ตอนที่ 516 เป้าหมายที่ต้องชนะคือ นักสู้ระดับฟ้า
คนของทวีปมังกรทะยานหรือ?
หัวใจของเย่ว์หยางสั่นสะท้านเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว
ทำไมศัตรูจึงเรียกเป็นชาวมังกรทะยานแทนที่จะเป็นชาวอเวจี
หรือบางทีก็เป็นปีศาจเผ่าบูรพา?
เป็นไปได้ไหมว่าตั้งแต่ยุคโบราณกาล
ทวีปมังกรทะยานมีนักสู้ที่ทรงพลังมากที่สุด?
ก่อนที่เย่ว์หยางจะทันมีเวลาคิด
เงาร่างหกสายก็พุ่งผ่านราชันย์ปีศาจใต้และผู้เฒ่าหนานกงที่กำลังยืนป้องกันทางผ่านแก้วผลึกอยู่ พวกเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วกว่าแสงเป็นร้อยเท่า พวกเขาไปปรากฏอยู่ที่กลางลานแก้วผลึกทันที ราชันย์ปีศาจใต้และผู้เฒ่าหนานกงสังเกตว่าอีกฝ่ายยังไม่มีท่าทีลงมือ
ทั้งคู่จึงไม่ห้ามพวกเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขารีบกลับไปอยู่ข้างตัวเย่ว์หยาง
เงาร่างทั้งหกปรากฏอยู่ในเวทีสี่เหลี่ยม
พวกเขายืนเป็นรูปวงกลมเผชิญหน้ากับศัตรู
เหมือนกับว่าพวกเขากลัวการโจมตีของศัตรู
เย่ว์หยาง, ราชันย์ปีศาจใต้และผู้เฒ่าหนานกงยังไม่เคลื่อนไหว พวกเขาตัดสินใจสังเกตการณ์เงียบๆ ก่อน
ราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้ารวมทั้งบริวารทั้งสองของพวกเขาพยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาไปสมทบกับจักรพรรดิใต้พิภพซึ่งเพิ่งจะโผล่ออกมาจากทางเดินแก้วผลึก
ในขณะเดียวกันนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งที่เป็นมนุษย์และมิใช่มนุษย์จำนวนหลายสิบคนยืนหลบอยู่ในระหว่างนักรบโบราณปฏิเสธจะเปิดเผยสถานะของพวกเขา ลึกๆ
แล้วพวกเขากลัวถูกศัตรูเปิดเผยสถานะพวกเขา
นอกจากนี้ พวกเขายังไม่ต้องการบุกเป็นพวกแรก
นักรบโบราณกลับมาล้อมศัตรูทั้งหกไว้โดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะชนะในแง่ปริมาณ
แต่ในแง่คุณภาพเมื่อเทียบกันแล้วพวกเขายังอ่อนอยู่
โดยพื้นฐานนั้นเทียบกันมิได้
คู่ต่อสู้ทั้งหกเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งทรงพลังกันทั้งหมด
เป็นระดับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด คนที่มีพลังมากก็คือ
บุรุษผมเงินคนหนึ่งที่ยังหลับตาอยู่
ทักษะของเขายังเหนือกว่าราชาเฮยอวี้มาก บุรุษที่ร่างงดงามผู้นี้มีผมยาวจนแทบถึงพื้นดูเหมือนจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสอง อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังจักษุญาณทิพย์ของเขา
เย่ว์หยางสามารถเห็นได้ว่าพลังที่แท้จริงของเขาก็คือปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสาม แม้ว่าเขาจะสวมชุดบัณฑิตธรรมดา แต่ก็มีแรงกดดันจากตัวเขาที่มองไม่เห็น มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ของราชาเฮยอวี้
เย่ว์หยางไม่สามารถนึกภาพออกเลยว่า
พลังของคนผู้นี้เวลาถูกปล่อยออกมาจะเป็นพลังแบบใด
หากเขาใช้อาวุธชั้นศักดิ์สิทธิ์หรือชั้นเทพ
หากไม่นับบุรุษผมเงินยาวรูปงาม
ก็ยังมีอีกสองคนซึ่งมีพลังแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชาเฮยอวี้
คนหนึ่งมีเปลวเพลิงตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เขามีลักษณะคล้ายอสูรธาตุไฟ อย่างไรก็ตามเขาเป็นสิ่งมีชีวิตและเขาเป็นมนุษย์ที่แท้จริง
อีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างบุรุษที่มีเพลิงลุกไหม้
เขามีลักษณะคล้ายเป็นปกติ
อย่างไรก็ตามภายใต้จักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปแบบประหลาด
ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยโลหะ
เย่ว์หยางรู้สึกว่าคนผู้นี้คล้ายกับคนเหล็กรุ่น T-1000 จากหนังเรื่องเทอมิเนเตอร์(ภาค 2)
พวกเขามีความสามารถเปลี่ยนแปลงร่างได้อย่างอิสระ
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือว่าคนผู้นี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ที่ทำจากซิลิคอน
เขาไม่ใช่หุ่นยนต์
รูปแบบชีวิตซิลิคอนนี้ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ
ความแข็งแกร่งของเขาเทียบเท่ากับมนุษย์ที่ร่างกำลังลุกไหม้และราชาเฮยอวี้ พลังของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน
ความสามารถที่ซ่อนอยู่ของราชาเฮยอวี้ทำให้เขาดูทรงพลังมากกว่าบุรุษร่างเพลิงและบุรุษโลหะซิลิคอน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบในแง่พลังที่แข็งแกร่งที่สุด
บุรุษผมเงินที่หลับตายังคงมีความแตกต่างแน่นอน
แม้ว่าร่างโลหะซิลิคอนไม่สามารถเทียบได้กับเหล็กไหลดาวตกของเขา
แต่เย่ว์หยางมีแรงบันดาลใจอยากจะได้ชิ้นส่วนร่างกายเขาไปตรวจสอบค้นคว้า บางทีเขาอาจใช้ประโยชน์จากโลหะพิเศษจากตัวโลหะเหลวเพื่อผลิตอาวุธที่ดียิ่งขึ้นหรือสร้างตุ๊กตาหุ่นรบให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
นอกจากคนทั้งสามที่ยืนอยู่ข้างหน้าแล้ว
ศัตรูอีกสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน
แต่ละคนล้วนเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าทั้งนั้น พวกเขาอ่อนแอกว่าราชาเฮยอวี้ แต่เมื่อเทียบกับจักรพรรดิฟ้าและจักรพรรดิใต้พิภพแล้ว พวกเขาแข็งแกร่งกว่ามาก
คนที่สูงที่สุดในสามคนนั้น เป็นนักสู้ครึ่งมนุษย์ครึ่งหุ่นยนต์.... ไซบอร์ก
เขาสูงถึงสิบเมตร
เย่ว์หยางไม่สามารถนึกภาพออกเลยว่า เลือดเนื้อจะทำงานเข้ากันได้ดีกับเครื่องกลโลหะให้ดีได้ยังไง
แม้ความจริงจะปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาก็ตาม
บางทีจักรวาลของเจ้าผู้นี้จะอยู่ในมิติเดียวกับคนที่ใช้เกราะชีวภาพ “กายเวอร์”
อย่างนั้นหรือ?
เย่ว์หยางหันไปมองนักสู้ที่มีความสามารถเป็นระดับที่ห้า เขาเป็นตัวประหลาดครึ่งโครงกระดูก
ครึ่งอสุรกาย ตั้งแต่สะเอวลงมาเขาไม่มีร่างกายท่อนล่าง ไม่มีแขนที่แท้จริงแต่อย่างใด
มีแต่เพียงแขนพลังงานและมือกระดูกข้างหนึ่งอยู่ข้างหน้า มือที่เป็นกระดูกซ่อนพลังงานไว้ครึ่งหนึ่งซึ่งเรืองแสงสีฟ้าเลือนลาง การปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดรูปแบบต่างๆ
สร้างความตกตะลึงให้กับจักรพรรดิใต้พิภพ
ทั้งนี้เพราะเขาตระหนักได้ว่าศัตรูผู้นี้ได้พัฒนาระดับพลังขึ้นมาสูงกว่าระดับราชาลิช คู่ต่อสู้ได้ผสานโครงกระดูก
พลังงานและวิญญาณเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
นักสู้คนที่หกเป็นมนุษย์อสูรที่มีความคล้ายกับเผ่าปีศาจบูรพา
เขาคือมนุษย์สมิงสูงสามเมตร
เขากับสมาชิกเผ่าปีศาจบูรพาไม่มีความแตกต่างกันมากนัก เมื่อใช้จักษุญาณทิพย์มองเข้าไป
เย่ว์หยางพบว่าแม้แต่สายเลือดของเขาก็ยังมีความคล้ายคลึงกับเผ่าปีศาจบูรพา
มีความแตกต่างกันอยู่ก็คือ
เจ้ามนุษย์สมิงร่างใหญ่และบึกบึนนี้มีสามตา
ที่กลางหน้าผากของเขามีม่านตาสีทองซึ่งมีขนาดเท่ากับกำปั้น มันไม่มีเปลือกตาสำหรับครอบคลุม
แต่สามารถกลอกไปมามองดูคนได้
มนุษย์สมิงดูเหมือนจะไม่สนใจใคร นอกจากราชันย์ปีศาจใต้ มนุษย์สมิงจ้องมองนางและสูดกลิ่นอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเขาจะงงกับความจริงที่ว่าราชันย์ปีศาจใต้แห่งเผ่าปีศาจบูรพาจะมีลักษณะชีวภาพที่คล้ายกับเขา
“นี่มันอะไรกัน?” มนุษย์สมิงผู้สำรวจเหตุการณ์มองเห็นเด็กสาวยักษ์นอนอยู่บนพื้น เขาถึงกับมึนงง “อย่าบอกข้านะว่าพวกเจ้าสู้กับเทพธิดาศึกผู้ปกป้องทวีปมังกรทะยานและทำให้นางหมดสติ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” มนุษย์ไซบอร์กอดหัวเราะไม่ได้หลังจากได้ทราบข่าว เขาหัวเราะจนตัวงอ
ควันขาวถูกปล่อยออกมาจากร่างจักรกลของเขา
“งี่เง่า, เจ้ากระดูกงี่เง่า...” อสุรกายกระดูกครึ่งร่างแค่นเสียงน่ากลัว
เสียงเหมือนภูตผีคร่ำครวญ เขาเยาะเย้ยเย่ว์หยางและพวกที่เหลืออย่างไม่เกรงใจ
เย่ว์หยางพูดไม่ออก
ความจริงทั้งหมดนี้เป็นเพราะการกระทำที่งี่เง่าของราชาเฮยอวี้ มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้ ทุกคนต้องถูกคนนอกเยาะเย้ยหยันและขอบคุณเขา
ช่างน่าสมเพชจริงๆ!
แน่นอนว่าราชาเฮยอวี้แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร
เขาจะไม่มีทางยอมรับความผิดพลาดนี้ต่อหน้าธารกำนัล ยิ่งกว่านั้น
ยังมีศัตรูที่ทรงพลังอยู่ที่นี่ถึงหกคน
เขายังคงไม่แน่ใจว่าพวกเขาต้องการจะทำอะไร
ดังนั้นเขาจึงลอบป้องกันตนเองไว้
เขาตัดสินใจดูความเป็นไปของเหตุการณ์ก่อน
บุรุษรูปงามผมเงินที่ยังคงหลับตาและปิดปากเงียบมาตลอดจู่ๆ ก็เปิดปากพูด “ข้าหวงฉวนเป็นศิษย์คนโตของเจ้าสำนักกุยฉางแห่งแดนสวรรค์ ข้าได้ฝึกฝนอยู่ในแดนสวรรค์มาเป็นเวลาแปดร้อยปี
ข้าได้รับเลือกจากแดนสวรรค์ตะวันออกให้เข้าร่วมสงครามโบราณ ขอเรียนถาม
ใครเป็นผู้ได้รับเลือกจากแดนสวรรค์ตะวันตก?”
ผู้เฒ่าหนานกง, ราชาเฮยอวี้, จักรพรรดิฟ้า,
จักรพรรดิใต้พิภพและคนที่เหลือมองหน้ากันและกันอย่างสับสน
ผู้ได้รับเลือกน่ะหรือ
แดนสวรรค์?
นับตั้งแต่จักรพรรดิอวี้สู้กับสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ย้อนไปหลายพันปี
ก็ยังไม่มีข่าวว่ามีผู้ใดสามารถไปจนถึงแดนสวรรค์ได้ แล้วนี่มีการเลือกตัวแทนให้เริ่มสงครามโบราณได้อย่างไร?
“ผู้ได้รับเลือกอะไรกัน?
ต้องมีคนเข้าแดนสวรรค์เพื่อเริ่มสงครามนี้ด้วยหรือ? เราไม่รู้อะไรเลย”
ราชันย์ปีศาจใต้คิดว่าหีบสี่ใบที่นางได้เลือกก่อนนั้นคงเป็นต้นเหตุ นางรู้สึกผิดตั้งแต่ตอนนั้น นางรู้สึกว่าถ้านางไม่พาเย่ว์หยางและราชาเฮยอวี้ออกมาล่าสมบัติ เรื่องอย่างนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
เกี่ยวกับคำพูดของศัตรู
ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับนาง
ต้องมีเรื่องอื่นซ่อนอยู่ภายในเป็นแน่
“เป็นไปได้หรือว่าพวกเจ้ายังไม่เคยได้ไปแดนสวรรค์? เจ้าไม่รู้เรื่องบุคคลที่ได้รับเลือกหรือ?”
มนุษย์สมิงสามตาตะลึง
“เจ้าพวกบ้านนอกเอ๊ย, พวกเจ้ามัวแต่ไปอยู่หลังเขาที่ไหนกัน?
พวกเจ้าพยายยามจะเล่นตลกและทำให้ข้าขำจนตายใช่ไหม?” มนุษย์ไซบอร์กหัวร่อเกลือกกลิ้งกับพื้น
น็อตสกรูในตัวเขาถึงกับคลายเกลียวหลุดออกมาเพราะหัวเราะหนักเกินไป
“ปรากฏว่าในศึกระหว่างแดนสวรรค์เหนือ, ใต้,
ตะวันออกและตะวันตกคงต้องสาบสูญไปอย่างแน่นอน
ก่อนต่อสู้ เจ้าต้องปล่อยให้เราฆ่าคนก่อนสามสิบคน
เราแข็งแกร่งกว่าเราจึงมีสิทธิ์ได้คะแนนเพิ่ม
ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น
ขณะที่ไม่ว่าเจ้าจะสามารถผ่านสังเวียนมรณะได้หรือไม่
ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า
เราพวกตระกูลเพลิงไม่สนใจเป็นพันธมิตรกับพวกอ่อนแอ”
มนุษย์เพลิงสั่งให้ราชาเฮยอวี้ส่งคนสามสิบคนให้ตั้งแต่เริ่มแรก
นักสู้ปราณก่อกำเนิดต่างเผ่าพันธุ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มนักรบโบราณต่างพากันหวาดกลัว
ในตอนนี้ แม้แต่ราชาเฮยอวี้ก็ยังไม่สามารถป้องกันตนเองได้
ทำไมเขาจึงต้องห่วงใยพวกนั้นด้วย?
การคุกคามของศัตรูเห็นได้ชัดว่าต้องการสร้างความเสียหายให้พวกเขา แต่พวกเขาไม่สามารถต่อต้านได้
แม้ว่าไม่มีใครยินดีจะตายที่นี่
แต่หลายคนเข้าใจดีแล้ว บางทีพวกเขาอาจมีปัญหาเพียงแค่พยายามหนี ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน ก็ต้องมีความสามารถ เมื่อมีพลังไม่พอ
พวกเขาก็ต้องถูกกำจัดออกไป
เมื่อเผชิญกับการคุกคามของมนุษย์เพลิง
ด้านราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิฟ้าก็มีปัญหาเพิ่ม ไม่มีคนเพียงพอ
คนที่ศัตรูหมายถึงอาจไม่ใช่นักรบโบราณ แต่อาจเป็นพันธมิตรผู้ร่วมรบ อย่างไรก็ตาม แม้เพิ่มคนที่เข้ามาด้วย
ก็มีเพียงยี่สิบห้าคน
พวกเขาจะหาคนสามสิบคนได้ยังไง?
แม้ว่าหลังจากศัตรูฆ่าคนไปสามสิบคนแล้ว
จะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขาจะไม่ตัดสินใจโจมตีพวกเขาเอง?”
“สังเวียนมรณะคืออะไร?
พวกเจ้าอธิบายให้ชัดเจนได้ไหม?” เย่ว์หยางยังคงสับสน
“คนอย่างเจ้าไม่รู้อะไรจริงๆ หรือ?” มนุษย์สมิงสามตาทำหน้าอายแทน
“เรา.. ช่วงเวลาสองสามพันปี
ก็ไม่มีผู้ใดเข้าแดนสวรรค์ได้อีกเลย”
ผู้เฒ่าหนานกงพูดความจริง
“เป็นไปไม่ได้!”
นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาทุกคนสงสัยทันที
“มนุษย์ชาวทวีปมังกรทะยานมักจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุด
ไม่ว่าพวกเขาจะมีฝีมือสวะขนาดไหนก็ตาม
ก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถเข้าแดนสวรรค์ได้! ยิ่งกว่านั้น
ถ้าพวกเขาไม่สามารถเข้าแดนสวรรค์ได้
แล้วสงครามโบราณนี้เริ่มขึ้นได้ยังไง? เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!”
คนที่เพลิงปกคลุมยังมั่นความคิดตัวเองเต็มที่
“ต้องมีคนจากแดนสวรรค์ถึงจะเริ่มสงครามโบราณนี้ได้
ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมสนามรบโบราณถึงได้ปรากฏที่นี่?” มนุษย์สมิงสามตาไม่เชื่อคำพูดของผู้เฒ่าหนานกง
“คนที่เริ่มสงครามโบราณ จะต้องเป็นคนที่ได้รับเลือก” มนุษย์ไซบอร์กกล่าวเสริม
“ถ้าเป็นคนที่ถูกเลือก อย่างนั้นเขาจะสามารถได้ยินเสียงจากรหัสโบราณ
เขาจะสามารถนำเผ่าพันธุ์ทั้งหมดเข้าต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ..”
คำพูดของมนุษย์สมิงสามตาทำให้เย่ว์หยางสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ เขาเป็นผู้ถูกเลือกหรือ? นั่นเป็นการพูดพล่อยๆ
หรือเปล่า เขาไม่เคยเห็นแดนสวรรค์มาก่อน
แล้วเขาจะเป็นคนเริ่มสงครามโบราณที่กล่าวถึงนี้ได้อย่างไร
นี่เป็นเรื่องไร้สาระชัดๆ!
“พวกท่านได้ยินเสียงรหัสโบราณกันหรือเปล่า?” เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นถามคำถามและหวังว่าราชาเฮยอวี้จะชูมือแบกรับความผิดไปเอง
“....” คนรอบๆ ตัวเย่ว์หยางพากันเงียบทั้งหมด
“เป็นไปไม่ได้ที่ไม่มีผู้ได้รับเลือก
คนที่ได้รับเลือกจะได้เป็นผู้นำของพวกเจ้า
หากปราศจากผู้นำพวกเจ้าจะไม่มีทางเข้าใจกฎและข้อกำหนดต่างๆ สำหรับสงครามโบราณ พวกเจ้าจะกลายเป็นเนื้อที่ขึ้นเขียง ผู้ได้รับเลือกต้องอยู่ที่นี่ เขาต้องซ่อนตัวอยู่แน่นอน” มนุษย์เพลิงโบกมือ
เพลิงพิโรธกระพือโหมขึ้นสู่ท้องฟ้า “ข้าไม่สนใจว่าจะมีผู้ได้รับเลือกหรือไม่ พวกเจ้ามันก็แค่กลุ่มที่อ่อนแอ ดังนั้นพวกเจ้าควรเจียมตัวว่าอ่อนแอ!”
“สู้เพื่อความตายของผู้คน
ไม่มีทางยอมแพ้”
ทัศนคติของผู้เฒ่าหนานกงหนักแน่นมั่นคง
ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งเพียงไหน
เขาจะไม่ยอมแพ้
“ขอให้หวงฉวนได้อธิบายหน่อยเถอะ..” บุรุษผมเงินพูดอย่างเนิบนาบ “พวกเจ้าอาจถูกดึงเข้าสู่สงครามโบราณโดยมิได้รับรู้อะไรเลย แต่ข้าสามารถยืนยันพวกท่านได้ว่านี่คือสมรภูมิมรณะ
นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ให้เผ่าพันธุ์ระดับต่ำจากแดนสวรรค์เหนือ, ใต้,
ตะวันออกและตะวันตกสู้แลกชีวิตกัน
ผู้ชนะจะได้รับสมบัติชั้นเทพ
ผู้แพ้จะตกอยู่ในความตายนิรันดร์ถูกผนึกอยู่ในลานแก้วผลึกนับล้านล้านปี เว้นแต่ผู้แพ้จะมีความสามารถรวบรวมคะแนนในการรบที่มาถึง
ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่พ้นไปจากชะตากรรมถูกทำลายได้ บางทีพวกท่านอยากจะรู้เหตุผลที่เราไม่ฆ่าพวกท่าน
ทั้งที่เราก็เป็นศัตรูของพวกท่าน
นั่นเป็นเพราะต่อให้เราฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด
เราก็อาจรวบรวมคะแนนได้ไม่ถึงร้อย
ศัตรูแรกที่เราต้องเผชิญหน้าก็คือเพชฌฆาตโบราณ ที่ถูกปล่อยออกมาโดยรหัสโบราณ เพื่อป้องกันเผ่าพันธุ์ต่างๆ
แอบก่อตั้งพันธมิตร สมรภูมิโบราณจะปล่อยเพชรฆาตโบราณออกมาชั่วโมงละสิบตัว เพชฌฆาตโบราณเหล่านี้จะโจมตีไม่เลือก ภารกิจของพวกมันคือฆ่าผู้เข้าร่วมทุกคน ทุกครั้งที่พวกมันฆ่าผู้เข้าร่วมแข่ง พวกมันจะได้รับสหายเพชฌฆาตเพิ่มมาตนหนึ่ง
พวกเจ้าที่มาจากทวีปมังกรทะยานสูญเสียโอกาสได้รับสมบัติชั้นเทพไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ตามกติกา
พวกเจ้าต้องส่งคนสามสิบคนมาเพิ่มคะแนนให้เรา
จากนั้นเราค่อยตัดสินใจว่าผู้ร่วมแข่งขันที่แข็งแกร่งที่เหลือจะได้เข้าร่วมสังหารเพชรฆาตโบราณและได้รับคะแนนพอที่จะออกไปได้หรือไม่”
“ถ้าเป็นกรณีอย่างนี้ ทำไมเราทุกคนถึงไม่ร่วมมือกัน รวมพลังให้ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วฆ่าเพชรฆาตโบราณ?” จักรพรรดิฟ้ารู้สึกว่าพวกเขาควรร่วมมือกันอย่างเต็มที่
อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็สามารถร่วมมือกันได้ในตอนนี้
คงจะไม่สายเกินไปที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายหลังจากทุกคนรวบรวมคะแนนได้ถึงร้อยแล้ว
แน่นอนว่าศัตรูต้องการทำลายพลังของเย่ว์หยางและคนอื่นๆ
จากทวีปมังกรทะยาน การรวบรวมคะแนนให้ได้ไว้ก่อนจะเป็นประโยชน์ต่อการกดดันศัตรูขณะที่ใช้ในการหลบหนีได้ในภายหลัง
อาจจะลดโอกาสของจำนวนเพชรฆาตโบราณไม่ให้เพิ่มขึ้นในภายหลัง
ปัญหาก็คือ
ถ้าฝ่ายเย่ว์หยางฆ่าพันธมิตรสามสิบคน
ก็เหมือนกับว่าต้องหักคะแนนออกไปสามสิบคะแนน
และใครจะสามารถรอดชีวิตออกไปจากสมรภูมิมรณะนี้ได้เล่า?
“พวกเจ้าต้องเปลี่ยนคนที่ไร้ประโยชน์ให้เป็นคะแนนเพื่อพวกเรา
นี่เป็นเงื่อนไขพื้นฐานมาก
ถ้าเจ้าไม่ทำเช่นนั้น
เราจะทำด้วยตัวเราเองและฆ่าพวกเจ้าทีละคน!
พวกเจ้าไม่มีโอกาสต่อรองกับพวกเรา
เรา ตัวแทนแต่ละฝ่ายมีการเตรียมพร้อมกับการรบครั้งนี้มาหลายร้อยปีแล้ว ทุกๆ
ฝ่ายจะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าสามคนเป็นอย่างน้อย แต่พวกเจ้ามีเพียงคนเดียว
พวกเจ้าไม่มีทางต่อกรกับเราได้”
มนุษย์เพลิงกระตือรือร้นที่จะฆ่า
“พวกอ่อนแอไม่มีสิทธิ์!”
มนุษย์โลหะเหลวที่ไม่พูดอะไรจนบัดนี้พยักหน้าเห็นด้วย
“นอกเหนือจากคนผู้นี้
พวกที่เหลือไม่ค่อยมีประโยชน์นัก ข้าว่าเราฆ่าพวกมันให้หมดดีกว่า ป้องกันจำนวนเพชฌฆาตโบราณเพิ่มขึ้น”
อสุรกายครึ่งกระดูกชี้ไปที่ราชาเฮยอวี้ด้วยท่าทีพิกล
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงราชาเฮยอวี้เท่านั้นที่พวกมันยอมรับ
คนที่เหลือจะกลายเป็นเหยื่อที่เสียสละของศัตรูเพื่อเพิ่มคะแนนของพวกเขา
ราชาเฮยอวี้ลอบชื่นชมยินดี
เขาปลอดภัย
บางทีการปกป้องจักรพรรดิฟ้าและบริวารทั้งสองของเขา พยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาก็คงไม่เป็นปัญหา
สำหรับผู้เฒ่าหนานกง, จักรพรรดิใต้พิภพและเย่ว์หยาง
ก็ช่างพวกเขาปะไร
ตอนนี้เขาสามารถกำจัดพวกมันได้ทั้งหมด
จะมีแค่เพียงหญิงสาวผู้ฉลาดอย่างราชันย์ปีศาจใต้
ถ้านางตายก็คงน่าเสียดาย
ถ้านางยินดีเข้าร่วมกับเขา
เขาอาจจะช่วยนางก็ได้ อย่างไรก็ตาม
คงเป็นไปไม่ได้
เป็นเพราะเผ่าปีศาจบูรพามีลักษณะแน่วแน่มั่นคงมาก แม้ในสภาพสิ้นหวัง พวกเขาก็ยังยอมรับ พวกเขายินดีกอดคอท้าทายร่วมกัน นั่นเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตของชนเผ่าทั้งหมด
ไม่เป็นไร
ถ้าบางอย่างไม่ได้เป็นของเขา ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับฝืนใจ
ยังไงก็ตาม ก็แค่สตรีคนเดียว...
ราชาเฮยอวี้เชิดคางด้วยความหยิ่งยโส
เขาไม่มองผู้เฒ่าหนานกงและราชันย์ปีศาจใต้อีกต่อไป
จักรพรรดิฟ้ารีบไปยืนข้างเขาด้วยความชื่นชม
เขาทำท่าทางราวกับว่าเขาเสียใจเหลือเกินที่พี่น้องของเขาต้องได้รับบาดเจ็บ
นักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งที่เป็นมนุษย์และมิใช่มนุษย์สิ้นหวังกันทุกคน
พวกเขาไม่ต้องการแม้แต่จะมองสีหน้าของราชาเฮยอวี้ ราชาเฮยอวี้ผู้นี้ไม่น่านับถือเสียเลย
ท่านหนานกงเป็นเพียงคนเดียวที่พวกเขานับถือเชื่อใจ
แต่น่าเศร้าที่เขาไม่ได้เป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด เขาไม่สามารถได้รับการยอมรับจากพวกเขา
และไม่สามารถปกป้องทุกคนได้
อสุรกายผู้มีกระดูกครึ่งตัวควงนิ้วและชี้ไปที่ราชันย์ปีศาจใต้
ราชันย์ปีศาจใต้ร่างเริ่มสั่นสะท้าน
เย่ว์หยางก้าวขึ้นไปยืนขวางข้างหน้านางอย่างกล้าหาญ
“ข้าต้องการฆ่าสตรีก่อน
แต่เด็กมนุษย์นี่ดูเหมือนจะมีความเห็นเป็นอื่น งั้นฆ่าเขาก่อนก็แล้วกัน”
อสูรกายร่างกระดูกครึ่งเดียวหัวเราะอย่างชั่วร้าย
เย่ว์หยางยอมทนฟังพวกนี้เป็นเวลานาน
หลังจากได้ยินเจ้ากระดูกขาวผู้นี้พูดว่าต้องการฆ่าเขา เขาถึงกับระเบิดอารมณ์โกรธออกมา “อะไรกันนี่,
แสดงท่าทางอันธพาลแค่เพราะสารรูปอย่างเจ้า จะว่าคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิงน่ะเหรอ?
ซุนหงอคงสามารถฆ่าปีศาจกระดูกขาวด้วยการฟาดสามที เขาก็สามารถจัดการเจ้าได้ ข้าก็ทำได้เหมือนกัน พอดีเลย
หมาเฝ้าบ้านข้าจะได้ไม่ขาดแคลนกระดูกไว้แทะเล่นอีกต่อไป คุณชายอย่างข้า จะขอรื้อกระดูกเหม็นๆ
ของเจ้าไปเป็นอาหารสุนัขของข้า”
“.....” ราชาเฮยอวี้และคนที่เหลือได้ยินเขาพูด ทุกคนถึงกับปากอ้าค้างไปตามๆ กัน
เจ้าเด็กนี่ หยิ่งเกินไปหรือเปล่า?
คู่ต่อสู้ของเขา
อย่างน้อยก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง
และด้วยร่างเล็กบอบบางอย่างเขา
เขายังต้องการจะสู้กับพวกนั้นอีกหรือ?
ราชันย์ปีศาจใต้รีบกระทุ้งเย่ว์หยาง
ส่งสัญญาณไม่ให้เขาวู่วาม
เย่ว์หยางกันนางออกไป “พวกเจ้าไปอยู่ห่างๆก่อน นักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า แล้วไงเล่า? ข้า..คุณชายผู้นี้ขอทุบนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าเอง!”
ทั่วทั้งลานเงียบกันหมด
ทุกคนพูดไม่ออก
จากมุมมองของฝ่ายตรงข้าม ถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่โง่เง่า
เขาก็คงจะบ้าไปแล้วแน่นอน
หรือไม่อย่างนั้นสมองของเขาก็คงผิดปกติ ถ้าไม่อย่างนั้น เขาคงประเมินตัวเองสูงจนเกินไปจึงได้ท้าทายด้วยท่าทีเหลวไหลอย่างนั้น
อสูรกายร่างครึ่งกระดูกที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าถึงกับหัวเราะลั่น
แต่เสียงหัวเราของเขาคล้ายกับภูตผีคร่ำครวญ
“ข้าคือเวิ่งจินจากเผ่ากระดูก
ข้าสามารถใช้นิ้วเดียวฆ่าเจ้าภายในวินาทีเดียว
ข้าหวังว่าเจ้าจะระบุชื่อข้าได้ถูกนะ ข้าอยากรู้มากจริงๆ
ว่าเจ้าเด็กน้อยผู้หยิ่งยโสไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำนี้ ชื่ออะไร หึหึ
ฆ่าคนอ่อนแอในวินาทีเดียวไม่ค่อยน่าตื่นเต้น แต่เจ้าเป็นข้อยกเว้น เพราะเจ้าเป็นเด็กมนุษย์ที่ถือตัวจัดเกินไป
เจ้ายั่วโมโหให้ข้าฆ่าเจ้า...”
“คุณชายผู้นี้คืออัจฉริยะอายุน้อยที่สุดและมีพรสวรรค์มากที่สุดของทวีปมังกรทะยานของเรา อายุเพียงยี่สิบปี
เขาก็เป็นนักสู้อัจฉริยะด้วยตนเอง เขากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด
และภายในไม่กี่ปี เขาก็บรรลุมาถึงระดับอย่างวันนี้ อาจกล่าวได้ว่าเขาคืออัจฉริยะพิเศษที่ปรากฏในรอบล้านปีก็ได้” ราชาเฮยอวี้ช่วยแนะนำเย่ว์หยางอย่างจริงใจ
ราวกับว่าเขากลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ยินดีฆ่าเขา เขาเลือกข้อมูลที่สำคัญและดีที่สุดออกมา “คุณชายสามตระกูลเย่ว์ได้ต่อสู้มาหลายศึกแล้ว
และไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน
ไม่เพียงแต่เขามีอสูรที่แข็งแกร่งเท่านั้น
เขายังได้รับสมบัติผนึกเทพแห่งจักรพรรดิอวี้ซึ่งเป็นของจักรพรรดิอวี้นักสู้อันดับหนึ่งชาวทวีปมังกรทะยานคนก่อน ทันทีที่คุณชายสามทำสัญญากับผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ได้สำเร็จ เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิอวี้คนใหม่ นักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง
จะอยู่ในสายตาคุณชายสามได้ยังไง”
ตอนนี้
ศัตรูทุกคนจ้องมาทางเย่ว์หยางด้วยแววตาเหมือนกัน... เขาต้องตาย
บุรุษหนุ่มผู้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น..
มีเหตุผลใดที่จะปล่อยให้เขามีชีวตต่อไปเล่า?
14 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
เย่ว โดนใส่ไฟใหญ่เลย ไอ้....
ขอบคุณครับ
สุมไฟใหญ่เชียว โดนแน่ๆ
ขอบคุณครับ
แหมๆ เฮยนะเฮญ
โอ้....ความลึกลับอีกหนึ่งเรื่อง ความลับของมนุษย์ชาวทวีปมังกรทยาน
ป.ล. ปากจริงๆ!! เฮยอวี้นี่ตลอดจริงๆ ตีไข่ใส่สีต้องยกให้จริงๆ
พี่เย่วเราไม่กลัวอยู่แว้ววว
เฮยตี้หาตีนให้อีก
ขอบคุณครับ
ไอ้เฮยอวี้นี่ ตายๆๆๆไปซะทีได้มะ ไม่นึกเลยว่าจะเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้!!!
ขอบคุณมากครับ
Thx
แสดงความคิดเห็น