วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 7-7 หนีมหันตภัย




ตอนที่  7-7  หนีมหันตภัย

เมื่อมอนโร ดอว์สัน ประธานหอการค้าดอว์สันเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เขาออกคำสั่งทันที หยุดก่อน!”

ขบวนผู้ขับขี่ม้าต่างรั้งบังเหียนม้าพร้อมกัน จนม้าเชิดตัวยกเท้าหน้าตะกุยอากาศ จากนั้นจึงหยุดยืนสงบอยู่ได้
 “ปล่อยคุณชายได้”  มอนโร ดอว์สันออกคำสั่ง นักรบผมแดงระดับเก้าผู้รับหน้าที่ป้องกันเยลโบกมือของเขา เชือกที่มัดตัวเยลขาดทันที  เยลกระโดดลงจากหลังม้าทันที  ขณะที่จอร์จและเรย์โนลด์ต่างโดดลงจากหลังม้าอยู่ก่อนแล้ว
 “พี่สาม, เจ้าปลอดภัยใช่ไหม?”  เรย์โนลด์ตื่นเต้นมากจนตาแดง
 “น้องสาม! นี่มันน่าอัศจรรย์จริงๆ!  ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องปลอดภัย!  เยลพูดอย่างตื่นเต้น
จอร์จไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาแค่ตบอกลินลี่ย์
 “น้องสาม, ไปกันเถอะ ออกไปจากเมืองเฟนไลพร้อมกับเรา” เยลกล่าวทันที  และตอนนี้เองมอนโร ดอว์สันเอ่ยขึ้น “นี่ลินลี่ย์ใช่ไหม? มาพร้อมกับเราเถอะ ตราบใดที่เรายังไม่ถูกนักสู้ระดับเซียนโจมตี  เราน่าจะปลอดภัยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด”
มอนโร ดอว์สันต้องการให้ลินลี่ย์เป็นสมาชิกของหอการค้าดอว์สันมาก
สิ่งที่หอการค้าดอว์สันยังขาดแคลนที่สุดก็คือนักรบระดับเซียน!
 “ยังไม่ต้อง ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการ  พี่ใหญ่เยล, พี่รอง, น้องสี่  พวกเจ้าไปกันก่อน”
 “น้องสาม,  เจ้าจะไปจริงๆ เหรอ?.” เยลตกใจตะโกน  เยลคาดเดาออกแล้วว่าลินลี่ย์วางแผนอะไรอยู่กันแน่
ลินลี่ย์พยักหน้า  “ถูกแล้ว”
เคลย์ต้องตาย!
ครั้งล่าสุด เขาล้มเหลวเพราะเกราะชะตาระดับเซียน  แต่ลินลี่ย์เชื่อว่าปกติเป็นเรื่องยากอยู่แล้วที่ผู้ปกครองอาณาจักรจะได้ครอบครองเกราะชะตาสักชุด  ไม่มีทางที่เคลย์จะได้เกราะชะตามาอีกเป็นครั้งที่สองแน่  ตอนนี้นักสู้ระดับเซียนของโบสถ์เจิดจรัสกำลังตั้งหน้าตั้งตาปกป้องตนเองอยู่ ไม่มีทางที่พวกเขาจะให้ความสนใจปกป้องกษัตริย์ในเวลานี้
 “พี่ใหญ่เยลตอนนี้พวกเจ้าไปกันก่อน  ข้าจะไปตามหาพวกเจ้าทีหลัง”  ลินลี่ย์กล่าว
 “ที่นี่มีอสูรเวทอยู่มากมายในเวลานี้  ข้าเกรงว่าสถาบันเอินส์ก็คงถูกโจมตีเช่นกัน  เนื่องจากติดกับเมืองเฟนไล  เราคงไม่กลับไปที่สถาบันแล้ว  หลังจากไปถึงสถานที่ปลอดภัย ทั้งเรย์โนลด์และจอร์จตั้งใจจะกลับไปอาณาจักรของตนเอง  ส่วนตัวข้า... ตอนนี้ข้าจะติดตามท่านพ่อไปก่อน”  เยลตอบ  จอร์จและเรย์โนลด์ผงกศีรษะเช่นกัน
 “ดี  อย่างนั้นในอนาคต  ข้าจะตามหาพวกเจ้าทุกคน  พี่ใหญ่เยล พี่รอง น้องสี่..ลาก่อน”  ลินลี่ย์จ้องมองพี่น้องที่แสนดีทั้งสามอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้าจริงจัง จากนั้นมุ่งหน้าไปยังทิศตรงกันข้ามด้วยความเร็วสูง แค่เพียงสามก้าวก็ไปไกลกว่าร้อยเมตรแล้ว
เยล เรย์โนลด์และจอร์จ ทุกคนเข้าใจว่าการจะได้พบเห็นน้องสามของพวกเขาอีกครั้งในอนาคตคงเป็นเรื่องยากมาก
ทั้งสามคนขึ้นขี่ม้าของพวกเขาทันที  “ไปกัน”
ขบวนของหอการค้าดอว์สันมุ่งหน้าต่อไปอีกครั้งทันที
วันนี้ตระกูลนับไม่ถ้วนในเมืองเฟนไลถูกกวาดล้างในพริบตา  และตระกูลเด็บส์ก็ไม่มีการยกเว้น  เบอร์นาร์ดประมุขตระกูลถูกวานรขนทองตาม่วงเหยียบเสียชีวิตพร้อมกับคาลันทายาทของเขา  สมาชิกคนอื่นๆ ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องประมุขตระกูลคนต่อไป เพราะหลังจากนั้นพวกเขาก็ประสบภัยพิบัติสูญเสียครั้งใหญ่  อสูรเวทเริ่มโจมตีคฤหาสน์ตระกูลเด็บส์
คนคุ้มกัน คนรับใช้ สาวใช้  สมาชิกในตระกูล ตายหมดทุกคนไล่ๆ กัน  คนของตระกูลเด็บส์ทุกคนแตกตื่นจ้าละหวั่น ต่างเก็บของมีค่าที่พอเอาไปได้แล้วแตกหนีกระจายไปทุกทิศ  ตอนนี้ไม่มีใครคิดช่วยเหลือใคร
 “พี่อลิซ!  เราจะทำยังไงดี?” โรวลิงตะลึง
อลิซก็ตะลึงในตอนแรกเช่นกัน  แต่ตอนนี้นางตั้งสติได้แล้ว  “มากับข้า”  อลิซตะโกนทันที  ที่สำคัญอลิซเป็นจอมเวทระดับสี่  ขณะที่โรวลิงเองก็เป็นนักรบระดับสี่  เมื่อพิจารณาถึงวัยของพวกนาง  นี่นับว่าน่าประทับใจ  แต่ในสถานการณ์ที่อสูรเวทระดับห้าเต็มไปทั่วทุกหนแห่ง  พวกนางกลับไม่มีพลังพอจะต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย
อลิซพาโรวลิงวิ่งเข้าไปในห้องของคาลันและหยิบการ์ดเครดิตเวทสองใบจากลิ้นชัก
 “น้องโรวลิง การ์ดเครดิตเวทสองใบนี้จะมีมูลค่าแสนเหรียญทองอยู่ในนี้  เงินเท่านี้เพียงพอให้เราเอาชีวิตรอดได้  ตอนนี้เราไปกันได้แล้ว”  อลิซยื่นการ์ดเครดิตเวทให้โรวลิงใบหนึ่ง จากนั้นพวกนางวิ่งออกไปจากคฤหาสน์พร้อมกัน  นางหนึ่งเป็นจอมเวท อีกนางหนึ่งเป็นนักรบ
พวกนางมีสภาพร่างกายค่อนข้างดี จึงวิ่งได้อย่างคล่องแคล่ว
 “ช่วยข้าด้วย! อ๊า!
สาวใช้คนหนึ่งวิ่งผ่านอลิซและโรวลิงไป ขณะที่หมาป่าวายุตัวหนึ่งวิ่งกวดไล่หลังนางมาอย่างเร่งร้อน  หมาป่าวายุกระโจนใส่นางอยู่ดุร้าย จากนั้นงับเข้าที่คอของนาง  อลิซและโรวลิงจ้องมองนัยน์ตาของสาวใช้นางนั้นที่เต็มไปด้วยความปรารถนาจะเอาชีวิตรอด  แต่จากนั้น ประกายตาของนางก็ค่อยๆ หมองลง
โรวลิงยืนตะลึงอยู่กับที่  จ้องมองปรากฏการณ์ข้างหน้าอย่างโง่งม
 “รีบไปกันเถอะ!
อลิซฉุดแขนโรวลิง  นางพยายามทำใจกับภาพความตายเบื้องหน้า ในตอนนี้แม้แต่นักสู้ระดับเก้าก็ยังไม่กล้าเสียสละตัวเองเท่าใด  ในเมืองเฟนไลตอนนี้มีนักสู้ระดับเซียนมากกว่าสิบ และอสูรเวทระดับเก้าอีกเป็นร้อย
อสูรเวทระดับต่ำมีมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสูรเวทระดับห้าและระดับหก เช่นแค่เฉพาะฝูงหมาป่าวายุก็มีเป็นร้อยเป็นพันแล้ว  มีคนหนึ่งล้านคนอาศัยอยู่ในเมืองเฟนไล และพวกเขาส่วนใหญ่มีพลังระดับหนึ่งหรือระดับสองเท่านั้น พวกเขาจึงไม่มีโอกาสโต้ตอบ
 “แคว่ก” อลิซกับโรวลิงเด็กสาวผู้อ่อนแอทั้งสองฉีกกระโปรงชุดแต่งงานออก เพื่อว่าพวกนางจะวิ่งได้เร็วขึ้น
 “พี่อลิซ! มีอสูรเวทอยู่ข้างหน้า” โรวลิงร้องเรียกทันที
 “ทางนี้”  อลิซฉุดมือโรวลิงวิ่งไปตามตรอกเล็กๆ
แต่หลังจากตัดผ่านตรอกซอกซอยไปแล้ว  พวกนางเห็นอีกฝั่งหนึ่งยังคงมีอสูรเวทอยู่ด้วยเช่นกัน  อลิซกับโรวลิงถูกบีบบังคับให้อยู่ที่กลางตรอก  ระหว่างคฤหาสน์สองหลัง  แต่ทันใดนั้นกระทิงเหล็กแวมไพร์ตัวหนึ่งพุ่งเข้าจู่โจมใส่พวกนาง
 “รีบไป!  อลิซกระชากมือโรวลิงและพวกนางวิ่งออกจากตรอกซอย  พวกนางไม่สนใจอสูรเวทที่อยู่ข้างหน้า  มีคนหลายคนอยู่ข้างหน้าพวกนางด้วยเช่นกัน  ที่สำคัญอสูรเวทเหล่านั้นอาจไม่จำเป็นต้องมุ่งเป้ามาที่พวกนาง  พวกนางยังคงตะลุยวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดความสามารถ
ลมหายใจของพวกนางแห้งและขาดห้วง  หัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างความเป็นความตายทำให้ความกังวลของพวกนางขึ้นถึงระดับสูงสุด
 “ฮู้ววว!  “ฮู้วววว!  ทันใดนั้นหมาป่าวายุเกินกว่าสิบตัววิ่งกระชั้นไล่หลังพวกนางมาด้วยความเร็วสูง  หมาป่าวายุมีความเร็วมาก และเร็วกว่าความเร็วของอลิซและโรวลิงเป็นทวีคูณ  ในไม่ช้าหมาป่าวายุทั้งสิบตัวก็ไล่กวดพวกนางทัน...และขณะเดียวกัน ที่อยู่ต่อหน้าอลิซและโรวลิง  เป็นมังกรดินขนาดมหึมาโผล่ออกมา
มังกรดินมีขนาดใหญ่มากพอ แค่มันยืนอยู่ตรงนั้นก็ขวางถนนกรีนลีฟได้ถึงเกือบครึ่งถนนแล้ว  และด้วยหางมังกรของมันนั้นเอง  จึงไม่มีที่ให้อลิซและโรวลิงได้หลบหนีอีก
 “พี่อลิซ...”  โรวลิงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง
อลิซมองดูมังกรดินตัวใหญ่ขนาดอาคารสองชั้น จากนั้นมองฝูงหมาป่าที่กำลังพุ่งตรงมาที่พวกนางอยู่  นางไม่สามารถนึกหาวิธีหลบหนีได้เลย
 “นี่ข้ากำลังจะตายหรือนี่?”  อลิซได้แต่กอดโรวลิงแน่นอย่างช่วยไม่ได้  ขณะนี้เองนางรู้สึกว่าความหวังทั้งมวลมลายหายไป  จากที่ด้านหลังเป็นฝูงหมาป่าวายุสิบตัวกำลังจะมาถึง  เขี้ยวของพวกมันสะท้อนแสงแพรวพราว
ประกายแสงสีม่วงงดงามปรากฏวูบหนึ่ง
หัวของหมาป่าวายุทั้งสิบตัวถูกปลิดปลิวทันที  ร่างมนุษย์ผู้หนึ่งเหมือนล่องลอยลงมาจากสวรรค์ จากนั้นตรงเข้าหามังกรดินตัวมหึมา
 “นี่คือ...”  อลิซและโรวลิงจ้องมองดูคนผู้ปรากฏตัวมาช่วยพวกนางกระทันหันอย่างโง่งม
อลิซสามารถเห็นได้ชัดว่าเป็นใคร
 “นานแล้ว  นานทีเดียว เรื่องอย่างนี้ก็เคยเกิดเช่นกัน” แววสูญเสียปรากฏอยู่ในดวงตานาง  อลิซมองดูร่างนั้น  เป็นลินลี่ย์นั่นเอง  ความจริงที่อยู่ของลินลี่ย์ตั้งอยู่คนละฝั่งถนนจากคฤหาสน์ตระกูลเด็บส์ และตอนนี้ อลิซกับโรวลิงอยู่ห่างจากคฤหาสน์ของลินลี่ย์ไม่กี่สิบเมตร
ลินลี่ย์ไม่อาจทนเห็นคนตายโดยไม่ช่วยเหลือได้
 “ฮ่าาาาา!
ลินลี่ย์บิดเอวใช้พลังขาเตะออกเต็มแรงราวกับใช้แส้หวด  ขาของลินลี่ย์ราวกับแส้เหล็กหวดแหวกอากาศเสียงดังหวีดหวิวกระแทกใส่กะโหลกของมังกรดิน
และในขณะนี้เอง ขาของลินลี่ย์จู่ๆ ก็มีเกล็ดสีดำปกคลุม
ร่างมังกร!
 “บึ้ม!
แรงเตะนี้รวดเร็วมาก มังกรดินยังไม่ทันตั้งหลักป้องกันตัว กะโหลกของมันก็ระเบิดจากแรงเตะครั้งนี้  ร่างมหึมาของมังกรดินทรุดล้มลงกระแทกกับพื้น
ลินลี่ย์ลงมายืนอยู่บนพื้น  โรวลิงและอลิซมองเห็นเหตุการณ์นี้ตลอดพากันตกตะลึง
 “พี่..พี่ลินลี่ย์...”  อลิซพูดเสียงเบา
ลินลี่ย์หันไปมองพวกนาง เขาขมวดคิ้ว ลินลี่ย์ไม่มีเวลาเหลือพอจะพาสตรีสองนางนี้ไปด้วย  แต่ถ้าอลิซกับโรวลิงยังอยู่ที่นี่กันเอง  พวกนางจะต้องตายแน่นอน  ในเวลานั้นเองลินลี่ย์เห็นขบวนอัศวินพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง  ภายในขบวนยอัศวินนี้มีชายชราคนหนึ่งกำลังขี่ม้าที่งามสง่า  เป็นผู้อำนวยการไมอาแห่งหอศิลป์พรูกซ์นั่นเอง
ภายใต้การโจมตีของเหล่าอสูรเวท  ผลงานศิลปะภายในหอศิลป์พรูกซ์ได้มีการดำเนินการเสร็จแล้ว  ผู้อำนวยการไมอาสามารถรวบรวมชิ้นงานที่สำคัญส่วนใหญ่เก็บไว้ในแหวนมิติเก็บของของเขาแล้ว
แหวนมิติเก็บของเหล่านี้เป็นของมีค่าและหาได้ยาก  แม้แต่ผู้อำนวยการไมอาก็มีเพียงแค่วงเดียว  เพราะเขาได้รับตกทอดมาจากตระกูล
 “ผู้อำนวยการไมอา”  ลินลี่ย์ตะโกนลั่น
เมื่อเห็นลินลี่ย์ ผู้อำนวยการไมอาตื่นเต้นมาก  “อาจารย์ลินลี่ย์  เจ้าอยู่ที่นี่เอง!  คนที่ผู้อำนวยการไมอายกย่องส่วนใหญ่ก็คือปฏิมากรระดับยอดฝีมือ จึงเป็นธรรมดาอยู่นั่นเองที่ผู้อำนวยการไมอาจะชื่นชมลินลี่ย์มาก  เด็กหนุ่มคนนี้สามารถแกะสลักประติมากรรมอย่างง่ายดายแทบจะทัดเทียมกับปรมาจารย์พรูกซ์และโฮป แจนเซน
ความจริงมีคนเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องลินลี่ย์พยายามลอบปลงพระชนม์กษัตริย์เคลย์  เรื่องราวในโลกภายนอกกลับกลายเป็นว่ามีปีศาจตนหนึ่งพยายามจะฆ่ากษัตริย์เคลย์  เป็นธรรมดานั่นเองที่ผู้อำนวยการไมอาจะไม่รู้ความจริง
 “อาจารย์ลินลี่ย์, มาพร้อมกันกับเราเถอะ”  ผู้อำนวยการไมอาพูดอย่างมั่นใจ
กองกำลังของหอศิลป์พรูกซ์มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง  ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ถูกอสูรเวทระดับเซียนเล่นงาน พวกเขาจะไม่มีปัญหา
 “ผู้อำนวยการไมอา ไม่ต้องก็ได้  แต่ข้าหวังว่าท่านจะช่วยข้าได้  สตรีทั้งสองคนนี้มีความเกี่ยวพันกับข้า ข้าเพียงหวังว่าท่านจะพาพวกนางไปยังที่ปลอดภัย” ลินลี่ย์สั่ง
 “ไม่มีปัญหา  แต่อาจารย์ลินลี่ย์  ตอนนี้เมืองเฟนไลไม่ปลอดภัย”  ผู้อำนวยการไมอารีบกล่าว
 “ไม่จำเป็น,  ข้ามีเรื่องจำเป็นต้องจัดการ  ข้าขอฝากแม่นางทั้งสองให้ท่านด้วย”  หลังจากเขาพูดแล้วลินลี่ย์หายเข้าไปในคฤหาสน์ของเขาทันที  อลิซและโรวลิงต่างมองหน้ากัน  และจากนั้นผู้อำนวยการไมอามอบม้าให้ตัวหนึ่งและให้พวกนางเข้าร่วมขบวน
 “เขา... ไม่พูดกับข้าเลยสักคำ” อลิซรู้สึกไม่สบายใจทันที
เสียงกีบเท้าม้าดังขึ้น  ขบวนของผู้อำนวยการไมอาแยกจากไปพร้อมกับอลิซและโรวลิง
ตอนนี้ลินลี่ย์โผล่ออกมาจากคฤหาสน์พร้อมกับแบกห่อสัมภาระไว้บนไหล่ของเขา  ห่อสัมภาระนี้บรรจุการ์ดเครดิตหลายใบ, ผงพิษสลายโลหิตที่ยังเหลืออยู่ และหญ้าใจฟ้า
 “บีบี, ตอนนี้เราต้องมุ่งหน้าไปที่วัง”
 “เจ้านาย, ไปกันเถอะ  เราต้องฆ่าด้วยมือพวกเราเอง”  บีบีตื่นเต้นเช่นกัน
ลินลี่ย์พาบีบีมุ่งสู่วังหลวงด้วยความเร็วสูง
มีน้อยคนมากที่หนีไปแล้ว  แต่เคลย์กลับเข้าไปที่ห้องท้องพระคลังแทน   เคลย์จะทอดทิ้งความมั่งคั่งของราชตระกูลที่สั่งสมมานานนับปีไม่ถ้วนได้ยังไง?  ความมั่งคั่งของราชตระกูลมีมากมายเหลือเชื่อ
ทรัพย์สินตระกูลเด็บส์สำคัญที่สุด บางทีอาจมีมูลค่าถึงร้อยล้านเหรียญทอง
แต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ทุจริตอย่างดยุคแพตเตอสันก็ยังรวบรวมทองไว้ได้ราวๆ ร้อยล้านเหรียญ   ความมั่งคั่งที่เก็บอยู่ในท้องพระคลังมหาสมบัตินี้ก็ยังมีค่ามากกว่า
ภายในท้องพระคลัง
 “นี่คือทรัพย์สินความมั่งคั่งที่รวบรวมโดยผู้ปกครองอาณาจักรเฟนไลหลายรุ่นเกินกว่าพันปีแล้ว”  เมื่อจ้องมองดูสมบัติภายในท้องพระคลัง เคลย์ไม่มีเวลาไตร่ตรองมากนัก  เขาเก็บของที่มีค่าทั้งหมดเข้าไว้แหวนมิติเก็บของ ในฐานะพระราชา  เคลย์โชคดีพอจัดหาแหวนมิติเก็บสมบัติมาด้วยวงหนึ่งเช่นกัน
 “นี่การ์ดเครดิตเวท 32 ใบ”  เคลย์มองดูการ์ดเครดิตเวทในมือของเขา
การ์ดเครดิตเวท 32 ใบเหล่านี้ไม่มีข้อผูกมัดทั้งหมด และแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งเป็นพันๆ ปีที่อาณาจักรได้รวบรวมไว้ การ์ดแต่ละใบบรรจุเหรียญทองถึงร้อยล้าน  การ์ดเครดิตเวทรวมสามสิบสองใบรวมมูลค่าถึงสามพันสองร้อยล้านเหรียญทอง นี่เป็นจำนวนที่น่ากลัว  บางทีแม้แต่ตระกูลใหญ่ๆ ของสี่จักรวรรดิก็ยังไม่มีทองจำนวนรวมมากขนาดนั้น
พูดให้เข้าใจชัดก็คือวิธีทำเงินที่ง่ายที่สุดก็คือกลายเป็นราชา  ความมั่งคั่งที่รวบรวมไว้โดยพระราชามาเป็นเวลาเกินพันปีจึงสูงจนน่าตกใจเป็นธรรมดา
 “นครหลวงเฟนไลจบสิ้นแล้ว”  เคลย์หันไปทางสมบัติที่ยังเหลือเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกัดฟันจากไป
แต่สิ่งที่เคลย์ยังไม่ได้ตระหนักก็คือ ไม่ใช่แต่เพียงเมืองหลวงเท่านั้นที่จบสิ้น  แต่ทั่วทั้งอาณาจักรเฟนไลในตอนนี้เป็นพื้นที่เต็มไปด้วยอสูรเวท  เขา, เคลย์ไม่ใช่กษัตริย์อีกต่อไป  ยิ่งกว่านั้น ไม่ใช่แค่เพียงอาณาจักรเฟนไลที่ถูกทำลาย แต่พื้นที่จำนวนมหาศาลที่เป็นของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ถูกพวกอสูรวิเศษกัดกินและอ้างสิทธิ์ครอบครอง
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น