วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 324 ทัศนคติของกลุ่มดาวคนยิงธนู

ตอนที่  324  ทัศนคติของกลุ่มดาวคนยิงธนู
ห้องฆ่าตัวตาย  แค่ชื่อก็ทำให้ถังเทียนขนลุกเสียแล้ว  ในใจเขาปรากฏเป็นภาพห้องมืดมิด มีสายห้อยระโยงระยาง มีอาวุธคมที่สึกกร่อนพร้อมกับรอยเปื้อนเลือด
น่าสยดสยอง!

ถังเทียนที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินกำลังสั่น
 “คนที่สร้างห้องฆ่าตัวตาย เอ่อ... ก็คือท่านผู้บัญชาการ  เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งเขาติดอยู่ในสภาวะคอขวด เขาใช้เวลาคิดทั้งวันเพื่อคิดหาวิธีบรรลุระดับใหม่ และนั่นก็คือเวลาที่ห้องฆ่าตัวตายถูกสร้าง  ท่านผู้บัญชาการเป็นคนหยิ่งผยอง ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง บ้าอำนาจ  เขาเค้นสมองคิดและในที่สุดเขาก็เข้าใจ  ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดก็คือตัวเขาเอง”
 “มีเพียงเขาเท่านั้นที่เหมาะเป็นคู่ต่อสู้ให้ตนเอง  นั่นคือคำพูดเขา”  ปิงเม้มปาก  “คนบ้าแบบนี้จะแตกต่างจากพวกเรา  เจ้าอย่าเลียนแบบเขาเลยจะดีกว่า”
 “แต่, ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดมีเหตุผล”  ถังเทียนมีสีหน้าเห็นด้วย
 “ข้ารู้” ปิงอดพึมพำกับตนเองเบาๆ มิได้  เขาส่ายศีรษะกล่าว “ดังนั้น เขาจึงสร้างห้องฆ่าตัวตาย  ห้องฆ่าตัวตายสามารถสร้างภาพจำลองตัวเจ้าเองได้อย่างสมบูรณ์ โดยเจ้าต้องทำกับเขาประหนึ่งว่าเป็นศัตรูของเจ้า  เจ้าจะต้องฆ่าเขาจึงจะออกไปจากห้องได้  การฆ่าตัวเองนั่นแหละท่านผู้บัญชาการถึงได้เรียกห้องนี้ว่าห้องฆ่าตัวตาย”
 “เป็นอย่างนี้นี่เอง”  ถังเทียนรับรู้ “คิดดูแล้ว เมื่อประตูแสงเพิ่งเริ่มทำงาน ข้าเคยพบกับบุรุษตัวสีเทาที่มีลักษณะเหมือนกับข้า  และวิชาสังหารครั้งแรกของข้าก็ได้เรียนรู้จากมัน”
 “นั่นก็ใช่  แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น”  ปิงพยักหน้า สีหน้าเข้มงวด  “ห้องฆ่าตัวตายมีความสมบูรณ์ยิ่งกว่า และการคาดคิดก็จะเหมือนกับเจ้า  เขาจะมีความฉลาดเหมือนเจ้าทั้งหมด  แม้แต่พลังใจของเจ้า การตัดสินใจและบุคลิกของเจ้า  มีความเป็นไปได้ประการเดียวที่เจ้าจะฆ่าเขาได้ก็คือ ความก้าวหน้าของเจ้า  เจ้าจะต้องก้าวหน้าให้มากกว่าเขาในวันข้างหน้า”
 “ฟังดูน่าสนใจ!  ถังเทียนกระตือรือร้นที่จะลอง
ปิงมองดูถังเทียนอย่างห่อเหี่ยวเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าว “ในช่วงเวลาเดือนหนึ่ง เราใช้เวลาเดินทางสิบสองวัน  นั่นหมายความว่าเจ้ามีเวลาเหลืออีกสิบแปดวัน  ถ้าเจ้าไม่สามารถชนะตัวเจ้าเองภายในสิบแปดวัน  เจ้าจะพลาดสงครามใหญ่  ติงตังได้หาข้อมูลมาให้เจ้า คนจากสมาพันธ์ชาวยุทธที่จะบุกเข้ามาครั้งนี้ คือเย่เฉาเกอ  เป็นคนวัยกลางคนที่โดดเด่นที่สุดสิบอันดับแรกของสมาพันธ์ชาวยุทธ เรียกว่า 10 สุภาพบุรุษ พลังของพวกเขาสุดจะหยั่งคาด และเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นที่แท้จริงซึ่งดูแลโดยสมาพันธ์ชาวยุทธ  เจ้ารู้สึกว่าพลังของจิ่งหาวเป็นยังไงบ้าง?”
 “พี่จิ่งหาวแข็งแกร่งมากจริงๆ”  ถังเทียนพูดอย่างไม่ลังเลใจ  พลังปัจจุบันของเขาแข็งแกร่งมากกว่า และสามารถเข้าใจความแข็งแกร่งในส่วนลึกของจิ่งหาวได้ เขารู้ว่าจิ่งหาวน่ากลัวมากเพียงไหน
 “จิ่งหาวยังไม่สามารถเข้าในสิบอันดับแรกได้  เย่เฉาเกอคือหนึ่งในสิบนั้น และเขาอยู่ในอันดับที่หก  ดังนั้นเจ้าสามารถนึกภาพได้เลย  เขาจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน?  ถ้าเจ้าพลาดศึกนี้  หลิงซิ่วจะตาย,  อาเฮ่อจะตาย,  อาโมรี่จะตาย, หานปิงหนิงจะตาย, เหลียงชิวจะตาย, ซือหม่าเซียงซานจะตาย, หัวหม่าเอ๋อก็จะตาย  เผ่าหมาป่าจะถูกกวาดล้าง แล้วจะไม่มีใครรอด ทุกคนจะตาย ไม่มีใครสามารถต้านทานเย่เฉาเกอได้  แค่ส่งเย่เฉาเกอมา  สมาพันธ์ชาวยุทธก็แสดงการตัดสินใจของพวกเขาแล้ว  เย่เฉาเกอเย็นชาและอำมหิต และเป็นมือกระบี่ที่เยือกเย็นที่สุดของสมาพันธ์ชาวยุทธ”
หน้าของถังเทียนเขียวคล้ำกว่าเดิม  “เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ หรือ?”
 “แข็งแกร่งมากกว่าที่เจ้าจะนึกภาพออก!  ปิงตอบ
ถังเทียนแหงนหน้ามองประตูบรอนซ์   ไม่มีการตกแต่งแต่อย่างใด  มีแต่เพียงคำที่มีสีแดงเลือดที่น่ากลัว
 “จงฆ่าเขา”
 “มีหลายคนที่ตายในที่นี้”  ปิงกล่าวโดยไม่เลี่ยงข้อห้ามใดๆ  “การเข้าห้องฆ่าตัวตาย  พวกเขาจะต้องแจ้งให้กองทัพทราบ  คนมีพรสวรรค์หลายคนตายอยู่ในนั้น  เจ้าคิดให้ดี  ถ้าเจ้าเข้าไปข้างใน ก็ยากที่เจ้าจะออกมาได้”
ถังเทียนพูดอย่างไม่สบายใจ  “เฮ้ ลุง ก็เห็นกันชัดๆ ว่าลุงเป็นคนนำข้ามาที่นี่”
 “นั่นก็ถูกแล้ว  นี่เป็นวิธีที่ข้าสามารถคิดได้ในตอนนี้”  ปิงพยักหน้า  “แต่ถ้าเจ้าตาย  อย่างนั้นข้าก็จะหายไปด้วย  ความจริงถ้าเราคุยกันเรื่องแผนการในตอนนี้, ข้าคิดว่าเจ้าควรจะถอยด้วยซ้ำ” 
 “ถอย?”  ถังเทียนใจเย็น  มองดูปิง  “ถอยไปไหน?  ดาวอู่อัน?  และสละชีวิตทุกคนเหมือนสุนัขจรจัดเดินทางร่อนเร่  หรือจะยกกระบี่ให้เขา?  ถ้าเป็นอย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไร?”
ถังเทียนก้มหน้ามองฝ่ามือตนเองและพึมพำกับตนเอง
 “เมื่อสามารถมาถึงจุดนี้ ทำให้ข้าต้องใช้ความพยายามมาก  ข้าโชคดีที่ได้พบกับทุกคน สามารถต่อสู้เคียงข้างกับพวกเขาได้ นั่นก็นับเป็นโชคของข้าแล้ว  ถ้าข้าต้องเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง และไม่สามารถพบพวกเขาได้   ข้าคงรู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพช  ข้าวู่วามและประมาท แต่ทุกคนก็ช่วยข้าอยู่เสมอ  ทุกคนกำลังต่อสู้เพื่อข้า  แล้วข้าจะยอมแพ้ในเวลานี้ได้อย่างไร?  ความพยายามที่ทุกคนทุ่มเทลงไปมีค่ามากกว่าชีวิตข้านัก  ข้าไม่เข้าใจอะไรหลายอย่าง  แต่ข้ารู้ว่าข้าอาจตายในการต่อสู้  แต่อย่างน้อยข้าจะตายอย่างเชิดหน้าชูตา  การหนีในเวลานี้มีแต่จะทิ้งความเสียใจ ความรู้สึกผิดให้กับชีวิตที่เหลือของข้า”
 “โลกโหดร้ายและน่าชัง และมีคนตายอยู่ทุกวี่วัน  ข้าไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นยังไง  แต่ถังเทียนยังคงเป็นถังเทียน  และเพราะเรื่องนั้น ข้าจึงเป็นอย่างทุกวันนี้”
 “มีอะไรที่น่ากลัว?  มีอะไรจะต้องกลัวด้วย?  อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสให้ข้าได้สู้  อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสให้ข้าได้ปกป้องศรัทธาของตัวข้าเอง”
 “และแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
ถังเทียนเงยหน้าขึ้น  เหมือนกับว่ามีไฟลุกโชนในดวงตาของเขา  ตาของเขาเหมือนกับปล่อยแสงไฟและอารมณ์กราดเกรี้ยว
เขาผลักเปิดประตูและเข้าไปโดยไม่เหลียวหลังกลับ
ปิงอยู่ด้านนอกตะลึงมองดูเงาหลังที่กล้าหาญของเขา  ช่างเหมือนจริงๆ....
**************************

แท่นดาวตก ณ ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงที่สุดของกลุ่มดาวคนยิงธนู
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สูงเด่นสง่างามเหนือยอดเขาอื่นๆ ทำให้ยอดเขาเหล่านั้นดูเหมือนพื้นที่ราบ  มีแท่นชมดาวตกถูกสร้างอยู่บนยอดเขานั้น  แท่นชมดาวตกสร้างด้วยหยกขาวบริสุทธิ์ขนาดสะท้อนแสงได้  และหยกนี้ถูกนำมาใช้สร้างบันได 9,999 ขั้นขึ้นสู่แท่นชมดาวตก  มันมีขนาดกว้างใหญ่สุดสายตา  ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สูงเด่นและมีหิมะปกคลุมตลอด  แต่บนแท่นชมดาวตก อากาศจะมีสี่ฤดูพร้อมกับดอกไม้บานสะพรั่ง
พื้นที่ของแท่นดาวตกมีขนาด 600 ตารางกิโลเมตร  ด้วยพืชพันธุ์ที่แพงที่สุดจากดินแดนต่างๆ ถูกนำมาปลูกไว้ที่นั่น เหมือนกับเป็นสวนขนาดมหึมา
ภายในสวนที่งดงามสะพรั่ง  มีวังแห่งหนึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
วังนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับจักรพรรดินีซึ่งเป็นผู้ปกครองหญิงรุ่นแรก  ในสิบสองตำหนัก วังของกลุ่มดาวคนยิงธนูงดงามวิจิตร  มีการออกแบบที่ซับซ้อนและงานแกะสลักที่สวยงาม และมีอะไรที่งดงามมากกว่านั้น  แม้ว่าโหวเทียนอี้จักรพรรดินีรุ่นแรกจะชื่อว่าเป็นผู้ปกครองที่เด็ดขาด  แต่นางก็ยังมีอารมณ์สุนทรีย์  นางดำเนินการสั่งการให้สร้างวังด้วยตนเอง
แม้ว่าโหวอี้เทียนจะมีอายุเกินสี่สิบปีไปแล้ว  แต่นางยังดูเหมือนอายุยี่สิบปี เสื้อผ้าอาภรณ์ของนางดูสง่างาม รูปลักษณ์ของนางก็งดงามอย่างน่าประหลาด  สิ่งที่ทำให้ดูน่าประทับใจมากที่สุดสำหรับผู้ที่ได้เห็นนางก็คือรูปร่างที่สูงระหงของนาง ดวงตาที่งามดั่งตาหงส์ นิ้วเรียวยาวของนางหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบดื่มอย่างนุ่มนวล
 “บ่าวคิดว่าคุณชายอาเฮ่อเปลี่ยนไปมาก  เขาดูสุภาพนุ่มนวลมากขึ้น  ทั้งยังพูดทักทายบ่าวอีกด้วย มารยาทคุณชายดูเป็นมิตรและใจดีมาก  เขาถามบ่าวถึงที่อยู่ของอูเถี่ยหวี่ และบ่าวไม่รู้เหตุผล  แต่เมื่อคุณชายเฮ่อมองบ่าว  บ่าวกลับไม่กล้ามีความคิดดื้อรั้นไม่เชื่อฟังเลย...”
เสี่ยวตั่วรายงานด้วยความเคารพ
โหวอี้เทียนพยักหน้า  “สำหรับเขาแล้ว พอก้าวหน้าเข้าสู่อีกขอบเขตหนึ่ง เป็นธรรมดาที่อารมณ์เขาจะเปลี่ยนไป  วิทยายุทธของสำนักกระเรียนสืบทอดมาจากอารยธรรมตะวันออก มีข้อได้เปรียบอยู่บ้าง”
แม้ว่าน้ำเสียงจะราบเรียบ แต่เสี่ยวตั่วก็รู้สึกได้ว่าจักรพรรดินีมีความสุข  ดังนั้นนางจึงมีความสุขมาก  แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต  แต่หลังจากผ่านไปหลายปี ความสัมพันธ์ของคุณชายอาเฮ่อกับทางด้านของพวกนางมักจะแข็งกระด้าง  ถ้าคุณชายอาเฮ่อคิดได้ นั่นคงเป็นเรื่องดี
เสี่ยวตั่วมีเรื่องกังวล  “เราจำเป็นต้องส่งคนไปคุ้มครองคุณชายอาเฮ่อด้วยไหม?  ข้าได้ยินว่าคนที่จะบุกจู่โจมเป็นเย่จิ่วและบุตรของเขาชื่อเย่เฉาเกอ”
 “ไม่จำเป็น”  โหวอี้เทียนไม่แม้แต่ลืมตา  “คนที่สามารถใช้กระบี่เซียนกักสมุทรนั่นไม่ใช่ธรรมดาเลย  แต่,  สมาพันธ์ชาวยุทธกล้าลั่นกลองรบอย่างนี้ ฮึ..และกล้ารุกรานราชสีห์ทั้งยังบังอาจทำรุนแรง  ใครคือคนบุกใส่สมาพันธ์ชาวยุทธนี่?”
เสี่ยวตั่วมักห่วงใยอาเฮ่ออยู่เสมอ ถอนหายใจกล่าว “เป็นผู้เฒ่าหวี”
โหวอี้เทียนวางแก้วชาของนางลงและกล่าวเฉื่อยชา  “บอกเขาและสมาพันธ์ชาวยุทธ  ห้ามคนอื่นนอกจากเย่เฉาเกอสามารถเข้ากลุ่มดาวหมาป่าได้
เสี่ยวตั่วลังเลชั่วขณะ  จากนั้นนางกัดฟันตอบ  “พวกเขาอาจไม่เห็นด้วย”
โหวอี้เทียนเข้าใจความรู้สึกในใจของเสี่ยวตั่ว จึงไม่ได้โกรธ “วางใจได้ แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งที่สุด  แต่ราชสีห์บ้านั่นตอนนี้กำลังอารมณ์ไม่ดี  ถ้าพวกเขากล้ารุกรานข้า  ข้าก็ไม่สนใจอาจจะช่วยราชสีห์บ้านั่นทำลายพวกเขาก็ได้”
 “แต่สำหรับเย่เฉาเกอ....”
โหวอี้เทียนโบกมือนาง  น้ำเสียงนางเย็นชาขึ้น “ให้เจ้าเด็กนั่นลำบากสักนิดก็ดี  ถ้าเขาไม่ลำบากเสียบ้าง พวกเขาจะคิดกันว่าสำนักกระเรียนของพวกเขาไร้เทียมทาน น้องสาวข้าถูกบุรุษโง่นั่นดึงให้ตกต่ำ และยังให้กำเนิดลูกชายที่ดื้อรั้นอย่างนั้น ฮึ่ม...”
เมื่อเห็นหน้าของจักรพรรดินีเย็นชา    นางยังคงโกรธอยู่  เสี่ยวตั่วเงียบด้วยความกลัวทันที และไม่กล้าพูดอีกต่อไป
**********

สมาพันธ์ชาวยุทธ
หน้าของเย่จิ่วเคร่งเครียด  อำนาจที่เขามีในสมาพันธ์ชาวยุทธเป็นเพราะเขาเป็นบิดาของเย่เฉาเกอ และหลายคนคิดว่ากลุ่มเป้าหมายของพวกเขาไม่มีการจำกัด  แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสจั่วต่อหน้า  เขาไม่กล้าไม่แสดงความเคารพ
 “เบื้องบนหมายความว่า?” เย่จิ่วถามอย่างระมัดระวัง
ผู้เฒ่าจั่ว  “ทำตามที่นางบอก”
 “แต่..” เย่จิ่วเข้ามา
ผู้เฒ่าจั่วตัดบท  “ไม่มีแต่, การขัดแย้งระหว่างเรากับกลุ่มดาวสิงโตกำลังทวีความรุนแรง  ถ้าเราเพิ่มกลุ่มดาวคนยิงธนูเข้ามาอีก  เราจะพ่ายแพ้แน่นอน  ข้าไม่ต้องการให้ปัญหาด้านใดเกิดขึ้นในจุดที่วิกฤตินี้  และทางด้านถังเทียนเป็นยังไง?”
สีหน้าเย่จิ่วว้าวุ่น  “พวกเขาบอกว่ายินดีตกลง  แต่ความต้องการของพวกเขาสูง”
 “ตราบเท่าที่พวกเขายินดี”  ผู้เฒ่าจั่วถอนหายใจโล่งอก  “จดบันทึกไว้สักระยะหนึ่งก่อนและอย่าให้พลาด  ไม่ว่าเงื่อนไขอะไรก็ให้รับและสัญญากับพวกเขาทุกอย่าง”
 “แต่....”  เย่จิ่วกล่าวอย่างไม่สบายใจ
 “ไม่มีแต่”  ผู้เฒ่าจั่วหยีตา  “เจ้าต้องการจัดการพวกเขายังไงหลังจากเรื่องนี้ ข้าไม่สนใจ  แต่สำหรับตอนนี้ เจ้าต้องทำให้ดี  ข้าเชื่อว่าเจ้าคงรู้ผลที่ตามมา”
เย่จิ่วข่มความไม่พอใจในใจเขา และฝืนใจพูด “ได้”
ผู้เฒ่าจั่วยืนขึ้นอย่างไม่พอใจ  “ดีมาก,  ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องจัดการ  และข้าขอตัวก่อน”
พูดจบเขาเดินออกมาโดยไม่สนใจเย่จิ่ว
หน้าของเย่จิ่วเขียวคล้ำ
ถึงตอนนี้ บริวารของเขาเดินเข้ามารายงานด้วยสีหน้าที่น่าเกลียด  “พวกเขาเพิ่มข้อเรียกร้องอีกครั้ง”
 “ตกลงกับพวกเขา”  เย่จิ่วกัดฟันตอบ
บริวารของเขาตะลึง  แต่เมื่อเห็นหน้าเขียวของผู้เฒ่าเย่  เขาก็เห็นด้วยทันที
แคล้ง!
เสียงถ้วยชาตกลงกับพื้นดังตามหลังเขา เขาสั่นและเร่งฝีเท้าทันที
 

4 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น