วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 329 ดำเนินการ

ตอนที่  329  ดำเนินการ

มีเหตุการณ์ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นเกิดขึ้นเมื่อหอวิญญาณผลิตขุนพลวิญญาณ และนั่นจะถูกเรียกว่าการทดแทน

การทดแทนนั้นเกิดขึ้นเมื่อการ์ดที่อยู่ต่อหน้าต้องแทนที่ด้วยการ์ดใบใหม่ซึ่งเห็นได้ยาก  การ์ดวิทยายุทธบนประตูเมื่อจะถูกทำลายมักจะเกิดขึ้นเมื่อกระบวนการเสร็จสิ้น  เนื่องจากการ์ดเหล่านั้นจะถูกทำลายพร้อมกันหมด  ทั้งนี้เป็นเพราะขุนพลวิญญาณใหม่จะตัดความผูกพันครั้งก่อนหมดและนั่นเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ
แต่มักจะมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ เหมือนกับปัจจุบันซึ่งการ์ดทองใบแรกซึ่งเป็นการ์ดระดับแปดถูกทำลายทันที  นั่นหมายความว่าขุนพลวิญญาณเพิ่มความเร็วในการดูดซึมพลัง
นั่นคือเวลาที่ต้องใช้การทดแทน
ปิงวางการ์ดวิทยายุทธระดับแปดอีกใบทันทีลงบนช่องที่หนึ่งและที่สามโดยไม่ลังเลใจ
การ์ดทองสองใบเปล่งแสงพร้อมๆ กันและสว่างแพรวพราวมาก
ปิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง  การทดแทนเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก และมักจะผลิตขุนพลวิญญาณที่พิเศษมาก  ปิงเคยพบการทดแทนอื่นมาก่อน  แต่ไม่เคยพบกับขุนพลวิญญาณระดับยศชั้นประทวนมาก่อน  และถังอี้เดิมทีเป็นจ่าสิบตรีระดับทองซึ่งหาได้ยากอยู่แล้ว
แสงจากการ์ดวิทยายุทธทั้งสองคงที่ และคงอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาสิบห้าชั่วโมงก่อนจะอับแสงลง
ทันใดนั้นการ์ดทั้งหมดพังและถูกทำลายกลายสภาพเป็นควันและหายไป
ประตูบรอนซ์ค่อยๆ เปิดออก และสายตาปิงถึงกับเบิกกว้าง
ร่างสูงใหญ่ล่ำสันร่างหนึ่งดูมีราศีทรงพลังเดินออกมาช้าๆ
 “จ่าสิบเอกพิเศษถังอี้ขอรายงานตัวรับภารกิจ ขอรับ”
เสียงทุ้มต่ำของเขาสร้างความรู้สึกกลัวในจิตใจของคน  จากนั้นปิงสังเกตร่างของถังอี้ซึ่งไม่เปลี่ยนไปมาก นอกจากสูงกว่าและล่ำกว่าเขาเล็กน้อย  การเปลี่ยนแปลงที่สะดุดสายตาก็คือดาบฟันขาม้า
ตัวดาบจากเดิมสีเทากลายเป็นสีดำสนิท และหนักกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ตรากลุ่มดาวกางเขนใต้ประทับอยู่บนตัวดาบสีดำ
บอบบางแต่แข็งแกร่ง!
นั่นคือ...ผู้นำทหารที่โดดเด่น
ร่างของปิงสั่น
เกี่ยวกับความโดดเด่นนี้มาจากการสืบเชื้อสาย  ก่อนที่นักรบอมตะจะได้สุดยอดวิทยายุทธโดดเด่น  มีน้อยคนนักที่รู้ว่าในยุคสามกองทัพมหาอำนาจ  พวกเขาก็ใช้คำว่าโดดเด่นเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม พวกเขาใช้เป็นชื่อของผู้นำทหารบางคน  ในตอนนั้นผู้นำทหารมีจำนวนมากมาย  และนักสู้ผู้แข็งแกร่งเกือบทั้งหมดเป็นผู้นำทหาร  แต่ก็มีผู้นำทหารบางคนที่ถือว่าพิเศษ  ในด้านพิเศษของตนเองพวกเขาบรรลุความสำเร็จเกินกว่าคนอื่น  และผู้นำทหารเหล่านี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำทหารที่โดดเด่น
ผู้นำทหารที่โดดเด่นแต่ละคนจะมีแตกต่างกันไป
ขุนพลวิญญาณผู้นำทหารแทบจะไม่เป็นผู้นำทหารที่โดดเด่น  พวกเขาแตกต่างชัดเจน  ขุนพลวิญญาณเป็นร่างที่ละเอียด  เหมือนกับถังอี้ ไม่ว่าร่างของเขาหรือดาบฟันขาม้าของเขาที่เคยกวัดแกว่งฟาดฟัน เป็นร่างละเอียดแต่แข็งแกร่ง และมันได้กลายเป็นของจริง
ถ้าถังอี้ตาย ดาบฟันขาม้าจะไม่หายไปพร้อมกับเขา  แต่ยังคงมีชีวิตต่อไปในโลก
สำหรับผู้นำทหารระดับเดียวกัน ผู้นำทหารที่โดดเด่นจะแข็งแกร่งกว่าผู้นำทหารธรรมดาอยู่มากมายนัก
ในอดีตกองทัพดาวกางเขนใต้จะแข็งแกร่งมาก เพราะพวกเขามีผู้นำทหารโดดเด่นมากกว่าอีกสองกองทัพ  แต่สำหรับหอวิญญาณสำหรับผลิตขุนพลวิญญาณผู้นำทหารที่โดดเด่น เขาเคยได้ยินมาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นประจักษ์กับตาตัวเอง
แต่นี่อาจเป็นขุนพลวิญญาณผู้นำทหารโดดเด่นที่ระดับยศต่ำที่สุดของประวัติศาสตร์กองทัพ  จ่าสิบเอกพิเศษ ผู้นำทหารโดดเด่น
ปิงหัวเราะเยาะตนเองรู้สึกว่า  รู้สึกว่าเขาไม่เคยพอใจอย่างแท้จริง  สำหรับเขาที่ไม่ค่อยได้เห็นขุนพลวิญญาณผู้นำทหารโดดเด่น  แต่เขาก็ยังคงบ่นว่าระดับนั้นต่ำเกินไป
สำหรับถังอี้ยกระดับยศเป็นจ่าสิบเอกพิเศษแล้ว  ปิงยิ่งดีใจมีความสุขมาก
และเขายังเป็นยังเป็นผู้นำทหารโดดเด่น
 “พลังสั่งการของเจ้ามีเท่าไหร่?” ปิงถามถังอี้ เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าผู้นำทหารโดดเด่นพิเศษระดับจ่าสิบเอกพิเศษจะสั่งการทหารได้เท่าไหร่
 “500” ถังอี้ตอบ
 “500?”  ปิงตะลึง จากนั้นผงกศีรษะ  นั่นเกินกว่าที่เขาประเมินไว้  จ่าสิบเอกพิเศษโดยทั่วไปสามารถสั่งการได้ 200  และสำหรับถังอี้สามารถสั่งการได้ 500  ผู้นำทหารผู้โดดเด่นพิเศษทรงพลังมากจริงๆ  สำหรับอำนาจสั่งการของเขาอยู่ในมาตรฐานเดียวกับร้อยโท  แต่ปิงสบายแล้ว  ผู้นำทหารผู้โดดเด่นนั้นทรงพลัง ไม่ใช่แค่นั้น ไม่ว่าเขาจะทรงพลังขนาดไหน เขาก็ยังเป็นแค่จ่าสิบเอกพิเศษ  ดังนั้นเขาไม่ได้คาดหวังนัก
 “เจ้ายังต้องการจะนำกองทัพหมาป่าอีกหรือเปล่า?”  ปิงถาม
 “ขอรับ!  ถังอี้ตอบตามตรง
 “อืม, ดีมาก งั้นจากวันนี้เป็นต้นไป,  เจ้าจะต้องเป็นผู้บัญชาการใหญ่กองทัพดาวหมาป่า”  ปิงพูดเสียงเข้มจากนั้นหน้าไปทางถังโฉ่ว  “จ่าสิบเอกพิเศษถังโฉ่ว  ตอนนี้ข้าจะมอบหมายภารกิจให้เจ้า”
ถังโฉ่วสีหน้าเข้มรับคำ “ขอรับ..ท่าน!
 “เจ้าจะต้องอยู่ประจำการค่ายฝึกฝนประจำเมืองสามวิญญาณ และมีงานให้ทำสองอย่างคือ หนึ่งช่วยผี่ผาจัดการห้องวางแผน  แต่ตอนนี้ยังไม่มีแผนอะไรมาก  ดังนั้นงานที่สองของเจ้าก็คือ  จัดตารางฝึกฝนอบรมประจำวัน เข้าใจไหม?”  ปิงมองดูถังโฉ่ว
 “ขอรับ!  ถังโฉ่วรับคำเคร่งครัด
 “เอาล่ะ, เจ้าสามารกลับไปยังเมืองสามวิญญาณได้แล้วตอนนี้”
 “ขอรับ!” ถังโฉ่วกลับหลังหันและบินไปยังตำแหน่งเมืองสามวิญญาณ
ปิงมองดูห้องฆ่าตัวตาย  ไม่มีความเคลื่อนไหวจากในนั้นสักนิด
ถังเทียน, จงพยายามให้เต็มที่
ปิงตะโกนในใจ  และจากนั้นเขาหันกลับมาทันที  “ไปกันเถอะ, เราจะต้องกลับไปยังเผ่าหมาป่า”
เมื่อปิงกับถังอี้กลับมา พวกเขาได้รับข่าวอีกข่าวหนึ่งคือ เย่จิ่วยื่นคำขาด ภายในเวลาห้าวัน ถ้าพวกเขาไม่ส่งมอบกระบี่ปลอดสำเนียง พวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา
เป็นคำขาด แต่ปิงโยนทิ้งลงขยะอย่างไม่ไยดี
ใจของเขายังเต็มไปด้วยความกังวล  จนถึงบัดนี้ ยี่สิบวันผ่านไปแล้ว  แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากใครในกลุ่มเลย
มีเวลาเหลืออีกห้าวัน...
ปิงมองดูเนินทรายห่างไกลออกไป  แสงอาทิตย์ยามอัสดงค์ย้อมผืนเนินทรายแดงฉาน เหมือนกับเป็นลางของสงครามครั้งใหญ่
หนุ่มน้อยถัง,  เจ้าต้องพยายามอย่างสุดฝีมือนะ
ปิงพึมพำในใจ  และเมื่อเขาเรียกความรู้สึกกลับมา เขาอดหัวเราะไม่ได้   เขาเอาความไว้วางใจไปฝากไว้กับคนที่ไม่น่าเชื่อถือโดยไม่รู้ตัว
นั่นหมายความว่า ปิงพบว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ  ที่ใจของเขามักรู้สึกว่าชัยชนะที่ยิ่งใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับตัวถังเทียน
เจ้าเด็กงี่เง่านั่นเหมือนเด็กโรคจิต ยังจะทนแรงกระตุ้นนี่ได้อีกหรือ?
ความจริง ถ้าเทียบเรื่องความฉลาด คงมีเพียงคนเดียวที่ถังเทียนสามารถเอาชนะได้นั่นก็คืออาโมรี่
ว่ากันเรื่องความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กนั่นแข็งแรงก็จริง  แต่ในแต่ละครั้งไม่อาจพูดออกมาได้เลย
ความจริงข้าหลับไปนานมาก มาตรฐานข้าก็เลยลดลงจึงทำให้ผิดพลาดได้งาย
เฮ้, ปิง เจ้าสูญเสียผู้กองที่ตัวเจ้าเองชื่นชมเสมอ
เฮ้ ปิง เจ้าได้แต่พึ่งพาตัวเจ้าเองเท่านั้น!
หัวใจของปิงค่อยๆ สงบลง เขานั่งลงกับเนินทราย และพยัคฆ์ฟ้าที่อยู่ข้างๆ ตัวเขาต่างนั่งมองดูดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า
ในวันที่สี่  เป็นวันสุดท้ายของการยื่นคำขาด
ปิงนั่งอยู่ที่เนินทรายเป็นเวลาสี่วันสี่คืน ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปหาหัวหม่าเอ๋อ  “ปิดประตูดวงดาวที่เชื่อมกับกลุ่มดาววาฬ”
หัวหม่าเอ๋อใจเต้นแรง  แต่นางไม่พูดไร้สาระ และแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ส่งคำสั่งไปตามที่ตกลงล่วงหน้า
สิบนาทีต่อมา นางจึงกลับมา  “นายท่าน ประตูดวงดาวปิดแล้ว”
 “ดีมาก!” ปิงผงกศีรษะ และล้วงสมบัติออกมา  เขาเตรียมการมายาวนาน
สมบัติดวงดาวชั้นทองรูปสามเหลี่ยมสีทองสดใสจากกลุ่มดาวสามเหลี่ยม วังวนสามเหลี่ยมทอง  ปิงใช้หนึ่งล้านเหรียญทองซื้อสมบัติดวงดาวชิ้นนี้  มันสามารถใช้ผลิตสร้างพลังงานไร้สภาพและสร้างความปั่นป่วนได้
มันคือดาวข่มของประตูเกียรติยศชาวยุทธของสมาพันธ์ชาวยุทธ ซึ่งเป็นสมบัติดวงดาวที่ใช้ในการขนส่ง
วิ้งงงง!
คลื่นไร้สภาพแผ่ออกมาจากสมบัติสามเหลี่ยมทอง
ยี่สิบนาทีต่อมา ข่าวประตูดวงดาวที่เชื่อมโยงกับกลุ่มดาววาฬถูกปิดก็แพร่กระจายออกไปในวงกว้างและไกล
เบื้องบนของกลุ่มดาววาฬถึงกับโกรธ
ที่น่าเดือดดาลก็คือเย่จิ่วก็เพิ่งจะได้รับข่าวและเขาหน้าเขียวคล้ำ  เขาถูกถังเทียนเล่นแง่จริงๆ ถังเทียนไม่เคยมีความคิดจะส่งมอบกระบี่เลย
 “เนื่องจากพวกเจ้าทุกคนหาที่ตาย, อย่างนั้นข้าจะส่งเสริมความปรารถนาของพวกเจ้า”
เย่จิ่วกัดฟันและถ่มน้ำลาย  ตาของเขาฉายแววโกรธ สีหน้าชั่วร้าย บริวารที่อยู่ข้างตัวเขากำลังสั่นด้วยความกลัว
 “บอกพวกเขาให้เคลื่อนไหว!
บริวารของเขาส่งคำสั่งให้โจมตีทันที
ความโกรธของเย่จิ่วถูกแทนที่ด้วยสายตาที่เย็นชา “ฮึ่ม, ข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นวิธีการของข้า”
******************

ดวงอาทิตย์อุทัยสาดแสงไปทั่วท้องที่ทะเลทราย
เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวในอากาศของกลุ่มดาวหมาป่า และไม่มีใครสังเกตการมาถึงของเขา
 “จิ่งหาว!  ข้ารู้ว่าเจ้าจะมา  ออกมาเถอะ”
เสียงแหบต่ำของเย่เฉาเกอดังขึ้นเหมือนสายฟ้าดังกึกก้องไปทั่ว
คำพูดของเขาดังขึ้นทันทีโดยไม่มีคำเตือน  ชาวเผ่าหมาป่าหยุดการกระทำทั้งหมดและมองไปที่ท้องฟ้า
หัวใจของปิงเครียด!  เขาไม่เคยคิดว่าศัตรูจะมาถึงที่นี่รวดเร็ว  พวกเขาเพิ่งจะปิดประตูดวงดาว  แต่ศัตรูก็มาถึงตรงนั้นแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามเตรียมการไว้ก่อนแล้ว
เดี๋ยวก่อน จิ่งหาว!
ร่างๆ หนึ่งพุ่งขึ้นไปเหมือนลูกธนู  เป็นจิ่งหาว
 “พี่เย่” สีหน้าของจิ่งหาวสงบ  เขาไม่ประหลาดใจ  ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับถังเทียนทำให้การกระทำของเขาทั้งหมดถูกจับตาอย่างต่อเนื่อง  คาดว่าการที่เขามาถึงกลุ่มดาวหมาป่านั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
 “เปลี่ยนสถานที่กันเถอะ”  เสียงของเย่เฉาเกอกล่าวราบเรียบ  “ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว”
จิ่งหาวตะลึงเล็กน้อย  คำพูดของเย่เฉาเกอมีความหมายลึกซึ้ง
แต่ข้อเสนอของเย่เฉาเกอสะดุดใจเขา เนื่องจากเป็นพื้นที่ของเผ่าหมาป่า  ถ้าพวกเขาเริ่มต่อสู้กันที่นั่น  ชาวเผ่ามีแนวโน้มว่าจะถูกทำลาย  ดังนั้นเขาพยักหน้า “ก็ได้”
พูดจบเขาแล่นออกไปก่อน
เย่เฉาเกอติดตามไปอย่างไม่ลังเลใจ
เมื่อได้ยินคำว่า “พี่เย่”  เขาตกใจ  เย่เฉาเกอ!  แต่เมื่อได้ยินว่าจิ่งหาวนำเย่เฉาเกอออกไปไกลๆ  เขาถอนหายใจโล่งอก  เย่เฉาเกอคือกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่จิ่วอย่างเห็นได้ชัด  และการที่เขาถูกล่อออกไปก็เป็นขจัดภัยคุกคามใหญ่ต่อพวกเขาอย่างมิต้องสงสัย
ทันใดนั้นหน่วยลาดตระเวนวิ่งมาทางเขาและหอบหายใจ
 “นายท่าน มีกองทัพปรากฏทางทิศตะวันออกจำนวน 200 คน”
 “นายท่าน, มีกองกำลังปรากฏทางทิศตะวันตกจำนวน 500 คน”
 “นายท่าน มีคนสองคนกำลังเข้ามาใกล้เราจากทางทิศเหนือ และดูเหมือนเจตนาของเขาไม่ได้มาดีเลย  พวกเขามากันเร็วมาก”
ปิงสีหน้าเปลี่ยน  เขาประเมินเย่จิ่วต่ำไป  กำลังสนับสนุนของเย่จิ่วใหญ่มากจริงๆ
 “เฮ้ลุง,  ลุงกลัวแล้วเหรอ?  ฮ่าฮ่าฮ่า หนุ่มนักสู้ผู้เบิกบานมาช่วยลุงแล้ว”  เสียงดังมีความสุขของอาโมรี่ ดังขึ้นด้านหลังเขา
กลิ่นอายที่เยือกเย็นเสียดกระดูกกำลังแผ่ออกมา
ปิงหันศีรษะไปดู
หันปิงหนิงที่อยู่ด้านข้างอาโมรี่ลดกระบี่นางลงและเดินเข้ามาสมทบ
 “ในที่สุดข้าก็มาร่วมสนุกได้ทันเวลา” จู่ๆ ภาพหนึ่งค่อยๆ ผุดออกมาจากความมืด ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าซือหม่าเซียงซานออกมาตั้งแต่เมื่อใด
 “ฮึ, ข้าคงไม่สายหรอกนะ”  เหลียงชิวหอบ ทั่วทั้งตัวเขาเปียก ขาเปียก ลูกตุ้มถ่วงมือและขาของเขายังคงอยู่
 “นี่, ลุง, ฟลามิงโกของข้าอยู่ไหน?”
เสียงของหลิงซิ่วซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายดังขึ้นด้านหลังเขา
ปิงต้องการจะตอบ แต่ทันใดนั้นซือหม่าเซียงซานส่งเสียง “เอ๋..” เขาหันศีรษะไปมองและเห็นเนินทรายห่างออกไป  ขณะที่คนอื่นจับตามองตาม
สองสามวินาทีต่อมา มือกระบี่ในชุดยาวฉีกขาดรุ่งริ่งปรากฏตัวที่เนินทราย ดวงตาของเขาเดียวดาย แต่เยือกเย็นเหมือนสายน้ำ
อาเฮ่อ!
 

11 ความคิดเห็น:

JaOurPaLa กล่าวว่า...

คาดว่าพี่จิ่งจะพ่าย

นั่นมันน กล่าวว่า...

อาเฮ่ออ!!

Unknown กล่าวว่า...

อาเฮ่ออ

B กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

บักถัง เมิงสายซินะ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

พี่เฮ่อสายเซอร์ก็เท่ไปอีกแบบ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

พี่ถังเป้นพระเอกต้องมาที่หลัง ชิมิ

ThEPaRaN กล่าวว่า...

ถังแกจะทันไหม

Unknown กล่าวว่า...

หมดกันความหล่อที่สะสมมาตั้งแต่เปิดตัว กลางอากาศ

แสดงความคิดเห็น