ตอนที่ 206 ประกาศิตกระบี่
ถังเทียนผู้น่าสงสารไม่มีพลังพอจะสร้างความลำบากให้หลิงซิ่ว เขาใช้เวลานอนอยู่บนเตียงนานสามวัน ก่อนที่จะฟื้นคืนกำลังและตื่นขึ้น
นี่คือคำเตือนที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับปราณเที่ยงแท้ในปัจจุบันของเขา เขาไม่สามารถควบคุมใช้งานกรงเล็บเพลิงภูตพรายได้ ร่างกายของเขาไม่สามารถทนรับได้
จากนั้นเขาคิดถึงเรื่องนี้ ผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายอาจดูแก่และอ่อนแอ
แต่ก็มีพลังมากมายน่าทึ่ง
ขณะที่ถังเทียนลุกออกมาจากเตียง
เขาเดินออกมาจากห้องและเห็นหมู่บ้านกระบี่ในสภาพโกลาหล ถึงกับพูดไม่ออก
ภูเขาโดดเดี่ยวตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังหมู่บ้านให้ความรู้สึกที่เศร้าเหมือนกับว่าหมู่บ้านกระบี่ทั้งหมด ปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศก
เป็นเวลาสามวันแล้ว
นับตั้งแต่การต่อสู้ที่สั่นสะท้านสำหรับชาวบ้าน
มันยังไม่จบ หลายๆ บ้านแขวนธงดำไว้ทุกข์
และถังเทียนรู้ว่านั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีครอบครัวที่สูญเสียสมาชิกไป
ทุกคนยังคงมีร่องรอยเศร้าโศกเสียใจอยู่บนใบหน้า แต่ในช่วงเวลานั้น พวกเขาไม่สนใจเรื่องความเจ็บปวดสูญเสียที่พวกเขาได้รับ
ได้แต่มุ่งมั่นทำงานกันอย่างสุดกำลัง
กำแพงดินที่ป้องกันหมู่บ้านมีช่องโหว่หลายแห่ง และชาวบ้านจำเป็นต้องรีบซ่อมแซมกำแพง เพื่อที่ว่าครั้งต่อไป อสูรหินกรวดมาถึง
ก็จะมีเครื่องป้องกันไม่ให้พวกมันบุกเข้ามาง่ายๆ
เมื่อถังเทียนพบเซี่ยชิง
เขาเปลือยกายท่อนบนแบกซุงท่อนใหญ่เพื่อสร้างเชิงเทินบนกำแพง
การมาถึงของถังเทียนทำให้ชาวบ้านตื่นเต้นกันหลายคน
และบางคนรีบไปแจ้งเซี่ยชิง
เซี่ยชิงโดดลงมาทันทีและรู้สึกละอายเล็กน้อย “ท่านผู้กล้า, ทำไมท่านมาอยู่ตรงนี้? ที่นี่สกปรกเกินไป”
“เอ่อ.. ข้าไม่ใช่ผู้กล้าอะไรทั้งนั้น เรียกข้าว่าอาเทียนก็พอ”
ถังเทียนละอายใจเล็กน้อยและถามด้วยความสงสัย “พวกท่านกำลังสร้างกำแพงเพื่อป้องกันอสูรหินกรวดหรือ?”
“ไม่ใช่”
เซี่ยชิงยิ้มขมขื่น
“ปกติอสูรหินกรวดจะไม่บุกโจมตีหมู่บ้าน
พวกมันโง่มาก กำแพงนี่จะใช้ป้องกันสัตว์ร้ายอย่างอื่น”
“งั้น..แล้วตอนนั้นเล่า?” ถังเทียนย้อนถาม
“นั่นคือจ้าวอสูรหินกรวด” หน้าของเซี่ยชิงคล้ำ แต่เต็มไปด้วยความกังวล “จ้าวอสูรหินกรวดไม่ค่อยพบเห็นได้ง่ายๆ คาดไม่ถึงเลยว่าในสถานที่เช่นนี้จะมีอยู่ตัวหนึ่ง ไม่มีจ้าวอสูรหินกรวด อสูรหินกรวดก็เป็นกลุ่มสัตว์โง่ๆ แต่พอมีจ้าวอสูรหินกรวด พวกมันกลับอันตรายมาก แต่โชคดีจริงๆ
ที่ท่านผู้กล้าช่วยลงมือ
ถ้าไม่อย่างนั้นหมู่บ้านคงจะประสบกับหายนะแน่!”
“ฮ่าฮ่า! เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
เจ้าไม่ต้องพูดถึงก็ได้” ถังเทียนเท้าสะเอวหัวเราะ หน้าของเขายังแสดงท่าทีมั่นใจ
เซี่ยชิงตบหน้าผากตนเอง “โอวใช่สิ, ผู้กล้าหาญ โปรดตามข้ามา”
เซี่ยชิงพาถังเทียนไปที่คลังเก็บของ เขาเปิดห้องออกและกล่าวขอบคุณ
“ทั้งหมดนี้คือทองอีกาที่เพิ่งรวบรวมเก็บมาได้ครั้งล่าสุด ทั้งหมดเป็นสินสงครามของท่านผู้กล้า หมู่บ้านเรายากไร้เกินไป
ไม่มีอะไรจะขอบคุณท่าน ข้าเองจริงๆ
แล้ว...”
เมื่อเซี่ยชิงพูดถึงตรงนี้แล้ว
หน้าของเขาพลันแดงขึ้น
เมื่อนักสู้สวรรค์วิถีช่วยลงมือ
ปกติราคาแสนเหรียญดาวจะเป็นค่าจ้างราคาทั่วไป...
ตั้งแต่แรกเลย
ถังเทียนไม่คิดว่าจะได้รับค่าตอบแทนใดๆ อยู่แล้ว
แต่เขาเห็นอยู่ว่าหมู่บ้านยากจนมากจริงๆ
สายตาของเขาจับจ้องทองกองเล็กในคลังเก็บของและตะโกนอย่างตื่นเต้น “นี่คือทองอีกาหรือ?”
ทองอีกามีขนาดแตกต่างกันไป
เป็นโลหะกลมอวบ พื้นผิวสีเทามีทองเป็นหย่อมๆ เมื่อถือดูปรากฏว่าเบามาก
โลหะเบาขนาดนั้น!
เซี่ยชิงมองดูสีหน้าถังเทียน
และรู้ว่าเป็นครั้งแรกของเขาที่ได้รู้จักทองอีกา เขาหัวเราะออกมาพร้อมกับแนะนำ “เอ่อ... ทองอีกาปกติจะไม่ค่อยมีประโยชน์กับเราชาวท้องถิ่น และเกือบทั้งหมดจะค้าขายโดยกองคาราวานพ่อค้า ข้าได้ยินมาว่าพวกวิศวกรเครื่องกลชอบทองพวกนี้ ดังนั้นเราจึงใช้ทองพวกนี้แลกกับอาหาร “นอกจากนี้ทองอีกาทั้งหมดนี้
คุณภาพนับว่าไม่เลว ถ้าท่านผู้กล้ามีสหายเป็นวิศวกรเครื่องกล
บางทีทองอีกาทั้งหมดนี้อาจใช้ประโยชน์ได้
ถ้ามันขายได้ ข้าไม่แน่ใจว่าจะมีราคามากน้อยเพียงใดกันแน่”
วิศวกรจักรกล?
ถังเทียนนึกถึงเซรีนทันทีและกล่าวอย่างมีความสุข “พอดีเลย
ข้ามีสหายวิศวกรจักรกลอยู่คนหนึ่ง
งั้นข้าขอรับไว้ทั้งหมดก็แล้วกัน”
“แต่เดิมทีก็เป็นของท่านแต่แรกอยู่แล้ว”
เซี่ยชิงบอกเขาตามตรง “แต่อันที่จริง...”
“ฮ่าฮ่า, ไม่ต้องพูดถึงมันหรอก!” ถังเทียนสงสัยทันที “ทำไมพวกเจ้าทุกคนถึงไม่ย้ายที่เล่า? ข้าได้เห็นภูมิประเทศโดยรอบแล้ว มันค่อนข้างราบและยากจะป้องกัน ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เชื่อมกับถนนหลักเลย ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ภูเขาข้างหลังล่ะ ข้าเห็นพื้นที่ภูเขาเหมือนกัน เป็นที่สูงชันและยากต่อการโจมตี”
เซี่ยชิงถอนหายใจ “เรื่องมันยาว
เราเป็นคนของตระกูลเซี่ย และเป็นมือกระบี่องครักษ์”
“มือกระบี่องครักษ์?” ถังเทียนตะลึง
เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำพูดเช่นนั้น
เซี่ยชิงฝืนหัวเราะ
“เรื่องเกี่ยวกับภูเขาที่ท่านผู้กล้าเพิ่งกล่าวถึง”
“ภูเขาสูงชันนั่นน่ะหรือ?” ถังเทียนประหลาดใจ ยอดเขานั้นสูงโดดเดี่ยวชันมาก เหมือนกับกระบี่ที่ชี้ขึ้นไปบนสวรรค์
“ถูกแล้ว” เซี่ยชิงยังคงอธิบายต่อ “ยอดเขาแห่งนี้เรียกว่ายอดเขากระบี่ศิลา ตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษของเรา ภูเขานี้เหมือนมีกระบี่สมบัติที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และภารกิจของตระกูลเซี่ยของข้าต้องทุ่มชีวิตดูแลกระบี่สมบัตินี้ไว้”
“ฟังดูเหมือนว่าจะทรงพลังจริงๆ” ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย
ใบหน้าของเซี่ยชิงที่ผ่านความยากลำบาก
ถึงกับหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้
“แต่ในความเป็นจริง
ไม่มีใครเคยเห็นกระบี่สมบัติที่นั่นมาก่อน
ตั้งแต่ข้ายังเด็ก ข้ามักปีนเขาขึ้นไปค้นหาดูเสมอ และลองขุดลึกลงไปสามเมตร แต่ไม่พบแม้แต่ร่องรอยของบรรพบุรุษเรา
นอกจากนี้บรรพบุรุษของเราก็ยังไม่มีใครได้เห็นกระบี่ เราจึงได้แต่สงสัยว่า ภารกิจที่ได้รับส่งมอบต่อๆ
กันมานี้ อาจเป็นเรื่องไม่จริง”
“เอ่, แล้วเพราะเหตุนี้
พวกเจ้าก็เลยไม่ย้ายไปไหนหรือ?”
ถังเทียนอดกล่าวขัดเขาไม่ได้
รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยชิงยิ่งดูฝืนใจมากขึ้น แม้ว่าเขาจะเห็นด้วยอย่างชัดเจน
ถึงตอนนี้
ชาวบ้านคนหนึ่งลุกลี้ลุกลนเข้ามาทันที
“พี่ชิง, ไม่ดีแล้ว! ไม่ดีแน่!”
“เกิดอะไรขึ้น?” ตาของเซี่ยชิงแหลมคมดุจกระบี่ “อสูรหินกรวดกลับมาอีกหรือ?”
“ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้น” ชาวบ้านคนนั้นกระวนกระวายวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา แต่ยังพูดต่อ
“ประกาศิตกระบี่..... พี่ชิงดูเหมือนนี่คือประกาศิตกระบี่...”
“ประกาศิตกระบี่?” เซี่ยชิงนัยน์ตาคล้ำลง
นี่คือการ์ดภาพกระบี่เงิน
ด้านบนมีคำหนึ่งเขียนไว้ว่า “กัว”
“ประกาศิตกระบี่ตระกูลกัว!” หน้าของเซี่ยชิงเปลี่ยน ขณะที่เขาพึมพำกับตนเอง “ใครอยากจะยั่วโมโหมารร้ายอย่างกัวตงกันเล่า?”
เขาถ่ายปราณลงไปในประกาศิตกระบี่
มีแสงฉายออกมาจากประกาศิตนั้น
ภายในแสงเป็นยานเงินราคาแพง
บุรุษหนุ่มผมเงินและบุรุษหนุ่มที่เห็นไม่ชัดอีกคนอยู่ภายในยาน
หน้าของเซี่ยชิงและชาวบ้านคนอื่นเปลี่ยนไป สายตาของพวกเขามองดูถังเทียน
“เอ...นั่นเป็นข้ากับซิ่วซิ่วน้อยไม่ใช่เหรอ?”
ถังเทียนชี้ไปที่คนตัวเล็กที่อยู่ภายในรัศมีแสงนั้น ตาของเขาเป็นประกายดีใจ
ถึงตอนนี้ เสียงดุร้ายเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันดังขึ้นมาจากประกาศิตกระบี่ทันที
“ใครก็ตามที่เห็นยานนี้หรือคนผู้นี้
รีบรายงานตระกูลกัวโดยเร็ว ถ้ามีใครก็ตามพยายามซุกซ่อนคนเหล่านี้ไว้
ข้าจะกวาดล้างทั้งหมู่บ้านไม่ให้เหลือแม้แต่ไก่และสุนัข”
หน้าของชาวบ้านยิ่งขาวซีด
และหน้าของเซี่ยชิงก็หวาดกลัวสุดขีด
แสงจากประกาศิตกระบี่จางลงและหายกลับเข้าไปในมือของเซี่ยชิง
ถังเทียนที่สงสัยอยู่แต่แรกหลังจากได้ยินคำเหล่านั้น เขาขมวดคิ้วถามอย่างไม่สบายใจ “เจ้าบัดซบผู้นี้เป็นใคร? ถึงได้หยิ่งยโสนัก”
“หัวหน้ากาเพลิง,
อาจารย์กัวตงแห่งหมู่บ้านกระบี่ตระกูลกัว! หน้าของเซี่ยชิงค่อยๆ กลับคืนสู่ความสงบ แต่ในตาเขายังคงมีแววหวาดกลัว
ถังเทียนสับสน “ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน...”
“กัวตงมีชื่อเสียงรวดเร็ว เมื่อสิบปีที่แล้ว
เขากลายเป็นนักสู้สวรรค์วิถี” เซี่ยชิงขบริมฝีปาก “และเจ็ดปีที่แล้ว ชื่อของเขาแพร่กระจายอยู่ในรายชื่อหมื่นคนแรกของนักสู้สวรรค์วิถี จากนั้นเป็นต้นมา
เขาไม่เคยตกจากรายชื่อของนักสู้สวรรค์วิถีเลย และปัจจุบันนี้เขาอยู่อันดับที่ 9928!”
“รายชื่อในสวรรค์วิถี?” ตาของถังเทียนเป็นประกายวูบ
เขามีความสังสัยเต็มเปี่ยม “นั่นคืออะไร? เป็นลำดับรายชื่อยอดฝีมือใช่ไหม?”
เมื่อเห็นสีหน้าของถังเทียน เซี่ยชิงรู้ว่าเขาไม่ได้ปั้นหน้าหลอกลวง แต่ในใจของเขาสงสัยยิ่งนัก พลังของจอมยุทธถังทรงพลังยิ่งนัก เขาไม่รู้เรื่องพื้นฐานแบบนี้ได้ยังไง?
เขายังคงอธิบายอย่างอดทน “ถูกแล้ว
รายชื่อสวรรค์วิถีเป็นรายนามของผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคปัจจุบัน
แต่มีเพียงชื่อของนักสู้ระดับสวรรค์วิถีเท่านั้น จึงจะมีชื่อปรากฏ รายชื่อสวรรค์วิถีถูกจัดทำโดยความร่วมมือของหมู่ดาวเซฟิอุสและหมู่ดาวค้างคาว
หลังจากส่งผ่านข้อมูลร่วมกันจากหอสมุดวิทยายุทธอมตะ ก็ขึ้นอยู่กับขอบเขต
วิทยายุทธ ผลสำเร็จในการต่อสู้ แล้วพวกเขาจึงจัดทำลำดับรายชื่อ”
“หวา หวา หวา รีบไปดูซิว่ามีข้าบ้างไหม?” เมื่อได้ยินเรื่องสนุกแบบนั้น ถังเทียนตื่นเต้นอีกครั้ง
“ท่านผู้กล้าต้องไปซื้อข่าววิทยายุทธอมตะที่หอสมุดวิทยายุทธอมตะจัดจำหน่ายเป็นพิเศษเสียก่อน จากนั้นท่านจึงจะรู้” เซี่ยชิงยังคงแนะนำต่อ “จะมีข่าวคราวมากมายเกี่ยวกับเรื่องราวสวรรค์วิถี ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือผู้ล่วงลับไปแล้ว ตระกูลใหญ่หรือ อัจฉริยะจากหมู่ดาว ทุกเรื่องจะมีแนะนำไว้ในนั้น
ถ้าผู้กล้าต้องการทำความเข้าใจสวรรค์วิถีมากขึ้น
ข่าววิทยายุทธอมตะคือทางเลือกที่ถูก”
“แล้วข้าจะไปหาข่าวของหอสมุดวิทยายุทธอมตะได้จากไหน?” ถังเทียนรู้สึกละอายใจ เขาได้เห็นว่าเร็วๆ
นี้พลังของเขาได้เพิ่มขึ้นมาก และควรจะเข้าไปอยู่ในระดับสวรรค์วิถี แต่นั่นหมายความว่า
ชื่อของเขาเองสามารถปรากฏไปได้ทั่วทั้งโลกไม่ใช่หรือ?
ว้าว ถ้าเป็นเช่นนั้น
ก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว
ใครจะสนเรื่องกัวตงกันเล่า โอว.. เขาเป็นใครกัน?
แมลงเล็กน้อยที่อันดับเกือบถึง
10000 นี่เขายังกล้าคุยโตอีกหรือนี่?
เซี่ยชิงส่ายศีรษะ “หมู่บ้านของเราไกลเกินไป ไม่มีหอสมุดวิทยายุทธอมตะ
ถ้าท่านผู้กล้าต้องการซื้อข่าววิทยายุทธอมตะ ท่านต้องไปที่เมืองใหญ่ ข้าไม่ได้ไปที่นั่นมานานแล้วและไม่ได้สังเกตเรื่องแบบนี้ด้วย”
เซี่ยชิงแอบถอนใจ ในอดีต เขายังเต็มไปด้วยความฮึกเหิมมากมาย ใจของเขาต้องการเติบโตก้าวหน้า แต่ความจริงกลับทำร้ายเขา เขาเป็นเพียงคนธรรมดา
และยังห่างไกลจากคำว่าอัจฉริยะ
รายนามสวรรค์วิถีเป็นสนามต่อสู้สำหรับอัจฉริยะ
และไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้
เขาเป็นแค่เพียงเด็กที่ยากจนจากหมู่บ้านกระบี่ที่กันดารในภูเขาที่น่าสมเพช
มีแต่เพียงคนอย่างผู้กล้าหาญนี้ที่จะเข้าไปข้องเกี่ยวกับข่าวคราววิทยายุทธอมตะ เซี่ยชิงรู้สึกอิจฉาในใจ
เมื่อได้ยินคำของเซี่ยชิง
ถังเทียนผิดหวัง แต่ทันใดนั้น เขาคิดอะไรได้บางอย่าง
เขามีป้ายเกียรติยศนักสู้ไม่ใช่หรือ?
ใครจะรู้ว่าพวกเขาซื้อมันได้หรือไม่?
ป้ายเกียรติยศนักสู้ขายทุกอย่างที่น่าทึ่ง
และยังให้ความทรงจำที่ประทับใจต่อถังเทียน
เมื่อคิดดูแล้ว
ถังเทียนอำลาเซี่ยชิงและวิ่งกลับไปที่ห้องเขาทันที และถ่ายปราณเข้าไปในป้ายเกียรติยศนักสู้ทันที
เขาไม่ได้ใช้ป้ายเกียรติยศนักสู้มานานแล้วมากแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฝึกฝน ก็มัวแต่ต่อสู้
พวกสมาพันธ์ชาวยุทธเขาแทบโยนทิ้งออกไปจากหัว
เขามีคะแนนสะสมไว้ในป้ายเกียรติยศนักสู้มาก ทุกๆ เดือนเขามีจำนวนคะแนนสะสมอยู่มาก รวมๆ
แล้วน่าจะเป็นจำนวนมาก ตอนนี้เขาไม่คิดเรื่องอะไรอื่น
และมองหาซื้อข่าววิทยายุทธอมตะทันที
นึกไม่ถึงเลยว่ามีคนขายน้อยมากและราคาก็ถูกมากจริงๆ โดยไม่ต้องคิดซ้ำสอง ถังเทียนซื้อฉบับล่าสุดทันที
นักสู้ของสมาพันธ์ชาวยุทธมักจะอยู่ในพื้นที่โล่งหรือภูเขา และในสถานที่เหล่านั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมจ่ายเพื่อซื้อข่าววิทยายุทธอมตะ แม้ว่าราคาส่งจะค่อนข้างแพงไปบ้าง แต่คนรวยถือว่าไม่เป็นปัญหา
ถังเทียนเป็นวิญญาณยากไร้
แต่ในช่วงเวลานี้ข่าววิทยายุทธอมตะตื่นเต้นดึงดูดความสนใจของเขา
และโดยรวดเร็ว
การ์ดน้ำเงินของหมู่ดาวเซฟิอุสและหมู่ดาวค้างคาวปรากฏอยู่ในป้ายเกียรติยศนักสู้ของถังเทียน
การ์ดสีฟ้าดูสวยงามมาก
ถังเทียนถ่ายปราณเที่ยงแท้ลงไปในการ์ดอย่างอดทน
เขาอยู่ระดับใดกันแน่? ช่างทำให้ผู้คนสงสัยยิ่งนัก
4 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น