วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 316 หยาหยาผู้น่าสงสาร

ตอนที่  316  หยาหยาผู้น่าสงสาร
แสงสว่างที่อยู่ต่อหน้าเขาหายวับไปทันที ทำให้ทัศนวิสัยของถังเทียนกลับอยู่ในสภาพมืด
ความมืดที่เกิดขึ้นกระทันหันทำให้ถังเทียนตกตะลึง

หือ!
ความมืดมาเร็วและไปเร็วในพริบตา  เหมือนกับกระจกที่หายไป
หมัดน้อยๆ ของหยาหยาหยุดห่างจากจมูกของถังเทียนสองเซนติเมตร
ถังเทียนตะลึง
หยาหยามีความสุขมากกับปฏิกิริยาของถังเทียน  แต่ลืมไปว่ามันยังอยู่ในกลางอากาศ และมันร่วงลงกับพื้นทันทีกระแทกกับพื้นโดยตัวมันอ่อนนุ่มเหมือนเจลาติน  ในพริบตามันก็เด้งขึ้นมาอีกและคืนสู่สภาพเดิม
ถังเทียนรู้สึกตัว และตะกุกตะกัก  “หมัดเหล็กกลืนแสง...”
หยาหยาไขว้แขนตั้งท่าแบบจอมพลังอย่างมีความสุข
หลังจากหมุนตัวไปรอบๆ  มันก็ถูกถังเทียนจับไว้  และยืดตัวมันเหมือนหนังยางแล้วปล่อยมันคืนสู่สภาพเดิมอีก  “นอกจากดำขึ้นแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่  อย่าบอกข้านะว่าเจ้าใช้วิธีกลืนควันดำ?  ข้าจะต้องวิเคราะห์หาดูไหม? ดูซิว่าการ์ดหมัดเหล็กกลืนแสงมันอยู่ตรงไหน?”
หยาหยาร่างแข็ง  หน้าของมันเต็มไปด้วยความกลัว
 “นั่นคือยอดวิชาโดดเด่น แต่ถูกตัวอ่อนขุนพลวิญญาณกินไป  เสียของหมด นั่นคือเงินจำนวนมหาศาลนะ”
ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้ ก็ยิ่งโกรธ และยิ่งเขาโกรธก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ  สีหน้าที่เขามองหยาหยาไม่มีความปราณี  หยาหยายิ้มประจบทันที  แต่นอกจากตาของมันแล้ว  ส่วนอื่นๆ ไม่สามารถมองเห็นได้
มันเสียใจแทบบ้า  ถ้ามันไม่อวดว่ามันมีฝีมือแล้ว  มันจะไม่พบกับภัยพิบัติเช่นนี้
 “ตอนนี้มีโอกาสให้มันทำงานชดใช้ความผิดแล้ว”  เสียงของปิงดังมาจากด้านหลังถังเทียน
ถังเทียนหันไปมองปิงด้วยความสงสัย  “โอกาสอะไร?”
 “พลังของเจ้าก้าวหน้าจนเกินระดับของค่ายทหารใหม่ไปแล้ว  ค่ายทหารใหม่ไม่สามารถช่วยให้เจ้าก้าวหน้าได้มากกว่านี้แล้ว  ดังนั้นเราต้องไปที่ค่ายทหารจริงๆ กัน"  ปิงอธิบาย  เขาไม่ได้ยกเรื่องการต่อสู้วันนั้นมาพูด 
 “ค่ายทหารจริง?”  ถังเทียนสนใจคำพูดของปิงทันทีและถามต่อ “ลุงบอกว่าค่ายทหารที่แท้จริง เป็นของกลุ่มดาวกางเขนใต้ทั้งหมดใช่หรือเปล่า?”
 “นั่นเป็นเรื่องจริง”  ปิงกล่าว  “แต่ที่ใกล้กับค่ายฝึกทหารใหม่ ความจริงยังมีค่ายทหารร้างอยู่”
 “ค่ายทหารร้าง?”  ถังเทียนสะดุ้ง
 “ถูกแล้ว” ปิงรำพึง  “นั่นเคยเป็นแนวหน้า และมีกองทหารประจำการที่นั่น  แต่หลังจากนั้นอาณาเขตของเราขยายออกไป เพื่อขยับขยายพื้นที่ของทหารประจำการออกไป  ดังนั้นค่ายทหารนั้นจึงถูกทิ้งร้าง”
 “เป็นอย่างนี้นี่เอง”  ถังเทียนเข้าใจ  จากนั้นถามด้วยความสงสัย  “แล้วจะใช้ค่ายทหารร้างได้ยังไง?”
 “มันอาจถูกทิ้งร้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ประโยชน์ไม่ได้”  ปิงอธิบายอย่างอดทน  “และข้ายังคงควบคุมค่ายนั้นได้  ดังนั้นมันสามารถทำงานได้อีก  มีความสามารถมากมายที่สามารถช่วยเจ้าได้  กองทัพดาวกางเขนใต้ มีค่ายทหารซึ่งมีความสามารถอย่างสมบูรณ์  และมันสามารถสร้างขุนพลวิญญาณผู้นำทหารระดับผู้กองออกมาได้อีกด้วย”
 “นั่นก็หมายความว่าถ้ามีคนพบ  พวกเขาก็สามารถสร้างขุนพลวิญญาณผู้นำทหารได้ใช่ไหม?”  ถังเทียนถาม
ในที่สุดปิงก็ไม่อาจทนได้ เขาแค่นเสียง “เจ้าคิดว่าใครๆ ก็สามารถทำให้มันใช้งานได้หรือ?  มีแต่ผู้ที่มีพลังอย่างข้าจึงจะสามารถทำให้มันทำงานได้  การจัดอันดับของกองทัพเข้มงวดมากกว่าที่เจ้าคิดมากนัก เด็กใหม่”
เมื่อเห็นหน้าของปิงแสดงว่าตนเองคือคนสำคัญ  ถังเทียนแค่นเสียงทันที  “เฮ้, นายทหารอาวุโส  อย่างนั้นท่านก็ไปเปิดการทำงานของมันซะสิ”
จากนั้นปิงค่อยรู้ตัวและพลิกลิ้นทันทีราวกับลมพัด  “ด้วยการช่วยเหลือจากค่ายกองทัพ  มันจะช่วยเหลือให้เจ้าสามารถฝึกฝนวิทยายุทธได้มากมาย  ลองคิดดู ปัจจุบันนี้เจ้าฝึกวิชาลมพรางและโล่อากาศโจมตี ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับสุดยอดวิชาโดดเด่น  ด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกองทัพจะช่วยให้เจ้าก้าวหน้าได้อีกมากมาย  ค่ายของกองทัพจะมีการฝึกฝนอบรมหลายเรื่องหลายหัวข้อ ซึ่งหัวข้อทั้งหมดก็เพื่อเค้นศักยภาพจนถึงขีดจำกัด”
 “นี่พูดจริงหรือหลอกให้ดีใจ?”  ถังเทียนไม่ค่อยอยากเชื่อเขา
 “แน่อยู่แล้ว”  ปิงรู้ว่าช่วงเวลาสำคัญมาถึงแล้ว เขาเริ่มโม้เกี่ยวกับทุกอย่างที่เขามี  “เจ้ารู้ไหมว่าในยุคของเรา โดยทั่วไปแล้วจะมีเสรีภาพมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการฝึกฝนวิทยายุทธ  ไม่มีข้อจำกัด ข้อห้ามแบบนั้นอย่างที่เราพบอยู่ในปัจจุบันนี้  และการเค้นศักยภาพจนถึงขีดจำกัดก็คือหนึ่งในเสรีภาพที่เราจะทำได้  ยกตัวอย่างเช่น ฝึกกระบี่ไวที่สุด, พลังมหาศาลที่สุด, การป้องกันแข็งแกร่งที่สุด, สัญชาตญาณว่องไวที่สุด,  ฝีเท้าคล่องแคล่วที่สุด  ใครก็ตามสามารถถึงความชำนาญหนึ่งในทักษะเหล่านั้น ก็จะกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในค่ายทันที  เจ้าพวกบ้านั่นระบายทุกอย่างกับการฝึกฝนทุกคน และใช้เวลากับการฝึกฝนตลอด  ในสามกองทัพใหญ่ กองทัพกลุ่มดาวกางเขนใต้ของเราดีที่สุดในเรื่องเสรีภาพ”
ถังเทียนเชื่อ  “แล้วค่ายทหารร้างอยู่ที่ไหน?”
ปิงเดินมาอยู่ด้านซ้ายของถังเทียนและชี้  “ที่ตำแหน่งนั้น  แต่เราต้องเปิดเส้นทางที่เต็มไปด้วยกรวดหินจากตำแหน่งนั้น  หมัดกลืนแสงของหยาหยาจะเหมาะสมกับงานนี้”
หยาหยายืดอกเชิดหน้าแสดงสีหน้าว่า เรื่องนี้ไว้ใจข้าได้
 “เป็นอันตกลง”  ถังเทียนโยนหยาหยาให้ปิงและถาม  “ไปอีกไกลเท่าใด?”
สีหน้าปิงมีความสุขและกล่าว  “ก็ไม่ไกลมาก แค่ข้ามที่ราบสูงนั้นไป”
 “...ทะ ที่ราบสูง?” ถังเทียนถามตะกุกตะกัก
 “ใช่แล้ว  ข้าจำได้เมื่อเราใช้วิชาร่างแสงเพื่อการเดินทางของเราในเวลานั้น เราใช้เวลาประมาณสองเดือน”  ปิงรำลึกอดีต  “ที่ราบสูงนั้นกว้างขวางมาก  และยังมีพวกเผ่าเซรามิคอยู่ที่นั่น  ทหารของเราในอดีต เคยมีชนเผ่านั้นอยู่หลายคน”
ถังเทียนมองดูหยาหยาด้วยความเห็นอกเห็นใจ  เพราะมันต้องขุดเส้นทางตลอดแนวที่ราบสูง...
หยาหยาตกใจเป็นลมไปแล้ว
ถังเทียนออกจากค่ายทหารใหม่และเข้าไปในเมืองสามวิญญาณและทักทายกับผี่ผา  นางพาเขาไปห้องค้นคว้าทดลองผู้เฒ่าเฟ่ย
 “ยังนับว่าไม่เลวเลยนะ”  ถังเทียนมองดูรอบๆ และพบว่าพื้นที่เพียงพอแล้ว มีสมบัติดวงดาวหลายชิ้นวางเรียงรายส่องประกายเข้าตาเขา  หลังจากใช้จ่ายไปถึงพันห้าร้อยล้านเหรียญกับสมบัติดวงดาว  ผลที่ได้รับน่าทึ่งมาก  ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญสายเลือดคนอื่นมาเห็นภาพนี้ พวกเขาคงได้ตาร้อนจนกระอักเลือดอยู่ตรงนั้นนั่นเอง
ผู้เฒ่าเฟ่ยหัวเราะอย่างโง่งม เขามีความสุขมากกับสภาพความเป็นอยู่ที่เขามี  ตอนแรก เขากังวลใจอยู่บ้าง  เขาไม่เคยได้ยินว่าเมืองสามวิญญาณจะมีสิ่งที่เขาไม่รู้จักรอเขาอยู่
แต่เมื่อตามติงตังกลับมาเมืองสามวิญญาณ  เขาตะลึงเหมือนคนโง่งมเมื่อเห็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โต
มันคือป้อมบรอนซ์ขนาดมหึมา!
ผู้เฒ่าเฟ่ยคาดว่าเจ้านายของเขาคงมาจากตระกูลเก่าแก่แน่นอน  มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ขนาดนั้น  ฐานทัพบรอนซ์ว่าทำให้เขาตกตะลึงได้มากพอแล้ว  แต่งานฝีมือเชิงจักรกลของเซรีนยิ่งทำให้เขาตกตะลึงหนักขึ้นไปอีก  เขาไม่มีความเข้าใจเรื่องอาวุธจักรกลเท่าใดนัก  แต่เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่จัดสรรให้กับนางนั้นทำให้วิศวกรจักรกลทั้งหลายต้องอิจฉาเป็นแน่
เซรีนจัดสรรพื้นที่ใหญ่น่าตกใจให้เขาทันที และเขากล้ายืนยันได้ทันทีว่าผู้เชี่ยวชาญเมื่อเห็นสภาพเงื่อนไขความเป็นอยู่ปัจจุบันของเขาแล้ว  พวกเขาคงได้ปฏิเสธเหรียญดาวทั้งหมดและวิ่งกรีดร้องโวยวายเป็นแน่
ถังเทียนมองดูพื้นที่ว่างและกล่าว “ถ้าท่านต้องการผู้ช่วยสักสองสามคน ก็เรียกมาได้เลย”
 “ทำได้ด้วยเหรอ?”  ผู้เฒ่าเฟ่ยร่าเริง  เขารู้จักผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีชื่อเสียงหลายคน เมื่อเห็นห้องทดลองดังกล่าวแล้ว เขาคิดถึงเพื่อนเก่าของเขา
 “ได้เลย” ถังเทียนกล่าว  “ถ้ามีคนที่เหมาะสม  ก็ติดต่อให้พวกเขามาได้เลย”
ถังเทียนมองดูผี่ผา  นัยน์ตาเขาเป็นประกาย  “ผี่ผา, เจ้ามีคำแนะนำว่าไงบ้าง?”
ถูกแล้ว ถ้าเขาไม่เข้าใจเพราะเขายังฉลาดไม่เพียงพอ  เขายังมีสหายฉลาด
ผี่ผากระแอม จากนั้นถาม  “เจ้านาย ท่านมีข้อขอร้องเกี่ยวกับห้องค้นคว้าทดลองยังไงบ้าง?”
 “คำขอน่ะหรือ?”  ถังเทียนสะดุ้ง “สามารถคลี่คลายพลังสายเลือดของข้าได้ไหม”
 “ต้องการเอาไปใช้เพื่อทำกำไรหรือไม่?”  ผี่ผาถามต่อ
 “ยังไม่จำเป็น”  ถังเทียนส่ายศีรษะ  เขามีหลายวิธีสำหรับการหาเงิน  แต่เขาไม่ต้องการทอดเวลายาวนานในการคลี่คลายพลังสายเลือดของเขาเพียงเพื่อประโยชน์กับการสร้างรายได้  “ข้าต้องการทราบผลให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้  เป้าหมายเดียวของการสร้างห้องค้นคว้าวิจัยก็คือคลี่คลายเรื่องพลังสายเลือดของข้า”
 “เข้าใจแล้ว” ผี่ผากล่าวอย่างนุ่มนวล  “ข้าจะทำตามนั้นและกำหนดแผนงานที่เหมาะสม”
 “ผี่ผามีอำนาจเต็มที่  ข้ามอบหมายให้เจ้าทั้งหมด”  ถังเทียนพูดอย่างตื่นเต้น
ผู้เฒ่าเฟ่ยไม่ปฏิเสธ  หลังจากผ่านไปได้สองสามวันของการตอบรับ  ความรู้และความสามารถของผี่ผาทำให้เขามั่นใจ  เมื่อเขามีข้อข้องใจใดๆ ก็ตาม เขาจะหาผี่ผาก่อนและนางยังน่าเชื่อถือมากกว่าเซรีนที่เดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหาย
 “เอาล่ะ ท่านผู้เฒ่าเฟ่ย ช่วงนี้ได้ผลตอบรับอะไรมาบ้าง?”  ถังเทียนถาม
 “มีผลออกมาบางอย่าง”  ผู้เฒ่าเฟ่ยกระตือรือร้น  เขาแทบไม่ได้นอนในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา  เอาแต่ค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่อง ลืมแม้กระทั่งกินอาหาร  เขาเข้าใจชัดมากกว่าเจ้านายทุ่มเงินถึงพันห้าร้อยล้านและจับตามองดูการค้นคว้าสิ่งที่สำคัญที่สุด  เมื่อเร็วๆ นี้เขาได้ผลลัพธ์ออกมา ยิ่งเจ้านายเห็นความสำคัญของเขา  ความไว้วางใจในตัวเขาก็จะมากขึ้น
ถังเทียนเพียงแต่ถามดูตามปกติ  แต่ไม่คาดว่าผู้เฒ่าเฟ่ยจะได้ผลบางอย่างจริงๆ  เขาพูดทันที “มาเถอะ บอกมาเลย”
 “นายท่านโปรดตามข้ามา”  ผู้เฒ่าเฟ่ยนำทางและเดินผ่านประตูแล้วประตูเล่า  เขามาถึงห้องที่มีการป้องกันแน่นหนาในส่วนลึกของห้องวิจัย
เมื่อเข้าไปแล้ว ถังเทียนให้ความสนใจเปลวเพลิงดำที่ลอยอยู่ในครอบแก้วทันที
 “เพลิงดำที่สะสมอยู่ในสายเลือดของนายท่าน หลังจากผ่านการแยกแยะและยืนยันล่าสุด มันคือเพลิงดำแห่งมิติว่าง”  เมื่อได้พูดเรื่องถนัดของเขา ผู้เฒ่าเฟ่ยเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น  “เพลิงดำมิติว่างคงสภาพอยู่ในมิติพื้นที่ว่างเปล่าและจนกระทั่งบัดนี้ มีเพียงพลังสายเลือดสามรูปแบบเท่านั้นที่สามารถใช้เพลิงดำมิติว่าง  แต่หลังจากผ่านการทดลองและควบคุมมันให้ออกมา สายเลือดของท่านไม่ใช่ทั้งสามแบบ  และข้าตระหนักได้ว่า เพลิงดำมิติว่างในสายเลือดของท่าน ไม่ใช่เพลิงปกติธรรมดา”
 “ไม่ธรรมดา?  ท่านหมายความว่าไง?”  ถังเทียนตะลึง
 “ก็หมายความว่ามันไม่ได้ตกทอดมาจากบิดามารดาของท่าน”  ผู้เฒ่าเฟ่ยอธิบาย
 “ท่านหมายความว่า มันมาอยู่ในตัวข้าหลังจากข้าเกิดมาแล้วใช่ไหม?”  ถังเทียนถาม
 “เหตุผลของนายท่านถูกต้องแล้ว”  สีหน้าของผู้เฒ่าเฟ่ยเคร่งเครียด  “เพลิงดำมิติมืดนี้ผ่านกระบวนการมาอย่างรอบคอบและถูกบดอัดอยู่ในสายเลือดของนายท่าน  นอกจากนั้นข้ายังพบสารที่เข้มข้นอย่างอื่นที่คล้ายกับเพลิงดำมิติว่าง”
ผู้เฒ่าเฟ่ยทำมือชี้ไปที่ครอบแก้วอีกชิ้นหนึ่ง
ถังเทียนไม่ได้สังเกตอยู่ก่อนนั้น  แต่เมื่อตรวจสอบดูอย่างใกล้ชิด เขาก็ตระหนักได้ว่าเป็นผลึกน้ำแข็งสีฟ้ามีขนาดเท่าเข็มลอยอยู่ข้างใน  มันมีขนาดเล็กมาก แน่นอน ถังเทียนจึงไม่ทันสังเกตเห็นมัน
ถังเทียนใจสั่นสะท้าน  หรือว่าจะเป็น...
 “ผลึกน้ำแข็งสีฟ้านี้มีพิษที่เข้มข้นน่ากลัว เรียกกันว่าหัวใจน้ำแข็งฟ้าเพราะใช้เป็นองค์ประกอบของคนโดยตรง  ในอดีตจะมีคนใช้มันเพื่อฝึกควบคุมวิทยายุทธทางจิต มันเหมือนกับเพลิงดำมิติว่าง  ได้จงใจผสมไว้ในสายเลือดของท่าน  นอกจากนี้ หลังจากที่ผสานเข้ากับเพลิงมืดมิติว่าง บังเอิญว่ามันมีความสมดุลกันดีอย่างละเอียดอ่อน วิธีที่มหัศจรรย์เช่นนั้นข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
จากนั้นผู้เฒ่าเฟ่ยกล่าวเบาๆ  “เมื่อข้าแยกเพลิงดำมิติว่างและหัวใจน้ำแข็งฟ้าออกแล้ว  สายเลือดของนายท่านกลับมีการเปลี่ยนแปลงแบบใหม่”
 

8 ความคิดเห็น:

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

วี เฉยๆ กล่าวว่า...

ค้าง

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณ ครับ (แต่ ค้างงงงง) อิ อิ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จะเบิกกระจกเงาหมื่นบุปผาได้ละเหรอ

แสดงความคิดเห็น