วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 582 แย่งชิงคือทักษะแฝงเร้นของข้า



ตอนที่  582  แย่งชิงคือทักษะแฝงเร้นของข้า

ศิลานับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาแม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่ว  เย่ว์หยางพยายามควบคุมศิลาเลียนแบบดาวตกของจักรพรรดินีราตรี
 
แม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วหัวร่อในใจ  เขาคิดว่าเจ้าผู้นี้น่าประทับใจจริงๆ  แต่เขากลับใช้เพียงก้อนศิลามาต่อต้านป้องกันเขา ถ้าเป็นดาวตกจากสนามพลังดารานภากาศของจักรพรรดินีราตรีจริงๆ  แม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วคงไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง  แต่เย่ว์หยางเลียนแบบโดยใช้ก้อนศิลาธรรมดา  ดังนั้นพลังจึงแตกต่างกันมากและไม่มีพลังคุกคามแม้แต่น้อย
 “ครืนนน  ครืนนน ครืนนน...” แม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วควงหมัดต่อยใส่หินที่ระดมยิงมาเหมือนฝนด้วยท่าทีเหยียดหยาม
พยายามใช้ก้อนหินเอาชนะปีศาจโบราณน่ะหรือ?
ฝันไปเถอะ!
อีกด้านหนึ่ง การต่อสู้ของค้างคาวปีศาจดูเหมือนจะไม่ปลอดโปร่งเหมือนกับของเจ้านายมัน  มันถูกเสี่ยวเหวินหลีพันธนาการไว้  และโสตประสาทของมันซึ่งแต่เดิมอ่อนไหวต่อการฟังเสียงที่ละเอียดอ่อนได้แตกระเบิดจากคลื่นเสียงหวีดของนางพญากระหายเลือด  เลือดไหลออกจากแก้วหูของมัน
สติของมันว่างเปล่า ชั่วเวลานั้นร่างของมันร่วงลงจากท้องฟ้าเหมือนหนังสัตว์เปล่าๆ
ขณะเดียวกัน เสี่ยวเหวินหลีใช้ดาบน้ำแข็งคู่แทงใส่หัวใจของมัน  แม้ว่าบาดแผลจะมีแค่เพียงผิวเผินและไม่สามารถแทงเข้าไปในหัวใจได้  แต่ความเย็นของดาบน้ำแข็งคู่ก็สามารถแช่แข็งอวัยวะภายในของมันได้ ก่อให้เกิดชั้นน้ำแข็งบางๆ  สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงถือดาบจันทร์เสี้ยวฟันใส่ปีกซ้ายของค้างคาวปีศาจเต็มกำลัง ส่วนปีกอีกข้างมีควันขึ้นจากแส้ลงทัณฑ์ของนางพญากระหายเลือด
แม้ว่าระดับของมันและพลังของมันจะสูงกว่าและแข็งแกร่งกว่า  แต่ค้างคาวปีศาจที่เป็นอสูรฟ้าระดับหนึ่งก็ไม่สามารถรับมือกับอสูรเหล่านี้ได้  ภายใต้การโจมตีอย่างดุร้ายของเสี่ยวเหวินหลีและทักษะแฝงเร้นของอสูรอื่นร่วมกัน ร่างของมันจึงได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
โดยไม่มีการเตือนอะไร ค้างคาวปีศาจหลบหนีจากพันธนาการและพลังคลื่นเสียงหวีด มันเปลี่ยนสภาพเป็นแสงสีทอง
มันใช้วิชาเปลี่ยนร่างของมันลดขนาดความเสียหายของร่างและซ่อนตัวจากศัตรู
ถ้ามันไม่แปลงเป็นร่างแสง มันจะติดอยู่ในสภาพแช่แข็ง... เมื่อค้างคาวปีศาจหลบหนี  เสี่ยวเหวินหลียกมือขวาบอบบางสีขาวเนียนดุจหยกของเธอ
รัศมีแสงสว่างบริสุทธิ์เจิดจ้าเปล่งออกจากมือของเสี่ยวเหวินหลี
รังสีแสงที่บริสุทธิ์ชนิดนี้มีคุณสมบัติกระจายผลกระทบเชิงลบ ส่วนใหญ่ไม่มีผลช่วยในการเยียวยารักษา หรือสร้างผลร้ายกับร่างของศัตรู  หากแต่ว่าใช้โจมตีศัตรู เสี่ยวเหวินหลีน้อยครั้งจะยอมใช้ทักษะนี้ออกมา  เว้นแต่เธอใช้จัดการกับนักสู้แดนอเวจีหรือศัตรูที่เก่งในเรื่องใช้พลังงานด้านลบ
เมื่อรังสีทองซึ่งเป็นร่างแปลงของค้างคาวปีศาจปะทะกับรังสีที่บริสุทธิ์ เกิดควันหนาขึ้นทันที
พลังทั้งสองหักล้างกันเองและละลายอย่างรวดเร็ว
ในควันหนาทึบ ค้างคาวปีศาจอยู่ในอาการเจ็บปวดเกลือกกลิ้งอยู่สองสามตลบ จากนั้นแปลงเป็นค้างคาวทองตัวเล็ก 100 ตัวและบินไปทั่วทุกที่พยายามหลบหนี
 “ฮึ”
เมดูซาศิลาผู้มีผมเป็นงูเพลิง แสดงฝีมือของนางทันที   ดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวของนางมีแสงรังสีเจิดจ้าเปล่งออก  พลังงานจากร่างของนางมารวมตัวกันที่มือนางอย่างรวดเร็วและก่อตัวเป็นธนูอสรพิษทองอยู่ในมือนาง  ขณะที่นางเหยียดแขนออก ธนูกลายเป็นเหมือนพระจันทร์เต็มดวง ลูกศรรูปร่างประหลาดมากกว่าสิบดอกเรียงรายพาดอยู่บนธนูพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกเผาผลาญ  เพียงควับเดียวลูกธนูถูกยิงออกไปเป็นรูปพัดอย่างเกรี้ยวกราด พุ่งเข้าหาแต่ละเป้าหมายของมันโดยอัตโนมัติ
ปรากฏว่าลูกศรทุกดอกยิงถูกค้างคาวตัวเล็กทุกดอก
ค้างคาวทองที่ถูกลูกศรเพลิงยิงม้วนตัวลงมาจากท้องฟ้าทีละตัวๆ
แม้ว่าเพลิงชนิดนี้จะไม่ใช่เพลิงอมฤต  แม้ว่านี่จะเป็นเพลิงลอกเลียนแบบเพลิงอมฤตในตัวเย่ว์หยางซึ่งวิหารเจมินี่สร้างขึ้นมา  เพลิงอมฤตจำลองนี้เข้ากันได้กับผมงูของเมดูซาศิลาได้เป็นอย่างดี  พลังชนิดนี้เพลิงธรรมดามิอาจเทียบได้
นอกจากนี้ หลังจากเย่ว์หยางเชี่ยวชาญพลังหยางและเข้าใจบัวเพลิงฟ้าพิโรธ  เขาได้ช่วยเพิ่มพลังเพลิงที่ผมงูของเมดูซาศิลา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเอาชนะเยี่ยนจงและเยี่ยนจวินแห่งแดนสวรรค์และได้รับพลังเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ที่ทรงพลัง  เย่ว์หยางจงใจหลอมรวมเพลิงนี้เข้ากับเมดูซาศิลา  แม้ว่าจะยังไม่ถึงระดับนั้น  แต่ผมงูเพลิงของนางก็แทบจะใกล้เคียงเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์  ยิ่งกว่านั้น นางยังมีอำนาจควบคุมได้  ดังนั้นเพลิงนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในไม้ตายลับของเมดูซาศิลา
ค้างคาวปีศาจรู้ตัวว่าเมื่อมันแปลงร่างเป็นค้างคาวเล็ก มันยิ่งพ่ายแพ้ได้เร็วมากขึ้นและจะตายอย่างน่าสยดสยอง
มันรีบรวมตัวเข้าด้วยกันกลายสภาพเป็นร่างขนาดมหึมาอีกครั้ง
ธนูทองของเมดูซาศิลาปักเข้าที่เหนือริมฝีปากของค้างคาวปีศาจ....  ริมฝีปากของค้างคาวปีศาจค่อยๆ กลายสภาพเป็นศิลาช้าๆ  ผิวสีทองเข้มแต่เดิมเริ่ม เปลี่ยนเป็นสีเทาหม่นของหิน และพื้นผิวก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
สายฟ้าสีม่วงสายหนึ่งฟาดลงที่ปีกขนาดยักษ์ของค้างคาวปีศาจทะลุเป็นช่อง  เหลือแต่เพียงกระดูกปีกสีดำ ขนของมันไหม้เกรียม เลือดเนื้อของมันได้รับความเสียหาย  ค้างคาวปีศาจเรียกกระทิงอสูรซึ่งเป็นอสูรทองแดงระดับสิบออกมาขณะที่มันเจ็บปวด  การปรากฏตัวของกระทิงตัวนี้ดูเหมือนไม่ได้ใช้เป็นผู้ช่วย แต่เป็นเหมือนอาหารมากกว่า.... ค้างคาวปีศาจกระโจนลงบนหลังกระทิงยักษ์และดูดเลือดของมันอย่างบ้าคลั่ง  อาการบาดเจ็บบนตัวของมันสมานตัวอย่างรวดเร็ว  แต่กระทิงป่าอสูรทองแดงระดับสิบร้องด้วยความเจ็บปวด จากนั้นคุกเข่าลงกับพื้นเนื่องจากสูญเสียพลังงาน
 “ตาย!”  ปีศาจอสรพิษน้ำแข็งซึ่งมิได้ลงมือในช่วงก่อนหน้านี้ ตัดศีรษะของกระทิงป่า
ขณะเดียวกัน ตั๊กแตนมัจจุราชปรากฏตัวอยู่ในท้องฟ้า กระโจนใส่หลังของค้างคาวปีศาจ  และในตำแหน่งเดียวกันมันเริ่มกัดคอของค้างคาวปีศาจ
ดาบน้ำแข็งคู่ของเสี่ยวเหวินหลี,  ดาบจันทร์เสี้ยวของเจี้ยงอิงและแส้ลงทัณฑ์ของนางพญากระหายเลือดต่างระดมโจมตีใส่ร่างค้างคาวปีศาจพร้อมกัน  ค้างคาวปีศาจที่เพิ่งจะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บกลับบาดเจ็บอีกครั้งภายในไม่กี่วินาที
 “กี๊ซซซซ”
ค้างคาวปีศาจแปลงร่างทันที มันเปลี่ยนเป็นร่างปีศาจสูงสิบเมตร ลักษณะคล้ายกับจ้าวปีศาจ
แสงสีทองสายหนึ่งพุ่งวาบลงมาจากท้องฟ้าเหมือนกับมังกรตัวน้อยโผล่ออกมาจากมหาสมุทร
อสูรทองที่ร่างเหมือนมังกรร่อนลงมาจากท้องฟ้าด้วยท่าทางที่สง่างาม มันอ้าปากขนาดเล็กของมันและกัดที่ศีรษะของค้างคาวปีศาจ  ความแตกต่างจากจ้าวปีศาจที่แท้จริงก็คือร่างแปลงปีศาจของค้างคาวปีศาจไม่มีเขาขนาดใหญ่ที่จ้าวปีศาจมี  มันมีแต่หูขนาดใหญ่อยู่บนหัวของมัน
เมื่อไม่มีการปกป้องจากเขาปีศาจ ก็เป็นเรื่องง่ายมากที่อสูรทองน้อยจะกัดกินทะลวงศีรษะของมัน  เหมือนกับเปิดประตูวังทำให้มันโจมตีเข้าไปได้ง่ายๆ
ตอนแรกมันแค่กัดเปิดกะโหลกของค้างคาวปีศาจและชอนไชเข้าไป
แม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วกำลังลิงโลดดีใจ แต่แล้วก็ตระหนักได้ว่าเขาถูกหลอก คุณชายสามตระกูลเย่ว์แค่หลอกล่อให้ไขว้เขวไม่ได้โจมตีจริงๆ
เมื่อเห็นอสูรพิทักษ์ของเขากุมศีรษะและเอาศีรษะไถกับพื้น  แม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วโกรธแค้นเดือดดาล  แม้ว่าอสูรพิทักษ์ของเขาจะไม่ตายจริงๆ  แต่ความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายนี้ทำให้พลังของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด  นอกจากนี้มันอาจสูญเสียสติปัญญาบางส่วนและศักยภาพที่เติบโตบางอย่าง
 “ไสหัวไป!”  แม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วต้องการตบเย่ว์หยางให้กระเด็นไปไกลๆ และช่วยเหลืออสูรรักของเขา
 “ไม่ต้องห่วง เราคุยกันดีๆ ได้”  เย่ว์หยางมองดูราชันย์พันปีศาจ แสงสีเงินกระจายขึ้นไปในท้องฟ้า  ก่อตัวเป็นวงเวทผนึกอักษรรูน มันคือสิ่งที่พิเศษที่สุดซึ่งเย่ว์มี วงจักรอนันตกาล
มือของแม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วยังคงถูกวงจักรอนันตกาลกักไว้ในอากาศ
เว้นแต่ว่าแขนปีศาจถูกตัดออกไป  เขาจะต้องรอให้วงจักรอนันตกาลหายไปก่อน จากนั้นเขาจึงจะสามารถใช้ความสามารถฟื้นฟูแขนปีศาจของเขาได้
เมื่อเย่ว์หยางและแม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วกำลังต่อสู้กัน  ราชันย์พันปีศาจปรากฏตัวอยู่ที่มุมสนามต่อสู้อีกด้านหนึ่ง  เขากำลังยิ้มขณะถือบอลแสงในมือ   มือซ้ายของเขาขาวแสดงให้เห็นรูปลักษณ์เทวทูตที่อ่อนโยน  มือขวาเป็นสีเขียวแสดงถึงรูปลักษณ์ของปีศาจเก้าหัว  ก่อนที่แสงจะหายไปอย่างสิ้นเชิง  ขาทั้งสองที่อ่อนแรงและซวนเซราวกับดินเหลวปรากฏขึ้น... เป็นเสียงหวี่ผู้ต้องคำสาปและนาคราชสมุทรเก้าหัวที่ยังบาดเจ็บหนัก พวกเขาดูเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรงยิ่งบุรุษที่เที่ยวซ่องต่อเนื่องสิบวันสิบคืนโดยไม่ได้พัก
ภายในนาทีเดียว รูปร่างพวกเขาก็ชัดเจนขึ้น
ปรากฏว่าปีกของเสียงหวี่ผู้ต้องสาปมีขนร่วงดุจนกแร้ง และบนพื้นเต็มไปด้วยขนสีดำเทา
นัยน์ตาเขาที่เคยมีประกายกลายเป็นหมองเหมือนคนตาย ไร้ประกาย  นอกจากนี้ นอกจากนี้เบ้าตาของเขายังหมองคล้ำเหมือนกับคนอดนอน
เมื่อดูใกล้ๆ หน้าที่เต็มไปด้วยความเยาว์วัยนี้เริ่มมีความชรา  รอยย่นปรากฏให้เห็นที่หน้าผาก
เป็นที่ชัดเจนว่าพลังของเสียงหวี่ลดลงอย่างชัดเจน
ตอนนี้เขาเหลือพลังเท่ากับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก....
นาคราชสมุทรเก้าหัวมีชะตาน่าอนาถยิ่งกว่าเสียงหวี่ เนื่องจากเขานอนอยู่ด้านขวาของเสียงหวี่เหมือนกับดินเหลว  เขามีพลังลดลงต่ำกว่าระดับหกเสียอีก เหลือเพียงพลังปราณก่อกำเนิดระดับห้า  ผมของเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน  และผิวของเขาดูราวกับว่าเขากำลังป่วยอย่างหนัก
 “ทำไม?”  เสียงหวี่ตระหนักว่าคำสาปไม่ได้ถูกกำจัดไปแม้แต่น้อย  แต่กลับต้องเสียพลังบริสุทธิ์ไปนับไม่ถ้วน
 “เจ้าพวกโง่, ถูกแล้ว, พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด พวกเจ้าช่างโง่เสียจริง  เกิดมาโง่แท้ๆ นอกจากคุณชายสามตระกูลเย่ว์แล้ว  ข้าฉลาดเกินไปสำหรับคนอื่นๆ!  ราชันย์พันปีศาจดูดพลังงานบริสุทธิ์ของบอลพลังทั้งสองในแขนเขาอย่างมีความสุข เหมือนกับว่าเขากำลังกินอาหารรสโอชะน่าชุ่มชื่นใจเหลือเชื่อ
 “ทักษะแฝงเร้นแยก...”  เสียงหวี่ตระหนักว่าเขาผิดไปแล้วในตอนนี้  มีบางอย่างที่ผิดปกติเกี่ยวกับทักษะแฝงเร้นแยกของราชันย์พันปีศาจแน่นอน
 “เจ้าคาดไม่ผิด ทักษะแฝงเร้นแยก ตราบใดที่เป้าหมายเต็มใจ  ทุกอย่างก็สามารถแยกออกมาได้  เช่นพลังงานของร่างกายเจ้า หรือกระบี่สมบัติในมือของเจ้า เกราะศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้ากำลังสวมใส่  แม้กระทั่งอวัยวะภายใน เลือด กระดูก ไขสันหลัง มันสมอง ทักษะแฝงเร้นแยกของข้าสามารถแยกสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จและกีดกันสิ่งต่างๆ ได้  พวกเจ้าหมดประโยชน์แล้ว!  แทนที่จะเสียพลังงานบริสุทธิ์ที่ไม่มีการปนเปื้อน มิสู้มอบให้ข้าดีกว่า  หลังจากข้าควบคุมหอทงเทียน พิชิตแดนสวรรค์แล้ว ข้าจะคิดถึงการเสียสละของพวกเจ้าเป็นครั้งคราว”  ราชันย์พันปีศาจเดินออกมาโดยไม่มองเสียงหวี่และนาคราชสมุทรเก้าหัวอีกต่อไป
 “ราชันย์พันปีศาจ เจ้าบัดซบ  ข้าอุตส่าห์ปฏิญาณว่าจะภักดีต่อเจ้าแท้ๆ”  นาคราชสมุทรเก้าหัวสูดลมหายใจและใช้พลังเฮือกสุดท้ายตะโกน
 “เจ้าควรจะรู้สึกละอายใจบ้าง!  ทำไมข้าจะหลอกพวกเจ้าบ้างไม่ได้? ไม่ใช่เพราะว่าข้าฉลาด ไม่ใช่ว่าทักษะแฝงเร้นแยกของข้าน่าประทับใจ  แต่เป็นเพราะพวกเจ้าทั้งสองคนโง่เกินไป  ประการที่สอง พวกเจ้าทั้งสองคนประกาศตัวเองว่าเป็นยอดนักรบ คิดจะกลายเป็นห้าจักรพรรดิแห่งหอทงเทียน  พวกเจ้ามีพลังเพียงน้อยนิดเท่านี้ไม่มีอะไรต่างจากขยะเลย  สุนัขที่อยู่แทบเท้าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ยังจะดีกว่าพวกเจ้าเสียอีก  มันน่ารำคาญที่ข้าต้องพูดเรื่องนี้  ข้าเสียพลังทักษะแฝงเร้นแยกไปมากมายกับพวกเจ้าทั้งสอง แต่ได้รับพลังบริสุทธิ์กลับมาเพียงน้อยนิด”  ราชันย์พันปีศาจดูเหมือนพยายามข่มความโกรธของเขา  เขาสูดลมหายใจและเรียกความเย่อหยิ่งของเขากลับมา  “ถ้าข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าทั้งสองด้วยตัวเอง พลังที่ข้าเอามาก็จะหายไป  พวกเจ้าทั้งสองมันคือเศษสวะที่ควรสับให้สุนัขกิน  พวกเจ้าในตอนนี้ก็เหมือนกับพวกตัวตลก  เป็นไปไม่ได้ที่จะกลายเป็นห้าจักรพรรดิแห่งหอทงเทียน  แค่รอดชีวิตอยู่ได้ก็เลิศหรูสำหรับชีวิตพวกเจ้าแล้ว”
 “พรวดด” เสียงหวี่กระอักโลหิต  ตาของเขากลายเป็นสีดำและเขาสิ้นสติทันที
 “ฆ่าเจ้า,  ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้!  นาคราชสมุทรเก้าหัวเหวี่ยงหมัดอย่างบ้าคลั่ง  แต่เขาไม่เหลือแม้แต่แรงจะยืน
 “พูดคุยกับพวกเจ้านับเป็นการดูถูกสติปัญญาข้าอย่างแท้จริง”  ราชันย์พันปีศาจเบะปากอย่างรังเกียจบินขึ้นไปบนอากาศที่โดมทันที   เขาค่อยๆ ดึงรูปกลุ่มดาวด้วยมือตนเอง ขณะที่เขาพยายามเปิดผนึกกลุ่มดาวที่โดม
ทันใดนั้นเขานึกอะไรบางอย่างได้ จึงหยุดและมองดูเย่ว์หยางซึ่งอยู่บนพื้นในสนามต่อสู้  “คุณชายสามตระกูลเย่ว์  เจ้าจะไม่มายับยั้งข้าหรอกหรือ?”
เย่ว์หยางเล่นงานแม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วไปยิ้มไป  “ข้าไม่สามารถทำลายผนึกที่โดมได้  เมื่อท่านทำลายได้และรับเอาร่างของจ้าวปีศาจโบราณ  ถึงตอนนั้นข้าค่อยมีส่วนร่วมก็ได้”
ราชันย์พันปีศาจมองอย่างเย็นชา  “พ่อหนุ่ม อย่ามั่นใจเกินไป”
เย่ว์หยางชี้นิ้วไปที่ท้องฟ้าและตอบ  “ข้ากำลังบอกเจ้า แย่งชิงคือทักษะแฝงเร้นของข้า!
 

15 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

PeeS กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครีบ สู้ๆ แปลต่อไปนะครับ ^^

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะคับ

dvdkeeper กล่าวว่า...

ดูดกลินมากกว่า แย่งชิงนั่นน่าจะเป็นสันดานเฮียแกละ-3-

dew qc กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

สายฟรี กล่าวว่า...

ฟันปีศาจ ถืกต้มคักๆ

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

แย่งชิงคือทักษะแฝงเร้นจริงๆ หรือแค่เย่ว์หยางมันเปรียบเปรยกันหว่า...ลืมไปแล้วแฮะ

TonZng กล่าวว่า...

ทักษะแฝงเร้นเยว์หยางมี2ใช่ป่ะ เงา ปกปิด ถ้าจำไม่ผิดนะ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น