ตอนที่ 209
ฟลามิงโก โจมตี!
บนพื้นที่สูง
กัวตงสังเกตว่ามีการต่อสู้ที่ยุ่งเหยิงห่างไกลออกไป อารมณ์ของเขาตึงเครียดทันที
คางแหลมของเขาเต็มไปด้วยตอหนวดที่ไม่ได้โกน
ทำให้คนคิดถึงเขากวางพร้อมจะพุ่งชนด้วยความแข็งกร้าว
เสื้อคลุมดำถูกลมพัดพลิ้ว ขณะที่มันทำให้รูปกาเพลิงสีแดงเข้มเหมือนกับมีชีวิต
ข้างตัวเขา
มีบุรุษหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง
บุรุษหนุ่มสวมชุดคล้ายๆ กับกัวตง
เขาดูตัวซีดและดวงตาเรืองแสงเป็นประกาย และมีแขนที่ยาว
“ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มาอย่างเป็นมิตร” เสียงของกัวตงเย็นชาพอๆ
กับกาเพลิงบนชุดของเขา
“ข้าไม่เคยคิดว่าความลับของยอดเขากระบี่จะถูกคนอื่นค้นพบด้วย”
ลมหายใจของเขาสะท้อนอยู่ในสายลม
ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย “ท่านลุงบอกข้าว่าท่านรู้มานานแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ข้าพบโดยบังเอิญ” กัวตงมองดูชายหนุ่มด้วยความเมตตา เขาคือหลานชายของเขา
และเขาก็คือสาเหตุให้เขายอมลดตัวอยู่ในหมู่บ้านกระบี่
เขาเป็นคนโสดผู้คอยดูแลหลานชายเหมือนกับเป็นลูกชายของเขา หลายปีมานี้เขายอมทนเบื่อหน่ายรั้งอยู่ในหมู่บ้านกระบี่ก็เพราะเสี่ยวอวี่
แต่เสี่ยวอวี่ไม่ทำให้เขาผิดหวัง ภายใต้การดูแลของกัวตง เสี่ยวอวี่มีฝีมือก้าวหน้าจนใกล้เคียงเขา
ขณะที่เสี่ยวอวี่มีอายุเพียงสิบเก้าปี เทียบกับนักสู้อมตะผู้มีพรสวรรค์เหล่านั้น
เสี่ยวอวี่ไม่ด้อยไปกว่าแน่นอน
“ข้ามาเยี่ยมเยือนยอดเขากระบี่หินนับครั้งไม่ถ้วน
และข้าก็ยังไปเพื่อหากระบี่สมบัติด้วย” กัวตงจับตามองการต่อสู้ที่ดุเดือด เขาถอนหายใจเบาๆ
“ตระกูลเซี่ยดูเหมือนจะไม่รู้ตำแหน่งกระบี่สมบัติ ดังนั้นข้าสงสัยว่าคนกลุ่มนี้จะใช้วิธีอะไรเพื่อหามันให้พบ”
“ท่านลุง, กระบี่สมบัติคืออะไรกันแน่?” นัยน์ตาของกัวอวี่มีประกายสงสัย
“ข้าไม่รู้เรื่องอื่นเลย” กังตงยิ้มก่อนที่เขาจะกลับคืนสู่ความสงบ “แต่มันมีค่าจนตระกูลเซี่ยต้องอยู่คุ้มครอง
ดังนั้นต้องเป็นของทรงคุณค่าเหลือเชื่อแน่นอน”
“โอว”
กัวอวี่ผิดหวังเล็กน้อยแต่เขาคิดถึงอีกปัญหาหนึ่งในตอนนี้ “ท่านลุง! คนที่มาเป็นใครกัน? เขาน่ากลัวมาก เพราะเขาสามารถบังคับอสูรหินกรวดได้! ถ้าเขาโจมตีหมู่บ้านเรา
เราคงไม่อาจหยุดเขาได้”
รังสีอำมหิตในตัวกัวตงเพิ่มขึ้น
ขณะที่เคราของเขาพลิ้วไสว
เสียงของเขาเคร่งเครียดและเย็นชา “เขาเรียกว่าซอบอดกำสรวล”
“ซอ...บอด..กำสรวล..” กัวอวี่ถลึงตา
ท่าทางของเขาดูประหลาดใจมาก
“ตาเฒ่าซอบอดกำสรวลมาทำอะไรที่นี่?”
ซอบอดกำสรวล
เป็นนักสู้สวรรค์วิถีอันดับที่ 9900
ไม่มีใครรู้จักชื่อของเขา
ทุกคนเรียกเขาว่าเฒ่าบอดคนสีซอ
มีข้อมูลเกี่ยวกับเขาไม่มาก
เขาเข้ามาอยู่ในรายชื่อสวรรค์วิถีเร็วกว่ากัวตงมาก
ทุกคนรู้ว่าเขาตาบอดตั้งแต่อายุยังน้อย แต่พรสวรรค์ในการฝึกฝนของเขาโดดเด่นมาก และเจ้าอารมณ์มาก
จนวันหนึ่งบังเอิญเขาได้สะดุดกับการฟังเสียงซอหม่นหมองหดหู่ เขาถึงกับหลงใหลในเสียงของซอนั้นทันที
เสียงเพลงของเขาเศร้ามาก
ทำให้ผู้คนไม่สามารถถอนตัวจากบทเพลงนั้นได้
โดยนิสัยแล้วเขาเป็นคนไร้เหตุผลและน่ากลัว
และชอบฆ่าคนตามอำเภอใจ
เรื่องที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาก็คือ ราตรีเลือดแห่งความเศร้าโศก
ปีนั้นบนถนนเข้าเมือง
ชาวท้องถิ่นจัดต่อสู้ประลองฝีมือกัน และมียอดฝีมือมาร่วมกันมาก
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เขาดึงซอของเขาออกมา
บทเพลงบรรเลงที่เศร้าโศกครอบคลุมไปทั่วเมือง
และในคืนนั้นมีคนฆ่าตัวตาย 109 คน รวมทั้งคนอายุยี่สิบปีคนหนึ่งซึ่งแข็งแกร่งกว่านักสู้ระดับหกที่มาร่วมในเหตุการณ์นั้น
เขายากที่จะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน
และยิ่งยากจะต่อสู้ต่อหน้าผู้คน
แต่การจัดอันดับของเขาไม่เคยหลุดไปจากรายชื่อของนักสู้สวรรค์วิถี พลังของเขาได้รับการพิสูจน์อย่างชัดเจน
“ข้าไม่รู้” กัวตงส่ายศีรษะ “เขามีความตั้งใจแน่ แต่กลยุทธแบบนี้ มีแต่เพียงเขาที่ทำได้
ตั้งแต่นี้ไปเจ้าต้องระวัง เสียงเพลงของนักสู้จะแฝงไม้ตายไว้มากมายซึ่งล้วนแต่คาดไม่ถึง”
“อย่างนั้นเรา....” กัวอวี่ไม่มั่นใจ
“อย่าห่วง” กัวตงยิ้ม “มีคนไม่มากที่รู้จุดอ่อนของเขา แต่บังเอิญ
ลุงของเจ้าเป็นคนหนึ่งที่รู้เรื่องนี้”
“เรื่องกัวหลินและคนอื่นๆ ล่ะ?”
กัวอวี่เห็นการต่อสู้ดิ้นรนที่ยากลำบากและบาดแผลที่เต็มร่างกัวหลินแล้ว เขาอดถามไม่ได้
“ทางหมู่บ้านจะดูแลครอบครัวของเขาเป็นอย่างดี” กัวตงตอบ
ทันใดนั้น ตาของเขาแข็งขึ้น
กัวอวี่สังเกตความเปลี่ยนแปลงในสายตาของกัวตงและมองดูตำแหน่งที่กัวตงมอง
และอุทาน “นั่นใครกัน?”
รังสีแดงเพลิงและเงินเหมือนคมหอกแทงทะลวงผ่านอสูรหินกรวด
※※※
หลิงซิ่วตื่นเต้นเมื่อเขาง่วนอยู่พลังของนกฟลามิงโก ในการต่อสู้
วิชาหอกโบราณจะใช้ในการสู้จริงๆ
ไม่ใช่เพื่อการฝึกซ้อมฝีมือ
วิชาหอกทะเลจุดของเขาย้อนหลังไปเป็นเวลานานยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ของวิชาหอกโบราณ
มีเคล็ดดีๆ
อยู่หลายอย่างในหอกทะเลจุดและเคล็ดแต่ละอย่างต้องการใช้พาหนะขับขี่ ตั้งแต่ได้เรียนรู้มา
หลิงซิ่วไม่เคยใช้เคล็ดเหล่านี้เลยสักครั้ง
เขาร่อนเร่เพียงให้ได้อาหารวันละสามมื้อและพักในโรงเตี๊ยมเล็กๆ จะไปหาเงินซื้อพาหนะมาจากไหน?
อสูรจักรกลที่เขาขี่อยู่สร้างขึ้นมาด้วยรายละเอียดและมีบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตของเขา
มันไม่ได้มีขนาดใหญ่เกินไป
แต่กลับออกแบบมาเหมือนชิ้นงานศิลปะแข็งแกร่งผิดธรรมดา เมื่อมันเร่งความเร็ว
ก็เหมือนมีเปลวเพลิงลุกเป็นสาย
ขณะที่ลมปะทะพัดผ่านใบหน้าและเสียงหวีดหวิวดังเข้ามาในหู
ทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมมากขึ้น!
อัศวินโบราณกระชับหอกและเร่งความเร็วเข้าหาศัตรูโดยมิกลัวเกรง
ขณะที่ผมสีเงินของเขาสะบัดพลิ้ว
ดวงตาสีแดงเพลิงราวกับมีไฟลุกท่วม
ทันใดนั้น
คำพูดของอาจารย์ของเขาลอยขึ้นมาในใจเขา
ในท่ามกลางสายลมเขาอดพึมพำไม่ได้
“.....ข้าสาบานว่าจะปฏิบัติต่อคนอ่อนแอเป็นอย่างดี ข้าสาบานว่าจะต่อสู้ด้วยความฮึกเหิม ข้าสาบานว่าจะต่อต้านพวกทำผิด ข้าจะต่อสู้เพื่อคนที่ไม่เป็นอันตรายและป้องกันตัวเองไม่ได้...”
“...ข้าสาบานว่าจะยื่นมือให้ความช่วยเหลือคนที่ร้องขอ ข้าสาบานว่าจะไม่ทำร้ายสตรี...”
“...ข้าสาบานว่าข้าจะช่วยเหลือพี่น้องของข้า
ข้าสาบานว่าจะปฏิบัติต่อสหายของข้าอย่างซื่อสัตย์
ข้าสาบานว่าจะให้ความรักจนวาระสุดท้ายของชีวิตข้า...”
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น เขาได้กลิ่นเหมือนอาจารย์เขา กลิ่นที่หลิงซิ่วคิดว่าเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของอาจารย์ของเขา ในที่สุดเขาก็รู้ว่ากลิ่นนั้นคืออะไร
ความศรัทธา!
อาจารย์!
เสี่ยวซิ่วไม่อาจเป็นเหมือนท่านได้
แต่เสี่ยวซิ่วจะเดินตามรอยเท้าท่าน และเคี่ยวกรำตนเองอย่างหนัก
เงาร่างที่อ่อนโยนและเป็นมิตรปรากฏขึ้นในใจหลิงซิ่ว ดวงตาที่อ่อนและห่วงใยมองมาที่เขา
หลิงซิ่ว, สู้สู้
หลิงซิ่วหมอบตัวลง
และเหมือนกับว่าฟลามิงโกจะรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นของเขา
มันเร่งความเร็วขึ้นจะเกิดริ้วสีแดงสว่างจ้า
ภาพข้างหน้าสั่นไหว
ขณะที่หลิงซิ่วยังคงนิ่ง
ในชั่วสองสามวินาที
หลิงซิ่วใกล้จะปะทะกับกำแพง
นกฟลามิงโกงอขาบางของมันและกรงเล็บของมันจิกลงไปในพื้นดิน
ปัง
นกฟลามิงโกกระโจนขึ้นไปในอากาศ
สายตาของหลิงซิ่วกวาดมองไปทั่วสนามต่อสู้เบื้องล่างสายตาเขา
ความฮึกเหิมที่อธิบายไม่ได้ซึ่งอยู่ในตัวเขาลุกโชนเหมือนเพลิง
ขณะที่เขากระชับหอกเงินในมือแน่น
ทุกคนตะลึงเมื่อหลิงซิ่วปรากฏออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ในอากาศ
หลิงซิ่วมาถึง ผมเงินของเขาที่กระพือพัดเหมือนกับเปลวไฟตกลงประบ่า
เมื่อแหงนมองบนท้องฟ้า เขาดูน่าเกรงขาม
ปัง!
ฟลามิงโกร่วงลงพื้น
แม้ว่าร่างของมันจะดูบอบบาง
แต่มันลงพื้นด้วยลักษณะที่ดูประหลาดเหมือนเสียงกลองที่ดังสะท้านหัวใจทุกคน ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจ
เศษดินร่วนกระจาย
แต่หลิงซิ่วไม่ได้รับผลกระทบอะไร เขายืดตัวขณะใช้หอกเงินชี้
... “ฆ่า”
ทันใดนั้นนกฟลามิงโกกลายสภาพเป็นเหมือนเปลวเพลิงวิ่งตะลุยใส่ทันที
ข้อมือเขาสั่น
เขายืมพลังนั้นและแทงหอกทะลุตัวอสูรหินกรวดได้อย่างง่ายดาย
นกฟลามิงโกไม่มีความปราณีเป็นเหมือนกับพายุหมุนไฟขณะที่มันตะลุยเข้าใส่อสูรหินกรวด
เมื่อหลิงซิ่วแทงใส่อสูรหินกรวดตัวที่สาม ตัวที่โดนแทงตัวแรกจึงค่อยล้มลงกับพื้น
ด้วยพลังของนกฟลามิงโก
หลิงซิ่วตระหนักได้ว่าทุกอย่างง่ายขึ้นมาก เขาเพียงแต่ต้องแทงหอกออกไปให้ต่อเนื่อง
นั่นเป็นเรื่องที่เขาทำได้ง่ายๆ แล้ว
เขาสามารถแทงและทะลวงได้ต่อเนื่อง สำหรับนักสู้ส่วนใหญ่แล้ว
นี่อาจเป็นงานที่ยาก แต่สำหรับหลิงซิ่ว
มันง่ายมาก”
เพราะความเร็วที่สูงและการโจมตีฉับพลัน
ทำให้พลังหอกของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
อสูรหินกรวดล้มลงกับพื้นเหมือนกับรวงข้าวที่ถูกเก็บเกี่ยว
ความต้องการสู้ของหลิงซิ่วกลายเป็นความตั้งใจหลักในหัวใจของเขา
ด้วยความคิดของเขา นกฟลามิงโกที่มีความเร็วสูงหมุนตัวและวิ่งขึ้นไปบนกำแพง
การผสมผสานระหว่างสีเงินกับสีแดงทำให้ผู้คนถึงกับอึ้ง แต่เป็นความอันตรายที่ทำให้ผู้คนอึ้งได้เช่นกัน
แสงที่ฉายผ่านกำแพง
เหมือนกับปากกาแสงที่ฉายผ่านกำแพงมีสีแดงและสีเงินสลับกัน
ความถี่ที่อสูรหินกรวดปรากฏขึ้นมาเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาด
และหลิงซิ่วก็จดจำไว้ขณะที่พวกมันรวมตัวกันทั้งหมด หอกยังทะลวงพวกมันครั้งละหนึ่งตัว
ไม่ต้องเคลื่อนไหวให้รวดเร็วแต่อย่างใด ไม่ต้องเคลื่อนไหวด้วยท่ายากอะไร
เขาก็แทงหอกได้แล้ว
รูปแบบที่แตกต่างกันสองชนิด
คือหยาบ และเถื่อนเข้ากันได้เป็นอย่างดีลงตัว จึงมีความอันตรายมาก
ชาวหมู่บ้านตระกูลเซี่ยสามารถรู้สึกถึงสายลมสีแดงกวาดผ่านเขาไป
และอสูรหินกรวดทั้งหมดที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาล้มลงกับพื้นทั้งหมด
หลังจากความเปลี่ยนแปลงไม่กี่รอบ อสูรหินกรวดที่รายล้อมทั้งหมดก็ถูกกวาดล้างหมด
ขณะที่จ้าวอสูรหินกรวดยังสู้ติดพันกับเซี่ยชิง
ก็ลงมือท้ายที่สุดจนได้
การแสดงฝีมือพลังต่อสู้ประหลาดๆ ของหลิงซิ่ว นับว่าประหลาดมากเมื่อเทียบกับทั้งสองฝ่าย
ด้วยความช่วยเหลือของหลิงซิ่ว สถานการณ์โดยรวมเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
หลิงซิ่วเลี้ยวกลับและบุกเข่นฆ่าอีกครั้งทำให้แรงกดดันทางด้านชาวบ้านลดลงไปมาก
และแล้วหลิงซิ่วมีความคิดที่ห้าวหาญ
เจ้าพวกบัดซบที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง
พวกเขาต้องอยู่เบื้องหลังอสูรหินกรวดนี้แน่นอน ถ้าเขาเจาะทะลุแนวป้องกันของคู่ต่อสู้ได้
จากนั้นเขาจะสามารถบังคับให้คู่ต่อสู้ปรากฏตัวออกมาจากที่ซ่อน
ฆ่าคือความตั้งใจหลักของเขา
น่าดีใจมากเพราะทำให้ความตั้งใจสู้ที่อยู่ในตัวของหลิงซิ่วทะยานสูง
เขาสามารถรู้สึกได้แต่เพียงว่าตลอดทั้งร่างของเขาเหมือนกับมีเพลิงห่อหุ้มและเขาไม่มีความกลัว
เขาจับจ้องสายตาไปทางอสูรหินกรวด
ดวงตาสีเปลวเพลิงของเขามีความมุ่งมั่นต่อสู้สูงขึ้นทันที
เขาเขาใช้มือซ้ายลูบหัวฟลามิงโก้เบาๆ
เจ้าชื่อว่าฟลามิงโกใช่ไหม? นั่นเป็นชื่อที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว เรามาสู้ร่วมกันเถอะ
มาตะลุยทำลายแนวป้องกันของพวกมันเถอะ
ฟลามิงโกเอย, บุก!
หลิงซิ่วหมอบลงพร้อมกับหอกเงินด้านหลังเขา
ริ้วเปลวเพลิงย้อยลงเหมือนลูกบอลเพลิงที่มีเปลวลุกท่วม
ฟลามิงโกย่อตัวลงเช่นกันขณะที่มันรวมพลังทั้งหมดลงที่ปลายเล็บที่จิกลงไปในดิน
แสงสีแดงสลับเงินพลันฉายแสงรัศมีเจิดจ้าอีกครั้ง!
4 ความคิดเห็น:
ถังเทียนคือใครเหรอ? ไม่รู้จักหรอกตอนนี้ 555+
เมื่อลิโป้มีง้าวกรีดนภาและขี่ม้าเซ็กเทา!!!
ขอบคุณครับ
ขี่นกฟามิงโก้่แล้วถือหอกคิดภาพแล้วขำ 55+ แล้วตอนกระโดดบนฟ้าอย่างจี้เลย
แสดงความคิดเห็น