วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 165 ความอัปยศ

ตอนที่  165  ความอัปยศ
ตระกูลกู้ตอนนี้กำลังคึกคักไปด้วยยอดฝีมือมารวมตัวกัน
แต่กู้เสวี่ยไม่สบายใจอย่างมาก  นางรู้ชัดเจนว่าทุกคนที่มาที่นี่มีแรงจูงใจแอบแฝงเร้น  พวกเขามีเจตนาส่วนตัว  ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น  ตระกูลกู้ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เหมือนกับเหยียบแผ่นน้ำแข็งบางๆ  ถ้ามีข้อผิดพลาด อาจเกิดภัยพิบัติใหญ่ตามมา  แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความก้าวร้าวของกลุ่มสวี่ซื่อ  ตระกูลกู้ไม่มีทางเลือกอื่น

ขณะที่นางเดินเข้าห้องโถง  กู้เสวี่ยจัดเรียงความคิดของนาง  สายตาของนางเด็ดเดี่ยวอีกครั้ง  และรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง
ขณะที่นางเดินเข้ามาในห้องโถง  นางได้ยินเสียงที่อบอุ่นของผู้เฒ่าหวี่เอ่ยขึ้น “มา มา มา คุณหนูกู้,  อัจฉริยะเยาว์วัยผู้นี้ เจ้าต้องมาทำความรู้จักเขาไว้  กระบี่ลมยะเยือกอู๋เจ๋อสิง  เมื่อตอนผู้อาวุโสอู๋ยังอยู่ด้วย เขาคือสหายสนิทของข้า  แต่เวลานี้เมื่อบอกกล่าวไปทางตระกูลอู๋  เจ๋อสิงหลานรักของเราจึงรีบมาให้โดยเฉพาะ และนั่นทำให้ข้าโล่งอกทันที!
อู๋เจ๋อสิงอายุราวๆ สามสิบปี ดูเป็นผู้ใหญ่แล้ว ร่างสูงใหญ่บึกบึน หน้าเหลี่ยมคิ้วหนาฝ่ามือใหญ่  เขาเป็นยอดฝีมือผู้มีชื่อเสียงในดาวไพรมายา รั้งอันดับนักสู้ที่สี่สิบเอ็ดตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว  เขาอุทิศตัวให้กับวิถีวิทยายุทธ ไม่สนใจเรื่องราวทางโลกและความสามารถของเขาในวันนี้ยังไม่มีใครรู้  แต่แทบทุกคนเชื่อว่า อันดับของอู๋เจ๋อสิงอาจได้เลื่อนอีกครั้ง
อู๋เจ๋อสิงยิ้มให้เล็กน้อย และพูดอย่างถ่อมตัว  “ท่านยกยอข้าเกินไป  ท่านเป็นหลักให้พวกเรา หากไม่ได้ท่านลุงช่วย  ก็คงไม่มียอดฝีมือมารวมตัวกันที่นี่มากมาย”
สายตาผู้เฒ่าหวีหรี่ลงด้วยความพอใจ  อู๋เจ๋อสิงเป็นตัวแทนของตระกูลอู๋  และตระกูลอู๋ไม่ใช่ตระกูลเล็ก  แต่เป็นหนึ่งในห้าของตระกูลใหญ่ในดาวไพรมายา
กู้เสวี่ยคำนับอย่างสุภาพและหัวเราะ  “จำนวนยอดฝีมือที่ข้าได้พบมาในหลายวันนี้  มากกว่าที่ข้าเคยพบเห็นตลอดสิบกว่าปีก่อนหน้านี้เสียอีก!
เมื่อกู้เสวี่ยเงยหน้า  ตาของอู๋เจ๋อสิงเป็นประกายตะลึง  กู้เสวี่ยสวยงดงามอยู่เสมอ ด้วยผิวขาวราวหิมะเหมือนกับจะแตกหักได้ง่าย  แต่หลังจากผ่านความลำบากทุกข์ยากมากมาย  ตอนนี้นางกลับเพิ่มความอดทนและวิสัยทัศน์ของนางเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
ตั้งแต่กู้เสวี่ยเข้ามาในห้องโถง  สายตาสองสามคนที่จ้องดูเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่ม หลี่ซิ่นและคนอื่นๆ จ้องมองกู้เสวี่ยอย่างไม่วางตา
อู๋เจ๋อสิงยิ้ม  “คุณหนูกู้ชมเกินแล้วไป  ข้ายังไม่คู่ควรกับคำว่าจอมยุทธ”
 “ฮ่า..” ผู้เฒ่าหวีลากเสียงยาว  “ถ้าเจ๋อสิงหลานรักของข้าไม่คู่ควรกับคำว่าจอมยุทธแล้ว  ใครจะคู่ควร?  อย่าบอกนะว่า  ตาแก่อย่างข้าคู่ควรเป็นจอมยุทธ?  สาวงามคู่ควรกับจอมยุทธ อย่าบอกข้านะว่าคนแก่อย่างข้าจะต้องยอมสละสาวงาม, เจ๋อสิง?”
อู๋เจ๋อสิงดูเหมือนจะขัดเขินเล็กน้อย  ขณะที่คนอื่นหน้าเขียวคล้ำ
เมื่อได้ยินคำพูดหยาบไม่เกรงใจ  กู้เสวี่ยยิ่งไม่สบายใจ แต่หน้าของนางยังคงสงบและยิ้มเล็กน้อยเหมือนกับว่านางไม่ได้ยินอะไร
ผู้เฒ่าหวีกล่าวอย่างสบายๆ “แม่นางกู้อยู่ในตำแหน่งสำคัญและตอนนี้ยังโสดอยู่  เจ๋อสิงหลานรักของข้าก็ยังโสด  นั่นเป็นคู่ที่ฟ้าประทานมาไม่ใช่หรือ?  ตระกูลกู้ก็มีภูมิหลังที่ดี และตระกูลอู๋ก็เป็นตระกูลใหญ่โดดเด่นในดาวไพรมายาของเรา เหมาะสมกันที่สุด พ่อแม่ทั้งสองของเจ้าก็ไม่อยู่ที่นี่ต่อไปอีกแล้ว  เนื่องจากข้ามาเพราะเหตุนี้ ข้าจะเป็นเถ้าแก่และจัดงานแต่งงานนี้ให้เอง"
อู๋เจ๋อสิงตื่นเต้นอย่างมาก  ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือภูมิหลัง ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะกับกู้เสวี่ย   และสิ่งที่ทำให้เขาสบายใจที่สุดก็คือลักษณะที่สงบ กู้เสวี่ยมีทุกอย่างที่เขาชอบ
หน้าของกู้เสวี่ยซีดขาว  มือเท้าเย็นเฉียบ นางฝืนหัวเราะ  “ผู้เฒ่าหวี  ขอโทษที่ต้องทำให้ผิดหวัง พ่อแม่ของกู้เสวี่ยเสียชีวิตทั้งสองท่าน  และข้าเองก็เป็นหัวหน้าตระกูลกู้ในตอนนี้  ข้าสาบานไว้นานแล้วว่าจะไม่แต่งงาน และจะปกป้องตระกูลกู้”
รอยยิ้มสลายไปจากใบหน้าของผู้เฒ่าหวี เขาหรี่ตากล่าว “โอว, นี่ก็ถูกแล้ว ให้เจ๋อสิงคอยดูแลเจ้า  ตระกูลกู้จะต้องรุ่งเรืองแน่นอน  ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสแต่ละคนในตระกูลกู้จะต้องเห็นด้วยแน่นอน”
ตระกูลกู้กำลังจะพังทลาย  เมื่อได้เคียงข้างกับตระกูลอู๋แล้ว ตระกูลกู้ก็จะเด่นขึ้นมา ถ้าผู้อาวุโสรู้ว่านางจะแต่งงานกับอู๋เจ๋อสิง  พวกเขาคงเห็นด้วยแน่นอน
แต่....
ในหัวของนางผุดภาพใบหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่โง่งมของถังเทียน นางจึงรู้สึกกระวนกระวายใจและเจ็บปวด
 “ช้าก่อน ข้าหลี่ซิ่นก็ยังโสด  ตระกูลหลี่ของข้าไม่ได้มีอะไรที่ด้อยไปกว่าตระกูลอู๋  ผู้เฒ่าหวีทำอย่างนั้นดูเหมือนเป็นการลำเอียงได้นะ”  หลี่ซิ่นเดินออกมาทันที หน้าของเขาเขียวคล้ำ
 “ใช่แล้ว!  จี่เทียนก้าวออกมาเช่นกัน  และแค่นเสียง  “คิดดูสิว่าเรารับใช้ผู้เฒ่าหวีด้วยความเต็มใจ  ทำอย่างนั้นแล้ว  เราจะมั่นใจได้อย่างไร”
ทันใดนั้นมีเสียงวิจารณ์เซ็งแซ่ดังขึ้นในห้องโถง  เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่จี่เทียนพูดไปกระตุ้นความรู้สึกของคนส่วนใหญ่
จู่ๆ เกิดสถานการณ์ไม่คาดคิดทำให้ผู้เฒ่าหวีประหลาดใจ  เขาทั้งโกรธทั้งตกใจ แต่ในพริบตา เขาก็เริ่มหัวเราะลั่นและยกมือทั้งสอง  “คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องสนุกของข้าจะสร้างวีรบุรุษได้มากขนาดนี้  ตอนนี้คุณหนูกู้คงลำบากใจแล้ว ทุกคนเป็นจอมยุทธอายุเยาว์ ดูดีและฉลาด เฮ้อ.. ปัญหาความสุขในชีวิตใครๆ ก็ต้องการ  แต่คุณหนูกู้เป็นที่ดึงดูดใจวีรบุรุษหนุ่มน้อยทั้งสามคนได้ทันที   งั้นใช้วิธีคัดเลือกเอาเถอะ ข้าไม่กล้าพูดอีกต่อไปแล้ว  ทุกท่าน!  ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเจ้าเอง!
หลี่ซิ่นและจี่เทียนมีสีหน้าอ่อนลง  ทั้งสองคนมองดูหน้าอู๋เจ๋อสิงอย่างท้าทาย  และอู๋เจ๋อสิงถึงกับหน้าเขียวคล้ำ
หลี่ซิ่นเป็นนักสู้อันดับที่สี่สิบห้า  ขณะที่จี่เทียนอันดับที่สี่สิบสาม  อันดับของทุกคนเกือบจะใกล้เคียงกัน  คุณสมบัติของพวกเขาเสมอกัน  ดังนั้นหลี่ซิ่นและจี่เทียนจึงไม่ได้รู้สึกว่าถูกคุกคาม
หลี่ซิ่นอายุยี่สิบสอง  ขณะที่จี่เทียนอายุยี่สิบเอ็ด ทั้งสองอายุเยาว์และมีอนาคตที่สดใส  อู๋เจ๋อสิงอายุสามสิบแล้ว  แม้ว่าตอนนี้จะมีฝีมือเหนือทั้งสองคน  แต่อนาคตจะเป็นเช่นไร ไม่มีใครรู้ได้แน่นอน
อู๋เจ๋อสิงสงบจิตใจลง และเดินเข้าลานสี่เหลี่ยมช้าๆ  กล่าวเสียงต่ำ  “พวกเราทุกคนเป็นนักสู้ผู้ฝึกยุทธ ในกรณีเช่นนี้เราใช้ความสามารถตัดสินกัน  ใครชนะ ผู้นั้นได้สาวงาม”
หลี่ซิ่นและจี่เทียนยังหนุ่มและแข็งแรงเห็นด้วยโดยไม่ลังเล
 “ตกลงตามนั้น!
 “ใครกลัวกันเล่า!
กู้เสวี่ยขบริมฝีปากแน่น  หน้าของนางขาวซีด  นางไม่เคยรู้สึกอัปยศอดสูมากขนาดนี้มาก่อน  นางรู้สึกว่านางเป็นวัตถุสิ่งของ ถูกโยนไปมาเหมือนของเล่นและไม่มีใครถามถึงความเห็นของนาง
อู๋เจ๋อสิงถามเย็นชา “ใครก่อน?”
หลี่ซิ่นกระโดดเข้าไปในลานสี่เหลี่ยมและประกาศอย่างลำพอง  “ข้าคนแรก!
อู๋เจ๋อสิงไม่ยอมเสียเวลาสักนิดและ ชักกระบี่ออกจากฝักและเตือนเบาๆ  “กระบี่นี้มีนามว่ากระบี่เล็บอินทรี  เป็นสมบัติระดับบรอนซ์แห่งหมู่ดาวอินทรีฟ้า เจ้าต้องระวังให้ดี”
เป็นธรรมดาที่ทุกคนเห็นว่ากระบี่ในเมือของเขาไม่ใช่ธรรมดา  กระบี่ขาวเปล่งแสงเรืองรอง ด้ามกระบี่เป็นเหมือนมีกรงเล็บอินทรีกำลังเกาะตัวกระบี่
หลี่ซิ่นคำรามและชักห่วงคู่ทองแดงมาถือกระชับในมือ  “ใครไม่มีสมบัติบ้างเล่า?  สมบัติชั้นบรอนซ์แห่งหมู่ดาวปลาวาฬ ห่วงคู่กลืนปลาวาฬ”
 “ดี!” อู๋เจ๋อสิงร้องตะโกนและทันใดนั้น เขาพุ่งตัวขึ้นสูงแล้วไสกระบี่ไปข้างหน้าทันที
รังสีเขียวมากมายราวกับใยแมงมุม พุ่งเข้าไปในกระบี่เล็บอินทรีในมือของเขา และกรงเล็บอินทรีที่กำตัวกระบี่ไว้แน่น  ระเบิดแสงออกมาทันที  กรงเล็บอินทรีทั้งสามยิงแสงออกมาสามสายไปตามตัวกระบี่และถ่ายเข้าไปที่ปลายกระบี่
กระบี่กรงเล็บอินทรีหายไปในอากาศบางเบา
หลี่ซิ่นรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกแทงเข้าใส่คอของเขา และในช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นนี้ ห่วงกลืนปลาวาฬของเขาช่วยปกป้องเขาให้พ้นวิกฤติได้
ติง!
ประกายสีเขียวของรังสีกระบี่ปรากฏในอากาศอย่างไม่มีเค้าลาง และกระแทกใส่ห่วงกลืนปลาวาฬของหลี่ซิ่น
หลี่ซิ่นเห็นพลังปราณเที่ยงแท้ที่คาดเดาไม่ได้เข้ามาในเส้นชีพจรของเขา  มันต่างจากปราณเที่ยงแท้ตามปกติซึ่งเต็มไปด้วยพลังทำลาย  แต่นี่กลับเป็นความรู้สึกว่างเปล่าที่ยากเข้าใจ
ปราณเที่ยงแท้ที่เขาป้องกันไว้ กลับกลายเป็นติดขัดและไม่สามารถปะทะได้ ทำให้เขาแทบกระอักโลหิต
ก่อนที่เขาจะสามารถตอบโต้ได้ รังสีกระบี่เลือนลางปรากฏต่อสายตาเขาทันใด  และแทงใส่นัยน์ตาของเขาอย่างน่ากลัว  เขาไม่สนใจอะไรต่อไป ได้แต่ย่อเอวและหงายตัวนอนราบ  รังสีกระบี่เลือนลางเฉียดผ่านปลายจมูกเขาไป
หน้าของหลี่ซิ่นขาวซีดทันที  เขาคาดไม่ถึงเลยว่าวิชากระบี่ของอู๋เจ๋อสิงจะร้ายกาจถึงเพียงนั้น  รังสีกระบี่อ่อนและไร้รูปร่าง คาดเดาไม่ได้โดยสิ้นเชิง  ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเป็นไปตามธรรมชาติอย่างแท้จริง  เขากัดฟันและควงห่วงกลืนปลาวาฬในมืออย่างรวดเร็ว
วิ้ง วิ้ง วิ้ง!
ห่วงกลืนปลาวาฬปล่อยเสียงที่น่าฟัง  แสงสีทองเปล่งออกมาจากห่วง แสงวงกลมร่วงลงมาจากเหนือศีรษะหลี่ซิ่น ปกป้องเขาไว้ตรงกลาง
ติ๊ง!
รังสีกระบี่เขียวจางแทงใส่วงแหวนแสง  แต่ทำอะไรไม่ได้  แค่เพียงทำให้วงแหวนสั่นเท่านั้น
ใบหน้าของอู๋เจ๋อสิงมีท่าทีเย้ยหยัน แสงสีเขียวพุ่งออกมาจากแขนของเขามีความสว่างเข้มข้นกว่าเดิม  ร่างของเขาสั่นและแสงเขียวจางที่เขายิงออกไปเป็นเหมือนเมล็ดข้าวที่เปล่งแสงสีเขียวกระแทกใส่วงแหวนแสง
ปึ้ก!
วงแหวนแสงสั่นสะเทือนทันที
แต่ความสามารถของหลี่ซิ่นก็ไม่ธรรมดา เพียงชั่วอึดใจ เขาก็พบโอกาสโจมตี  จุดเรืองแสงสีแดงปรากฏบนหน้าผากของเขา  ตาของเขาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น  หน้าของเขาสีขาว เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคน
 “พลังสายเลือดจ้าวแสงสว่าง”
เสียงอุทานดังออกมาจากฝูงหมู่คนทันที  ตระกูลหลี่ทรงพลังที่สุดในเรื่องสายเลือดจ้าวแสงสว่าง เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในดาวไพรมายา  ตำนานบอกไว้ว่าผู้กระตุ้นพลังสายเลือดจ้าวแสงสว่าง จะถูกประทับทรงในระหว่างต่อสู้ และทำให้มีพลังน่ากลัวมาก
หลังจากสายเลือดจ้าวแสงสว่างได้รับการกระตุ้นแล้ว อันตรายที่คุกคามรอบตัวเขาก็หายไป
ตาของอู๋เจ๋อสิงเป็นประกายวาวดูน่ากลัว แต่ไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย กระบี่เล็บอินทรีในมือของเขาดูเหมือนจะขยับเหมือนเลื้อยตามปกติ รังสีกระบี่สีเขียวปรากฏที่มุมห้องโถงอีกด้านหนึ่งอย่างเหลือเชื่อ
หลี่ซิ่นควงห่วงกลืนปลาวาฬ กลุ่มรัศมีสีทองสว่างเจิดจ้ารวมตัวกันคล้ายกับขวานยักษ์ฟันลงมาใส่อู๋เจ๋อสิง  วิชาห่วงที่เขาฝึกฝนเรียกว่าวิชาห่วงขวานทอง
ความเร็วของเขาว่องไวมาก  รังสีรัศมีทองที่เปล่งจากห่วงและขวานแสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้า เป็นภาพงดงามยากจะได้เห็น
ทุกคนจ้องมองหลี่ซิ่นอย่างตกตะลึง  ฝีมือความสามารถของหลี่ซิ่นเก่งกล้าเกินกว่าที่พวกเขาคิดไว้  จิตใจของทุกคนตื่นเต้นขึ้น  โอกาสได้เห็นยอดฝีมือประลองยุทธกันไม่ใช่เรื่องปกติที่จะเห็นได้
พวกที่มีความสามารถอ่อนแอ ไม่อาจทนต้านรับขวานแสงได้จึงรีบถอยห่างออกมา  ขณะที่นักสู้เหล่านั้นเชื่อมั่นว่าตนเองไม่ได้อ่อนแอ ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ทันใดนั้น  รังสีกระบี่เขียวที่บินอยู่ในแต่ละมุม  ทั้งหมดเล็งตรงมาที่หลี่ซิ่นพร้อมกัน
เสียงสั่นลึกของขวานแสงไม่สามารถครอบคลุมบดบังกระบี่แสงได้
หลี่ซิ่นฝีมือไม่ต่ำทราม ห่วงกลืนปลาวาฬในมือของเขากวัดแกว่งและปล่อยแสงสีทองออกมา รังสีกระบี่แสงเขียวไม่สามารถแทงผ่านรังสีทองได้
อย่างไรก็ตาม ฉากภาพที่เป็นไปไม่ได้ก็เกิดขึ้น
กระบี่เขียวปรากฏที่คอของหลี่ซิ่นโดยไม่มีคำเตือน  ความเย็นของตัวกระบี่ทำให้หลี่ซิ่นยืนอยู่กับที่ ตราบใดที่เขาขยับ กระบี่จะเชือดลำคอเขาแน่นอน
หลี่ซิ่นชะงักค้าง
ทุกคนถึงกับปั่นป่วน ประหลาดใจอยู่ลึกๆ ไม่มีผู้ใดเห็นชัดเจนว่าอู๋เจ๋อสิงไปปรากฏตัวด้านหลังหลี่ซิ่นตั้งแต่เมื่อใด
 “ข้ายอมแพ้”  หลี่ซิ่นคอแห้งผาก หน้าซีด
อู๋เจ๋อสิงดึงกระบี่เล็บอินทรีกลับมาอยู่ในมืออย่างใจเย็นและกวาดตามองไปทั้งห้อง  “ยังมีใครอีกไหม?”
จี่เทียนเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น  ความตั้งใจต่อสู้ของเขาเหือดหายไปหมด  วิชากระบี่นั้น ต่อให้เป็นตัวเขาเองก็ไม่มีทางหลบได้พ้น  ฝีมือของอู๋เจ๋อสิงบรรลุถึงระดับที่น่าทึ่ง
เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดตอบ อู๋เจ๋อสิงยิ้มแค่น หมุนตัวเดินเข้าไปหากู้เสวี่ยที่ยืนหน้าซีด
 “เหลวไหล” เสียงโกรธเกรี้ยวสามารถได้ยินไปทั้งลานสี่เหลี่ยม  อู๋เจ๋อสิงชะงักฝีเท้า  ตาของเขามีรังสีประกายฆ่าฟัน
ยังมีคนที่ไม่รู้จักประมาณตัวเองอยู่จริงๆ
อย่างนั้น ข้าคงต้องทำให้เป็นตัวอย่างเสียแล้ว
เวลานี้ เสียงอีกคนพูดขึ้นอย่างสบายๆ
 “นี่, หนุ่มชาวฟ้า มีคนกล้าชิงตัวน้องสาวของเจ้าหรือ?  คนอื่นทนได้ แต่ข้าทนไม่ได้! เฮ้อ... หนุ่มน้อยผู้ฉลาดรักความเป็นธรรมไม่ใช่คนที่ชอบหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัวเสียด้วย  อย่างไรก็ตาม  เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง  ข้าไม่ปล่อยวางเรื่องอย่างนี้อยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงของถังเทียนโกรธ กู้เสวี่ยที่หน้าซีดขาวเชิดหน้าทันที  นัยน์ตาที่สูญเสียแววที่ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ต่อ  ดูสว่างเป็นประกาย

5 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

พระเอกมาแล้ววว

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ไอซ์ กล่าวว่า...

ไม่ขี่ม้าขาวออกมาด้วยเลยละ

แสดงความคิดเห็น