วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 579 ราชันย์พันปีศาจ



ตอนที่  579  ราชันย์พันปีศาจ

ภายในประตูลับ ในโลกที่เต็มไปด้วยหิมะขาวบริสุทธิ์ หุบเขาพายุน้ำแข็ง
มีร่างหนึ่งปรากฏอยู่หน้าทะเลสาบลาวา  มันเหยียดมือออกอย่างใจเย็นและเรียกฝนดาวตก

เมื่อผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนสั่วเห็นคนผู้นี้ปรากฏตัว เขาดีใจมากกับข่าวดีไม่คาดคิดนี้
ทันใดนั้น เขาโผล่ออกมาจากผิวทะเลสาบทันที
หมอบคารวะทักทาย
ในป้อมดาวตก บุรุษประหลาดที่อยู่ในชุดหมอผีเผ่าทะเลถอนสนามพลังและหลบหนีผ่านพะยูนนรกไปเหมือนปลา  แม้ว่าฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วจะเร่งรีบกลับมาจากด้านนอก ก็ไม่สามารถหยุดเขาได้สำเร็จ
 “เจ้าจะหลบหนีไปไหน....”  ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วไล่ตามเขาทันที ไม่ยินยอมให้เขาได้หนี
เย่ว์หยางยังคงไม่เคลื่อนไหว
เขายังคงรั้งอยู่ข้างๆ ไห่อิงอู่ที่ร้องไห้อยู่เงียบๆ
ไห่อิงอู่เป็นเด็กฉลาดเกิดมาพร้อมด้วยสัญชาตญาณสตรี  นางไม่สามารถยืนยันได้ก่อนหน้านี้เพราะข่าวลือของราชินีแมงกะพรุนมีผลต่อการตัดสินใจของนาง  เมื่อราชินีแมงกะพรุนตายในอ้อมแขนนาง ในที่สุดไห่อิงอู่ก็รู้สึกเสียใจกับการตายของนาง  แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าในอดีตราชินีแมงกะพรุนทำลงไปเพื่ออะไร  แต่เพียงได้เห็นรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจและปลาบปลื้ม นางจึงรู้ว่าอะไรก็ตามที่ราชินีแมงกะพรุนทำลงไปความจริงก็ล้วนแต่ทำเพื่อนางคนเดียว
 “ไม่นะ, ไม่....” ไห่อิงอู่หลั่งน้ำตารำพึงกับตนเอง  “เป็นจักรพรรดินีสมุทรผู้ปกครองสมุทรไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการจริงๆ  สิ่งที่ข้าต้องการที่สุดคือครอบครัวที่อบอุ่น  พ่อแม่ที่รักและดูแลข้า ข้าไม่ต้องการความแข็งแกร่งอย่างนี้ ไม่ต้องการเป็นกำพร้าที่น่าสมเพช  ข้าไม่ต้องการครอบครองขอบเขตมหาสมุทรที่กว้างใหญ่แต่กลับไร้ญาติสนิท.. ทำไมต้องเป็นแบบนี้?  ข้าอยากเป็นลูกสาวของคนธรรมดามากกว่า, ทำไม...”
 “มีหลายเรื่องในโลกนี้ที่เราไม่อาจเลือกได้”  เย่ว์หยางกอดนางและปลอบโยนนางอย่างนุ่มนวล
ห่างออกไปนอกป้อมดาวตกห้ากิโลเมตร บุรุษในชุดหมอผีเผ่าทะเลถูกฟงจู้, เป่ยฟงเจียโส่วและพะยูนนรกทั้งสองไล่ตามทัน
อย่างไรก็ตามบุรุษผู้นี้ไม่ตื่นเต้น
เขากลับใจเย็นอย่างมาก
จากระยะไกลมีเงาร่างสองร่างตรงเข้ามาทางพวกเขาราวกับสายลม
ลักษณะของพวกเขาทั้งเสื้อผ้า, อารมณ์, พลังและรายละเอียดอื่นๆ ของบุรุษทั้งสองคนเหมือนกัน ราวกับว่าเป็นร่างแยกของกันและกัน
ใบหน้าแคบยาวคล้ายกัน ส่วนสูง, จมูกโด่ง ริมฝีปากบางเท่ากัน และดวงตาของพวกเขามีลักษณะคล้ายกัน  สีหน้าแบบนี้ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ เว้นแต่มีมาแต่กำเนิด
เมื่อเห็นท่าทีที่เย่อหยิ่งและรูปลักษณ์ที่อำมหิตและรังเกียจต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดแล้ว สามารถบอกได้เลยว่าสองคนนี้คุ้นเคยกับการอยู่เหนือคนอื่น
นอกจากนั้น พวกเขายังเหี้ยมโหดมองเห็นชีวิตผู้อื่นเหมือนกับผักปลา
หากท่านจะพูดถึงความแตกต่าง  ก็คงมีความแตกต่างระหว่างบุรุษทั้งสองก็คือมุกระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่หน้าพวกเขา  คนที่อยู่ทางด้านซ้ายมีมุกสีแดงเลือดกำลังเผาไหม้  นี่คือมุกภูตเพลิงแดง  คนทางขวามีมุกสีเขียวเข้มเหมือนไฟฟอสฟอรัส  นี่คือมุกภูตเพลิงเขียว  มุกภูตทั้งสองนี้เป็นเพียงความแตกต่างระหว่างคนทั้งสอง
บุรุษที่ยืนอยู่ด้านซ้ายโค้งคำนับให้ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วด้วยมารยาทที่สุภาพ  “ข้าคือร่างแยกของราชันย์พันปีศาจนาม ชี่เหยียน”
บุรุษที่อยู่ด้านขวายังคงคำนับด้วยมารยาทอย่างเดียวกัน  “ข้าคือร่างแยกที่สองของราชันย์พันปีศาจ ชิงเยี่ยน”
บุรุษประหลาดที่ปลอมเป็นหมอผีเผ่าทะเลเปลี่ยนไปเช่นกัน  เขาเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเหมือนกับร่างแยกของราชันย์พันปีศาจ ปีศาจเพลิงสีม่วง  มุกภูตเพลิงม่วงลอยอยู่ต่อหน้าเขา
บุรุษผู้ปลอมเป็นหมอผีเผ่าทะเลยิ้มเล็กน้อย  “ข้าคือร่างแยกที่สามของราชันย์พันปีศาจ นามจื๋อจิ่ว”
ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วหน้าซีดไร้สีทันที  สี่ต่อสามหรือ?
อย่างนี้ท่าทางไม่ดีแน่
เนื่องจากเพิ่งผ่านการต่อสู้กับผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่ว ทำให้พวกเขาสิ้นเปลืองพลังไปมาก  ถ้าพวกเขาต้องสู้อีกครั้งหนึ่ง  ผลที่ออกมาก็คงไม่ดีแน่  สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า แม้ว่าพะยูนนรกจะมีพลังระดับอสูรฟ้าระดับสอง  แต่พวกมันไม่ค่อยฉลาด  ดังนั้นจึงมีขีดจำกัดในการแสดงขีดความสามารถทางทหารของพวกมัน  บางทีพวกมันสามารถโจมตีคนหนึ่งในจำนวนนั้น  แต่สำหรับอีกสองคน ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วไม่มั่นใจว่าจะสู้กันตัวต่อตัวได้
ในอีกฝ่ายหนึ่ง บุรุษทั้งสามที่อ้างตัวว่าเป็นร่างแยกของราชันย์พันปีศาจ  ทุกคนมีพลังปราณฟ้าระดับสามกันทุกคน
 “เราไม่ต้องการสู้กับพวกเจ้าเลย  งานที่สำคัญที่สุดของพวกเราคือรับเอาร่างของจ้าวปีศาจโบราณ  แต่พวกเจ้าสร้างความลำบากมากมายนัก  ถ้าเราไม่ฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าจะต้องขวางทางแน่”  ร่างแยกที่หนึ่งชี่เหยียนกล่าว
 “ถ้าเจ้าคิดว่าพวกเจ้าสามารถเอาชนะเราทั้งสามได้ เจ้าคิดผิดเสียแล้ว”  ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วมองหน้ากันจากนั้นหันหลังชนกัน
 “แน่นอนว่าเราไม่เพียงแต่จะเอาชนะพวกเจ้าทั้งสี่  เราต้องการฆ่าพวกเจ้าอีกด้วย” บุรุษที่ปลอมเป็นหมอผีเผ่าทะเล และเป็นร่างแยกที่สามนามจี๋จิ่วเหาะเข้าหาทั้งสามด้วยความเร็วสุดยอด เงื้อมือและใช้สนามพลังที่ไม่ธรรมดาออกไป  ทันใดนั้นฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วชะงักงันอยู่กับที่  ภายในสนามพลัง เวลาและมิติดูเหมือนจะหยุดนิ่ง  แม้แต่จี๋จิ่วเองก็ยังลอยอยู่ในอากาศไม่เคลื่อนไหว
ร่างแยกแรกชี่เหยียนและร่างแยกที่สองชิงเยี่ยนโจมตีใส่พะยูนนรกทั้งสองทันที
ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วไม่สามารถเคลื่อนไหวได้  แต่สามารถคิดได้
รู้ทั้งรู้ว่าพะยูนนรกทั้งสองจะต้องพ่ายแพ้  แต่พวกเขาติดอยู่ในสนามพลังลึกลับไม่สามารถหลบหนีได้  ดังนั้นพวกเขาได้แต่กังวลอย่างจนใจ...
ผู้เฒ่าซิงผาน, อัศวินสมุทรและมนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนล้มลงที่หน้าประตูป้อมและหลับลงอย่างรวดเร็ว  ผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่วที่หลบหนีออกมาได้จากผนึกก้าวยาวๆ เข้ามา ตามมาด้วยบุรุษที่สวมชุดคลุมในป้อม เขาเบียดตัวเข้าไปในสนามต่อสู้
ในท่ามกลางสนามต่อสู้ ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ย ท่านหญิงเยี่ยน ขุนพลปลาดาวและคนอื่นๆ จากไปนานแล้ว
ไห่อิงอู่ที่กอดราชินีแมงกะพรุนไว้ในอ้อมแขนก็หายไปด้วยเช่นกัน
มีเพียงสามคนที่เหลืออยู่ในเวที
หนึ่งในนั้นก็คือนาคราชสมุทรเก้าหัวที่ยังคงฟื้นฟูจากอาการกระดูกคอหัก, คนที่สองคือเผ่ามีปีกเสียงหวี่ผู้รับคำสาปสืบต่อจากราชินีแมงกะพรุนหลังจากฆ่านาง
คนที่สามคือเย่ว์หยางที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นกินแอปเปิลอย่างสบายใจขณะรอให้ศัตรูมาถึง
เมื่อเขาเห็นบุรุษที่สวมชุดคลุมปรากฏตัวเข้ามา  เขาหัวเราะ
เหมือนกับว่าเขาได้เห็นสหายเก่าร่วมชั้นเรียนที่ไม่ได้พบกันมานาน
บุรุษที่อยู่ในชุดคลุม ใบหน้าของเขาก็ยังมีรอยยิ้มสดใส และเขายังยิ้มอย่างสุภาพ
บุรุษผู้นี้มองดูคล้ายกับชี่เหยียน, ชิงเยี่ยนและจี๋จิ่วที่อยู่ข้างนอกมาก  นอกจากท่าทางเย่อหยิ่งและเหี้ยมโหดบนใบหน้าของเขา  เขายังมีลักษณะที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอีกสองอย่างคือความเชื่อมั่นในตนเอง  ความเชื่อมั่นเช่นนี้ไม่ได้มาจากพลังหรือสถานะ แต่มาจากนิสัยของเขาเอง มันเป็นบุคลิกภาพตั้งแต่เกิด  ในขณะที่ท่าทีที่แปลกประหลาดดูเป็นตัวของตัวเองที่ไม่มีใครอื่นเหมือน นอกจากคนผู้นั้นเอง  เหมือนกับว่าเป็นเครื่องหมายที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนทุกคน
เมื่อเขาเห็นเย่ว์หยาง  เขายิ้ม
ไม่ใช่รอยยิ้มที่สนิทสนม ไม่ใช่ทั้งรอยยิ้มที่สุภาพ แต่เป็นรอยยิ้มมีความสุขเฉพาะตัวเป็นพิเศษ
รอยยิ้มแบบนี้เป็นรอยยิ้มปลาบปลื้มใจเหมือนเกษตรกรได้เห็นการเก็บเกี่ยวจากพืชผลของเขา  หรือเมื่อชาวประมงเห็นสายเบ็ดกำลังถูกดึง หรือเมื่อนายพรานมองเห็นสัตว์ป่าตกลงไปในกับดักของเขา
เขาเพียงจับตามองดูเย่ว์หยาง และไม่สนใจนาคราชสมุทรเก้าหัวและไม่ได้ปลอบใจเผ่ามีปีกอย่างเสียงหวี่
เขายิ้มและถามเย่ว์หยาง  “เจ้าคืออัจฉริยะที่มีชื่อหมื่นปีจึงจะมีปรากฏสักครั้ง คุณชายสามตระกูลเย่ว์ใช่ไหม?”
เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเช่นนั้น ยิ้มของเขาสดใสยิ่งกว่าเดิม  “เจ้าคืออัจฉริยะที่มีชีวิตมาสามพันปี ราชันย์พันปีศาจใช่หรือเปล่า?”
เขาไม่ปฏิเสธ, แต่กลับปรบมือหัวเราะ  “ถูกแล้ว, ข้าคือราชันย์พันปีศาจ  ข้าคิดว่าเจ้าจำข้าไม่ได้เสียอีก  ดังนั้นข้าเตรียมจะแนะนำตัวอยู่แล้ว  คาดไม่ถึงเลยว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์จะมีสายตาดีขนาดนั้น”
 “อย่าว่าแต่ราชันย์พันปีศาจเลย, ต่อให้เป็นราชันย์พันแม่เหล็ก, ราชันย์พันสัตว์ป่า, ราชันย์พันทาส, ราชันย์พันกระบี่, ราชันพันงู..  ข้าก็ยังจำได้หมด และจะลืมเจ้าได้ยังไง?”  เย่ว์หยางหัวเราะ  สีหน้าของเขาดูเหมือนกับจะบอกว่า เขาเพิ่งจะพบกับราชันย์พันผักนั่งขายผักอยู่ริมถนนเมื่อไม่วันมานี้เอง  เมื่อราชันย์พันปีศาจได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเขาและเขาทำหน้าเขียวคล้ำทันที
 “พ่อหนุ่ม  ดูเหมือนเจ้าปฏิบัติต่อข้าด้วยความเกลียดชังใช่ไหม?” ราชันย์พันปีศาจถาม
 “ถ้าข้าจำได้ไม่ผิด เมื่อปีที่แล้วมีกลุ่มบุรุษและสตรีที่อ้างว่าศรัทธาในตัวเจ้าลักพาตัวญาติข้าไป”  เย่ว์หยางยังคงยิ้ม  “ข้าไม่ปฏิบัติกับเจ้าอย่างเกลียดชังเท่านั้น  แต่ข้ายังไม่ชอบเจ้ามากๆ เสียด้วย”
 “คุณชายสามตระกูลเย่ว์, เราทั้งสองต่างก็ถือกำเนิดในทวีปมังกรทะยาน  ข้าจะไม่สู้กับเจ้าแน่  ถ้าเจ้าไปจากที่นี้ ข้าจะยกหอทงเทียนให้เจ้า   ข้าจะไม่วิจารณ์อะไร ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรในหอทงเทียนอีกต่อไป  อนาคตของข้าอยู่ที่แดนสวรรค์”    ราชันย์พันปีศาจแนะนำเย่ว์หยาง  “พ่อหนุ่มน้อย ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง หลายอย่างที่ข้ากำลังทำ และหลายอย่างที่เจ้าคิดนั้นแตกต่างกันมาก  บางทีเจ้าได้ยินข่าวลือหลายเรื่องเกี่ยวกับข้า แต่เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าเจ้ากับข้าในช่วงอายุเท่ากันนั้นมีความคล้ายกันมากแค่ไหน? เจ้าเป็นไอ้ขี้แพ้เมื่อช่วงเริ่มต้น เนื่องจากยังขาดความก้าวหน้าในพลังฝึกปรือ ผู้คนเหยียดหยามเจ้า  ต่อมาเมื่อเจ้าประสบพบโชค เจ้าก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว...  ข้าเองก็เผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายๆ กัน  ข้าเริ่มต้นอย่างล้มเหลว จากนั้นก็ประสบพบโชคและก้าวหน้าอย่างรวดเร็วกลายเป็นอัจฉริยะในประวัติศาสตร์.... ระหว่างเราสองคนไม่จำเป็นต้องมาต่อสู้กันเลย  เจ้าผ่านในสิ่งที่ข้าได้ผ่านพบเจอมาแล้ว  สิ่งที่ข้าได้ทำไปแล้วก็คือสิ่งที่เจ้าต้องการทำในตอนนี้  ตอนนี้ข้าแค่ต้องการร่างของจ้าวปีศาจโบราณ และออกจากหอทงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ ด้วยวิธีนี้หอทงเทียนก็จะไม่ตกอยู่ภายใต้การคุกคามของจ้าวปีศาจโบราณอีกต่อไป และเจ้าก็ใช้ชีวิตต่อไปตามที่เจ้าต้องการ”
 “เยี่ยม นั่นเป็นการพูดที่เยี่ยมมาก” เย่ว์หยางปรบมือชื่นชมจากนั้นกุมอกหัวเราะเบาๆ  “ราชันย์พันปีศาจ  เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ามีศักยภาพพอจะได้เป็นนักพูดโฆษณาชวนเชื่อ? ข้าเองยังเกือบหลงคารมคำพูดของเจ้าเช่นกัน”
เย่ว์หยางทำท่าทำทางว่า เกือบ แสดงว่าเขาไม่ได้พูดเกินจริง
หน้าของราชันย์พันปีศาจเขียวคล้ำยิ่งกว่าเดิมทันที
เย่ว์หยางดูเหมือนจะไม่เห็นและยังคงหัวเราะต่อ  “ผู้อาวุโส, ในฐานะผู้เยาว์คนหนึ่ง หลายอย่างที่ข้าทำและหลายอย่างที่เจ้าคิดแตกต่างกันมากจริงๆ  บางทีเจ้าคงได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับข้ามามากมาย แต่เจ้าก็คงเคยคิดว่าข้าแตกต่างจากเจ้ามากมายใช่ไหมเล่า? ราชันย์พันปีศาจอัจฉริยะสามพันปี  ความจริงเราทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงไม่ใช่หรือ?  เจ้าจะรื้อฟื้นในสิ่งที่เจ้าได้ทำลงไปแล้วทำไม?  ทำไมข้าต้องยอมปล่อยให้เจ้าทำในสิ่งที่เจ้าต้องการ?   อนาคตของเจ้าจะอยู่ในแดนสวรรค์ แต่ของข้าจำกัดอยู่เพียงแค่หอทงเทียนใช่ไหม?  อย่านึกว่าข้าเป็นเด็กสามขวบเลย ราชันย์พันปีศาจ.. ข้าอยากบอกเจ้าว่าไม่ว่าเจ้าจะชักชวนข้ายังไงก็ตาม  ข้าจะถือเหมือนว่าเจ้ากำลังผายลม... เจ้าจะใจดีถึงขนาดยกหอทงเทียนให้ข้าเชียวหรือ?  ถ้าเจ้าใจดีขนาดนั้นจริงๆ  ทำไมเจ้าถึงไม่ปล่อยให้ข้าได้ร่างของจ้าวปีศาจโบราณเล่า?”
 “ก็ได้,  อย่างนั้นเราจะสู้กัน, เราคงต้องใช้หมัดคุยกัน”  ราชันย์พันปีศาจมีท่าทีเศร้าและถอนหายใจ  “คุณชายสามตระกูลเย่ว์  เจ้าช่างเหมือนข้าเมื่อตอนเยาว์วัยจริงๆ!  หัวรั้นเหมือนกัน มีทัศนคติที่ดื้อด้านเหมือนกัน  แม้ว่าเรารู้ทางเลือกที่ดีที่สุด  แต่ก็เลือกจะสานต่อจนถึงที่สุด”
 “นั่นเป็นคำชมหรือเปล่า?”  เย่ว์หยางใช้ขาเตะฮุยไท่หลางที่กำลังหลับอยู่บนพื้น  “ไปลากฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วกลับมาที่นี่  ข้าว่าพวกนั้นคงโดนศัตรูเล่นงานปางตายไปแล้ว”
 “ไม่ต้องห่วง พวกเขาอาจจะยังไม่ตาย”  ราชันย์พันปีศาจยิ้มอย่างมั่นใจ  “เป้าหมายหลักของข้าคือฆ่าเจ้าก่อน”
 “นี่ช่างบังเอิญเหลือเกิน เราคิดเหมือนกัน”  เย่ว์หยางปรบมือเห็นด้วย
ราชันย์พันปีศาจยกมือของเขา
ครืนนน  ครืนนนน  เสียงดังกึกก้อง  ผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่วซึ่งเป็นปีศาจโบราณที่สูงมากกว่าแปดสิบเมตรปรากฏตัวอยู่กลางสนามต่อสู้  พลังของมันคือนักสู้ปราณฟ้าระดับสาม มันคุกเข่ากับพื้นต่อหน้าราชันย์พันปีศาจ  เมื่อราชันย์พันปีศาจชี้ ปีศาจโบราณสูงร้อยห้าสิบเมตรก้าวเท้ามาอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง มันกางกรงเล็บปีศาจขนาดยักษ์ออก เตรียมใช้หมัดสังหารกับเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางหาว “กลั๊ว.กลัวจังเลย”
ด้านหลังเขา ปรากฏร่างเด็กสาวยักษ์สวมเกราะไตตันปรากฏตัวในพริบตา
 “เจ้ากล้าทำร้ายพี่ชายข้าหรือ?”  เด็กสาวยักษ์โกรธคำรามลั่น  เสียงคำรามของนางสั่นสะเทือนโลกและน่าสยดสยอง  นางคว้าเขาของปีศาจโบราณได้ จากนั้นใช้พลังบางส่วนพลิกตัวปีศาจโบราณแล้วเตะมันเต็มกำลัง  ปีศาจโบราณถูกเตะกระเด็นไปหลายร้อยเมตรกระแทกเข้ากับด้านนอกของป้อมดาวตกฝังลึกลงไปในผนังป้อม
 “.....”  สีหน้าของราชันย์พันปีศาจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เมื่อเห็นเด็กสาวยักษ์ปรากฏตัว
เขาไม่พูดอะไร แต่ล้วงบอลเวทออกมาและโยนใส่เด็กสาวยักษ์ที่พุ่งเข้าโจมตีปีศาจโบราณ
แสงสว่างปรากฏขึ้น จากนั้นทั้งเด็กสาวยักษ์และปีศาจโบราณก็หายไปจากสนามต่อสู้ข้างหน้าและไปปรากฏตัวในสนามประลองมรณะในอีกมิติหนึ่งซึ่งพวกเขาจะต้องสู้เสี่ยงชีวิตกัน  แม้ว่าทั้งสองจะเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสาม แต่เมื่อเข้าสู่สนามประลองมรณะ พวกเขาจะถูกรหัสโบราณควบคุม  หนึ่งในนั้นจะต้องตายเพื่อให้อีกคนได้ออกมา
 “ข้ายังมีอสูรฟ้าอยู่อีก แล้วเจ้าเล่าคุณชายสาม?”  ราชันย์พันปีศาจเรียกยักษ์ภูเขาหิมะอสูรฟ้าระดับสอง  มันมีความสูงถึงร้อยเมตร สวมเกราะน้ำแข็งที่ไม่เหมือนใคร มันมีตาเดียวปากกว้างใหญ่  แขนทั้งสี่ข้างมีพลังมหาศาล  มีแม้กระทั่งวงเวทอักษรรูนสำหรับเพิ่มพลัง  บนหัวของมันมีเขาสีดำสองข้างใหญ่กว่าเขาเผ่าปีศาจ  เขาของมันโค้งงอเหมือนกับเขากระทิงใช้ปกป้องจุดอ่อนของร่างยักษ์ของมัน นั่นก็คือกะโหลกของมัน
 “ข้าไม่มีอีกแล้ว” เย่ว์หยางทำสีหน้าเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ร่ำรวยมาแต่แรก
เบื้องหลังของเขาเป็นนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง  ตั่วตั่วซึ่งเพิ่งตื่นจากหลับลึกชี้นิ้วไปที่มัน “นายท่าน เจ้าผู้นี้ท่าทางรสชาติไม่ดีเลย”
ก่อนที่นางจะพูดจบ ต้นดอกหนามก็พันรอบเข่ายักษ์ภูเขาหิมะ
ไม่รอให้ยักษ์ภูเขาหิมะได้ตั้งตัว ดอกหนามอีกต้นหนึ่งก็กัดทำลายบอลแสงเข้าสนามประลองมรณะที่เย่ว์หยางโยนออกมา
แสงสว่างฉายวาบ
นางพญาดอกหนามมงกุฎทองและยักษ์ภูเขาหิมะอสูรฟ้าระดับสอง ถูกเทเลพอร์ตเข้าสนามประลองมรณะทั้งคู่   ราชันย์พันปีศาจประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงยังเห็นอสูรรบนี้ได้ทั้งที่เกือบจะสูญพันธุ์อยู่แล้ว  ตรงกันข้ามเย่ว์หยางยังดูสบายใจอยู่  เขาหัวเราะ “ความจริงข้าก็มีบอลสนามประลองมรณะนั้นอยู่เหมือนกัน  ไม่จำเป็นต้องรบกวนให้เจ้าต้องควักมันออกมาเลย  ผู้อาวุโสราชันย์พันปีศาจ  เรียกอสูรฟ้าสำหรับรบของเจ้าออกมาให้หมดเลยก็ได้  ขอให้ผู้เยาว์ได้เปิดหูเปิดตาหน่อย”

21 ความคิดเห็น:

ปารมี กล่าวว่า...

ประชันความรวยกันล่ะ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Piga กล่าวว่า...

ไปเลยปิกกาจู 555หยั่งกะดวลpokemon

sittichok กล่าวว่า...

ได้เวลาโชว์แล้วสินะ

วี เฉยๆ กล่าวว่า...

รอบนี้ใครรวยชนะ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

aloha777 กล่าวว่า...

ร้องไห้แน่แกเอ้ย สู้กันเรยเอ็งอาจจะไม่เจ็บใจขนาดนี้ ไม่น่าอวดรวยเร้น ยังมีอาวุธเทพร่างมนุษย์ชั้นฟ้าของใหม่อีก ป๊าดติโถ่

ohmmanee กล่าวว่า...

จะแข่งสัตว์อสรูกันรึ

B กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

ในที่สุดเย่ว์หยางก็จะได้สู้ซักที!! ยืนมองเขาสู้กันตั้งไม่รู้กี่สิบตอนล่ะ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

อวดรวยทับกันไป

Unknown กล่าวว่า...

ยังมีอีกตรึมม

TonZng กล่าวว่า...

แบ่งแข่งใครไม่แบ่งมาแบ่งแข่งเสี่ยเย่

Lucky กล่าวว่า...

ไปเลย………ฉันเลือกนาย

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

ตาหน้าโยนปิกาจูแน่ๆ

Unknown กล่าวว่า...

ยิ้มใส่กันไปมา5555

Unknown กล่าวว่า...

♪☆\(^0^\) ♪(/^-^)/☆ Yeahhhhhhhhhhhh...✌ ✌

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น