วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 318 ตัดสินใจ

ตอนที่  318  ตัดสินใจ

เมื่อถังเทียนกลับมาที่เผ่า  เขาตระหนักได้ว่าบรรยากาศค่อนข้างกดดัน  อาเฮ่อ, หลิงซิ่ว, อาโมรี่และพวกพ้องนั่งล้อมวงกัน ทุกคนมีสีหน้าไม่สู้ดี

เขารู้สึกประหลาดใจรีบเข้ามาถาม  “เฮ้ เฮ้ เฮ้, เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าทุกคน?  ผู้คนคิดว่าเราแพ้ใช่ไหม?”
ทุกคนยังคงเงียบ
อาโมรี่ลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นกล่าว “ถังพื้นฐาน, เราต้องเล่าเรื่องให้เจ้าฟังก่อน”
 “อะไรกัน?”  ถังเทียนสงสัย “เฮ้, เจ้าวัวแมงวัน เจ้าพิรี้พิไรอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”
แววโกรธแฝงอยู่ในดวงตาของอาโมรี่ เขาพูดอย่างยากลำบาก “ผู้อาวุโสต้องการให้เจ้ามอบกระบี่ปลอดสำเนียงให้สมาพันธ์ฯ”
 “ทำไมล่ะ?”  ถังเทียนตะลึง
เหลียงชิวลุกขึ้นยืน กระแอมเบาๆ  เขาตอบ “กลุ่มดาววาฬมากดดันเรา  พวกเขาคิดว่าการกระทำต่อต้านกลุ่มดาววาฬของเรานั้นไม่ถูกต้อง  พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะได้รับกระบี่ปลอดสำเนียงเพื่อเอามันไปทำลาย  ผู้อาวุโสบอกว่าถ้าเจ้ายินยอมทางสมาพันธ์จะชดเชยให้เจ้า”
สีหน้าของถังเทียนเย็นชาทันที  “เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาด้วย”
อาโมรี่โกรธ  “ฮึ่ม,  ผู้อาวุโสอ่อนแอเกินไป!  ถ้าศิษย์พี่จิ่งหาวอยู่ที่นี่ด้วย  เขาคงไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”
เหลียงชิวเข้าใจนิสัยของถังเทียน  ที่สำคัญคือพวกเขามาจากภูมิภาคเดียวกัน  และนิสัยของถังเทียนจะดื้อและเถื่อน เขาจะทนรับได้อย่างไร  เบื้องบนของสมาพันธ์ชาวยุทธจะใช้แต่วิธีกดดันถังเทียนที่ชอบทำอะไรตามใจตนเอง  สมาพันธ์ชาวยุทธมีระบบจัดลำดับที่เคร่งครัดและคำสั่งจากเบื้องบนที่มีต่อผู้น้อยจะต้องได้รับการปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด
แม้ว่าถังเทียนผู้ชอบทำตามใจตัวเอง เขายังเป็นแค่นักสู้ระดับบรอนซ์ในสมาพันธ์ชาวยุทธและไม่มีตำแหน่งใดๆ ในสมาพันธ์
แต่สิ่งที่เหลียงชิวผิดหวังมากที่สุดอย่างไม่ลังเลก็คือผู้อาวุโส  มิน่าเล่าพวกเขาถึงได้ถูกมองว่าอ่อนแอแม้ในกลุ่มสำนักระดับกลางๆ  ผู้อาวุโสของพวกเขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างถังเทียนกับจิ่งหาว  และให้คำมั่นว่าจะดูแลพวกเขา  แต่เขาตื่นกลัวได้ง่ายเกินไป ทำให้พวกเขาผิดหวังนัก
และพวกเขาพบกับการลอบจู่โจมตอนเข้าสู่กลุ่มดาวหมาป่า ซึ่งก็หมายความว่ามีใครบางคนสมคบคิดกับศัตรู
 “กลุ่มดาววาฬแจ้งมาว่า ถ้าเราปฏิเสธพวกเขา  พวกเขาจะปิดประตูดวงดาวระหว่างกลุ่มดาวหมาป่าและกลุ่มดาววาฬ” เหลียงชิวแจ้งข่าวร้ายอย่างต่อเนื่อง
สายตาของถังเทียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา  ใบหน้าเขาเขียวคล้ำ
กลุ่มดาววาฬ อาเฮ่อใช้สายตาเยือกเย็นกวาดมองดูอาการสนองตอบของถังเทียน  เขากล่าว “ถังเทียน, กระบี่เล่มนี้เป็นของเจ้า  เจ้าเป็นคนตัดสินใจ”
 “ถูกแล้ว!  หลิงซิ่วแค่นเสียง  “ไอ้พวกปลาโง่,  ข้าจะแทงให้ตายเสียให้หมด!
หานปิงหนิงกล่าวทันที  “ข้าจะไม่กลับไปที่กลุ่มอีกแล้ว”
อาโมรี่ทะลึ่งลุกพรวด  “เจ๊ปิงหนิงไม่กลับ นั่นยิ่งดีใหญ่  ข้าก็จะไม่กลับไปด้วย  สมาพันธ์ที่ไม่รักษาสัญญาแบบนั้น ช่างหงุดหงิดเสียจริง เลิกกันที พอกันที ไม่อยู่กับสมาพันธ์อีกแล้ว”
เหลียงชิวยิ้มอย่างใจดี  “ทุกคนจะอยู่ด้วยกัน”
ซือหม่าเซียงซานพูดเย็นชา  “อย่างนั้นเราเตรียมรอให้พวกเขามาไล่ล่าพวกเราได้เลย”
อาโมรี่หน้าแดงทันที  “มาก็มาสิวะ!  ถ้าเป็นลูกผู้ชายต้องมีชีวิตอย่างเบิกบาน  ทำไมจะต้องกลัวตาย  ซือหม่า, ถ้าเจ้ากลัวตายก็พูดมาตรงๆ”
 “เออ..ข้ากลัวตาย”  ซือหม่าเซียงซานกล่าวอย่างน่าขนลุก  “โชคดีที่ข้าเข้าไปเกี่ยวกับแผนการต่อสู้กับสมาพันธ์ชาวยุทธไปก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นเราคงไม่โดนเจ้าปัญญานิ่มอย่างเจ้าดึงเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นแน่"
 “เจ้าเรียกใครปัญญานิ่ม?”  อาโมรี่เบิกตากว้าง และพูดอย่างโมโห
เหลียงชิวห้ามทั้งสองคนทันที
ถังเทียนตื่นเต้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกคนยังให้ความเชื่อมั่น ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจ  เขากล่าว “ข้าไม่เข้าใจเรื่องหลักการสำคัญอะไรนัก แต่ข้าจะไม่ยอมส่งมอบกระบี่แน่  ข้าไม่ข้องใจ ไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ของทุกคนทั้งนั้น  ข้ารู้อยู่แต่เพียงอย่างเดียว ตาต่อตา ฟันต่อฟัน  ถ้าพวกเขาให้เกียรติข้า  ข้าก็จะให้เกียรติพวกเขา  ถ้าพวกเขากล้ารังแกข้า  ข้าจะใช้หมัดของข้าตอบโต้พวกเขา  เฮ้, เสี่ยวซิ่ว เจ้าไม่กลัวจริงๆ เหรอ?”
หลิงซิ่วตะโกนอย่างโมโห “ลุย(แม่ง)โลด...”
ทุกคนหัวเราะลั่น
 “กลุ่มดาววาฬต้องการปิดประตูดวงดาว  เราก็ปิดประตูดวงดาวของเราด้วยเช่นกัน”  ถังเทียนกัดฟัน  “ถูกแล้ว ตอนนี้เราอาจอ่อนแอ  แต่เราจะเดินทางไปตามทุกๆ กลุ่มดาว สักวันเราจะต้องแข็งแกร่งแน่นอน  เราอาจพ่ายแพ้หรือถูกฆ่า  แต่จะไม่มีทางที่เรากลัวตาย  ถ้าเราถอยไปจากที่นี่  อย่างนั้นอันตรายและความยากลำบากอีกมากมายแค่ไหนที่รอให้ข้าถอนถอย?”
 “จะต้องมีสักวัน  ข้าจะใช้หมัดของข้าทลายประตูของกลุ่มดาววาฬแน่”
คำพูดของถังเทียนเหมือนกับตะปูที่ถูกตอกย้ำ
 “พูดได้ดี!
 “ฆ่ามันให้หมด!
 “พวกเราทุกคนแค่ต้องการสู้  ใครจะกลัวกันเล่า!
 “ข้าจะแทงพวกมันให้หมดด้วยพลังหอกของข้า”
อาเฮ่อมองดูทุกคนถูกปลุกระดม  พวกเขาเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่สามารถรั้งรอชูกำปั้นได้  และนี่จะทำให้เกิดเรื่องปวดหัวตามมาอีกมากมาย  พวกเขาเป็นพวกใจร้อนไม่ยั้งคิดวางแผนสักนิด  ดังนั้นเขาจึงถาม “อย่างนั้นพวกเจ้าตั้งใจจะทำยังไงกับสมาพันธ์ชาวยุทธ?”
 “ข้าขอลาออกจากสมาพันธ์ชาวยุทธ”  ถังเทียนตอบยืนยัน  “องค์กรแบบนี้ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว”
อาเฮ่อไม่ได้คัดค้านและกล่าวอย่างจริงจัง  “เจ้าเป็นคนที่กระทำการตามอารมณ์ ถ้าเจ้าประกาศต่อสาธารณชนว่าเจ้าออกจากสมาพันธ์ชาวยุทธ  พวกเขาคงไม่ยินดีอยู่เฉยแน่ เราต้องเตรียมตัวก่อน  ประการแรก เราต้องปิดประตูดวงดาวที่เชื่อมโยงกับกลุ่มดาววาฬ และตัดเส้นทางโจมตีจากกลุ่มดาววาฬ เพื่อหลีกเลี่ยงพวกเขา  ประการที่สอง ในช่วงเวลาสั้นๆ เราต้องกวาดกลุ่มอิทธิพลอื่นของกลุ่มดาวหมาป่าและรักษาเสถียรภาพค่ายของเรา  ประการที่สาม เราจำเป็นต้องเตรียมตัวและรอการมาเยือนของสมาพันธ์ชาวยุทธ”
อาเฮ่อจัดลำดับไว้ชัดเจนและทุกคนผงกศีรษะเห็นด้วย
 “ดังนั้น สิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือทอดเวลาออกไป”  ดวงตาดำขลับของอาเฮ่อเป็นประกายเยือกเย็น  “เรื่องกระบี่ เราต้องทำเป็นลังเล และบอกไปว่าเรากำลังพิจารณาอยู่  หลังจากนั้นเราจะแสร้งทำเหมือนว่าจะไปคุยเงื่อนไขกับสมาพันธ์ชาวยุทธ เพื่อให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าเรายินดีจะรับข้อตกลง  แต่ต้องจัดการเงื่อนไขข้อแรกก่อน  ในตอนนั้น เราต้องกวาดอิทธิพลกลุ่มดาวหมาป่าให้เร็วที่สุด”
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น จะทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธกลายเป็นศัตรูใหญ่ อาเฮ่อไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย  แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า
ทันใดนั้นเสียงปิงดังขึ้น  “หัวหม่าเอ๋อกับถังอี้จะนำกองกำลังไปควบคุมประตูดวงดาว   พวกคนในท้องที่ของกลุ่มดาวหมาป่ายอมแพ้และสามารถเกณฑ์เป็นทหารได้  คานท์และคนที่เหลือตายแล้ว  พวกเขาก็น่าจะเชื่อถือได้มากขึ้น  หัวหม่าเอ๋อ ประตูดวงดาวของกลุ่มดาวหมาป่ามีอยู่เท่าไหร่?”
 “สี่แห่ง”  หัวหม่าเอ๋อตอบ  “แห่งหนึ่งเข้าสู่กลุ่มดาววาฬ, กลุ่มดาวอีกา, กลุ่มดาวโลมาและแห่งสุดท้ายเข้าไปยังภูมิภาควิญญาณคือเมืองเจิ้นไห่”
ปิงพยักหน้า  “ให้จัดการประโคมแตรชุดใหญ่และเคลื่อนกำลัง  พยายามทำเสียงให้ดังเท่าที่เป็นไปได้  เราเพิ่งเอาชนะองค์การวิญญาณมืด  ฉวยโอกาสตรงนั้นแล้วคนต่อต้านจะมีน้อยลง  หัวหม่าเอ๋อ, ถังอี้พาเชลยศึกไปคนหนึ่งด้วย”
 “ขอรับ!  ถังอี้ตอบรับ
หัวหม่าเอ๋อทำตามเขาทันที
เมื่อเป็นการบังคับบัญชา จะไม่มีคนอื่นพูดขัด  ปิงสถาปนาอำนาจของเขาในฐานะผู้บัญชาการทหารเข้าต่อสู้ได้แล้ว
เมื่อปิงพูดจบ อาเฮ่อพูดต่อ  “เมื่อเราเก็บกวาดได้ทั่วกลุ่มดาวหมาป่า  เราจะต้องปิดประตูดวงดาวกลุ่มดาววาฬทันที  ถึงเวลานั้นสมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาววาฬก็จะตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธต้องการรับมือเรา  พวกเขาจำเป็นต้องรวบรวมนักสู้จากสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือก่อนจึงจะมาได้  นั่นจำเป็นต้องใช้เวลา  ดังนั้นเราต้องใช้เวลานั้นมุ่งมั่นเสริมเพิ่มพลังให้เรา”
หลิงซิ่วเตือนพวกเขา  “ชุดพลังงานสำหรับฝึกฝนปราณแท้เป็นของดี”
 “ไม่มีปัญหาเรื่องนั้น”  ถังเทียนไม่เข้าใจขั้นตอนเตรียมการสู้  แต่เมื่อว่ากันถึงการเพิ่มพลัง  เขามีประสบการณ์มาก  “เรามีสมบัติดวงดาวที่มีค่าจากสินสงครามครั้งนี้  ทุกคนไปดูกันว่ามีอะไรที่ดีต่อตัวพวกเจ้าเองบ้างและเลือกมาใช้  หลังจากนั้นทุกคนมาช่วยกันคิดว่าจะช่วยยกระดับพลังได้อย่างไรในช่วงระยะเวลาสั้นๆ การ์ดวิญญาณ, หินดวงดาว, ไม่ว่าของอะไรที่เป็นไปได้  บอกข้าได้ และข้าจะช่วยคิดหาวิธีให้”
 “เด็ดขาดดี ข้าชอบ”  ซือหม่าหัวเราะ
เหลียงชิวกล่าว “สิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อเอาชนะสมาพันธ์ชาวยุทธน่าจะเป็นสมบัติ”
 “ก็ได้” ถังเทียนจดจำไว้
 “พวกเจ้าไม่ควรปรากฏตัวสักสองสามวัน”  อาเฮ่อแนะนำ  “ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ปรากฏตัว  การกระทำของถังอี้ก็จะไม่ดึงดูดความสนใจมาก  กลุ่มดาวหมาป่าเป็นสถานที่เล็ก ให้คนที่เหนือกว่าดูถูกเราไปก่อน”
ถังเทียนพยักหน้า  เขาเข้าใจ
ทุกคนสงบใจได้ทันที  พวกเขาตื่นเต้นกันทุกคนและขณะเดียวกันก็หวั่นเกรงเล็กน้อย   เกี่ยวกับหกองครักษ์ตระกูลถู  ถูหรูไห่เป็นเพียงระดับผู้อาวุโสขอบฟ้าเหนือ  ขณะที่คู่มือต่อไปก็คือสมาพันธ์ชาวยุทธ  สิ่งที่รอทุกคนอยู่คือการต่อสู้โชคเลือด  สมาพันธ์ชาวยุทธจะไม่อดทนต่อคนทรยศและนักสู้ผู้หลีกหนีจากพวกเขา  ถ้าพวกเขาพบ  ระดับเบื้องบนของสมาพันธ์ชาวยุทธคงได้โกรธแน่
แต่สหายผู้ปรารถนาให้ทั้งโลกวุ่นวายก็ออกไปและเริ่มฝึกฝน
ถังเทียนและปิงเข้าไปในประตูแสงพร้อมกัน และตระหนักว่ามีซอยเล็กๆ สายหนึ่งทอดตัวยาวไกลมาก  เขาจำได้ทันทีว่า เวลาของที่นี่แตกต่างจากข้างนอก
หยาหยาและผู้ช่วยทั้งสามช่วยได้มาก  และความเร็วในการขุดอุโมงค์ก็เพิ่มขึ้นมาก  และเดินหน้าไปได้ไกลอีกสิบกิโลเมตร
ถังเทียนมีความคิดบางอย่างทันที  “นี่ลุง ถ้าเราให้เซรีนช่วยสร้างอสูรจักรกลสักอีกสองสามตัวจะช่วยเร่งงานนี้ได้หรือไม่?”
 “นั่นเป็นความคิดที่ดี”  ปิงนัยน์ตาเป็นประกาย  “ข้าจะไปบอกนางเอง”
ถังเทียนเงียบชั่วขณะ  จากนั้นเงยหน้า “ลุง”
 “ว่าไง?”  ปิงชะงัก  และหยุด
 “ช่วยยืมเงินให้ข้าได้ไหม?”  ถังเทียนละอายอยู่บ้าง  “เงินของม่อเว่ยเทียน”
 “เจ้าเอาจริง?”  ปิงประหลาดใจ
ถังเทียนพูดเหมือนกับกล่าวกับตนเอง  “เราต้องชนะศึกนี้ให้ได้แน่นอน!  ข้ารู้, เพราะข้า, ทุกคนจึงถูกลากเข้ามาในสงครามครั้งนี้!  ไม่ว่ายังไง ข้าก็ล้มเหลวไม่ได้”
เมื่อกล่าวถึงที่สุดน้ำเสียงของถังเทียนเข้มข้นขึ้น
 “ข้าต้องการใช้สิบหกพันล้าน ทุ่มให้กับทุกคน  ข้าต้องการให้ทุกคนแข็งแกร่งมากขึ้น”
ถังเทียนเงยหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง มองดูปิง
 “ลุง, ลุงต้องมีวิธีใช่ไหม?”
ปิงมองดูถังเทียนเงียบๆ ทันใดนั้น เหมือนกับเขาบินกลับไปในอดีต  ปีนั้นเด็กหนุ่มผู้นั้นก็เหมือนกับถังเทียน เต็มไปด้วยความคาดหวัง ขณะที่เขามองออกไปด้วยจิตวิญญาณพร้อมต่อสู้  และด้วยความดื้อด้าน เขาถามผู้บังคับบัญชาว่า “ท่านขอรับ, ท่านมีวิธีทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นบ้างไหม?”
 “ฮ่าฮ่า เสี่ยวปิงปิง  แน่นอน ข้ามี แต่มันยากลำบากเอาการนะ”  ปากของผู้บัญชาการผู้กล้าหาญยิ้มและลูบศีรษะบุรุษหนุ่มและหัวเราะลั่น
 “บังเอิญรู้พอดี”  ขณะที่ปิงกล่าว “แน่นอน ข้ารู้ แต่มันยากลำบากมากเลยนะ”
 “เยี่ยมมาก!  ข้าไม่กลัวความยากลำบาก”  ถังเทียนโลดเต้นอย่างมีความสุข  น้ำเสียงของเขามั่นคง “ไม่มีอะไรที่เราต้องกลัว”
ปิงสะดุ้ง เหมือนกับว่าเขากำลังรำลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอดชีวิต

6 ความคิดเห็น:

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

สนุกมากครับ

windwolf กล่าวว่า...

รอคอยตอนต่อไปครับ สนุกมาก ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

อาถังมันก็จะมีกองทัพจริงๆก็คราวนี้ล่ะมั้ง

Unknown กล่าวว่า...

ให้ความสำคัญกำหานปิงหนิงพอ55 เป็นตัวแทนนางเอกได้ นางเองยังไม่มีบท55

แสดงความคิดเห็น