วันพุธที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 7-3 จะตายแน่หรือ?




ตอนที่  7-3  จะตายแน่หรือ?
เหล่าคนที่ทรงพลังทุกคนในโบสถ์เจิดจรัสชั้นบนสุดตะลึงกันหมด  วิญญาณของลินลี่ย์ยังอยู่ห่างไกลจากการตกผลึกอยู่มาก  เขาไม่มีอะไรมากไปกว่าจอมเวทระดับเจ็ด แม้แต่หัวหน้าจอมเวทระดับเก้าก็ยังไม่อาจต่อต้านการอาบแสงศักดิ์สิทธิ์จากมหาเทพเจิดจรัสได้


 “เป็นไปได้อย่างไร?”  โยคี, มือปราบและผู้ช่วยตุลาการทุกคนเริ่มบ่นพึมพำในกลุ่มพวกเขา ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่พวกเขาเพิ่งเห็น
 “ล้มเหลวจริงๆ ไม่อาจสร้างสัตว์เลี้ยงเทพได้สำเร็จจริงๆ ถ้าอย่างนั้น... เราควรจัดการลินลี่ย์ผู้นี้ยังไง?”  ไฮเดนส์จ้องลินลี่ย์ และระงับไม่ทำต่อ “อัจฉริยะอย่างเขาจะต้องได้เป็นนักสู้ระดับเซียนได้ภายในร้อยปีแน่นอน  เขาอาจจะทรงพลังได้มากยิ่งกว่าข้า  เมื่อถึงเวลานั้นความรุ่งเรืองของศาสนจักรเจิดจรัสของเราจะต้องแผ่ขยายกินอาณาเขตที่กว้างขวางจริงๆ”
ไฮเดนส์ไม่อาจตัดใจฆ่าลินลี่ย์ได้จริงๆ
 “องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์?”  กิลเยโมเรียกเบาๆ
ไฮเดนส์รู้สึกสูญเสีย  ทันใดนั้นสายตาที่สับสนกลายเป็นคมกล้าทันที  เขาตัดสินใจ
 “ฝ่าบาท, ลินลี่ย์ไม่ได้รับพรแล้ว  อย่างนั้นเรา...?”  กิลเยโมถาม
ไฮเดนส์มองลินลี่ย์  ภายใต้การควบคุมของเขา  ร่างของลินลี่ย์ค่อยๆ ลอยลงมากับพื้น  เมื่อถึงเวลานี้ ลินลี่ย์ฝืนตนเองอยู่ในท่ายันด้วยมือ  ตอนนี้ ร่างกายลินลี่ย์ไม่มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด  ต้องบอกว่าเขาได้รับประโยชน์จากการอาบแสงสัตว์เลี้ยงเทพ
ลินลี่ย์มองดูเหล่าคนที่ทรงพลังที่ล้อมรอบตัวเขา
 “คนเหล่านี้ อย่างน้อยเป็นนักสู้ระดับเก้าทุกคน  ถ้าเราดิ้นรนต่อสู้กับพวกเขา  เราคงไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย”  ลินลี่ย์จ้องไฮเดนส์และคนอื่นอย่างเย็นชา  “องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์  ท่านตั้งใจจะทำอะไรกับข้ากันแน่?”
ใบหน้าของไฮเดนส์มีรอยยิ้มทันที  “ไม่จำเป็นต้องถามมากความ  มือปราบ! เอาตัวลินลี่ย์กลับไปที่ห้องคุมขัง”  “พะย่ะค่ะ, ฝ่าบาท”  มือปราบพิเศษทั้งหกคนพยักหน้ารับคำ
โดยไม่ปล่อยให้ลินลี่ย์ได้มีโอกาสตั้งตัว  พวกเขาตรงเข้าไปที่ลินลี่ย์ทันที  ขณะที่หนึ่งในนั้นตะคอกใส่ “เดินไป!  หรือเจ้าต้องการให้เราลากคอเจ้าไป?”
พวกเขาบังคับลินลี่ย์ตามหน้าที่  ลินลี่ย์ไม่มีทางเลือก
 “ได้” ลินลี่ย์เปิดประตูและเริ่มเดินลงไป  มือปราบทั้งหกเดินตามหลังลินลี่ย์โดยตรง  ขณะที่ลินลี่ย์เดินลงบันไดไปได้หนึ่งชั้น  เขาเห็นว่าทหารยามทุกคนเมื่อเห็นมือปราบทั้งหกคน ต่างก็แสดงความเคารพอย่างสูงทั้งหมด
มือปราบพิเศษทั้งหกคนสวมชุดยาวสีฟ้าม่วง  นัยน์ตาเย็นชาของพวกเขาจ้องมองลินลี่ย์ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าหากเขาไม่ปฏิบัติตามทีพวกเขาสั่ง  พวกเขาอาจฆ่าลินลี่ย์ได้ทันที
หลังจากมือปราบทั้งหกพาลินลี่ย์ไปแล้ว  คาร์ดินัลหญิงเมลินาถาม “ฝ่าบาท!  ลินลี่ย์นั่นไม่ได้รับพรวิเศษ แม้ว่าเราไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น  แต่เราต้องตัดสินกันแล้ว  เราควรทำยังไงดีกับลินลี่ย์?”
กิลเยโมและคนอื่นๆ มองดูไฮเดนส์กันทุกคน
ลินลี่ย์เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง  พวกเขารู้เรื่องนี้กันทุกคน  แต่ลินลี่ย์ไม่ได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงเทพ และมารดาของเขาถูกศาสนจักรเจิดจรัสฆ่าตาย  ศาสนจักรจะต้องตัดสินใจ  พวกเขาจะเสี่ยงรับลินลี่ย์ไว้และปกปิดความจริงเบื้องหลังความตายมารดาของเขาหรือ?  หรือว่าควรให้ลินลี่ย์ตาย?
แม้ว่าคงเป็นไปได้ที่จะปกปิดความจริงเบื้องหลังความตายของมารดาของเขาได้สักระยะหนึ่ง  แต่เมื่อลินลี่ย์เข้าสู่ระดับสูงของศาสนจักรเจิดจรัส  ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดเอาไว้อีกต่อไป
ใบหน้าของไฮเดนส์เย็นชา  เขาพูดด้วยเสียงเย็นชา  “ฆ่า”
กิลเยโมและคนอื่นๆ รู้สึกหัวใจสะท้าน
 “ในอีกไม่กี่วัน จะครบรอบ 10,000 ปีเทศกาลยูลาน  ไว้ค่อยดำเนินการประหารลินลี่ย์หลังจากงานฉลองเทศกาล”  ไฮเดนส์ประกาศ
กิลเยโมเป็นคนที่มีสัมพันธ์สนิทกับลินลี่ย์มากที่สุด ลอบถอนหายใจ
อัจฉริยะผู้อาจครอบงำทวีปทั้งสิ้นจะต้องประสบชะตากรรมอายุสั้นเสียแล้ว  กิลเยโมรู้ดีว่าลินลี่ย์ถูกจองจำในโบสถ์เจิดจรัส ไม่มีทางที่ลินลี่ย์จะหลบหนีไปได้  ลินลี่ย์จะไม่สามารถออกไปจากคุกได้
 “ซีซาร์ผู้นั้นก็มีความสัมพันธ์กับลินลี่ย์  แต่แม้จะเป็นซีซาร์ก็ไม่มีความสามารถทำลายคุกในโบสถ์เจิดจรัสช่วยลินลี่ย์ได้”  กิลเยโมลอบถอนหายใจ
ลินลี่ย์คงจะตายแน่
บนชั้นเก้าของโบสถ์เจิดจรัส  ภายในห้องขัง
 “เข้าไป”
ลินลี่ย์เข้าไปในห้องขัง  มือปราบทั้งหกปิดประตูไล่หลังเขา
ขณะที่มือปราบทั้งหกหมุนตัวออกไปทันที  หนึ่งในนั้น มีผมสีเงินหันมามองลินลี่ย์  “เจ้าหนู ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน  แม้ว่าเจ้าจะฟื้นคืนพลังก็ตาม อย่าฝันเลยว่าจะแหกคุกนี้ออกไปได้”
มือปราบอื่นอีกห้าคนชะงักเช่นกัน และมือปราบหัวล้านคนหนึ่งหัวเราะ  “แหกคุกน่ะหรือ  เด็กน้อย  ถ้าเจ้าสามารถแห่งคุกนี้ออกไปได้ นั่นก็หมายความว่าพลังของเจ้าอยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์”
 “หมายความว่ายังไง?”  ลินลี่ย์ถาม
ตัวลินลี่ย์เองไม่อาจเห็นความพิเศษใดๆ ในคุกนี้  ให้เขามีพลังนักรบระดับเก้าในร่างแปลงมังกร  คุกศิลาธรรมดาก็แตกทำลายได้ง่ายเหมือนกระดาษ
 “โบสถ์เจิดจรัสเป็นสิ่งก่อสร้างที่เหลือเชื่อที่สุดที่ศาสนจักรเจิดจรัสครอบครอง  ทั้งตัวโบสถ์เองซ่อนพลังเวทมหาศาลไว้ภายใน  รู้จักกันในนามว่าศิริแห่งมหาเทพเจิดจรัส  เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะสร้างความเสียหายได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าจากภายในหรือภายนอก”  บุรุษผมเงินพูดด้วยความภูมิใจ  “เด็กน้อย!  ข้าจะบอกเจ้าให้ก็ได้  โอกาสเดียวที่เจ้าจะแหกคุกนี้ได้ก็คือทำลายประตูกรงขัง  ข้าสามารถบอกเจ้าได้เช่นกันว่าตัวกรงสร้างจากโลหะที่มีส่วนผสมกับโลหะอดาเมนไทน์แข็งพิเศษ”
พอพูดจบ มือปราบทั้งหกหัวเราะลั่นและเดินออกไป
ลินลี่ย์เงียบ
เมื่อเขาได้ยินคำว่าโลหะอดาเมนไทน์แข็งพิเศษ ลินลี่ย์เข้าใจว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแหกคุกออกไปได้  ตามตำนานเมื่อเวทดินเกราะเอิร์ทการ์ดบรรลุถึงระดับเทพ  เกราะเอิร์ทการ์ดจะประกอบไปด้วยโลหะอดาเมนไทน์แข็งพิเศษ  พลังและความทนทานของมันเพียงพอทนทานต่อการจู่โจมทำลายของนักสู้ระดับเทพหลายครั้ง  ขณะที่นักสู้ระดับเซียนไม่มีทางทำลายมันได้เลย
ลินลี่ย์เป็นจอมเวทสายธาตุดิน  ดังนั้นเป็นธรรมดานั่นเองที่เขารู้เรื่องตำนานเกี่ยวกับเกราะเอิร์ทการ์ดที่มีระดับพลังสุดยอด
เมื่อกลายเป็นมหาจอมเวทระดับเซียน  เกราะเอิร์ทการ์ดจะมีส่วนประกอบเป็นเพชร เมื่อบรรลุเป็นนักสู้ระดับเทพ เกราะจะเป็นโลหะอดาเมนไทน์ที่แข็งเป็นพิเศษ
 “ลินลี่ย์,  ข้าคาดว่าคุกนี้ ศาสนจักรเจิดจรัสสร้างขึ้นมาเพื่อจองจำนักสู้ระดับเก้า หรือได้กระทั่งนักสู้ระดับเซียนก็เช่นกัน”  เดลิน โคเวิร์ทกล่าว  “แม้แต่ตัวกรงก็ยังมีร่องรอยสร้างด้วยโลหะอดาเมนไทน์  ถึงแม้จะไม่ใช่อดาเมนไทน์บริสุทธิ์ก็ตาม  แต่บางทีแม้แต่นักสู้ระดับเซียนก็ยากจะทำลายมันได้”
ลินลี่ย์พยักหน้า
จากคำพูดของมือปราบ  เขาพบแล้วว่าเขาคงไม่สามารถทำลายคุกออกไปได้  เนื่องจากพวกเขาบอกแล้วว่าจะทำลายออกไปได้  พลังของลินลี่ย์อย่างน้อยจะต้องเท่ากับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
บ่ายวันต่อมา
มอนโร ดอว์สัน, เยล, เรย์โนลด์และจอร์จนั่งพร้อมหน้ากันรอบๆ โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร  ช่วงเวลานี้ เยล, เรย์โนลด์และจอร์จไม่เคยหยุดห่วงลินลี่ย์เลย  แม้แต่มอนโรก็ยังล้มเหลว พวกเขาจะสามารถทำอะไรได้?
ทำลายโบสถ์เจิดจรัสเพื่อช่วยเหลือลินลี่ย์  แม้แต่มอนโร ดอว์สันก็ยังไม่กล้าทำอะไรเช่นนั้น
 “เยล, ในอีกสองวัน  จะเป็นเทศกาลยูลาน  งานเทศกาลครั้งนี้จะเป็นการเฉลิมฉลองปีที่ 10,000  ซึ่งเราจะเห็นได้ครั้งเดียวในชีวิตของเราเท่านั้น  เด็กๆ  พวกเจ้าถือโอกาสไปเที่ยวกันเถอะ”  มอนโร ดอว์สันหัวเราะ
มอนโรปฏิบัติกับพี่น้องที่สนิทของลูกชายของเขาด้วยไมตรีจิตเป็นอย่างดี
นี่เป็นเพราะพี่น้องทั้งสามของเยลค่อนข้างไม่ธรรมดา  ลินลี่ย์, จอร์จและเรย์โนลด์  ตระกูลของเรย์โนลด์มีอำนาจมากไม่ธรรมดาอยู่ในกองทัพของจักรวรรดิโอเบรียน  ตระกูลของจอร์จก็ทรงอิทธิพลมหาศาลอยู่ในจักรวรรดิยูลาน  และไม่ได้อ่อนแอกว่าตระกูลเลโอนเท่าใดนัก
สำหรับลินลี่ย์ แม้ว่าตระกูลเขาจะอ่อนด้อยอยู่ในตอนนี้ แต่ก็เป็นตระกูลของนักรบเลือดมังกร และศักยภาพของตัวลินลี่ย์เองก็ไร้ขีดจำกัด
ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
 “ท่านประธาน, ทูตสวรรค์ของศาสนจักรเจิดจรัสมาถึงแล้ว”  คนรับใช้เรียนด้วยความเคารพ
เมื่อได้ยินคำว่า “ศาสนจักรเจิดจรัส” ตาของเยล, จอร์จและเรย์โนลด์เป็นประกาย  และพวกเขาหันมามองคนรับใช้  มอนโร ดอว์สันรู้ว่าบุตรของเขาคิดอะไรอยู่  เขาจึงกล่าวพลางหัวเราะทันที “ให้พวกเขาเข้ามา”
 “ขอรับ”
ชั่วเวลาต่อมา  บาทหลวงคนหนึ่งเดินเข้ามา  เขากล่าวด้วยความเคารพ  “ท่านประธานดอว์สัน  ฝ่าบาทจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มีบัญชาให้ข้าส่งจดหมายฉบับนี้ถึงท่าน”  ขณะที่เขากล่าว  เขาดึงจดหมายออกมาจากในชุดที่งดงาม
คนใช้รับจดหมายทันที  จากนั้นมอบให้มอนโร ดอว์สัน
มอนโร ดอว์สันเปิดจดหมายอ่านทันที  แต่เมื่อเห็นเนื้อความในจดหมาย หน้าของเขาเปลี่ยนทันที  เขากล่าวเสียงเย็นชา  “ตอนนี้ท่านกลับไปได้แล้ว”
บาทหลวงคำนับเล็กน้อย จากนั้นก็ออกไป
 “ท่านพ่อ, ในจดหมายว่าไงบ้าง?”  เยลรีบถามทันที  “ใช่เกี่ยวข้องกับน้องสามหรือไม่?”  เรย์โนลด์และจอร์จมองดูมอนโร ดอว์สันอย่างมุ่งหวัง
มอนโร ดอว์สันพยักหน้า
 “จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แจ้งให้ข้าทราบถึงการพิจารณาตัดสินภายในของศาสนจักรเจิดจรัส  พวกเขาจะประหารลินลี่ย์เป็นการลับ”  คำพูดของมอนโร ดอว์สันเหมือนกับฟ้าผ่ากรอกหูของเยล, เรย์โนลด์และจอร์จ หน้าของพวกเขาซีดขาวทันที พวกเขาตกตะลึงเป็นเวลานาน
 “ไม่, ไม่มีทาง”
เยลเป็นคนแรกที่เริ่มตะโกนออกมา  เขาแย่งจดหมายจากมือบิดาของเขาและถือด้วยมือที่สั่นเทาขณะที่เขาเริ่มอ่าน  ข้างๆ เขา เรย์โนลด์และจอร์จก็หันมาดูด้วยเช่นกัน  แต่เมื่อทั้งสามได้เห็นเนื้อความแล้ว  พวกเขากลัวแทบคลั่ง
 “ไม่!!!
เยลกระโจนออกจากที่นั่งตั้งใจจะวิ่งออกไปนอกห้องโถง  “เยล!  มอนโร ดอว์สันขมวดคิ้ว ตะโกนเรียกอย่างเย็นชา
 “หยุดเขาไว้”  มอนโร ดอว์สันสั่ง
เยลหันหน้ามาจ้องบิดาของเขา  เขากล่าว “พ่อ, ข้าขอร้อง พาคนไปช่วยน้องสามเถอะ ถ้าจำเป็น หอการค้าสามารถให้ของที่มีค่าได้ ข้าไม่เชื่อว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะไม่สนใจหอการค้าของเรา  ท่านพ่อ  ข้าขอร้อง”
 “ฮึ่ม, เจ้าจะรู้อะไร? ถ้ามีเรื่องที่สามารถเจรจากันได้จริงๆ  จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คงเริ่มเจรจากับข้านานแล้ว  ความบาดหมางที่ลินลี่ย์มีต่อศาสนจักรเจิดจรัสเป็นเรื่องที่เราคิดไม่ถึง  มิฉะนั้นศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่ตัดสินใจประหารชีวิตอัจฉริยะอย่างเขาแน่  พอได้แล้ว,  หนุ่มๆ พาคุณชายไปที่ห้องพักของเขา  ให้เขาใช้เวลาสงบสติอารมณ์เสียก่อน”
การ์ดประจำตระกูลพาเยลกลับไปที่ห้องเขาทันที  ไม่ว่าเยลจะประท้วงเหน็บแนมอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
เรย์โนลด์และจอร์จทำได้เพียงอยู่อย่างเงียบๆ
ที่สำคัญพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์พิเศษกับมอนโร ดอว์สัน  แต่ในใจพวกเขากระวนกระวายห่วงลินลี่ย์มาก
มีคนมาเยี่ยมลินลี่ย์ถึงห้องขัง  เป็นกิลเยโม
 “กิลเยโม”  ลินลี่ย์มองดูกิลเยโมด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
กิลเยโมนำอาหารที่มากมายเป็นพิเศษและส่งผ่านช่องเล็กๆ ผ่านประตูห้องขัง
กิลเยโมมองดูลินลี่ย์  เขาถอนหายใจ “ลินลี่ย์  ข้ามองเจ้าด้วยความชื่นชมจริงๆ  แต่อนิจจา บางทีเจ้าคงไม่สามารถกลายเป็นสมาชิกของศาสนจักรเจิดจรัสของเรา  มีอาหารดีๆ ให้กิน เจ้ากินเสียเถอะ  ยังเหลือโอกาสอย่างนี้ไม่มากนัก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้  ลินลี่ย์ตะลึง
 “ใต้เท้ากิลเยโม, พูดอย่างนี้หมายความว่าไง?”  ลินลี่ย์มองดูกิลเยโม
กิลเยโมถอนหายใจ  “อีกสองวัน ซึ่งก็คือวันที่ 2 มกราคม จะถึงวาระสุดท้ายของเจ้า”  กิลเยโมชอบหนุ่มน้อยลินลี่ย์นี้จริงๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพบเหตุผลที่ลินลี่ย์พยายามฆ่าเคลย์ กิลเยโมยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นที่ชะตาของลินลี่ย์พลิกผันเช่นนี้
เขาสามารถมีอนาคตที่รุ่งโรจน์  แต่เพื่อพ่อแม่ที่ตายไปของเขา เขายินดีเสียสละทุกอย่างเพื่อล้างแค้น
แม้ว่ากิลเยโมจะไม่เคยทำเช่นนั้น  แต่ในใจเขายังรู้สึกชื่นชมลินลี่ย์
 “วันที่ 2 มกราคม?”
สีหน้าของลินลี่ย์เปลี่ยนไปมาหลายครั้ง  แต่ในที่สุดเขาหลับตา  เขาเข้าใจทั้งหมดแล้ว  เป็นที่ชัดเจนว่าอีกสองวันเขาจะตาย
 “ขอบคุณ, ใต้เท้ากิลเยโม  ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าก็ยังคงยึดความหวังว่าจะรอดชีวิตได้”  ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น
กิลเยโมมองดูลินลี่ย์  เขาถอนหายใจเบาๆ  ส่ายหน้า จากนั้นหันหน้าเดินออกไป ปล่อยให้ลินลี่ย์อยู่ใรห้องขังตามลำพัง
 “วันที่ 2 มกราคม  พวกเขาต้องรอจนกว่าจะพ้นเทศกาลยูลานจึงจะฆ่าข้าหรือ?  พรุ่งนี้จะเป็นงานเทศกาลยูลาน  ข้าเชื่อว่าจะเป็นวันแต่งงานของคาลันกับอลิซเช่นกันกระมัง?”  เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะตาย  ลินลี่ย์กลับรู้สึกใจเย็นขึ้นและสงบขึ้นกว่าแต่ก่อน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น