วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 6-27 ไวน์

ตอนที่  6-27  ไวน์
ลินลี่ย์อดเหลียวมองไปที่ประตูไม่ได้

กิลเยโมอยู่ตรงนั้น เขาสวมชุดยาวสีแดงใบหน้ามีรอยยิ้มจริงใจ เอวตั้งตรง  อย่างไรก็ตามดวงตาของเขามีความมุ่งมั่นรุนแรง ภายใต้การพิทักษ์ของไวการ์ (บาทหลวง) สองคน  กิลเยโมตรงดิ่งเข้ามาในห้อง
 “กิลเยโมมาถึงแล้ว  หวังว่าเคลย์จะมาช้าสักเล็กน้อย” ลินลี่ย์คาดหวังอยู่เต็มเปี่ยม
จุดอ่อนในแผนการนี้ของเขาก็คือความเป็นไปได้ว่าเคลย์และจอมเวทระดับเก้าผู้นี้จะมาในเวลาเดียวกัน  ที่สำคัญพิษสลายโลหิตไม่มีผลต่อจอมเวท
ลินลี่ย์เริ่มลุกขึ้นยืน “ใต้เท้ากิลเยโม”
 “ลินลี่ย์, ดูตัวเจ้าสิ, หน้าของเจ้าซีดมาก นั่งลง นั่งลง” กิลเยโมสาวเท้ายาวเข้ามาอย่างรวดเร็วเพื่อห้ามไม่ให้ลินลี่ย์ลุกขึ้น
 “ใต้เท้ากิลเยโม, ข้าสบายดี แม้ว่าข้าจะได้รับบาดเจ็บภายในขณะฝึกเดินลมปราณ แต่ข้ายังสามารถเดินและทำงานได้ตามปกติ  น่าเสียดายที่ในช่วงเวลานี้ ข้าไม่สามารถฝึกเดินลมปราณได้มากกว่านี้” ลินลี่ย์พูดพลางถอนหายใจยาว
 “ในเวลาอย่างนี้  เจ้ายังจะคิดเรื่องการฝึกลมปราณอีกหรือ?” กิลเยโมพูดด้วยความโมโห “อาการบาดเจ็บภายนอกรักษาได้ง่าย  แต่บาดเจ็บภายในนั้นอันตรายมาก ถ้าเจ้าไม่รักษาให้ดี  เป็นไปได้ว่าอาการบาดเจ็บเหล่านั้นจะทำร้ายเจ้าไปทั้งชีวิต”
 “ขอบคุณใต้เท้ากิลเยโมที่กังวลห่วงใย”
ความจริงลินลี่ย์มีความประทับใจที่ดีต่อกิลเยโม  เขาอดชำเลืองไปที่ประตูทางเข้าอย่างช่วยไม่ได้  “หวังว่าเคลย์คงจะมาถึงช้าสักนิดนะ”
หิมะที่ตกเมื่อวานนี้ทำให้เมืองเฟนไลหนาวจัด และมีผู้คนน้อยมากบนถนนจากพระราชวัง  แต่ตอนนี้ ราชองครักษ์ที่แข็งแกร่งร้อยคนเตรียมการป้องกันพร้อมสรรพนำหน้ารถม้าทองงดงามออกมาจากพระราชวัง
 “กุบกับ, กุบกับ”
ล้อรถม้าโดยสารบดหิมะไปตามถนน
 “แรนซัม, เปิดประตู” เคลย์สั่ง
รถม้าโดยสารมีขนาดใหญ่มากและสามารถรับโดยสารคนได้ห้าหรือหกคนได้อย่างสบายๆ แรนซัมผู้นี้เป็นหนึ่งในราชองครักษ์ประจำตัวของเคลย์ เขารีบพูดทันที “พระเจ้าค่ะ, ฝ่าบาท”  เขารีบเปิดม่านประตู ปล่อยให้อากาศเย็นไหลผ่านเข้าไป
ไม่ว่าจะเป็นแรนซัมหรือเคลย์ทั้งสองคนไม่รู้สึกหนาว แม้จะว่าความจริงเคลย์จะสวมแค่เสื้อแจ็คเก็ตทับไว้บางๆ เท่านั้น  ขณะที่แรนซัมสวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานประจำวังตามปกติ
 “ลินลี่ย์นี้ความจริงเขาได้รับบาดเจ็บหนักจากการโหมฝึกลมปราณมากเกินไป  โธ่เอ๋ย” เคลย์อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ขณะถอนหายใจ
แรนซัมพูดเบาๆ “ใต้เท้าลินลี่ย์ยังอายุน้อยมาก แต่ก็ยังมีความสำเร็จได้ขนาดนั้น  แต่ไม่ว่าคนเราจะมีพรสวรรค์มากเพียงไหนก็ตาม ก็ยังคงต้องฝึกฝนหนัก สำหรับนักรบที่สามารถทำตัวเองให้บาดเจ็บภายในได้เนื่องจากฝึกลมปราณมากเกินไป แสดงว่าเขาพยายามจะขยายขอบเขตพลังในขณะฝึกฝน”
ขีดจำกัดความอดทนของร่างกายมนุษย์บางทีอาจสูงมากก็ได้
แต่ทุกครั้งที่พยายามกระตุ้นศักยภาพของทุกคน ก็ไม่ควรจะทำมากเกินไป  แม้จะเป็นเรื่องจริงที่ว่า ความเพียรอย่างหนักเป็นประโยชน์ต่อนักรบในการฝึกฝน  แต่ถ้าฝืนเกินกำลังมากเกินไป ร่างกายก็ไม่อาจรับได้เช่นกัน
 “ใช่แล้ว ลินลี่ย์นี้ยังมีความสำเร็จในอนาคตที่ไร้ขีดจำกัดรออยู่” เคลย์พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
เมื่อมองดูใบหน้าเคลย์  แรนซัมแอบถอนหายใจ
ในฐานะที่เป็นองครักษ์ประจำตัวของเคลย์ ปกติเขาจะเข้าใจเจ้านายเขาอย่างลึกซึ้ง  ด้วยบุคลิกเปี่ยมด้วยพลังที่เคลย์มี ยากนักที่เคลย์จะมีมารยาทมากกับใครบางคน แต่สำหรับลินลี่ย์ เคลย์ไม่เคยเสียมารยาทต่อเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
 “น่าเสียดายที่ในปีนั้น ฝ่าบาท...อนิจจา.. ฝ่าบาทรู้ตัวว่าเขาไม่มีหวังจะเข้าถึงขอบเขตระดับเซียนได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาให้ความสำคัญต่อลินลี่ย์อย่างนั้น” แรนซัมรู้ความลับของเคลย์
แม้ว่าเคลย์จะเป็นนักรบระดับเก้า  เว้นแต่ราชันย์เจิดจรัสจะมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้เคลย์  เคลย์จะไม่มีทางเข้าถึงระดับเซียนได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม
 “ฝ่าบาท, เรามาถึงคฤหาสน์ของใต้เท้าลินลี่ย์แล้ว” แรนซัมพูดเบาๆ
จากประตูเข้าสู่คฤหาสน์ของลินลี่ย์สามารถมองเห็นได้ชัด  ช่วงเวลานี้มีนักรบผู้ล่ำสันแข็งแรงยืนเฝ้าอยู่ที่ประตูชั้นนอก นักรบทั้งสองคนนี้เป็นสมาชิกฝีมือดีของหน่วยอัศวินชั้นยอดจากวิหารเจิดจรัศ
 “ครึก” รถม้ามาถึงที่จอด
แรนซัมเป็นคนแรกที่ออกมาจากรถม้า และรออย่างนอบน้อมให้เคลย์ก้าวออกมา
 “ถวายบังคมฝ่าบาท!” องครักษ์ทั้งสองคนคำนับอย่างนอบน้อม
 “โอว, มีคนมาถึงก่อนข้าหรือนี่?” เคลย์สังเกตว่ายังมีรถม้าหรูอีกคันหนึ่งจอดอยู่ด้านนอก พร้อมกับกลุ่มอัศวินของโบสถ์เจิดจรัสกำลังยืนรอด้านนอก
 “ทูลฝ่าบาท... เป็นใต้เท้ากิลเยโมเดินทางมาถึงแล้ว” หนึ่งในสองนักรบที่เฝ้าประตูทูลด้วยความเคารพ
 “ใต้เท้ากิลเยโมมาถึงเหรอ? ไม่เป็นไร”  เคลย์เหลือบมองกลับมาที่คนของเขา “พวกเจ้าทุกคนรออยู่ตรงนี้  แรนซัม, มากับข้า” หลังจากออกคำสั่งนี้แล้ว  เคลย์เดินผ่านประตูเข้าไปเอง  ราชองครักษ์ส่วนตัวเดินตามหลังเขา
……

ตอนนี้ ลินลี่ย์ยังคงสนทนาอยู่กับกิลเยโม  ไม่มีใครรู้ว่าเคลย์มาถึงที่ประตูหน้าแล้ว
 “นี่กิลเยโมยังไม่จากไปอีกหรือนี่?” ลินลี่ย์เริ่มร้อนใจ
ถ้ากิลเยโมยังคงตั้งใจคุยกับเขาต่อไปอย่างนี้ ใครจะรู้กันว่าการสนทนานี้ยังคงดำเนินไปอีกนานเพียงใด? หลายๆ อย่างจะซับซ้อนยิ่งขึ้น  เมื่อความกังวลใจเพิ่มมากขึ้น  จู่ๆลินลี่ย์ก็เอามือปิดปาก
 “แค่ก, แค่ก!” ลินลี่ย์ไออยู่สองสามครั้ง  ไอหนักจนกระทั่งหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง
 “ลินลี่ย์” กิลเยโมประหลาดใจมาก
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าลินลี่ย์จะได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้
 “ลินลี่ย์  เจ้าต้องใช้ยาที่ข้านำมาให้เจ้านี้นะ   ยานี้จะส่งผลช่วยให้ร่างกายเจ้าฟื้นจากอาการบอบช้ำภายในได้” กิลเยโมรีบกล่าว “สภาพร่างกายของเจ้าตอนนี้ยังไม่ค่อยดี พักเสียก่อนเถอะ ข้าจะไม่รบกวนการพักผ่อนของเจ้าต่อไปแล้ว” กิลเยโมยืนขึ้น
หลังจากไอแล้ว หน้าของลินลี่ย์ยิ่งซีดขาวมากกว่าแต่ก่อน ดูแทบปราศจากสีเลือด
 “ใต้เท้ากิลเยโม ข้าต้องขออภัยจริงๆ” ลินลี่ย์ขอโทษ
 “ไม่เป็นไร พักเสียเถอะ  ร่างกายของเจ้าเป็นเรื่องสำคัญ”  กิลเยโมเตือนเขาอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมกับบาทหลวงที่มากับเขา
ขณะที่เคลย์และแรนซัมเดินตรงไปที่ประตูคฤหาสน์ของลินลี่ย์ พวกเขาได้ยินเสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง
 “ฝ่าบาท,  ฝ่าบาท”
เคลย์หันมาดูด้วยความสงสัย เห็นแต่เพียงเมอร์ริทที่รีบโดดลงมาจากรถม้า “ฝ่าบาท”
 “เมอร์ริท, เจ้าก็มาด้วยหรือ?” เคลย์หัวเราะเบาๆ ขณะที่เขาหยุดมองดูเมอร์ริท
เมอร์ริทวิ่งเข้ามาหาเคลย์ เขาทูลด้วยความเคารพ “ใต้เท้าลินลี่ย์ได้รับบาดเจ็บ  ข้าพระบาทจะไม่มาได้ยังไง?  ฝ่าบาท, พระองค์เข้าไปข้างในกับแค่แรนซัมได้ยังไง? มันไม่ปลอดภัยนะ!” เมอร์ริทรีบกล่าว
เมื่อกษัตริย์ต้องเข้าไปเยี่ยมเยือนข้าราชบริพาร  ปกติเขาจะต้องนำราชองครักษ์เข้าไปได้โดยตรง
เหตุผลประการแรกก็เพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของผู้ปกครองอาณาจักร  ประการที่สอง เพื่อแสดงสถานะอำนาจของกษัตริย์
 “ไม่จำเป็น, ข้าแค่มาเยี่ยมไข้ลินลี่ย์ ไม่จำเป็นต้องยกขบวนแห่แหนอะไรอย่างนั้น” เคลย์หัวเราะเบาๆ  ภายในเมืองเฟนไล ใครจะมาคุกคามทำอันตรายกับข้าได้ หืม?”
เคลย์มั่นใจตนเองว่าคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น
ที่สำคัญที่สุด เคลย์ไม่กลัวนักสู้ระดับเก้าเป็นส่วนใหญ่  มีเพียงคนประเภทเดียวที่เคลย์กลัวก็คือนักสู้ระดับเซียนที่มุ่งหมายมาฆ่าเขาผู้เป็นราชา? ยิ่งกว่านั้น ที่นี่คือเมืองเฟนไลเป็นเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ของวิหารเจิดจรัส
ใครจะกล้าผลีผลามเข้ามาในอาณาเขตสำนักใหญ่ของวิหารเจิดจรัสได้เล่า?
 “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ข้าพระบาทเองกังวลเกินไปเอง” เมอร์ริทรีบกล่าว
 “มาเถอะ, เราเข้าไปข้างในพร้อมกัน” เคลย์เข้าไปพร้อมกับเมอร์ริทกับแรนซัม
 “ฝ่าบาท, ขณะนี้ลินลี่ย์พักรักษาตัวอยู่ในลานส่วนตัวปีกตะวันออก ข้าพระบาทขอนำทางเอง” หญิงรับใช้สาวสวยคอยนำทาง เคลย์, เมอร์ริทและแรนซัมจึงมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่พักของลินลี่ย์  แต่เมื่อไปได้ครึ่งทาง...
เคลย์และบริวารอีกสองคนก็เห็นกิลเยโมและบาทหลวงของเขาอีกสองคน
 “ใต้เท้ากิลเยโม” เคลย์, เมอร์ริทและแรนซัมแสดงความเคารพพร้อมกัน
 “เคลย์, ท่านก็มาเหมือนกัน” กิลเยโมพยักหน้า “อาการบาดเจ็บภายในของลินลี่ย์ครั้งนี้ ดูเหมือนจะหนักเอาการ เมื่อครู่เขายังไออยู่เลย เมื่อท่านไปเยี่ยมเขา อย่าเสียเวลามากเกินไป เอาแค่ดูว่าเขาเป็นยังไงบ้างก็พอ จากนั้นก็ปล่อยให้เขาได้พักเถอะ”
 “ข้าเข้าใจแล้ว” เคลย์พยักหน้า
 “อย่างนั้นข้าขอตัวก่อนนะ” กิลเยโมพยักหน้าให้เช่นกัน จากนั้นพาบาทหลวงทั้งสองคนออกไป
เคลย์เข้าไปในห้องของลินลี่ย์พร้อมกับเมอร์ริทและแรนซัม
กิลเยโมออกไปทำให้ลินลี่ย์ได้ถอนหายใจโล่งอก แต่ก่อนที่เขาจะได้สูดหายใจ หญิงรับใช้คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามารายงาน
 “ใต้เท้าลินลี่ย์เจ้าคะ, ฝ่าบาทและอัครเสนาบดีขวามาถึงแล้วเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้รีบรายงาน
 “มาถึงนี่แล้วหรือ?”
ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย
ข้ารอมานานมากแล้ว ในที่สุดเขาก็มา”  ลินลี่ย์แทบไม่อาจระงับความตื่นเต้นในใจได้ “ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” ลินลี่ย์สั่งหญิงรับใช้ให้ออกไปทันที และจากนั้นเขายืนอย่างสงบรอการมาถึงของเคลย์อย่างเงียบๆ
ไม่กี่วินาทีต่อมา ลินลี่ย์ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า
 “ลินลี่ย์” เสียงของเคลย์ดังแทบจะทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง เพียงสามก้าวเขาก็เข้ามาถึงข้างตัวลินลี่ย์  เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล “ลินลี่ย์ หน้าของเจ้าดูน่ากลัวจริงๆ เร็วเข้า นั่งพักก่อน พักก่อนเถอะ”
ลินลี่ย์ถูกเคลย์กดตัวให้นั่งลง
 “ใต้เท้าลินลี่ย์” เมอร์ริททักทายลินลี่ย์ตามมารยาท
 “ขอบพระทัยฝ่าบาท, ขอบคุณใต้เท้าเมอร์ริท” ลินลี่ย์พูดด้วยเสียงที่อ่อนล้า
แต่ความตื่นเต้นในใจลินลี่ย์เริ่มเอ่อท้น  ในอดีตหลังจากได้รับรู้ความตายของบิดาเขาแล้ว ลินลี่ย์ได้สั่งให้ฮิลแมนนำสมบัติตกทอดของตระกูล “ดาบศึกล่าสังหาร” ไปที่จักรวรรดิโอเบรียน  ในเวลานั้น เขาทำใจไว้แล้วว่าการเสี่ยงตายไม่เพียงพอโยกคลอนความตั้งใจล้างแค้นของเขาได้
ท่านพ่อ, ท่านแม่!
ความตายของบิดาเขาเกี่ยวข้องกับเคลย์ด้วยเช่นกัน  ถ้าไม่ใช่เพราะเคลย์สั่งแพตเตอร์สันให้ไปลักพาตัวมารดาของเขา บิดาเขาจะตายเพราะพยายามล้างแค้นได้อย่างไร?  และแน่นอนว่ามารดาของเขาหายไปเพราะการกระทำของเคลย์
 “ฝ่าบาท, ข้าพระบาทไม่เป็นไร, แค่ลำบากจากอาการบาดเจ็บภายใน และไม่สามารถฝึกพลังปราณได้ชั่วระยะหนึ่ง แต่ข้าพระบาทยังสามารถทำกิจวัตรตามปกติได้ไม่มีปัญหาอะไร” ลินลี่ย์พูดพลางยิ้มพลาง
 “ดีแล้ว นั่นนับว่าดีแล้ว” เคลย์ก็ยิ้มเช่นกัน
 “ใต้เท้าเมอร์ริทก็มาเยี่ยมด้วยเช่นกัน” จู่ๆ เหมือนกับลินลี่ย์จะนึกอะไรบางอย่างได้และรู้สึกตื่นเต้นยินดี “จริงสิ! ข้ายังไม่มีโอกาสดื่มเหล้าอวยพรท่านเมื่อครั้งล่าสุดเลย ใต้เท้าเมอร์ริท ไหนๆ วันนี้ทั้งท่านและฝ่าบาทก็มาถึงแล้ว มาดื่มกันสักหน่อยเป็นไร”
ขณะที่พูดลินลี่ย์เดินไปที่ตู้สุราที่อยู่ใกล้ๆ เขา
 “ไม่ต้องก็ได้, ลินลี่ย์ เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ เจ้าไม่ควรดื่มสุรานะ” เคลย์แนะนำเขา
 “ไม่เป็นไร, บาดแผลของข้าพระบาทแค่เพียงเล็กน้อย และดื่มสุราเล็กน้อยจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตด้วย”  ขณะที่พูด  ลินลี่ย์ดึงแก้วเหล้าออกมาพร้อมกับไวน์แดง “แรนซัม, ท่านควรจะนั่งด้วยเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องยืนกรานมีพิธีรีตองเกินไป”
ลินลี่ย์รู้ความสามารถแรนซัมดี
ในฐานะเป็นองครักษ์ส่วนตัวของเคลย์  แรนซัมแข็งแกร่งทรงพลังมาก แม้ว่าลินลี่ย์จะยังไม่แน่ใจชัดเจนถึงพลังของเขา แต่ลินลี่ย์แน่ใจว่าเขาจะต้องเป็นนักสู้ระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย หรืออาจเป็นระดับแปดก็ได้
 “ไม่ต้องหรอก, ข้าไม่ดื่มสุรา” แรนซัมส่ายหน้าปฏิเสธ
ในฐานะทหารคนสนิทของฝ่าบาท  เขาต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา
 “ลินลี่ย์, แรนซัมไม่เคยดื่มเหล้า ไม่จำเป็นต้องชวนเขาดื่มหรอก” เคลย์สั่นศีรษะให้ลินลี่ย์  “ลินลี่ย์ เมื่อใต้เท้ากิลเยโมพบข้าเมื่อครู่ เขาบอกว่าเจ้าไออย่างหนัก   เขาต้องการให้เจ้าพักผ่อนให้ดี จะให้ดีที่สุดเราไม่ต้องดื่มก็ได้”
ไม่ต้องดื่มหรือ?
ไม่มีใครอื่นนอกจากลินลี่ย์ที่รู้เรื่องนี้  แต่พิษสลายโลหิตถูกผสมไว้ในเหล้านี้ ถ้าเคลย์ไม่ดื่มแล้วเขาจะวางยาพิษได้อย่างไร?
 “ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ใต้เท้ากิลเยโมกังวลห่วงใยข้าพระบาทมากเกินไปก็เลยพูดเช่นนั้น”  ลินลี่ย์ยิ้มและรินเหล้าใส่แก้วให้ทุกคน “เหล้านี้ เป็นเหล้าฉลองที่พิเศษ  ใต้เท้าเมอร์ริท มาเถอะมาดื่มฉลองกัน” ลินลี่ย์ชูแก้วของเขาขึ้น
เคลย์และเมอร์ริทไม่มีทางเลือก ได้แต่ชูแก้วขึ้นเหมือนกัน
เสียงกระทบแก้วพวกเขาดังเบาๆ จากนั้นเคลย์, เมอร์ริทและลินลี่ย์ก็ดื่มเหล้า
 “แค่ก..”
จู่ๆ ลินลี่ย์ก็เริ่มไออย่างรุนแรงอีกครั้งจนเหล้าหกออกจากปาก  ลินลี่ย์ไอจนหน้าแดงก่ำอีกครั้ง
 “ลินลี่ย์, ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่ให้ดื่ม เจ้าก็ยังจะดื่มอีก” เคลย์พูดอย่างไม่พอใจ  เขารีบเข้ามาช่วยประคองลินลี่ย์
 “ข้าพระบาทไม่เป็นไร” ลินลี่ย์ยิ้มและยื่นมือออกมาห้ามเคลย์ไว้
ทันใดนั้น ลินลี่ย์จ้องมองเคลย์ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  “ฝ่าบาท มีเรื่องที่สำคัญมากที่ข้าพระบาทอยากจะปรึกษากับท่าน”
 “เรื่องที่สำคัญหรือ?” เมื่อสีหน้าของลินลี่ย์ เคลย์รู้สึกสับสน
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น