วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 202 กากบาทเพลิง

ตอนที่  202  กากบาทเพลิง
มือกระบี่ชุดเทาห้าคนดูเหมือนฝูงกากำลังมุ่งหน้าไปที่ยานเงิน  มือกระบี่ชุดเทาทั้งห้านี้มีสีหน้าเยือกเย็นนัยน์ตาสีแดงกำลังควงกระบี่ยาวสีเทา

ในดวงตาแดงของพวกเขา  ถังเทียนสามารถเห็นแววละโมบ ประหลาดใจและความคลั่งไคล้ได้
 “คนร้ายพวกนั้น ข้าจะใช้หอกของข้าทะลวงให้หมด”
เสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้างทันที  ถังเทียนหันไปดูและเห็นหลิงซิ่ว  เขาประหลาดใจ  หลิงซิ่วที่อยู่ต่อหน้าเขาเยือกเย็นผิดธรรมดา  ดวงตาสีส้มไม่ได้แสดงความโกรธและความรุนแรงเหมือนอย่างที่เคย
เหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง
หลิงซิ่วในชุดขาวขลิบทองถือหอกเงินตั้งตรง  แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกคุกคามแต่อย่างใด แต่ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้คนรู้สึกสงบเป็นพิเศษเหมือนก่อนพายุจะมา
เจ้าเด็กนี่....
ภายใต้สายตาประหลาดใจของถังเทียน หลิงซิ่วถือหอกในมือขวาก้าวข้ามรั้วป้องกันด้านข้างของยานทันที  ใบหน้าหล่อเหลาของเขาภายใต้แสงอาทิตย์ดูอ่อนโยนและเงียบสงบ
วูบ... เขาก้าวขึ้นบนราวกั้นยานและลอยตัวลงมาจากยาน  ผมสีเงินของเขาพลิ้วไสวในท้องฟ้า  เหมือนกับนกสีขาวหิมะพุ่งเข้าใส่มือกระบี่ชุดเทาทั้งห้า
ทั้งห้าคนกระจายกันจัดตั้งขบวน  หน้าสองหลังสาม มีระยะห่างได้สัดส่วน จากซ้ายขวาและบนพุ่งเข้าหาหลิงซิ่ว
ในกลางอากาศ หลิงซิ่วจ้องดูบุรุษทั้งห้าพุ่งตรงเข้าหาเขาโดยไม่ขยับสักนิ้ว
ทั้งห้าคนสะบัดควงกระบี่เทา  กระบี่ทุกเล่มกลายเป็นมีประกายพร้อมกับเพลิงสีแดง ทุกเล่มส่งเสียงหวีดหวิวพร้อมกัน  รัศมีประกายเพลิงทั้งห้าขยายลามออกมาจากกระบี่ เหมือนกลุ่มเปลวเพลิงขยายเปลวเป็นลำเพลิงส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งเข้าหาหลิงซิ่ว
กระบี่กาเพลิงแห่งหมู่ดาวกา
ทั้งห้าคนใช้วิชากระบี่พร้อมกัน  เป็นการประสานงานที่สมบูรณ์แบบ  รังสีทั้งห้าของกระบี่กาเพลิงส่งเสียงหวีดหวิวออกมาพร้อมกัน
วืด วืด วืด... เสียงกระบี่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
ทั้งห้าคนยังคงควงกระบี่กาเพลิงของพวกเขา  แต่ละคนใช้กระบี่กาเพลิงหนุนเนื่องโจมตีเหมือนสายฝนใส่หลิงซิ่วในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
หลิงซิ่วดูเหมือนว่ายืนที่ตรงนั้นไม่มีสีหน้าแสดงอารมณ์อย่าวเด่นสง่า
ท้องฟ้าทั้งหมดดูเหมือนเต็มไปด้วยกาเพลิงส่งเสียงหวีดหวิว บดบังทัศนวิสัยของเขาทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบพ้น  มือกระบี่ทั้งห้าอดดีใจไม่ได้  คู่ต่อสู้ยังกล้าอยู่เฉยอีกหรือ
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะพบกับศัตรูที่หยิ่งยโส และโง่ในขณะเดียวกัน
ทั้งห้าคนมาจากหมู่บ้านกระบี่แห่งหนึ่งพร้อมกันตั้งแต่ยังเยาว์วัย ได้รับการยอมรับจากอาจารย์  พวกเขาร่วมมือประสานได้เป็นอย่างดี  และกระบี่กาเพลิงไม่ใช่วิชาชั้นสูงจนยากเล่าเรียนฝึกฝน  แต่ทั้งห้ากลับค้นคว้าและผสานเป็นวิชาที่ร่วมกันต่อสู้  นอกจากนี้ทั้งห้าคนมีระดับฝีมือที่คล้ายกัน  เมื่อรวมกาเพลิงเข้าด้วยกัน พลังของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาก
ยานสีเงินสวยงามน่าทึ่งมาก  ใครก็ตามที่ได้เห็นสามารถบอกได้เลยว่าเจ้าของต้องมาจากตระกูลร่ำรวย  ทันทีที่ยานเข้าหมู่ดาวกา ก็เป็นเหมือนกับหินที่ถูกโยนลงแม่น้ำที่สงบนิ่ง ก่อระลอกคลื่นนับไม่ถ้วน
ใครจะรู้กันเล่าว่ามีคนจับตาดูมีมากเท่าใด  แต่พวกเขาเกือบทั้งหมดไม่มีพลังจะลงมือดำเนินการ
ทั้งห้าคนลังเลและปรึกษากันอยู่นานก่อนจะตัดสินใจลงมือและตรวจสอบ ถ้าพวกเขาชิงมาได้  นั่นจะเป็นทางมาแห่งรายได้มหาศาล เพราะถึงไม่ต้องพูดก็บอกได้ว่ายานที่หรูหรานั้นสามารถขายได้เงินมหาศาล
เมื่อหลิวซิ่วลอยตัวลงมาจากยานโดยสาร  ทั้งห้าคนคิดว่าพวกเขาพบศัตรูแข็งแกร่ง
แต่หลังจากนั้นต่อมา เมื่อได้เห็นบุคลิกของหลิงซิ่ว  พวกเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าเป็นโอกาสที่ดี
ทั้งห้าคนใช้วิชาสังหารออกมาโดยไม่ลังเลเลย
กระบี่เทาในมือทุกคนควงเป็นวงกลม ขณะที่พวกเขาตวาดเสียงดังลั่น “ฆ่า!
เมื่อเห็นท้องฟ้าทั้งสิ้นสว่างเต็มไปด้วยรังสีเพลิงกระบี่อีกา  พวกเขาหายไปทั้งหมดทันทีเปลี่ยนเป็นรูปกระบี่เพลิงขนาดยักษ์และเปลี่ยนเป็นอีกาเพลิงขนาดมหึมาพุ่งเขาหาหลิงซิ่ว
ไม้ตายกากบาทเพลิง!
ร่างของกาเพลิงที่น่ากลัวมีไฟลุกท่วมตลอดทั้งร่าง  เจตจำนงของกระบี่ไหลออกมา  พลังความรุนแรงของมันครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่
ม่านตาของถังเทียนหรี่ลงทันที  แม้ว่าเขาจะอยู่ในยานโดยสาร แต่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความกราดเกรี้ยวรุนแรงของปราณที่แผ่มาถึง  คลื่นความร้อนปราณทำให้อุณหภูมิอากาศโดยรอบเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ทั้งห้าคนมีพลังธรรมดา  แต่วิชาที่พวกเขาผนึกกำลังร่วมกันนี้มีพลังระดับเดียวกับนักสู้สวรรค์วิถีแน่นอน
เปลวเพลิงสะท้อนอยู่บนใบหน้าที่หล่อเหลาและผมเงินทั้งหมดของหลิงซิ่วไว้ปรากฏเป็นระลอกคลื่นอยู่ในดวงตาสีส้มของเขาแผ่ลามสะท้อนไปทั้งใบหน้า
ความเยือกเย็นและความสงบถูกฉีกขาดสลายหายไป  ระเบิดเป็นพลังพายุออกมา  นัยน์ตาสีส้มจางลงด้วยความโกรธ  เพียงในชั่วเวลาสั้นๆ ถังเทียนเห็นประจักษ์ว่าทั้งร่างของหลิงเปลี่ยนแปลงจากสงบเป็นดุร้ายกราดเกรี้ยว
 “ฆ่า!
เสียงตวาดลั่นเหมือนสายฟ้าฟาดกึกก้องดังทั่วท้องฟ้า
หอกเงินในมือของหลิงซิ่วหายไป  ขณะเดียวหอกทะเลจุดก็เบ่งบานเต็มอยู่ในท้องฟ้า
 “วืด วืด” เสียงกระบี่ถูกข่มอย่างสิ้นเชิง
อีกาเพลิงปะทะเข้าใส่หอกทะเลจุด
จุดเปลวไฟสว่างแพรวพราว อยู่บนร่างกาเพลิง เหมือนกับว่ากาเพลิงที่ดุร้ายตื่นขึ้นและหอกทะเลจุดที่ปรากฏอยู่ต่อหน้ากาเพลิงที่ดุร้ายก็ดูอ่อนแอมาก
หลังจากนั้นเปลวเพลิงก็ลุกพรึ่บจากกาเพลิงทันที เพิ่มขึ้นแล้วก็หรี่ลงต่อเนื่องจนเข้มข้น
ทั้งห้าคนตั้งใจไว้แล้ว แม้ว่าจะดูเหมือนว่าเปลวเพลิงเข้มข้นและดูน่ากลัวมาก แต่พวกเขารู้สึกได้ว่าความเสียหายที่กาเพลิงได้รับไม่ค่อยรุนแรง
ตราบใดที่พวกเขาสามารถผ่านชั้นของหอกทะเลจุดได้  อย่างนั้นฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางป้องกันได้เพิ่มแน่
ทั้งห้าคนตัดสินใจรวดเร็ว  กระบี่เทาในมือพวกเขายังคงเคลื่อนที่ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง  รังสีกระบี่หนุนเนื่องเข้าไปในร่างยักษ์กาเพลิง และร่างที่หมองสลัวลงของกาเพลิงพลันสว่างทันที พลังของมันขยายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ชี่ ชี่ ชี่!
เสียงเหมือนผ้าฉีกขาดราวกับมีภูตผีคร่ำครวญดังก้องได้ยินอยู่ในหูทุกคน
หอกทะเลจุดเป็นเหมือนคลื่นทะเลหนุนเนื่องไม่หยุด  เพลิงสว่างไสวเห็นได้ชัดปรากฏอยู่บนตัวกาเพลิงยักษ์และทำให้เพลิงของมันลดขนาดลงทุกทีจนหัวใจคนรู้สึกกดดัน
ใบหน้าพวกเขาเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ  การโจมตีที่กาเพลิงยักษ์ได้รับนั้นเพิ่มพลังแข็งแกร่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาไม่มีทางเลือก ได้แต่เพิ่มความเร็วในการสะบัดกระบี่เพิ่มพลังให้กาเพลิงยักษ์ทำให้เกิดฝูงกาเพลิงเข้าไปรวมตัวกับร่างกาเพลิงยักษ์
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือร่างของกาเพลิงยักษ์กลับค่อยๆ หมองลงๆ
ไม่ว่ารังสีกระบี่กาเพลิงจะหนุนเนื่องเสริมพลังเข้าไปเท่าใดก็ตาม แต่มันกลับหมองลงช้าๆ
กระบี่ทั้งห้าเริ่มสะบัดกวัดแกว่งรวดเร็วขึ้นทุกที
การเปลี่ยนแปลงจังหวะไม่ได้อยู่ในความควบคุมของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง  เนื่องจากพลังกดดันมหาศาลทำให้พวกเขาได้แต่เพิ่มความเร็วในการสะบัดกระบี่เพิ่มขึ้นต่อไป
หน้าของพวกเขาซีดอย่างรวดเร็ว
ในตอนแรก พวกเขาคิดว่าหอกทะเลจุดอ่อนแอ  แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะทนและยืดหยุ่น  กาเพลิงยักษ์ที่เป็นเหมือนอสูรดวงดาวเหมือนกับติดอยู่ในตาข่าย  ไม่ว่าพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ตาม  ก็ไม่สามารถออกไปได้
ความเร็วที่คมหอกแสดงออกมานั้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และกดดันบุรุษทั้งห้าต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ
บุรุษทั้งห้าคนหน้าซีดราวกับคนตาย
พวกเขามีประสบการณ์ต่อสู้มากมาย  และรู้ว่าพวกเขาสูญเสียโอกาสชนะไปแล้ว  เนื่องจากถูกฝ่ายตรงข้ามควบคุมได้โดยสิ้นเชิง
ชั้นจากทะเลคมหอกในสายตาของพวกเขาไม่ได้ดูลึกซึ้งมาก
อาจกล่าวได้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรที่เป็นความลับ  การสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องของจำนวนพลังรบที่ปลดปล่อยออกมาว่าใครมีมากกว่ากัน  เมื่อทั้งห้าคนสูญเสียโอกาสได้เปรียบ  ก็หมายความว่าจำนวนพลังปลายหอกที่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยออกมานั้นมากกว่าจำนวนพลังกระบี่ที่ทั้งห้าปล่อยออกมารวมกันเสียอีก
นั่นเป็นไปไม่ได้
สีหน้าของทั้งห้าคนตกตะลึงเกินกว่าจะยอมเชื่อ
สำหรับไม้ตายกากบาทเพลิงนี้  พวกเขาฝึกฝนมาเป็นพิเศษเพื่อให้มือของพวกเขามีความเร็วปลดปล่อยพลังโจมตีได้มหาศาล  และความเร็วที่ทั้งห้าคนปลดปล่อยพลังกระบี่กาเพลิงนั้น มีมาตรฐานสูงกว่ากระบี่กาเพลิงธรรมดาถึงสองเท่า
แต่...คู่ต่อสู้ปลดปล่อยพลังรบได้เร็วมากขนาดนั้น เกินกว่าที่พวกเขาทั้งห้าปลดปล่อยพลังโจมตีรวมกันเสียอีก
ถ้าพวกเขาไม่ได้ประสบพบเห็นกับตัวเอง  พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อแน่นอน
ด้วยสภาพเช่นนี้พวกเขาถูกตรึงไว้อย่างสิ้นเชิง และเริ่มเสียเปรียบขึ้นทุกที หมดโอกาสจะกอบกู้สถานการณ์  โอกาสที่จะคว้าชัยชนะตกไปอยู่ที่ฝ่ายตรงข้ามแล้ว
กาเพลิงขนาดมหึมาหมองลงช้าๆ และอยู่ในสภาพริบหรี่เต็มที
ปัง!
กาเพลิงยักษ์ระเบิดแตกกระจายเป็นฝนเพลิง  ทั้งห้าคนส่งเสียงครวญคราง ใบหน้าของพวกเขาเห็นได้ชัดว่าตระหนกตกใจ
แต่พวกเขายังไม่ทันสามารถได้ตั้งตัว ทะเลจุดขนาดใหญ่ก็กลืนคนทั้งห้าหมด
พอเขาดึงหอกกลับ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยทะเลหอกก็หายไปทันที และความโกรธในดวงตัวของหลิงซิ่วค่อยๆลดลง  เขากลับคืนสู่สภาพเยือกเย็นอีกครั้ง
เขาลอยตัวอยู่ในอากาศเงียบๆ ค่อยกวาดสายตามองดูรอบๆ ไม่ได้พูดอะไร  เขาหันกลับและลอยตัวกลับเข้าไปในยานโดยสาร
ผมสีเงินและหอกเงินทำให้เขาดูสง่างามมีราศี!
เขาจรดปลายเท้าลงยืนบนพื้นยานโดยสารเบาๆ ผมสีเงินยังพัดปลิวพลิ้วไสว
 “ว้าว..ซิ่วซิ่วน้อย เดี๋ยวนี้เจ้าก้าวหน้าใหญ่แล้ว”  ถังเทียนทำตาโต แต่พูด “แต่ว่า ทำไมเจ้าไม่ใช้ท่าทะลวงแก่นส้มยุติธรรมอะไรนั่นล่ะ?”
เขาชะงักฝีเท้า.. สีหน้าแข็งค้าง หางตาเริ่มกระตุก
ทะลวงแก่นส้มยุติธรรม.... เย็นไว้,  เย็นไว้ ... อย่าลดตัวไปทะเลาะกับไอ้สวะนี่...
 “แต่ท่าทะลวงแก่นส้มยุติธรรมอะไรนั่นแข็งแกร่งกว่าจริงๆ นะ  เจ้าลืมไปแล้วเหรอ?”  ถังเทียนลูบคาง ทำสีหน้าจริงจัง  “ถ้าเจ้าลืมไปแล้ว  อย่างนั้นมันน่าเสียดายจริงๆ!  มันเป็นท่าที่ทรงพลังนะ!  แต่ก็ไม่เป็นไป   คิดมากไปได้ บางทีเจ้าอาจจะจำได้อยู่..”
 “ว้ากๆๆ ดูท่าทะลวงแก่นส้มยุติธรรมของข้าซะก่อน!
ถังเทียนเริ่มทำท่ามือของเขา
หน้าของหลิงซิ่วเหมือนมีเมฆครึ้มมารวมตัวกัน  เขียวคล้ำมากขึ้นทุกที
เย็นเข้าไว้ๆ.....  ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!
หลิงซิ่วตะโกนกรอกใส่หูถังเทียนโดยไม่มีการเตือนไว้ก่อน ทำให้ถังเทียนถอยหลบไม่ทันเวลา
 “หุบปากไปเลย, เจ้าบัดซบ,  นี่มันท่าบ้าบออะไรของเจ้า,  เจ้าทำท่าบ้าๆ บอๆ อะไรกันแน่”  หลิงซิ่วโกรธคว้าหอกเงินได้กระแทกใส่หน้าอกตัวเอง ปึ้ก ปึ้ก ปึ้ก และโวยวายขึ้น “มาเลย,  มาสู้กันให้รู้ดำรู้แดงไปเลย  ถ้าเจ้าไม่รู้สำนึก  ก็คงเป็นข้า”
 “เฮ้...” ถังเทียนมองดูหลิวซิ่วอย่างประหลาดใจ และพูดอย่างไม่รู้เรื่องราว “ทำไมล่ะ? นี่ข้ากำลังชมเจ้าอยู่นะ”
ถังเทียนเข้ามามองดูเขาใกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วง  “ซิ่วซิ่วน้อย  เจ้าหักโหมฝึกหนักเกินไปเมื่อเร็วๆ นี้ใช่ไหม, แม้แต่สมองก็พลอยมอดไหม้ไปด้วย?  โอว..ไม่นะ อย่าบอกข้านะว่าเพราะเรื่องนั้น ทำให้เจ้าลืมเรื่องทะลวงแก่นส้มยุติธรรม?”
หลิวซิ่วรู้สึกว่าทั่วร่างของเขาแทบจะมีไฟลุกท่วมจวนเจียนระเบิดเต็มที ผมของเขาตั้งชัน  เขาควงหอกและชี้มาที่ถังเทียน “เจ้า เจ้า เจ้า...! มาสิโว้ย... มาพิสูจน์ฝีมือกันไปเลย!
ถังเทียนยิ่งแน่ใจกับการตัดสินของเขาเอง  ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจขณะมองดูหลิงซิ่วแล้วกล่าว “ไม่เอา..ไม่สู้ ไม่สู้ .... ซิ่วซิ่วน้อย เมื่อเจ้าป่วย เจ้าก็ต้องดูแลรักษาตนเองให้ดี  ถ้าย่ำแย่หนักลงไปกว่านี้ จะอันตรายมาก ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่า สมองสำคัญมาก  อย่าห่วงเลย ข้าจะไม่ทิ้งเจ้า.. หมู่ดาวอีกาต้องมีหมอเก่งๆ แน่นอน...”
สมอง...มีปัญหา...
หลิงซิ่วรู้สึกว่าเขากำลังจะบ้า จึงตะโกนลั่น  “หุบปาก!  มาสู้กันเลย!
แววตาเห็นอกเห็นใจของถังเทียนยิ่งเพิ่มมากกว่าเดิม  เขาส่ายหน้าพูดจริงจัง  “ซิ่วซิ่วน้อย  แม้สมองเจ้าจะมีปัญหา  ข้าก็จะไม่ปล่อยให้อาการกำเริบแน่นอน  ข้าเป็นพี่ชายที่แสนดีอยู่แล้ว....”
 “ว้ากกกกกกก..”
หลิงซิ่วคำรามด้วยความโกรธจัด  เสียงเหมือนฟ้าผ่าดังไปไกล  พวกคนที่มาดูลาดเลาสังเกตการณ์ที่เห็นแต่เพียงเป็นเงาตัวสั่นด้วยความกลัว
 

3 ความคิดเห็น:

neng2006 กล่าวว่า...

ฮ่าๆ ขอบคุณมากครับ สรุปสมองใครมีปัญหากันแน่

คมศักดิ์ กล่าวว่า...

5555 บักถังเอ๊ย แกล้งน้องตลอดเลยนะ

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น