วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 514 สังเวียนมรณะ



ตอนที่  514  สังเวียนมรณะ
“ฮ่าห์.....”
ราชาเฮยอวี้ยกระดับพลังของเขาฉับพลัน สร้างแรงระเบิดของพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบออกมา
คลื่นระเบิดแผ่กระจายออกไปทั่วลานแก้วผลึกเหมือนกับพายุเฮอริเคน  เย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้รีบถอยออกไปอยู่ห่างๆ จากราชาเฮยอวี้อย่างรวดเร็ว  แม้หลังจากที่ปลดพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบเขาก็ยังไม่รู้สึกเพียงพอ  ราชาเฮยอวี้ดึงชุดคลุมออก เผยให้เห็นร่างที่แท้จริงของเขาที่ยังคงยกระดับพลังต่อ  รัศมีของเขาเปลี่ยนเป็นพายุหมุนปั่นอย่างรุนแรงรอบตัวเขา  สายฟ้านับไม่ถ้วนล้อมรอบร่างของเขา เหมือนกับงูสีเงินเต้นระบำพร้อมกับเสียงดังกระหึ่ม

สนามพลังสีดำเส้นผ่าศูนย์กลางร้อยเมตรค่อยปรากฏออกมารอบๆ ราชาเฮยอวี้และพุ่งขึ้นเหนือพื้นอย่างรวดเร็ว
มันก่อตัวเป็นรูปครึ่งวงกลมล้อมตัวราชาเฮยอวี้ไว้ภายในเหมือนกับเป็นโล่
พลังมืดนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาจากพื้นเหมือนกับน้ำพุ
หลังจากผุดขึ้นมาหลายครั้ง  พลังสีดำก็ก่อตัวเป็นรูปร่างประหลาดนับพัน บางส่วนดูเหมือนอาวุธ บางส่วนดูเหมือนสัตว์อสูร บางส่วนดูเหมือนภูตผี  บางส่วนดูเหมือนมนุษย์  แต่เนื่องจากภาพเหล่านั้นเกิดมาจากพลังงานของราชาเฮยอวี้ พลังเหล่านั้นจึงถูกควบคุมโดยราชาเฮยอวี้ทั้งหมด ร่างสีดำรวมตัวกันอยู่รอบๆ ราชาเฮยอวี้
เกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ของราชาเฮยอวี้ยังคงดูดพลังงานมืดรอบๆ ด้านต่อเนื่องและแผ่สหัสสรังสี
รัศมีมืดนั้นถูกสีทองย้อมเหมือนกับว่าเป็นสิ่งจับต้องได้
อาวุธนับไม่ถ้วนจากพลังความมืดจมหายเข้าไปในเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์  ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ชั้นนอกยังคงเรืองแสง กลายเป็นปีกคู่หนึ่งและเกราะไหล่กลายเป็นโล่ใบมีดขนาดมหึมา  หลังจากชุดเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนเป็นร่างที่สอง  ราชาเฮยอวี้ก็คำรามลั่นอีกครั้ง  ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดและเขาก็ปลดผนึกสุดยอดพลังปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง   สัตว์อสูรที่เกิดจากพลังงานมืดพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว  เมื่อราชาเฮยอวี้เรียกอสูรพิทักษ์ของเขา พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจ  พลังงานนั้นก็รวมเข้ากับพยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจที่ละตัว ทีละตัวจนเปลี่ยนเป็นเกราะของพยัคฆ์ที่ไม่ธรรมดา
พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจรวมผสานกับพลังงานสีดำทำให้ขนาดของมันเพิ่มขึ้นทันที มันมีเขางอก มีปีก มีกรงเล็บเพลิงและหางเป็นน้ำแข็ง  บนตัวของมันมีอานทองร้อยด้วยเชือกเงิน
ดูน่ากลัวมาก
 “อสูรศักดิ์สิทธิ์ชั้นเพชรระดับสิบ...”  เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจสอบดูพยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจ  เขาตระหนักได้ว่าความสามารถของมันแข็งแกร่งมากเหลือเกิน  ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าจ้าวอสูรทองชั้นเพชรระดับเก้าของซุ่นเทียนถึงสิบเท่า  แข็งแกร่งกว่านางพญาซัคคิวบัสของนางเซียนหงส์ฟ้าซึ่งเพิ่งยกระดับเป็นอสูรเพชรระดับสิบถึงสี่หรือห้าเท่า
แม้ว่าทั้งสองจะเป็นอสูรเพชรระดับสิบ  แต่นางพญาซัคคิวบัสของนางเซียนหงส์ฟ้าก็ยังอ่อนแอที่สุด เนื่องจากนางเพิ่งจะยกระดับได้ไม่นาน
สำหรับจ้าวมังกรดำนรกของอันซี  แข็งแกร่งกว่านางพญาซัคคิวบัสเล็กน้อย แตกต่างกันไม่มาก  ขณะที่จ้าวมังกรทองสามหัวของจักรพรรดิสมุทรก้วนหลานทรงพลังมากกว่าจ้าวมังกรดำนรกและนางพญาซัคคิวบัสเมื่อว่าถึงพลังระยะยาว อย่างมากก็สามเท่า เป็นเพราะความสามัคคีร่วมมืออย่างดีของจ้าวมังกรทองสามหัวที่ช่วยให้จักรพรรดิสมุทรก้วนหลานเอาชนะสุดยอดมือสังหารอย่างอันซีที่หุบเขาแก้วผลึกได้
แต่พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจนี้ยังแข็งแกร่งมากกว่าจ้าวมังกรทองสามหัวมากมายนัก
ถ้าพวกมันสู้กัน  แม้ว่าจ้าวมังกรทองสามหัว, จ้าวมังกรดำนรกและนางพญาซัคคิวบัสจะรวมพลังกัน  พวกเขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะพยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจนี้ได้
 “แปลก, ทำไมอสูรพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ถึงไม่มีร่างมนุษย์?”  ราชันย์ปีศาจใต้ดูเหมือนมีความสามารถในการดูอสูรของศัตรูได้  แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์เทียบเท่าจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง เนื่องจากนางไม่รู้ความจริงและรู้สึกได้แต่เพียงว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
 “มีวิชาลับโบราณที่สามารถเปลี่ยนอสูรให้เป็นร่างอสูรตลอดไป  ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนกลับเป็นร่างมนุษย์ได้อีกเลย  การตรึงสภาพไว้เช่นนี้จะทำให้อสูรมีพลังมากขึ้น  แต่ก็ต้องแลกเปลี่ยนกับศักยภาพและสติปัญญาในอนาคต  เทียบกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ชั้นเพชรธรรมดาแล้ว  พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจนี้  อย่างมากก็มีปัญญาเท่ากับเด็กชั้นประถม  เทียบกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่กลายร่างเป็นมนุษย์ได้บางพวกซึ่งมีความรอบรู้เป็นอย่างดี  มีอารมณ์และสติปัญญาสูง  เสือตัวนี้ยังขาดความคิด”  เย่ว์หยางรู้เรื่องนี้จากความทรงจำที่มารดาสหายผู้น่าสงสารได้ตกทอดให้เขา  แต่เขาต่อต้านวิธีที่ไร้หัวใจเช่นนี้
ตั้งแต่สมัยโบราณ  วิชาลับนี้ได้ถูกห้าม  ทั้งนี้เพราะนี่เป็นการทำลายความเป็นไปได้ที่จะทำให้อสูรเติบโตขึ้นได้ในอนาคต
อนาคตของอสูรในการเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์
อสูรศักดิ์สิทธิ์ใกล้เคียงจะได้เป็นมนุษย์
เมื่ออสูรได้กลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์  มันจะไม่มีความแตกต่างจากมนุษย์  นอกจากนี้มันยังมีสติปัญญาและอารมณ์ในระดับสูงขึ้น  มันสามารถมีชีวิตทำสัญญากับคัมภีร์ได้เหมือนมนุษย์  และยังอยู่ร่วมในสังคมมนุษย์เรียนรู้และเติบโตในฐานะที่เป็นมนุษย์  มันยังอาจแต่งงานให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขได้เหมือนมนุษย์
วิชาลับตรึงสภาพที่ราชาเฮยอวี้ใช้ทำให้พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจถูกตรึงอยู่ในสภาพเสือตลอดไป
แม้ว่าเมื่อทำเช่นนี้แล้ว  พลังของพยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจจะเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า  แต่อนาคตของมันจะไม่มีการเติบโตแต่อย่างใด
ยิ่งกว่านั้น  นี่เป็นรูปแบบการจองจำที่คล้ายกับทาส   
พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจมักจะถูกราชาเฮยอวี้ใช้ขี่อย่างเดียว แต่ไม่เคยเป็นคู่หูร่วมรบเลย...
 (Last: Poor Hui Tai Lang, at least thats what I think)
เย่ว์หยางไม่เคยทำอย่างนี้  เขาไม่เพียงแต่ปฏิบัติกับเสี่ยวเหวินหลีเหมือนกับเป็นลูกสาวเขาเท่านั้น  แม้แต่นางพญากระหายเลือดหง, โคเงาอาหมัน, นางพญาดอกหนามมงกุฎทองตั่วตั่วก็มักจะได้รับความรักจากเขา  สำหรับเจี้ยงอิงและสาวๆ เขาปฏิบัติเหมือนกับเป็นมนุษย์ไม่ใช่อสูร... แม้ว่ารูปแบบของพวกเขาจะแตกต่างกัน  แต่เย่ว์หยางไม่เคยยอมสูญเสียอสูรตนใดเพียงเพราะว่าเขาต้องการอำนาจ
เขารู้สึกว่า ถ้าเขามีพลังไม่พอ  เขาควรจะฝึกฝนให้หนัก เพื่อรับพลังจากความเพียรพยายามของเขาเอง
เย่ว์หยางจะไม่มีทางใช้ชีวิตของอสูรหรืออิสรภาพของพวกมันหรืออนาคตที่รุ่งเรืองของพวกมันมาแลกเปลี่ยนเป็นพลัง
 “ราชาเฮยอวี้บ้าไปแล้ว!  ราชันย์ปีศาจใต้ตะโกน  นางเกลียดการต้องเสียสละสัตว์อสูรเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ ยังมิต้องพูดถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ได้  ขนาดอสูรธรรมดาก็ยังร้องเศร้าโศกได้เมื่อเจ้าของพวกมันทอดทิ้งพวกมัน
พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจไม่เพียงแต่เป็นอสูรพิทักษ์ของราชาเฮยอวี้เท่านั้น  แต่มันยังเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์  แต่ราชาเฮยอวี้ยังต้องการลดศักดิ์ศรีพยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจให้สัตว์สำหรับให้เขาขับขี่
จากตรงนี้เอง ราชาเฮยอวี้ปรารถนาอย่างแรงกล้า ต้องการจะได้รับพลังอย่างมิต้องสงสัย
ผลของความคิดเช่นนี้ไม่สามารถจะอธิบายด้วยคำพูดอีกต่อไป
มีแต่ความไร้หัวใจและไร้ความปราณี
 “ครืน...”
เมื่อมนุษย์ที่ก่อตัวจากพลังงานสีดำที่ผสานกับร่างของราชาเฮยอวี้  ทำให้เขามีกล้ามซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังเพิ่มขึ้นอีกครึ่งเมตรทันที
เกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดยกระดับสู่ร่างที่สาม
มันปล่อยแสงสว่างสุกใสน่ากลัวโดยเฉพาะ เหมือนกับหมึกดำ ทรงพลังเหมือนปีศาจ และว่องไวเหมือนลูกธนู
แม้ว่าเย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้จะถอยออกไปเกินกว่าสองพันเมตรแล้วก็ตาม แต่พวกเขายังรู้สึกว่าแสงสีดำยังตามทิ่มแทงพวกเขา  ผีผาหยกของราชันย์ปีศาจใต้เริ่มสั่นสะเทือนและหน้าของนางขาวซีด  “ดูเหมือนว่าเราต้องระวังมากยิ่งขึ้น... สนามพลังดำของราชาเฮยอวี้แปลกประหลาดมาก  อสูรและสิ่งที่คล้ายร่างมนุษย์เหล่านั้นอาจเป็นไปได้ว่าคือชีวิตที่เขาฆ่ามาในอดีต  อาวุธเหล่านั้นคล้ายสมบัติที่ถูกทำลาย.... เขาใช้เวทบางอย่างเสริมพลังให้กับเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์  พลังของเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์นี้แตกต่างจากสิ่งที่ตำนานพูดถึงไว้อย่างสิ้นเชิง”
จักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางก็เข้าใจเรื่องนี้ได้เช่นกัน
เกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ของราชาเฮยอวี้ตอนนี้มีพลังใกล้เคียงสมบัติชั้นเทพมาก
แน่นอน นี่ไม่ใช่พลังดั้งเดิม  แต่เป็นผลจากการที่ราชาเฮยอวี้ใช้สนามพลังมืดเสริมพลังเข้าไป  สนามพลังมืดมีความสามารถในการเสียสละ  มันจะดูดซับพลังที่เสียสละและเปลี่ยนเป็นพลังให้เจ้านายมัน  แต่สำหรับเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเสริมพลังจนอยู่ในสภาพดังกล่าว  ทำให้ยากจะประเมินได้ว่าต้องมีชีวิตและสมบัติที่เสียสละให้ราชาเฮยอวี้มากเพียงไหน
เมื่อเวลาผ่านไป ราชาเฮยอวี้ก็ยกระดับพลังจนอยู่ในระดับสุดยอดปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง
เขาเป็นเหมือนดวงอาทิตย์สีดำ
เขาดูแปลก  แต่ก็ทรงพลังอย่างมาก
ในมือซ้ายของเขา  เขาดึงกระบี่ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ออกมา  ในมือขวาถือค้อนสายฟ้าทลายสวรรค์ไว้
เมื่อบอลแสงยักษ์ลอยลงมาถึงพื้น  มันก็ค่อยๆ หายไป  ยักษ์โบราณก็ยังหลับอยู่ ดูแล้วไม่มีท่าทีว่าจะตื่น
 “ตาย!  ราชาเฮยอวี้ตะโกนลั่น เสียงของเขาระเบิดกึกก้องผ่านอากาศ  เขาชูกระบี่ทมิฬศักดิ์สิทธิ์และค้อนสายฟ้าถล่มสวรรค์พร้อมกันแล้วยิงรังสีกระบี่นับสิบสายและแสงค้อนโจมตี สายฟ้าม้วนผ่านอากาศราวกับจะฉีกฟ้าและโลกขาดออกจากกัน  พลังโจมตีนั้นพุ่งใส่ศีรษะของยักษ์โบราณอย่างรุนแรง  ยักษ์โบราณไม่ได้ลืมตาเลย  แต่ร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง
ภายใต้การลอบโจมตีด้วยพลังสังหารของราชาเฮยอวี้  ยักษ์โบราณถึงกับสลบจากอาการบาดเจ็บรุนแรง
ราชาเฮยอวี้ยังคงไม่ยอมหยุด
เขากวัดแกว่งค้อนสายฟ้าถล่มสวรรค์และกระบี่ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ระดมโจมตีใส่ศีรษะของยักษ์โบราณอย่างต่อเนื่องรุนแรง  เขามุ่งมั่นตั้งใจจะฆ่ายักษ์โบราณให้ตายคาที่
เย่ว์หยางขมวดคิ้ว  “มีบางอย่างผิดปกติ...”
เขาสังเกตว่าเหล่าอสูรอย่างจ้าวปีศาจน้ำแข็งดึกดำบรรพ์ที่วิ่งออกมาจากบันไดเวียนแก้วทั้งหมดแค่ยืนมองดูราชาเฮยอวี้อย่างตะลึง  เหมือนกับว่าพวกมันกลายเป็นหินไปเสียแล้ว ไม่มีแม้แต่ตัวเดียวที่จะเข้ามาห้ามเขา ได้แต่ยืนมองดูราชาเฮยอวี้โจมตียักษ์โบราณ
ถึงเวลานี้เอง พลังงานที่กว้างใหญ่ดุจมหาสมุทรก็ถาโถมเข้าใส่ลานแก้วผลึกทั้งหมด
เทียบกับพลังงานที่ถาโถมเข้ามานี้  ราชาเฮยอวี้ผู้แข็งแกร่งที่สุดกลายเป็นเหมือนมดตัวหนึ่ง
ขณะเดียวกันกับที่พลังงานนี้ปรากฏขึ้น  เย่ว์หยางได้ยินเสียงลึกลับพูดกับเขาว่า  ในอีกหนึ่งนาที การต่อสู้เสี่ยงชีวิตจะเริ่มขึ้น  ผู้เข้าร่วมแข่งขันต้องฆ่าศัตรูทั้งหมดจึงจะออกไปได้   เมื่อถึงขีดจำกัดเวลา ผู้เข้าแข่งขันที่มีคะแนนน้อยกว่าร้อยคะแนน จะต้องตายทันทีภายใต้บังคับกฎมรณะ
ก่อนที่เย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้จะทันตั้งตัว  ลานแก้วผลึกก็ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว
ผนังทางทิศตะวันออกแตกและหายไปอย่างเงียบ
มีอุโมงค์แก้วขนาดพันเมตรปรากฏทางทิศตะวันออก  ห่างออกไปสิบกิโลเมตร  สังเวียนต่อสู้ขนาดมหึมาใหญ่กว่าลานแก้วผลึกถึงสิบเท่าปรากฏขึ้น  ขณะเดียวกัน เย่ว์หยางรู้สึกได้ว่าการปรากฏตัวที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากในที่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร  ในคนพวกนั้น มีอยู่สามรายที่ทรงพลังโดยเฉพาะ  พวกเขาแทบจะมีพลังพอๆ กับยักษ์ไตตันอูซู
ถ้าราชาเฮยอวี้ไม่ทำร้ายยักษ์โบราณจนบาดเจ็บหนัก  ก็น่าจะมีถึงสี่ตน
แต่ละตนจะอยู่ในทิศเหนือ, ใต้, ตะวันออกและตะวันตก
หลังจากนั้นชั่วครู่  เย่ว์หยางก็เรียกความรู้สึกกลับคืนมา  เขาตะโกนไปทางราชาเฮยอวี้อย่างดุเดือด  “ราชาเฮยอวี้  ท่านโง่จริงๆ  ยักษ์ที่เจ้าโจมตีทำร้ายเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินการแข่งขันของเรา  ท่านไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือ  ทำไมท่านต้องโจมตีทำร้ายด้วย  ตอนนี้หนึ่งในผู้ดำเนินการแข่งขันของเราเกือบตายอยู่แล้ว  หยุดได้แล้ว  นั่นคือผู้ช่วยเรา   ไม่มียักษ์ตนนี้ ต่อให้ท่านมีร้อยชีวิตก็ไม่มีทางรอดออกไปได้”
 “ว่าไงนะ?”  ราชาเฮยอวี้ตะลึง
เขาเป็นคนที่จะฆ่าฝ่ายตรงข้ามที่คุกคามน้อยที่สุดเหรอนี่  ก็เห็นอยู่ว่ายักษ์โบราณกำลังจะตื่นขึ้น  เขารู้สึกว่าโดนคุกคาม จึงโจมตีสุดกำลัง
ต่อให้เขาฉลาดเพียงไหนเขาก็ไม่มีทางเข้าไปพัวพันในสังเวียนมรณะแห่งนี้  แต่เขายังคงทำร้ายพันธมิตรของเขาด้วย
ราชันย์ปีศาจใต้รู้สึกลำบากมากยิ่งกว่า
ตอนนี้นางเข้าใจเหตุผลที่คนพูดกันว่า “เพื่อนร่วมกลุ่มที่โง่เง่าทำร้ายท่านได้มากกว่าศัตรูที่น่ากลัวที่สุด”
การได้อยู่ข้างเดียวกับคนเห็นแก่ตัวอย่างราชาเฮยอวี้ถือว่าเป็นภาระหนักจริงๆ.... นางเรียกคัมภีร์ออกมาและมองดูข้อมูลในนั้น  แน่นอนว่า แผนที่เต็มไปด้วยศัตรู  ขณะที่ด้านของพวกเขาเป็นยักษ์ผู้ดำเนินการแข่งขันจริงๆ มันคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นอันตรายเหมือนกับจ้าวปีศาจน้ำแข็งดึกดำบรรพ์และนักรบอื่น
 “รีบรักษายักษ์เร็วเข้า” เย่ว์หยางอยากจะฆ่าราชาเฮยอวี้นัก  เมื่อเข้าไปตรวจสอบใกล้ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่ายักษ์โบราณนี้เป็นยักษ์เด็กสาวที่เกิดใหม่  เขาถึงกับโกรธราชาเฮยอวี้,  ท่านเอาสมองไปไว้ที่ไหน? ท่านตีเด็กคนหนึ่งได้ยังไง? ไปเลย ไปป้องกันอุโมงค์ไว้  ถ้าเราช่วยเด็กสาวยักษ์นี่ไม่ได้  พวกเราจะพากันตายทั้งหมด!
 “.....” ราชาเฮยอวี้พูดไม่ออก  เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นได้จริงๆ  เขาก็แค่โจมตีเพลินไปหน่อย  ใครจะไปรู้ได้ยังไงว่ายักษ์นี้เป็นพันธมิตรของเขา
แตกต่างจากสถานการณ์ของเย่ว์หยาง เสียงฝีเท้ายักษ์กึกก้องดังมาจากทางทิศเหนือ, ใต้และตะวันออก

17 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

B กล่าวว่า...

ขอบคัณครับ

Unknown กล่าวว่า...

เฮยอวี้เอ๋ยยิ่งอยู่กับเย่วก็ยิ่งกลายเป็นตัวประกอบ 55

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เดียวเยว่หยางได้ผู้ช่วยละ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

M1XERZ กล่าวว่า...

ซวยไปโดนด่าเลยเห็นมั้ย 5555

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

เด็กสาว!!! เสร็จเย่ว์หยางแน่นอนบอกเลย :v

Unknown กล่าวว่า...

เจอฤทธิ์ ลิมฝีปากของเย่วเข้าไป ถึงกับอึ้ง 555

ขอบคุณครับ

Art กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

โดนด่า สมน้ำหน้า

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น