วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 209 ฟลามิงโก โจมตี!

ตอนที่  209  ฟลามิงโก โจมตี!

บนพื้นที่สูง
กัวตงสังเกตว่ามีการต่อสู้ที่ยุ่งเหยิงห่างไกลออกไป  อารมณ์ของเขาตึงเครียดทันที คางแหลมของเขาเต็มไปด้วยตอหนวดที่ไม่ได้โกน ทำให้คนคิดถึงเขากวางพร้อมจะพุ่งชนด้วยความแข็งกร้าว

เสื้อคลุมดำถูกลมพัดพลิ้ว  ขณะที่มันทำให้รูปกาเพลิงสีแดงเข้มเหมือนกับมีชีวิต
ข้างตัวเขา มีบุรุษหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง  บุรุษหนุ่มสวมชุดคล้ายๆ กับกัวตง  เขาดูตัวซีดและดวงตาเรืองแสงเป็นประกาย และมีแขนที่ยาว
 “ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มาอย่างเป็นมิตร”  เสียงของกัวตงเย็นชาพอๆ กับกาเพลิงบนชุดของเขา  “ข้าไม่เคยคิดว่าความลับของยอดเขากระบี่จะถูกคนอื่นค้นพบด้วย”
ลมหายใจของเขาสะท้อนอยู่ในสายลม
ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย  “ท่านลุงบอกข้าว่าท่านรู้มานานแล้วไม่ใช่หรือ?”
 “ข้าพบโดยบังเอิญ”  กัวตงมองดูชายหนุ่มด้วยความเมตตา  เขาคือหลานชายของเขา และเขาก็คือสาเหตุให้เขายอมลดตัวอยู่ในหมู่บ้านกระบี่
เขาเป็นคนโสดผู้คอยดูแลหลานชายเหมือนกับเป็นลูกชายของเขา  หลายปีมานี้เขายอมทนเบื่อหน่ายรั้งอยู่ในหมู่บ้านกระบี่ก็เพราะเสี่ยวอวี่
แต่เสี่ยวอวี่ไม่ทำให้เขาผิดหวัง  ภายใต้การดูแลของกัวตง  เสี่ยวอวี่มีฝีมือก้าวหน้าจนใกล้เคียงเขา
ขณะที่เสี่ยวอวี่มีอายุเพียงสิบเก้าปี  เทียบกับนักสู้อมตะผู้มีพรสวรรค์เหล่านั้น เสี่ยวอวี่ไม่ด้อยไปกว่าแน่นอน
 “ข้ามาเยี่ยมเยือนยอดเขากระบี่หินนับครั้งไม่ถ้วน และข้าก็ยังไปเพื่อหากระบี่สมบัติด้วย” กัวตงจับตามองการต่อสู้ที่ดุเดือด  เขาถอนหายใจเบาๆ  “ตระกูลเซี่ยดูเหมือนจะไม่รู้ตำแหน่งกระบี่สมบัติ  ดังนั้นข้าสงสัยว่าคนกลุ่มนี้จะใช้วิธีอะไรเพื่อหามันให้พบ”
 “ท่านลุง, กระบี่สมบัติคืออะไรกันแน่?”  นัยน์ตาของกัวอวี่มีประกายสงสัย
 “ข้าไม่รู้เรื่องอื่นเลย”  กังตงยิ้มก่อนที่เขาจะกลับคืนสู่ความสงบ  “แต่มันมีค่าจนตระกูลเซี่ยต้องอยู่คุ้มครอง ดังนั้นต้องเป็นของทรงคุณค่าเหลือเชื่อแน่นอน”
 “โอว” กัวอวี่ผิดหวังเล็กน้อยแต่เขาคิดถึงอีกปัญหาหนึ่งในตอนนี้  “ท่านลุง! คนที่มาเป็นใครกัน?  เขาน่ากลัวมาก เพราะเขาสามารถบังคับอสูรหินกรวดได้! ถ้าเขาโจมตีหมู่บ้านเรา  เราคงไม่อาจหยุดเขาได้”
รังสีอำมหิตในตัวกัวตงเพิ่มขึ้น ขณะที่เคราของเขาพลิ้วไสว  เสียงของเขาเคร่งเครียดและเย็นชา “เขาเรียกว่าซอบอดกำสรวล”
 “ซอ...บอด..กำสรวล..” กัวอวี่ถลึงตา ท่าทางของเขาดูประหลาดใจมาก  “ตาเฒ่าซอบอดกำสรวลมาทำอะไรที่นี่?”
ซอบอดกำสรวล เป็นนักสู้สวรรค์วิถีอันดับที่ 9900
ไม่มีใครรู้จักชื่อของเขา ทุกคนเรียกเขาว่าเฒ่าบอดคนสีซอ  มีข้อมูลเกี่ยวกับเขาไม่มาก  เขาเข้ามาอยู่ในรายชื่อสวรรค์วิถีเร็วกว่ากัวตงมาก
ทุกคนรู้ว่าเขาตาบอดตั้งแต่อายุยังน้อย  แต่พรสวรรค์ในการฝึกฝนของเขาโดดเด่นมาก  และเจ้าอารมณ์มาก  จนวันหนึ่งบังเอิญเขาได้สะดุดกับการฟังเสียงซอหม่นหมองหดหู่  เขาถึงกับหลงใหลในเสียงของซอนั้นทันที
เสียงเพลงของเขาเศร้ามาก ทำให้ผู้คนไม่สามารถถอนตัวจากบทเพลงนั้นได้
โดยนิสัยแล้วเขาเป็นคนไร้เหตุผลและน่ากลัว และชอบฆ่าคนตามอำเภอใจ  เรื่องที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาก็คือ ราตรีเลือดแห่งความเศร้าโศก ปีนั้นบนถนนเข้าเมือง  ชาวท้องถิ่นจัดต่อสู้ประลองฝีมือกัน และมียอดฝีมือมาร่วมกันมาก
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด  เขาดึงซอของเขาออกมา
บทเพลงบรรเลงที่เศร้าโศกครอบคลุมไปทั่วเมือง และในคืนนั้นมีคนฆ่าตัวตาย 109 คน รวมทั้งคนอายุยี่สิบปีคนหนึ่งซึ่งแข็งแกร่งกว่านักสู้ระดับหกที่มาร่วมในเหตุการณ์นั้น
เขายากที่จะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน และยิ่งยากจะต่อสู้ต่อหน้าผู้คน แต่การจัดอันดับของเขาไม่เคยหลุดไปจากรายชื่อของนักสู้สวรรค์วิถี  พลังของเขาได้รับการพิสูจน์อย่างชัดเจน
 “ข้าไม่รู้” กัวตงส่ายศีรษะ  “เขามีความตั้งใจแน่  แต่กลยุทธแบบนี้ มีแต่เพียงเขาที่ทำได้ ตั้งแต่นี้ไปเจ้าต้องระวัง  เสียงเพลงของนักสู้จะแฝงไม้ตายไว้มากมายซึ่งล้วนแต่คาดไม่ถึง”
 “อย่างนั้นเรา....” กัวอวี่ไม่มั่นใจ
 “อย่าห่วง” กัวตงยิ้ม  “มีคนไม่มากที่รู้จุดอ่อนของเขา  แต่บังเอิญ ลุงของเจ้าเป็นคนหนึ่งที่รู้เรื่องนี้”
 “เรื่องกัวหลินและคนอื่นๆ ล่ะ?”  กัวอวี่เห็นการต่อสู้ดิ้นรนที่ยากลำบากและบาดแผลที่เต็มร่างกัวหลินแล้ว  เขาอดถามไม่ได้
 “ทางหมู่บ้านจะดูแลครอบครัวของเขาเป็นอย่างดี”  กัวตงตอบ
ทันใดนั้น  ตาของเขาแข็งขึ้น
กัวอวี่สังเกตความเปลี่ยนแปลงในสายตาของกัวตงและมองดูตำแหน่งที่กัวตงมอง และอุทาน “นั่นใครกัน?”
รังสีแดงเพลิงและเงินเหมือนคมหอกแทงทะลวงผ่านอสูรหินกรวด
※※※

หลิงซิ่วตื่นเต้นเมื่อเขาง่วนอยู่พลังของนกฟลามิงโก  ในการต่อสู้ วิชาหอกโบราณจะใช้ในการสู้จริงๆ  ไม่ใช่เพื่อการฝึกซ้อมฝีมือ
วิชาหอกทะเลจุดของเขาย้อนหลังไปเป็นเวลานานยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ของวิชาหอกโบราณ
มีเคล็ดดีๆ อยู่หลายอย่างในหอกทะเลจุดและเคล็ดแต่ละอย่างต้องการใช้พาหนะขับขี่  ตั้งแต่ได้เรียนรู้มา หลิงซิ่วไม่เคยใช้เคล็ดเหล่านี้เลยสักครั้ง  เขาร่อนเร่เพียงให้ได้อาหารวันละสามมื้อและพักในโรงเตี๊ยมเล็กๆ  จะไปหาเงินซื้อพาหนะมาจากไหน?
อสูรจักรกลที่เขาขี่อยู่สร้างขึ้นมาด้วยรายละเอียดและมีบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตของเขา
มันไม่ได้มีขนาดใหญ่เกินไป แต่กลับออกแบบมาเหมือนชิ้นงานศิลปะแข็งแกร่งผิดธรรมดา  เมื่อมันเร่งความเร็ว ก็เหมือนมีเปลวเพลิงลุกเป็นสาย
ขณะที่ลมปะทะพัดผ่านใบหน้าและเสียงหวีดหวิวดังเข้ามาในหู ทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมมากขึ้น!
อัศวินโบราณกระชับหอกและเร่งความเร็วเข้าหาศัตรูโดยมิกลัวเกรง
ขณะที่ผมสีเงินของเขาสะบัดพลิ้ว ดวงตาสีแดงเพลิงราวกับมีไฟลุกท่วม
ทันใดนั้น คำพูดของอาจารย์ของเขาลอยขึ้นมาในใจเขา  ในท่ามกลางสายลมเขาอดพึมพำไม่ได้
 “.....ข้าสาบานว่าจะปฏิบัติต่อคนอ่อนแอเป็นอย่างดี  ข้าสาบานว่าจะต่อสู้ด้วยความฮึกเหิม  ข้าสาบานว่าจะต่อต้านพวกทำผิด  ข้าจะต่อสู้เพื่อคนที่ไม่เป็นอันตรายและป้องกันตัวเองไม่ได้...”
 “...ข้าสาบานว่าจะยื่นมือให้ความช่วยเหลือคนที่ร้องขอ  ข้าสาบานว่าจะไม่ทำร้ายสตรี...”
 “...ข้าสาบานว่าข้าจะช่วยเหลือพี่น้องของข้า  ข้าสาบานว่าจะปฏิบัติต่อสหายของข้าอย่างซื่อสัตย์  ข้าสาบานว่าจะให้ความรักจนวาระสุดท้ายของชีวิตข้า...”
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น  เขาได้กลิ่นเหมือนอาจารย์เขา  กลิ่นที่หลิงซิ่วคิดว่าเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของอาจารย์ของเขา  ในที่สุดเขาก็รู้ว่ากลิ่นนั้นคืออะไร
ความศรัทธา!
อาจารย์! เสี่ยวซิ่วไม่อาจเป็นเหมือนท่านได้  แต่เสี่ยวซิ่วจะเดินตามรอยเท้าท่าน และเคี่ยวกรำตนเองอย่างหนัก
เงาร่างที่อ่อนโยนและเป็นมิตรปรากฏขึ้นในใจหลิงซิ่ว  ดวงตาที่อ่อนและห่วงใยมองมาที่เขา
หลิงซิ่ว, สู้สู้
หลิงซิ่วหมอบตัวลง และเหมือนกับว่าฟลามิงโกจะรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นของเขา มันเร่งความเร็วขึ้นจะเกิดริ้วสีแดงสว่างจ้า
ภาพข้างหน้าสั่นไหว ขณะที่หลิงซิ่วยังคงนิ่ง
ในชั่วสองสามวินาที หลิงซิ่วใกล้จะปะทะกับกำแพง
นกฟลามิงโกงอขาบางของมันและกรงเล็บของมันจิกลงไปในพื้นดิน
ปัง นกฟลามิงโกกระโจนขึ้นไปในอากาศ  สายตาของหลิงซิ่วกวาดมองไปทั่วสนามต่อสู้เบื้องล่างสายตาเขา ความฮึกเหิมที่อธิบายไม่ได้ซึ่งอยู่ในตัวเขาลุกโชนเหมือนเพลิง ขณะที่เขากระชับหอกเงินในมือแน่น
ทุกคนตะลึงเมื่อหลิงซิ่วปรากฏออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ในอากาศ หลิงซิ่วมาถึง ผมเงินของเขาที่กระพือพัดเหมือนกับเปลวไฟตกลงประบ่า เมื่อแหงนมองบนท้องฟ้า เขาดูน่าเกรงขาม
ปัง!
ฟลามิงโกร่วงลงพื้น แม้ว่าร่างของมันจะดูบอบบาง  แต่มันลงพื้นด้วยลักษณะที่ดูประหลาดเหมือนเสียงกลองที่ดังสะท้านหัวใจทุกคน  ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจ
เศษดินร่วนกระจาย แต่หลิงซิ่วไม่ได้รับผลกระทบอะไร  เขายืดตัวขณะใช้หอกเงินชี้ ... “ฆ่า”
ทันใดนั้นนกฟลามิงโกกลายสภาพเป็นเหมือนเปลวเพลิงวิ่งตะลุยใส่ทันที
ข้อมือเขาสั่น เขายืมพลังนั้นและแทงหอกทะลุตัวอสูรหินกรวดได้อย่างง่ายดาย  นกฟลามิงโกไม่มีความปราณีเป็นเหมือนกับพายุหมุนไฟขณะที่มันตะลุยเข้าใส่อสูรหินกรวด
เมื่อหลิงซิ่วแทงใส่อสูรหินกรวดตัวที่สาม  ตัวที่โดนแทงตัวแรกจึงค่อยล้มลงกับพื้น
ด้วยพลังของนกฟลามิงโก หลิงซิ่วตระหนักได้ว่าทุกอย่างง่ายขึ้นมาก เขาเพียงแต่ต้องแทงหอกออกไปให้ต่อเนื่อง นั่นเป็นเรื่องที่เขาทำได้ง่ายๆ แล้ว  เขาสามารถแทงและทะลวงได้ต่อเนื่อง สำหรับนักสู้ส่วนใหญ่แล้ว นี่อาจเป็นงานที่ยาก  แต่สำหรับหลิงซิ่ว มันง่ายมาก”
เพราะความเร็วที่สูงและการโจมตีฉับพลัน ทำให้พลังหอกของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
อสูรหินกรวดล้มลงกับพื้นเหมือนกับรวงข้าวที่ถูกเก็บเกี่ยว
ความต้องการสู้ของหลิงซิ่วกลายเป็นความตั้งใจหลักในหัวใจของเขา ด้วยความคิดของเขา นกฟลามิงโกที่มีความเร็วสูงหมุนตัวและวิ่งขึ้นไปบนกำแพง
การผสมผสานระหว่างสีเงินกับสีแดงทำให้ผู้คนถึงกับอึ้ง  แต่เป็นความอันตรายที่ทำให้ผู้คนอึ้งได้เช่นกัน
แสงที่ฉายผ่านกำแพง เหมือนกับปากกาแสงที่ฉายผ่านกำแพงมีสีแดงและสีเงินสลับกัน
ความถี่ที่อสูรหินกรวดปรากฏขึ้นมาเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาด  และหลิงซิ่วก็จดจำไว้ขณะที่พวกมันรวมตัวกันทั้งหมด  หอกยังทะลวงพวกมันครั้งละหนึ่งตัว
ไม่ต้องเคลื่อนไหวให้รวดเร็วแต่อย่างใด  ไม่ต้องเคลื่อนไหวด้วยท่ายากอะไร เขาก็แทงหอกได้แล้ว
รูปแบบที่แตกต่างกันสองชนิด คือหยาบ และเถื่อนเข้ากันได้เป็นอย่างดีลงตัว จึงมีความอันตรายมาก
ชาวหมู่บ้านตระกูลเซี่ยสามารถรู้สึกถึงสายลมสีแดงกวาดผ่านเขาไป และอสูรหินกรวดทั้งหมดที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาล้มลงกับพื้นทั้งหมด
หลังจากความเปลี่ยนแปลงไม่กี่รอบ  อสูรหินกรวดที่รายล้อมทั้งหมดก็ถูกกวาดล้างหมด
ขณะที่จ้าวอสูรหินกรวดยังสู้ติดพันกับเซี่ยชิง ก็ลงมือท้ายที่สุดจนได้   การแสดงฝีมือพลังต่อสู้ประหลาดๆ ของหลิงซิ่ว  นับว่าประหลาดมากเมื่อเทียบกับทั้งสองฝ่าย
ด้วยความช่วยเหลือของหลิงซิ่ว  สถานการณ์โดยรวมเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
หลิงซิ่วเลี้ยวกลับและบุกเข่นฆ่าอีกครั้งทำให้แรงกดดันทางด้านชาวบ้านลดลงไปมาก
และแล้วหลิงซิ่วมีความคิดที่ห้าวหาญ
เจ้าพวกบัดซบที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง  พวกเขาต้องอยู่เบื้องหลังอสูรหินกรวดนี้แน่นอน  ถ้าเขาเจาะทะลุแนวป้องกันของคู่ต่อสู้ได้ จากนั้นเขาจะสามารถบังคับให้คู่ต่อสู้ปรากฏตัวออกมาจากที่ซ่อน
ฆ่าคือความตั้งใจหลักของเขา  น่าดีใจมากเพราะทำให้ความตั้งใจสู้ที่อยู่ในตัวของหลิงซิ่วทะยานสูง  เขาสามารถรู้สึกได้แต่เพียงว่าตลอดทั้งร่างของเขาเหมือนกับมีเพลิงห่อหุ้มและเขาไม่มีความกลัว
เขาจับจ้องสายตาไปทางอสูรหินกรวด  ดวงตาสีเปลวเพลิงของเขามีความมุ่งมั่นต่อสู้สูงขึ้นทันที
เขาเขาใช้มือซ้ายลูบหัวฟลามิงโก้เบาๆ
เจ้าชื่อว่าฟลามิงโกใช่ไหม?  นั่นเป็นชื่อที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว  เรามาสู้ร่วมกันเถอะ
มาตะลุยทำลายแนวป้องกันของพวกมันเถอะ
ฟลามิงโกเอย, บุก!
หลิงซิ่วหมอบลงพร้อมกับหอกเงินด้านหลังเขา ริ้วเปลวเพลิงย้อยลงเหมือนลูกบอลเพลิงที่มีเปลวลุกท่วม
ฟลามิงโกย่อตัวลงเช่นกันขณะที่มันรวมพลังทั้งหมดลงที่ปลายเล็บที่จิกลงไปในดิน
แสงสีแดงสลับเงินพลันฉายแสงรัศมีเจิดจ้าอีกครั้ง!

4 ความคิดเห็น:

Sky กล่าวว่า...

ถังเทียนคือใครเหรอ? ไม่รู้จักหรอกตอนนี้ 555+

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เมื่อลิโป้มีง้าวกรีดนภาและขี่ม้าเซ็กเทา!!!

BLive13 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขี่นกฟามิงโก้่แล้วถือหอกคิดภาพแล้วขำ 55+ แล้วตอนกระโดดบนฟ้าอย่างจี้เลย

แสดงความคิดเห็น