วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 518 วางกลยุทธ์



ตอนที่  518  วางกลยุทธ์
ที่แตกต่างจากเย่ว์หยาง  นักสู้ตัวแทนแดสวรรค์เหนือ, ใต้และตะวันออกมีพลังฝีมือที่เหนือกว่ามากมาย
ไม่เพียงแค่ว่าแต่ละฝ่ายจะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าถึงสามคนเท่านั้น แต่ยังมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบผู้มีระดับฝีมือเดียวกับผู้เฒ่าหนานกงและจักรพรรดิใต้พิภพ ไม่มีผู้ใดอ่อนแอ แม้แต่พวกที่เหลือก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้ากันทั้งหมด  เมื่อเทียบดูกันแล้ว  เย่ว์หยางรู้สึกว่าทางฝ่ายของเขาอ่อนด้อยจริงๆ  แม้แต่ราชาเฮยอวี้ นักสู้เพียงคนเดียวที่สามารถต่อสู้ต้านรับได้ ก็ทรยศหักหลังใช้กลวิธีที่สกปรก  ที่สำคัญที่สุดเด็กสาวยักษ์โบราณก็ยังไม่ได้สติ...

ยังไม่ทันต่อสู้ ก็สูญเสียไปครึ่งหนึ่งเสียแล้ว
ลานแก้วผลึก
ไม่ต้องรอให้เย่ว์หยางปลุกเด็กสาวยักษ์  สงครามโบราณสมรภูมิมรณะก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว
หลังคาโดมที่สูงใหญ่พลันยิงแสงสีทองลงมา
 “พวกท่านทุกคนอยู่ที่นี่ คอยปกป้องและรักษาเทพธิดาศึกให้เต็มที่” เย่ว์หยางพูดไม่ออกที่ในกลุ่มของเขาไม่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่เป็นนักบำบัดรักษาอาการบาดเจ็บเลยสักคน  อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาหาสาเหตุเรื่องนี้
 “ตกลง” นักสู้ปราณก่อกำเนิดจำนวนมากทุกคนแสดงความนับถือเย่ว์หยางเต็มที่
นอกจากฝีมือของเขาที่สามารถเรียกความเคารพนับถือได้แล้ว พวกเขาได้แต่หลั่งน้ำตาซาบซึ้งในวิธีที่เย่ว์หยางต่อสู้เพื่อช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นวิกฤตินี้ เมื่อเขาก้าวออกมาต่อสู้กับเวิ่งจินจากเผ่ามนุษย์กระดูกอย่างกล้าหาญ
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเย่ว์หยางแล้ว  มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกเปลี่ยนเป็นคะแนนไปแล้ว... ราชาเฮยอวี้ก็ยอมรับความเหนือกว่าของศัตรูโดยปริยาย  มีแต่คุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่กล้าออกมาท้าทายนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งอย่างเวิ่งจินด้วยพลังนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ และยังได้รับการยอมรับจากศัตรู  เขาไม่เพียงแต่ช่วยรักษาหน้าพวกเขาไว้เท่านั้น แต่ยังช่วยชีวิตเพื่อนร่วมทีมไว้ถึงยี่สิบกว่าคน
สำหรับศึกครั้งนี้  นักสู้เหล่านี้รู้ความสามารถของตัวพวกเขาดี
ด้วยความสามารถของพวกเขา การท้าทายเพชรฆาตโบราณก็เท่ากับส่งตัวเองไปเป็นอาหารโอชะนั่นเอง
ไม่มีปัญหาอะไรกับการรั้งอยู่เพื่อช่วยรักษา... มีอยู่เพียงอย่างเดียวที่น่าเสียใจก็คือไม่ใครเป็นหมอที่แท้จริง  ดังนั้นจึงมีผลอะไรไม่มากนัก
ราชาเฮยอวี้, จักรพรรดิฟ้า, พยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาได้เริ่มต้นไปแล้ว  ขณะที่จักรพรรดิใต้พิภพกำลังรอเย่ว์หยางอย่างอดทน เมื่อมาถึงเวลานี้แล้ว พวกเขาจะต้องตาย เว้นแต่รวมกลุ่มไว้ อย่าว่าแต่พวกเขาเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด แม้แต่นักสู้ฝ่ายตะวันออก, ฝ่ายใต้และฝ่ายเหนือก็ละวางความแค้นและร่วมมือเผชิญหน้ากับเพชรฆาตโบราณที่ทรงพลัง
เพชฌฆาตโบราณผิวเหล็กสิบตนปรากฏตัวที่กลางลานสี่เหลี่ยม
พวกมันมีรูปร่างเหมือนกับปีศาจเบเฮม็อธที่น่าเกลียดน่ากลัว
พวกมันมีแขนเหมือนลิงและเขี้ยวที่ยาว ร่างท่อนบนใหญ่กว่าท่อนล่างหลายเท่า กรงเล็บแหลมคมบนแขนขาพวกมันยาวถึงสิบเมตร
ขณะที่เพชรฆาตโบราณเหล่านี้มีลักษณะตัวงอเล็กน้อย แต่ความสูงของพวกมันน่ากลัวมาก แต่ละตัวจะสูงถึงร้อยเมตร  เมื่อมองดูพวกมันแล้ว เหมือนกับเห็นปราสาทที่เคลื่อนที่ได้เอง
เมื่อใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดู เย่ว์หยางก็รู้ได้ว่าพวกมันไม่ใช่อสูรศักดิ์สิทธิ์  เห็นได้ชัดว่าพวกมันฉลาดน้อยกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์  แต่ละตัวเป็นอสูรแพลตตินัมระดับสิบ  แม้ว่าตัวที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอสูรชั้นเพชร แต่ฝีมือความสามารถของเพชรฆาตโบราณเหล่านี้ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง  ตัวจ่าฝูงที่รวมอยู่ในเพชฌฆาตโบราณมีพลังระดับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสอง เทียบได้กับพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของราชาเฮยอวี้
แต่สมาชิกธรรมดาจะมีพลังเทียบเท่าปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง
หากความสามารถของนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งแบ่งย่อยออกเป็นระดับต่ำ ระดับกลางและระดับสูง สมาชิกนักเพชรฆาตโบราณชั้นธรรมดาเหล่านี้ทั้งหมดเทียบเท่านักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งชั้นกลาง ความสามารถของพวกมันคล้ายๆ กับเวิ่งจิน
พวกมันยังยอดเยี่ยมกว่านางเซียนหงส์ฟ้าที่เพิ่งยกระดับเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด(ดิน)
 “เฝิ่นเทียน, หวิ่นซิง ราชาเฮยอวี้ พวกเจ้าทั้งสามคนมากับข้า เราจะร่วมมือกันฆ่าจ่าฝูงของเพชฌฆาตโบราณ”  แม้แต่หวงฉวนผู้แข็งแกร่งที่สุดก็ยังระมัดระวัง  ถ้าจ่าฝูงของเพชรฆาตโบราณเปิดฉากสังหารหมู่  นักสู้ระดับต่ำกว่าปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งจะถูกสังหารหมดสิ้นในเวลาไม่ถึงสิบนาที  จ่าฝูงเพชรฆาตโบราณคือภัยคุกคามมากที่สุดซึ่งต้องจัดการให้ได้ทันที
 “เข้าใจแล้ว...”  มนุษย์เพลิง, มนุษย์โลหะและราชาเฮยอวี้มุ่งไปข้างหน้าโดยเร็ว
 “โฮกกกก!  เทพสงครามผู้ปกป้องทิศตะวันออก, ใต้และเหนือเริ่มเข้าถึงตัวศัตรู พลังย่ำเท้าของพวกเขาทำให้พื้นสั่นสะเทือน
เทพอารักษ์แดนสวรรค์ทิศตะวันออกเป็นเทพสิบสองปีกตัวมหึมา
ปีกของเขาสีเงินร่างสีทอง  แสงรัศมีที่เปล่งจากศีรษะสว่างเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์
จักรพรรดิฟ้าจ้องมองด้วยความยำเกรง และเกือบจะคุกเข่าแสดงความคารวะ
เทพสิบสองปีกนี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสามเทพสงคราม  พลังของเขาอยู่ในระดับสุดยอดปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสอง  เขายังแข็งแกร่งกว่าจ่าฝูงของเพชฌฆาตโบราณ ความแตกต่างเพียงประการเดียวของพวกเขาก็คือความสูงของพวกเขา  เทพสิบสองปีกสูงราวๆ ห้าสิบเมตร เล็กกว่าจ่าฝูงของเพชรฆาตโบราณครึ่งหนึ่ง  ในเรื่องของพลังส่วนใหญ่  ความแตกต่างระหว่างทั้งสองยังแตกต่างกันอยู่มาก  เมื่อเป็นเช่นนี้ หวงฉวนจึงไม่ยินดีปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับจ่าฝูงของเพชรฆาตโบราณ  ทั้งนี้เพราะถ้าพวกเขาสู้กัน   อาจจะสูญเสียกันทั้งคู่และอาจจบลงด้วยการสูญเสียชีวิตของพวกเขา
เทพอารักษ์ดินแดนสวรรค์ทิศใต้เป็นมนุษย์หัวเสือหางสิงห์ร่างใหญ่  สูงประมาณแปดสิบเมตรและมีกล้ามเนื้อใหญ่มหึมา
ขณะที่ระดับความสามารถของเขาเป็นรองเทพสิบสองปีกเพียงเล็กน้อย  อย่างน้อยเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสองขั้นกลาง
เทพอารักษ์แดนสวรรค์ทิศเหนือเป็นโครงกระดูกขนาดยักษ์สวมเกราะดำควงดาบยักษ์สีดำสนิท มันมีส่วนสูงร้อยเมตรและดวงตาเรืองแสงสีเขียว
ในบรรดาเทพอารักษ์ทั้งสาม เขาอ่อนแอที่สุด
แต่เขาก็ยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสองขั้นต้น  ดังนั้นเขาจึงแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับเวิ่นจิน
โครงกระดูกยักษ์นี้อยู่ด้านหลัง แต่การโจมตีของเขารวดเร็ว  ก่อนที่เทพสิบสองปีกและยักษ์หัวเสือหางสิงห์จะเข้ามาในสนามรบ เขาก็ส่งระเบิดคลื่นความเย็นออกมาจากการควงดาบยักษ์ของเขา  คลื่นระเบิดนี้ส่งผลให้เพชรฆาตโบราณที่วิ่งตรงเข้าต้องถอยออกไปหลายก้าว  ปราณดาบที่สามารถผ่าสวรรค์และโลกได้ทำลายพื้นแก้วผลึก  แต่ก็สร้างรอยขีดข่วนสีขาวเล็กน้อยบนร่างของเพชรฆาตโบราณ
หัวใจเย่ว์หยางสั่นสะท้าน  พลังป้องกันของศัตรูช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ปรากฏว่าการโจมตีธรรมดาคงไม่มีผลกับพวกมัน
จ่าฝูงเพชรฆาตโบราณหนึ่งตน และเพชฌฆาตโบราณอื่นอีกเก้าตน  ก็สามารถถูกจัดการได้  การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เมื่อเพชฌฆาตโบราณชุดที่สองเข้ามาอีก ทุกคนยังจะเหลือเรี่ยวแรงพอต่อสู้กับพวกมันอีกหรือเปล่า?  และจากนั้น สองชั่วโมงต่อมา เมื่อเพชฌฆาตโบราณชุดที่สามตามมา ผลที่ตามมาจะเป็นยังไง?
เย่ว์หยางไม่คิดว่าหนึ่งชั่วโมงจะเพียงพอจัดการกับเพชรฆาตโบราณทั้งสิบได้
ถ้าหนึ่งชั่วโมงไม่เพียงพอ สองชั่วโมงก็คงไม่เพียงพอ ยิ่งศัตรูปรากฏมากยิ่งขึ้น แนวโน้มของชัยชนะจะค่อนข้างไปทางเพชรฆาตโบราณ
ในบรรดาสมาชิกเพชฌฆาตโบราณทั้งเก้าตน สามตนจะถูกเทพสงครามยันเอาไว้  อีกสามตนจะถูกแยกไปโดยมนุษย์ไซบอร์ก, มนุษย์กระดูกเวิ่งจินและจักรพรรดิศพทองที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า
ยังเหลืออีกสามตน
 “บุรุษหนุ่มตระกูลเย่ว์  เราต้องฆ่าเพชรฆาตโบราณนี้ภายในหนึ่งชั่วโมง มิฉะนั้นเราจะต้องถูกกำจัดออกไปแน่นอน  ไม่ว่าเจ้าจะมีทักษะซ่อนตัวเพียงใดก็ตาม จงใช้มันออกมาตอนนี้  เพราะนี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้า  ลำพังตัวข้า เป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือเพชรฆาตโบราณถึงสองตนพร้อมกัน”  มนุษย์สมิงสามตามองดูเย่ว์หยาง และโบกมือให้สหายของเขา ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าร่วม ส่งสัญญาณให้พวกเขาเข้าโจมตี
 “ย่อมได้”  บรรดานักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าผู้ที่ไม่ได้ออกมาคุกคามเย่ว์หยางก่อนนั้น  นอกจากจักรพรรดิศพทองแล้ว  ยังมีมนุษย์แสงที่ตลอดทั้งตัวของเขาส่องแสงงดงาม  และมนุษย์แมลงที่ร่างกายดูใกล้เคียงกับมนุษย์  แต่ทั้งตัวคลุมไปด้วยดวงตาและร่างกายสามารถเปลี่ยนแปลงได้
หวงฉวน, มนุษย์สมิงและมนุษย์แสงเป็นคนแดนสวรรค์ทิศตะวันออก และเป็นสามคนที่แข็งแกร่งที่สุด
ผู้ที่แข็งแกร่งกลุ่มที่สองคือมนุษย์โลหะ หวิ่นซิงและมนุษย์ไซบอร์กและมนุษย์แมลงเป็นคนของแดนสวรรค์ใต้
นักรบกลุ่มที่สามคือมนุษย์เพลิง, เวิ่งจินและจักรพรรดิศพทองมาจากแดนสวรรค์เหนือ พลังของพวกเขาคล้ายกับพวกสวรรค์ใต้ อาจจะเป็นรองเล็กน้อย
แดนสวรรค์ตะวันตกที่เย่ว์หยางอยู่ ไม่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า นอกจากราชาเฮยอวี้  ในกลุ่มมีความแตกแยก เย่ว์หยาง ผู้เฒ่าหนานกงและราชันย์ปีศาจใต้รวมเป็นทีมหนึ่ง  ราชาเฮยอวี้  จักรพรรดิฟ้า พยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่,  เขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาก็เป็นอีกทีมหนึ่ง  ขณะที่จักรพรรดิใต้พิภพเป็นกลาง  บวกกับความจริงที่ว่าเทพสงครามสาวยักษ์ ถูกราชาเฮยอวี้เล่นงานจนสลบ  ความสามารถของพวกเขาจึงอยู่ในระดับที่ถูกฝ่ายตรงข้ามดูแคลน
มนุษย์สมิงสามตา  มนุษย์แสงและเย่ว์หยางร่วมพลังกันโจมตีใส่เพชรฆาตโบราณ  หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอาวุธเพลิงของพวกเขาจะสามารถฆ่าเป้าหมายได้ภายในครึ่งชั่วโมง  จากนั้นจะทำให้พวกเขาช่วยเหลือสหายอื่นๆ ได้
มนุษย์แมลงตรึงเพชฌฆาตโบราณได้ตัวหนึ่ง  ภายใต้การช่วยเหลือลับๆ ของเพื่อนร่วมทีมอื่นอีกสิบคน
ส่วนที่เหลือจะไม่เป็นปัญหาใหญ่เลย  ถ้าสาวยักษ์ยังคงอยู่ที่นี่  แต่ตอนนี้ พวกจากแดนสวรรค์ตะวันตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ
จ้านหู่กับเป่ยเหลียวหยาไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ ได้เลย พวกเขาเกือบถูกฆ่าตายจากการถูกโจมตีทีเดียว
 “ข้าจะปล่อยเจ้าตัวนี้ให้เจ้า  ไม่ว่ายังไงก็ตาม มันต้องถูกฆ่าภายในชั่วโมงเดียว” การกระทำของมนุษย์สมิงสามตาถือว่าให้งานที่ง่ายที่สุดกับพวกจากแดนสวรรค์ตะวันตกแล้ว  แต่ในความเป็นจริง สำหรับแดนสวรรค์ตะวันตกแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย  ความหวังของพวกเขาอยู่ที่เย่ว์หยาง  แต่ถ้าเขาไม่ระเบิดพลังออกมาใช้  เพชฌฆาตโบราณนี้จะกวาดล้างค่ายแดนสวรรค์ตะวันตกเรียบ
 “ให้เราล่อมันไปที่ทางเดินแก้วผลึกเถอะ..”  แม้ว่าลานแก้วผลึกจะใหญ่โต  แต่มีตัวแปรมากเกินไปที่ทำให้เกิดการพลั้งมือทำร้ายสหายได้  ราชันย์ปีศาจใต้ตัดสินใจล่อเพชฌฆาตโบราณให้เข้าไปที่ทางผ่านแก้วผลึกก่อน จากนั้นค่อยหาวิธีฆ่ามัน
สถานการณ์จะดีที่สุด เมื่อเด็กสาวยักษ์ฟื้นขึ้นมาและฆ่าเพชรฆาตโบราณได้
แต่น่าเสียดาย  เมื่อนางอยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด  ราชาเฮยอวี้ได้โจมตีทำร้ายนางสุดกำลัง  หลังจากทนทุกข์ทรมานจากแรงกระทบกระเทือน  แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่สามารถคาดได้ว่านางจะฟื้นคืนสภาพได้เต็มที่เมื่อใด
เย่ว์หยางคิดอยู่ตลอดเวลา
เขาไม่พยายามค้นหากลยุทธของศัตรู  แต่กลับวางกลยุทธทั้งหมดแทน
เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่างานของเขาก็คือฆ่าเพชรฆาตโบราณตนหนึ่ง
สิ่งที่ค่ายสวรรค์ตะวันตกจะต้องทำก็คือตั้งหลักให้ได้ก่อน.. หวงฉวนและคนอื่นไม่ได้คาดหวังว่าพวกจากค่ายสวรรค์ตะวันตกจะสามารถฆ่าเพชรฆาตโบราณได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในหนึ่งชั่วโมง  แม้แต่มนุษย์สมิงและมนุษย์แสงที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าทั้งคู่ก็ยังไม่กล้ารับรองว่าพวกเขาสามารถทำได้
แต่สิ่งหนึ่งก็คือ ต้องไม่ยอมให้คนอื่นตัดสินชะตาของพวกเขา  พวกเขาจะต้องควบคุมชะตาด้วยมือตนเอง
ควรจะทำอะไรดี?
พวกเขาจะชนะได้อย่างไร?
เมื่อสงครามเริ่ม เสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนและคลื่นระเบิดสะท้อนไปทั่วสนามรบ
ในที่สุดเย่ว์หยางก็ตัดสินใจ  “พวกท่านล่อมันไว้  ข้าจะฆ่ามันเอง  พวกท่านทุกคนไม่ต้องทำอะไร ขอให้หาวิธีหลอกล่อความสนใจของสัตว์ประหลาด ที่เหลือข้าจะจัดการเอง..”  เย่ว์หยางมีความมั่นใจว่าสามารถฆ่าเพชรฆาตโบราณได้  ต่อให้เป็นจ่าฝูงเพชรฆาตโบราณก็ตาม  อย่างไรก็ตาม  ต้องทำภายในชั่วโมงเดียวไม่น่าทำได้  เย่ว์หยางต้องใช้ยุทธการว่าวบินที่ลือชื่อในเกมที่ทรมานศัตรูจนตาย
การฆ่ามันโดยตรง ความสามารถปัจจุบันของเขาแทบจะทำไม่ได้
แต่เวลาไม่เป็นใจให้เขา  เย่ว์หยางต้องฆ่าศัตรูให้ได้โดยเร็วและภายในชั่วโมงเดียว
หลังจากใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจสอบเพชฌฆาตโบราณแล้ว  ในที่สุดเย่ว์หยางก็หาวิธีแก้ปัญหาได้  แม้ว่ามันอาจไม่เปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่เย่ว์หยางตัดสินใจลองดู
เขาต้องเป็นคนควบคุมชะตาไว้ด้วยตนเอง
ภายใต้การส่งสัญญาณของเย่ว์หยาง เงือกวายุเป่าสังข์วายุทันที...
สงครามทางน้ำคือวิธีแสดงพลังของอสูรพิทักษ์ปัจจุบันของเย่ว์หยาง  ในพื้นที่กว้างอย่างนั้น สงครามทางน้ำไม่ได้มีผลอะไรมากต่อเพชรฆาตโบราณ  เนื่องจากมันสูงถึงร้อยเมตร และไม่ได้ถูกล่ามเหมือนไตตันอูซู  อย่างไรก็ตาม นี่ยังดีกว่าไม่มีอะไร นักรบโบราณที่คุ้นเคยกับสงครามทางน้ำสามารถสนับสนุนและควบคุมการหมุนของน้ำเปลี่ยนอุโมงค์แก้วผลึกให้เป็นทะเลสาบ
ระดับน้ำในตอนนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงข้อเท้าเพชรฆาตโบราณเรื่อยมาจนถึงเข่า
ความเคลื่อนไหวของเพชรฆาตโบราณได้รับผลกระทบ  มีบางครั้งที่มันกระโดดโจมตีอย่างบ้าคลั่งใส่ราชันย์ปีศาจใต้ที่กำลังบินและใช้เสียงรบกวนจิตใจของมัน
เมื่อราชันย์ปีศาจใต้อยู่ในช่วงวิกฤติ ผู้เฒ่าหนานกงก็โจมตีใส่เพชรฆาตโบราณ
สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำในตอนนี้ก็คือถ่วงเวลาให้เย่ว์หยาง
จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยาสามารถทำได้เพียงโจมตีจากระยะไกล  แต่พวกเขาไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ ได้เลย
ความเสียหายที่เกิดขึ้นเล็กน้อยมาก
 “ฆ่า!  เย่ว์หยางระเบิดพลังที่แข็งแกร่งออกมาทันที ด้วยแสงสีดำในมือของเขาและบัวเพลิงฟ้าพิโรธในมืออีกข้างหนึ่ง  เขาบดบังการมองของเพชรฆาตโบราณไว้  เขาแกล้งโจมตีปากของฝ่ายตรงข้าม แต่ในความเป็นจริง เป้าหมายของเขาก็คือตาของเพชฌฆาตโบราณ  ตราบใดที่ศัตรูตาบอด และศัตรูไม่ฉลาด ความสามารถของมันจะลดลงอีกมากมาย
มองผิวเผิน บัวเพลิงฟ้าพิโรธดูเหมือนจะรุนแรง
เบื้องหลังตัวล่อนั้นทำให้เย่ว์หยางเข้าใกล้ศัตรู  แสงดำในมือของเขายิงออกด้วยความเร็วกว่าสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ตาขวาของเพชรฆาตโบราณ

10 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

B กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

ราชาเฮยอวี้ มันไว้ใจไม่ได้หรอกเดี๋ยวคอยดูเถอะ ได้มีการลอบโจมตีหลังเรื่องทั้งหมดจบแล้วแน่

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

พี่เย่ระวังสัตว์อสูรคลั่ง

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น