งในราชองครักษ์ประจำตัวของเคลย์ เขารีบพูดทันที “พระเจ้าค่ะ,
ฝ่าบาท” เขารีบเปิดม่านประตู
ปล่อยให้อากาศเย็นไหลผ่านเข้าไป
ไม่ว่าจะเป็นแรนซัมหรือเคลย์ทั้งสองคนไม่รู้สึกหนาว
แม้จะว่าความจริงเคลย์จะสวมแค่เสื้อแจ็คเก็ตทับไว้บางๆ เท่านั้น
ขณะที่แรนซัมสวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานประจำวังตามปกติ
“ลินลี่ย์นี้ความจริงเขาได้รับบาดเจ็บหนักจากการโหมฝึกลมปราณมากเกินไป โธ่เอ๋ย” เคลย์อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ขณะถอนหายใจ
แรนซัมพูดเบาๆ
“ใต้เท้าลินลี่ย์ยังอายุน้อยมาก แต่ก็ยังมีความสำเร็จได้ขนาดนั้น แต่ไม่ว่าคนเราจะมีพรสวรรค์มากเพียงไหนก็ตาม
ก็ยังคงต้องฝึกฝนหนัก สำหรับนักรบที่สามารถทำตัวเองให้บาดเจ็บภายในได้เนื่องจากฝึกลมปราณมากเกินไป
แสดงว่าเขาพยายามจะขยายขอบเขตพลังในขณะฝึกฝน”
ขีดจำกัดความอดทนของร่างกายมนุษย์บางทีอาจสูงมากก็ได้
แต่ทุกครั้งที่พยายามกระตุ้นศักยภาพของทุกคน
ก็ไม่ควรจะทำมากเกินไป แม้จะเป็นเรื่องจริงที่ว่า
ความเพียรอย่างหนักเป็นประโยชน์ต่อนักรบในการฝึกฝน แต่ถ้าฝืนเกินกำลังมากเกินไป
ร่างกายก็ไม่อาจรับได้เช่นกัน
“ใช่แล้ว ลินลี่ย์นี้ยังมีความสำเร็จในอนาคตที่ไร้ขีดจำกัดรออยู่”
เคลย์พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
เมื่อมองดูใบหน้าเคลย์ แรนซัมแอบถอนหายใจ
ในฐานะที่เป็นองครักษ์ประจำตัวของเคลย์
ปกติเขาจะเข้าใจเจ้านายเขาอย่างลึกซึ้ง
ด้วยบุคลิกเปี่ยมด้วยพลังที่เคลย์มี
ยากนักที่เคลย์จะมีมารยาทมากกับใครบางคน แต่สำหรับลินลี่ย์ เคลย์ไม่เคยเสียมารยาทต่อเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“น่าเสียดายที่ในปีนั้น ฝ่าบาท...อนิจจา..
ฝ่าบาทรู้ตัวว่าเขาไม่มีหวังจะเข้าถึงขอบเขตระดับเซียนได้
ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาให้ความสำคัญต่อลินลี่ย์อย่างนั้น” แรนซัมรู้ความลับของเคลย์
แม้ว่าเคลย์จะเป็นนักรบระดับเก้า เว้นแต่ราชันย์เจิดจรัสจะมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้เคลย์ เคลย์จะไม่มีทางเข้าถึงระดับเซียนได้
ไม่ว่ายังไงก็ตาม
“ฝ่าบาท,
เรามาถึงคฤหาสน์ของใต้เท้าลินลี่ย์แล้ว” แรนซัมพูดเบาๆ
จากประตูเข้าสู่คฤหาสน์ของลินลี่ย์สามารถมองเห็นได้ชัด
ช่วงเวลานี้มีนักรบผู้ล่ำสันแข็งแรงยืนเฝ้าอยู่ที่ประตูชั้นนอก
นักรบทั้งสองคนนี้เป็นสมาชิกฝีมือดีของหน่วยอัศวินชั้นยอดจากวิหารเจิดจรัศ
“ครึก” รถม้ามาถึงที่จอด
แรนซัมเป็นคนแรกที่ออกมาจากรถม้า
และรออย่างนอบน้อมให้เคลย์ก้าวออกมา
“ถวายบังคมฝ่าบาท!” องครักษ์ทั้งสองคนคำนับอย่างนอบน้อม
“โอว, มีคนมาถึงก่อนข้าหรือนี่?”
เคลย์สังเกตว่ายังมีรถม้าหรูอีกคันหนึ่งจอดอยู่ด้านนอก
พร้อมกับกลุ่มอัศวินของโบสถ์เจิดจรัสกำลังยืนรอด้านนอก
“ทูลฝ่าบาท...
เป็นใต้เท้ากิลเยโมเดินทางมาถึงแล้ว” หนึ่งในสองนักรบที่เฝ้าประตูทูลด้วยความเคารพ
“ใต้เท้ากิลเยโมมาถึงเหรอ? ไม่เป็นไร” เคลย์เหลือบมองกลับมาที่คนของเขา
“พวกเจ้าทุกคนรออยู่ตรงนี้ แรนซัม,
มากับข้า” หลังจากออกคำสั่งนี้แล้ว เคลย์เดินผ่านประตูเข้าไปเอง ราชองครักษ์ส่วนตัวเดินตามหลังเขา
……
ตอนนี้
ลินลี่ย์ยังคงสนทนาอยู่กับกิลเยโม
ไม่มีใครรู้ว่าเคลย์มาถึงที่ประตูหน้าแล้ว
“นี่กิลเยโมยังไม่จากไปอีกหรือนี่?”
ลินลี่ย์เริ่มร้อนใจ
ถ้ากิลเยโมยังคงตั้งใจคุยกับเขาต่อไปอย่างนี้
ใครจะรู้กันว่าการสนทนานี้ยังคงดำเนินไปอีกนานเพียงใด? หลายๆ
อย่างจะซับซ้อนยิ่งขึ้น เมื่อความกังวลใจเพิ่มมากขึ้น จู่ๆลินลี่ย์ก็เอามือปิดปาก
“แค่ก, แค่ก!”
ลินลี่ย์ไออยู่สองสามครั้ง
ไอหนักจนกระทั่งหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ลินลี่ย์” กิลเยโมประหลาดใจมาก
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าลินลี่ย์จะได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้
“ลินลี่ย์
เจ้าต้องใช้ยาที่ข้านำมาให้เจ้านี้นะ
ยานี้จะส่งผลช่วยให้ร่างกายเจ้าฟื้นจากอาการบอบช้ำภายในได้”
กิลเยโมรีบกล่าว “สภาพร่างกายของเจ้าตอนนี้ยังไม่ค่อยดี พักเสียก่อนเถอะ ข้าจะไม่รบกวนการพักผ่อนของเจ้าต่อไปแล้ว”
กิลเยโมยืนขึ้น
หลังจากไอแล้ว
หน้าของลินลี่ย์ยิ่งซีดขาวมากกว่าแต่ก่อน ดูแทบปราศจากสีเลือด
“ใต้เท้ากิลเยโม ข้าต้องขออภัยจริงๆ”
ลินลี่ย์ขอโทษ
“ไม่เป็นไร พักเสียเถอะ ร่างกายของเจ้าเป็นเรื่องสำคัญ”
กิลเยโมเตือนเขาอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมกับบาทหลวงที่มากับเขา
ขณะที่เคลย์และแรนซัมเดินตรงไปที่ประตูคฤหาสน์ของลินลี่ย์
พวกเขาได้ยินเสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง
“ฝ่าบาท,
ฝ่าบาท”
เคลย์หันมาดูด้วยความสงสัย
เห็นแต่เพียงเมอร์ริทที่รีบโดดลงมาจากรถม้า “ฝ่าบาท”
“เมอร์ริท, เจ้าก็มาด้วยหรือ?” เคลย์หัวเราะเบาๆ
ขณะที่เขาหยุดมองดูเมอร์ริท
เมอร์ริทวิ่งเข้ามาหาเคลย์
เขาทูลด้วยความเคารพ “ใต้เท้าลินลี่ย์ได้รับบาดเจ็บ ข้าพระบาทจะไม่มาได้ยังไง? ฝ่าบาท, พระองค์เข้าไปข้างในกับแค่แรนซัมได้ยังไง?
มันไม่ปลอดภัยนะ!” เมอร์ริทรีบกล่าว
เมื่อกษัตริย์ต้องเข้าไปเยี่ยมเยือนข้าราชบริพาร ปกติเขาจะต้องนำราชองครักษ์เข้าไปได้โดยตรง
เหตุผลประการแรกก็เพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของผู้ปกครองอาณาจักร ประการที่สอง เพื่อแสดงสถานะอำนาจของกษัตริย์
“ไม่จำเป็น, ข้าแค่มาเยี่ยมไข้ลินลี่ย์
ไม่จำเป็นต้องยกขบวนแห่แหนอะไรอย่างนั้น” เคลย์หัวเราะเบาๆ ภายในเมืองเฟนไล
ใครจะมาคุกคามทำอันตรายกับข้าได้ หืม?”
เคลย์มั่นใจตนเองว่าคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น
ที่สำคัญที่สุด
เคลย์ไม่กลัวนักสู้ระดับเก้าเป็นส่วนใหญ่
มีเพียงคนประเภทเดียวที่เคลย์กลัวก็คือนักสู้ระดับเซียนที่มุ่งหมายมาฆ่าเขาผู้เป็นราชา?
ยิ่งกว่านั้น ที่นี่คือเมืองเฟนไลเป็นเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ของวิหารเจิดจรัส
ใครจะกล้าผลีผลามเข้ามาในอาณาเขตสำนักใหญ่ของวิหารเจิดจรัสได้เล่า?
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ข้าพระบาทเองกังวลเกินไปเอง”
เมอร์ริทรีบกล่าว
“มาเถอะ, เราเข้าไปข้างในพร้อมกัน”
เคลย์เข้าไปพร้อมกับเมอร์ริทกับแรนซัม
“ฝ่าบาท,
ขณะนี้ลินลี่ย์พักรักษาตัวอยู่ในลานส่วนตัวปีกตะวันออก ข้าพระบาทขอนำทางเอง”
หญิงรับใช้สาวสวยคอยนำทาง เคลย์, เมอร์ริทและแรนซัมจึงมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่พักของลินลี่ย์ แต่เมื่อไปได้ครึ่งทาง...
เคลย์และบริวารอีกสองคนก็เห็นกิลเยโมและบาทหลวงของเขาอีกสองคน
“ใต้เท้ากิลเยโม” เคลย์,
เมอร์ริทและแรนซัมแสดงความเคารพพร้อมกัน
“เคลย์, ท่านก็มาเหมือนกัน” กิลเยโมพยักหน้า “อาการบาดเจ็บภายในของลินลี่ย์ครั้งนี้
ดูเหมือนจะหนักเอาการ เมื่อครู่เขายังไออยู่เลย เมื่อท่านไปเยี่ยมเขา
อย่าเสียเวลามากเกินไป เอาแค่ดูว่าเขาเป็นยังไงบ้างก็พอ จากนั้นก็ปล่อยให้เขาได้พักเถอะ”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เคลย์พยักหน้า
“อย่างนั้นข้าขอตัวก่อนนะ”
กิลเยโมพยักหน้าให้เช่นกัน จากนั้นพาบาทหลวงทั้งสองคนออกไป
เคลย์เข้าไปในห้องของลินลี่ย์พร้อมกับเมอร์ริทและแรนซัม
กิลเยโมออกไปทำให้ลินลี่ย์ได้ถอนหายใจโล่งอก
แต่ก่อนที่เขาจะได้สูดหายใจ หญิงรับใช้คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามารายงาน
“ใต้เท้าลินลี่ย์เจ้าคะ,
ฝ่าบาทและอัครเสนาบดีขวามาถึงแล้วเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้รีบรายงาน
“มาถึงนี่แล้วหรือ?”
ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย
ข้ารอมานานมากแล้ว
ในที่สุดเขาก็มา”
ลินลี่ย์แทบไม่อาจระงับความตื่นเต้นในใจได้ “ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว”
ลินลี่ย์สั่งหญิงรับใช้ให้ออกไปทันที และจากนั้นเขายืนอย่างสงบรอการมาถึงของเคลย์อย่างเงียบๆ
ไม่กี่วินาทีต่อมา
ลินลี่ย์ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า
“ลินลี่ย์”
เสียงของเคลย์ดังแทบจะทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง
เพียงสามก้าวเขาก็เข้ามาถึงข้างตัวลินลี่ย์
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล “ลินลี่ย์ หน้าของเจ้าดูน่ากลัวจริงๆ เร็วเข้า
นั่งพักก่อน พักก่อนเถอะ”
ลินลี่ย์ถูกเคลย์กดตัวให้นั่งลง
“ใต้เท้าลินลี่ย์” เมอร์ริททักทายลินลี่ย์ตามมารยาท
“ขอบพระทัยฝ่าบาท, ขอบคุณใต้เท้าเมอร์ริท”
ลินลี่ย์พูดด้วยเสียงที่อ่อนล้า
แต่ความตื่นเต้นในใจลินลี่ย์เริ่มเอ่อท้น ในอดีตหลังจากได้รับรู้ความตายของบิดาเขาแล้ว
ลินลี่ย์ได้สั่งให้ฮิลแมนนำสมบัติตกทอดของตระกูล “ดาบศึกล่าสังหาร”
ไปที่จักรวรรดิโอเบรียน ในเวลานั้น
เขาทำใจไว้แล้วว่าการเสี่ยงตายไม่เพียงพอโยกคลอนความตั้งใจล้างแค้นของเขาได้
ท่านพ่อ, ท่านแม่!
ความตายของบิดาเขาเกี่ยวข้องกับเคลย์ด้วยเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะเคลย์สั่งแพตเตอร์สันให้ไปลักพาตัวมารดาของเขา
บิดาเขาจะตายเพราะพยายามล้างแค้นได้อย่างไร?
และแน่นอนว่ามารดาของเขาหายไปเพราะการกระทำของเคลย์
“ฝ่าบาท, ข้าพระบาทไม่เป็นไร,
แค่ลำบากจากอาการบาดเจ็บภายใน และไม่สามารถฝึกพลังปราณได้ชั่วระยะหนึ่ง แต่ข้าพระบาทยังสามารถทำกิจวัตรตามปกติได้ไม่มีปัญหาอะไร”
ลินลี่ย์พูดพลางยิ้มพลาง
“ดีแล้ว นั่นนับว่าดีแล้ว” เคลย์ก็ยิ้มเช่นกัน
“ใต้เท้าเมอร์ริทก็มาเยี่ยมด้วยเช่นกัน” จู่ๆ
เหมือนกับลินลี่ย์จะนึกอะไรบางอย่างได้และรู้สึกตื่นเต้นยินดี “จริงสิ!
ข้ายังไม่มีโอกาสดื่มเหล้าอวยพรท่านเมื่อครั้งล่าสุดเลย ใต้เท้าเมอร์ริท ไหนๆ
วันนี้ทั้งท่านและฝ่าบาทก็มาถึงแล้ว มาดื่มกันสักหน่อยเป็นไร”
ขณะที่พูดลินลี่ย์เดินไปที่ตู้สุราที่อยู่ใกล้ๆ
เขา
“ไม่ต้องก็ได้, ลินลี่ย์ เจ้ายังบาดเจ็บอยู่
เจ้าไม่ควรดื่มสุรานะ” เคลย์แนะนำเขา
“ไม่เป็นไร, บาดแผลของข้าพระบาทแค่เพียงเล็กน้อย
และดื่มสุราเล็กน้อยจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตด้วย” ขณะที่พูด ลินลี่ย์ดึงแก้วเหล้าออกมาพร้อมกับไวน์แดง
“แรนซัม, ท่านควรจะนั่งด้วยเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องยืนกรานมีพิธีรีตองเกินไป”
ลินลี่ย์รู้ความสามารถแรนซัมดี
ในฐานะเป็นองครักษ์ส่วนตัวของเคลย์ แรนซัมแข็งแกร่งทรงพลังมาก
แม้ว่าลินลี่ย์จะยังไม่แน่ใจชัดเจนถึงพลังของเขา แต่ลินลี่ย์แน่ใจว่าเขาจะต้องเป็นนักสู้ระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย
หรืออาจเป็นระดับแปดก็ได้
“ไม่ต้องหรอก, ข้าไม่ดื่มสุรา”
แรนซัมส่ายหน้าปฏิเสธ
ในฐานะทหารคนสนิทของฝ่าบาท เขาต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา
“ลินลี่ย์, แรนซัมไม่เคยดื่มเหล้า
ไม่จำเป็นต้องชวนเขาดื่มหรอก” เคลย์สั่นศีรษะให้ลินลี่ย์ “ลินลี่ย์ เมื่อใต้เท้ากิลเยโมพบข้าเมื่อครู่
เขาบอกว่าเจ้าไออย่างหนัก
เขาต้องการให้เจ้าพักผ่อนให้ดี จะให้ดีที่สุดเราไม่ต้องดื่มก็ได้”
ไม่ต้องดื่มหรือ?
ไม่มีใครอื่นนอกจากลินลี่ย์ที่รู้เรื่องนี้ แต่พิษสลายโลหิตถูกผสมไว้ในเหล้านี้
ถ้าเคลย์ไม่ดื่มแล้วเขาจะวางยาพิษได้อย่างไร?
“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
ใต้เท้ากิลเยโมกังวลห่วงใยข้าพระบาทมากเกินไปก็เลยพูดเช่นนั้น” ลินลี่ย์ยิ้มและรินเหล้าใส่แก้วให้ทุกคน
“เหล้านี้ เป็นเหล้าฉลองที่พิเศษ
ใต้เท้าเมอร์ริท มาเถอะมาดื่มฉลองกัน” ลินลี่ย์ชูแก้วของเขาขึ้น
เคลย์และเมอร์ริทไม่มีทางเลือก
ได้แต่ชูแก้วขึ้นเหมือนกัน
เสียงกระทบแก้วพวกเขาดังเบาๆ
จากนั้นเคลย์, เมอร์ริทและลินลี่ย์ก็ดื่มเหล้า
“แค่ก..”
จู่ๆ
ลินลี่ย์ก็เริ่มไออย่างรุนแรงอีกครั้งจนเหล้าหกออกจากปาก ลินลี่ย์ไอจนหน้าแดงก่ำอีกครั้ง
“ลินลี่ย์, ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่ให้ดื่ม
เจ้าก็ยังจะดื่มอีก” เคลย์พูดอย่างไม่พอใจ
เขารีบเข้ามาช่วยประคองลินลี่ย์
“ข้าพระบาทไม่เป็นไร”
ลินลี่ย์ยิ้มและยื่นมือออกมาห้ามเคลย์ไว้
ทันใดนั้น
ลินลี่ย์จ้องมองเคลย์ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฝ่าบาท มีเรื่องที่สำคัญมากที่ข้าพระบาทอยากจะปรึกษากับท่าน”
“เรื่องที่สำคัญหรือ?” เมื่อสีหน้าของลินลี่ย์
เคลย์รู้สึกสับสน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น