วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 331 ข้าต้องการชนะ

ตอนที่  331  ข้าต้องการชนะ

ถังอี้ยังคงเฉยชา
เขาไม่เคยได้ยินชื่อค่ายหางแฉก และไม่สนใจด้วย  คำสั่งเจ้านายก็คือเขาหวังให้พวกเขาสามารถสู้ได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง  แต่ถังอี้สามารถอ่านระหว่างแนวได้

ท่านปิงไม่ได้มองกองทัพหมาป่าในแง่ดีนัก
ถังอี้เห็นได้ชัดว่าท่านปิงไม่เห็นความสำคัญของกองทัพหมาป่ามาโดยตลอด นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก  ถังอี้มาจากกองทัพดาวกางเขนใต้และรู้สถานการณ์ชัดเจน  นอกจากนี้ เมื่อท่านปิงดูแลค่ายทหารใหม่  มาตรฐานของทหารกลุ่มดาวหมาป่ายังห่างจากในอดีตมากมาย จนท่านปิงไม่เห็นประโยชน์ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก
ตั้งแต่แรกเริ่มถังอี้ดูแลกองทัพหมาป่ามาตลอดอยู่แล้ว
หลังจากคลุกคลีตีโมงกับทหารชาวดาวหมาป่าผู้ขยันอดทน  ถังอี้ค่อยๆ เปลี่ยนวิธีมองดูพวกเขา  แม้ว่าทหารชาวดาวหมาป่าจะอ่อนแอและไม่มีความรู้กลยุทธ์ทางทหาร  แต่พวกเขาขยันและอดทน จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ถังอี้
ชาวเผ่าหมาป่าทะเลทรายเติบโตและเอาชีวิตรอดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายบังคับให้พวกเขาต้องตื่นตัวและอดทน
สถานะต่ำต้อย แต่ขยันและอดทน
กองทหารนี้มุ่งมั่นจะเป็นหน่วยทะลวงฟัน  ไม่มีใครท้อถอย ไม่มีใครขาดการฝึกซ้อม และพวกเขากล้าหาญกันทุกคน  การได้เห็นพวกเขาเติบโตกล้าแกร่ง ได้เห็นพวกเขาสละเลือด หยาดเหงื่อและน้ำตาเสี่ยงชีวิต ทำให้ถังอี้ผู้ให้การฝึกฝนอบรมพวกเขาด้วยตนเองยินดีที่จะเป็นผู้บัญชาการของพวกเขา
เพราะถังอี้รู้สึกว่าเพื่อพวกเขา มันทำให้เขารู้สึกถอนตัวไม่ขึ้น
เขาไม่อาจยอมรับได้ว่ากองทัพที่ขยันจริงจังอย่างนี้จะกลายเป็นแค่หน่วยทะลวงฟันกล้าตายเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม  เขายังคงเข้าใจชัดว่า ภายในกองทัพนั้น คุณค่าของแต่ละคนจะเกี่ยวข้องความสามารถของเขาตลอดไป  สำหรับการได้รับการยอมรับจากท่านปิงนั้น กองทัพหมาป่าจำเป็นต้องแสดงพลังที่แข็งแกร่งพอ  นั่นก็หมายความว่าพวกเขาต้องชนะ!
สาเหตุที่นักรบฝีมือดีเป็นนักรบชั้นหัวกะทิได้เป็นเพราะทักษะต่อสู้ของเขาน่ากลัว  และนั่นคือความสำเร็จทางทหารที่น่าทึ่งของพวกเขา
ท่านปิงขอให้เขาต้านทานให้ได้หนึ่งชั่วโมง  แต่สิ่งที่ถังอี้ต้องการก็คือชัยชนะ!
ค่ายหางแฉกเพิ่งจะสังเกตเห็นกองทัพดาวหมาป่า และพวกเขาหยุดอยู่ห่างจากกองทัพหมาป่าหนึ่งกิโลเมตร
จางเจิ้งอายุราวสี่สิบปี มีลักษณะหยาบกร้าน  สีหน้าของเขาจริงจังเมื่อได้เห็นขนาดของกองทัพดาวหมาป่า  แต่เมื่อมองเห็นขุนพลวิญญาณผู้นำทหารข้างหน้า  เขาแค่นเสียง  “เราต้องชนะศึกนี้!
เพื่อโน้มน้าวใจเขาให้ช่วยเหลือ  เย่จิ่วถึงกับยื่นข้อเสนอที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้  แม้ว่าเขาจะเป็นคนโลภ  แต่เขาระมัดระวังตัวมากและค้นคว้าศึกษาทุกรายละเอียดของการต่อสู้ของกลุ่มดาวหมาป่า    แม้ว่าโดยส่วนตัวเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก  แต่เขาถนัดในเรื่องกลยุทธ์ในการรบ  สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือขุนพลวิญญาณผู้นำทหารผู้ควบคุมมีรังสีที่แข็งแกร่งดูประหลาด
แม้แต่ในกลุ่มดาวนายพราน เขาไม่เคยเห็นผู้บัญชาการทหารที่มีราศีควบคุมที่แกร่งกล้าขนาดนั้น
มันแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ
เกี่ยวกับกองทัพ เขาไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย  สำหรับเขา ถ้าเป็นเพียงกลุ่มมือสมัครเล่นที่ไม่คุ้นเคยและมองว่าเป็นกองทัพ  อย่างนั้นก็คงเป็นแค่เพียงตัวตลก  เทียบกับค่ายหางแฉกของเขา  คู่ต่อสู้อ่อนหัดเกินไป
ขณะที่ขุนพลวิญญาณผู้นำทหารถือดาบฟันขาม้า   จางเจิ้งสามารถบอกได้ทันทีว่าเป็นขุนพลวิญญาณผู้นำทหารจากครั้งก่อนนั่นเอง  สำหรับขุนพลวิญญาณผู้นำทหารแบบนี้เป็นเหมือนดาบคมกล้า  ก็ดูเหมาะสมแล้ว  แต่จะสั่งการกองทัพได้นั้น  เขายังไม่ใช่
จางเจิ้งระบายลมหายใจ  ดูเหมือนแผนของเย่จิ่วทำให้ถังเทียนไม่ทันได้เตรียมพร้อม และทำให้เขาต้องทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง
ความจริงมันเป็นงานที่ง่ายเกินไปสำหรับเขา
ถ้าเขาสามารถเอาชนะกองกำลังหมาป่า  อย่างนั้นชื่อเสียงของค่ายหางแฉกของเขาเองก็มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น  และชื่อเสียงของเขาจะเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ทันใดนั้นกองทัพหมาป่าที่อยู่ต่อหน้าเขาตั้งใจจะโจมตีทันที  และวิ่งเข้ามาหาพวกเขา
 “หาที่ตาย”  สีหน้าของจางเจิ้งเปลี่ยนเป็นเย็นชา และเขาตะโกนอย่างดุร้าย ตั้งขบวนวงกลม
ทหารจากค่ายหางแฉกเปลี่ยนขบวนทัพทันที ทั้งถอยหลังทั้งขึ้นหน้าและล้อมขบวนเป็นวงกลมทันที
การโจมตีของคู่ต่อสู้เป็นไปอย่างที่จางเจิ้งคิด  การรุกของค่ายหางแฉกกระทำโดยผ่านแนวป้องกันของเขา  เดิมทีเขากังวลว่าคู่ต่อสู้จะถอยหนีและไม่ตะลุยเข้าหา  แต่เขาไม่คาดเลยว่ากองกำลังฝ่ายตรงข้ามจะฉวยโอกาสบุกก่อน ทำให้เขามีความสุขมาก 
พวกมันเข้ามาหาที่ตายจริงๆ
ระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้เข้ามาทุกที
เพราะความรู้สึกบางอย่าง  จางเจิ้งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติทันที  มีรายละเอียดอะไรที่เขาพลาดไป?
ทันใดนั้น หัวใจเขาเต้นแรง  คำสั่ง
ถูกแล้ว!  คำสั่ง!
กองกำลังหมาป่าที่ตะลุยเข้ามามีจำนวนสองร้อยนาย  รูปแบบไม่มีสับสน  แต่เป็นรูปปลายหอกที่แหลมคม
พลังรุกตะลุยด้วยความเร็วสูงขนาดนั้นเป็นการทดสอบพลังการสั่งการ  ถ้ามีไม่เพียงพอ, อย่างนั้นขบวนยุทธจะล่มสลาย  แต่.. ขบวนพยุหะที่อยู่ต่อหน้าเขาไม่มีความสับสนแม้แต่เล็กน้อย
แย่แล้ว!  ขุนพลวิญญาณผู้นำทหารเก็บงำพลังของเขาไว้สุดท้าย
จางเจิ้งมีนิสัยสงสัยระแวงทุกอย่าง เขาเก็บความคิดโจมตีตอบโต้ หน้าของเขาดูน่าเกลียด
เพียงเวลาชั่วขณะนั้น กองกำลังหมาป่าเข้ามาใกล้ในระยะห่างห้าสิบเมตร
 “ฆ่า!
เหมือนกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ สภาพอากาศเปลี่ยนไปทันที
ดาบฟันขาม้าในมือถังอี้สร้างเสียงหวีดหวิวฝ่าอากาศ ทหารหมาป่าด้านหลังของเขาปลดปล่อยพลังดาบของตนเองทันที
รังสีดาบสองร้อยสายผสานกันเป็นหนึ่งพุ่งออกไปทันที
รังสีฆ่าฟันเยือกเย็นทำให้หัวใจของทหารค่ายหางแฉกสั่นไหว  แต่โชคดีที่ด้วยประสบการณ์ที่มากมายของจางเจิ้ง เขาตะโกนทันที “ตั้งรับ”
ทหารโล่กวัดแกว่งโล่ตั้งแนวต้านรับด้านนอกทันที  ทุกคนชูโล่พร้อมกันและปล่อยปราณแท้อย่างบ้าคลั่ง
รังสีรูปโล่ห้าสิบสายเรืองแสงทันทีก่อเป็นรูปแนวแสงป้องกันทั่วทั้งกองทัพ
รังสีดาบขนาดมหึมากระแทกใส่แนวแสงป้องกัน
แนวแสงป้องกันแตกทำลายทันที  และทหารโล่ทุกคนใช้โล่ดูดซับความเสียหาย  ราวกับว่าพวกเขาถูกค้อนหวดใส่อย่างรุนแรงสะท้อนกลับไปข้างหลัง  สหายที่อยู่ด้านหลังพวกเขาเอื้อมมือออกมาและใช้ปราณแท้ดันเข้าไปในตัวพวกเขา
กองทัพดาวหมาป่าตะลุยเข้าใส่โดยไม่หยุดชะงัก พลังโจมตีมหึมาทำให้พวกเขารู้สึกอ่อนแอมากขึ้น  แต่ด้วยจำนวนคนของพวกเขา  พวกเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
แต่, ความเร็วของพวกเขาลดลง
สำหรับกองทหารจู่โจมที่สูญเสียความได้เปรียบ อำนาจคุกคามของพวกเขาจะลดลงทันที
สิ่งที่วิกฤติก็คือ พวกเขาไม่มีเวลาหันหลังกลับ
รังสีอำมหิตแว่บผ่านในดวงตาของของจางเจิ้ง  “เปิด!”
ขบวนวงกลมเปิดพื้นที่ทันที ทำให้กองทัพหมาที่พุ่งเข้าจู่โจมเข้าไปในใจกลางพยุหะ
ปากของจางเจิ้งทำท่ายิ้มเยาะ  เขามั่นใจมากว่าการต่อสู้ตกอยู่ในเงื้อมือของเขาแล้ว  แม้ว่าเขาจะต้องเสียสละทหารโล่ที่แข็งแกร่งไปถึงห้าสิบนาย แต่เป็นการแลกที่คุ้มค่าอย่างมิต้องสงสัย
หลังจากนั้นจะเป็นกลยุทธ์ที่เชี่ยวชาญที่สุดของเขา  กระชับวงล้อม
 “กระชับวงล้อมเข้าไป!”
ทหารทั้งหมดก่อขบวนกลุ่มเล็กๆ  และทุกคนเริ่มวิ่งวนด้วยความเร็วสูงเหมือนน้ำวน
ค่ายกลดาบหางแฉก!
น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้  ชื่อของมันดูเหมือนไม่มีพิษภัย  แต่มันมีความลึกลับพิเศษ  ขบวนท่านี้เป็นกลยุทธ์ที่จางเจิ้งโปรดปรานและชอบใช้  เขาเอาชนะศัตรูมามากมายแล้ว
ทันทีที่ขบวนพยุหะเริ่มการสังหาร  ก็หมายความว่าชัยชนะอยู่ไม่ไกล
เมื่อเห็นว่าทหารของกองทัพหมาป่าชั้นนอกตกอยู่ในอาการสับสน  พวกที่อยู่ทางด้านซ้ายและขวาถูกปิดกั้นจนอยู่ภาวะชะงักงัน จางเจิ้งมีความสุขมาก
ทันใดนั้น เขารู้สึกว่ามีสายตาหนึ่งจับตามองเขา
เขารู้สึกตัวหันไปดู ก็เห็นว่าสายตาเย็นชาคู่หนึ่งกำลังจ้องมาทางเขา
ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน!
ถังอี้ผู้อยู่บนหลังม้างอร่างของเขาทันที
เดี๋ยวก่อน!  เจ้านั่นกำลังทำอะไร
ทันใดนั้นวิธีการที่คิดไม่ถึงผุดขึ้นมาในใจของจางเจิ้งทันที
ถังอี้คำรามในอากาศอย่างดุร้าย  ดาบฟันขาม้าสีดำสนิทอยู่เหนือศีรษะเขา  ร่างของเขายืดออกโดยที่หน้าของเขาไม่เปลี่ยนสักนิด
รังสีฆ่าฟันเข้มข้นจับเป้าอยู่ที่ตัวจางเจิ้ง
*****************

ฟลามิงโกวิ่งตะลุยอยู่บนทะเลทรายอย่างบ้าคลั่ง  ความเร็วสูงระเบิดออกมาจากตัวของมันทำให้มันดูเหมือนบอลไฟที่พุ่งเป็นสายเส้นตรง  หลิงซิ่วมีความสุขมากที่ความเร็วของฟลามิงโกมากกว่าแต่ก่อน  ที่สำคัญมากขึ้นก็คือจิตวิญญาณยุทธของฟลามิงโกก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
เขาเองก็แข็งแกร่งมากกว่าครั้งก่อนมากมายเช่นกัน
หลิงซิ่วใช้ฝ่ามือลูบฟลามิงโกอย่างอ่อนโยน  และมันก็ใช้ศีรษะของมันเสียดสีตอบ
เจ้าตื่นเต้นเหรอ?  เจ้ารอไม่ได้แล้วใช่ไหม?  ที่ของเราคือสนามต่อสู้แน่นอน
หลิงซิ่วคิดอยู่เงียบๆ  ทันใดนั้น เขาเงยหน้า ขณะที่จุดดำสองจุดปรากฏอยู่ในที่ไกล  สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาพุ่งเข้าหาอย่างไม่ลังเล
อาเฮ่อที่ตามมาอยู่ข้างหลังเห็นหลิงซิ่วเพิ่มความเร็วขึ้น ได้แต่ทำสีหน้าจนใจ  เจ้าเด็กบ้านี่เป็นแบบนี้อยู่เรื่อย
เด็กคนเดียวที่ไม่รู้จักทำงานร่วมกันเป็นทีม
หลังจากบ่นเงียบๆ ในใจ  อาเฮ่อกางแขนทั้งสองออกโผบิน ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเช่นกัน
หย่งเซียนจงอายุราว 25-26  เขาแต่งตัวเรียบร้อยและสง่างามมาก ไม่มีฝุ่นละอองสักนิดบนตัวเขา  เขาลอยตัวและหัวเราะเบาๆ  “ท่านเย่ช่างเป็นคนทะเยอทะยานจริงๆ ข้าไม่เคยคาดเลยว่าเขาจะขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสกว่าง  ผู้เยาว์รู้สึกประหลาดใจจริงๆ”
กว่างอู๋ถูกยกย่องว่าเป็นมือกระบี่บ้าเลือดและมีชื่อเสียงมานานกว่าสามสิบปีแล้ว  แต่เพราะความกระหายเลือดและโหดร้ายของเขา ทำให้เขายากจะก้าวหน้าได้  อย่างไรก็ตาม พลังของเขาแข็งแกร่งมากทำให้เขาอยู่ในอันดับที่ 8315 ของทำเนียบสวรรค์วิถี
กว่างอู๋มีริ้วรอยย่นของผู้มีอายุมากมายอยู่บนใบหน้า ผมของเขาขาวโพลนราวหิมะ  แต่สายตาของเขาเขม็ง และดาบใหญ่สะพายอยู่ด้านหลังของเขา  เขาหรี่ตามอง “ข้าแก่แล้วไม่ทันได้สังเกตว่าคู่หูของข้าความจริงก็คือหลานหย่งนี่เอง  อาจารย์เปียนเป็นยังไงบ้าง?”
หย่งเซียนจงมาจากตระกูลมีอิทธิพล  อาจารย์ของเขาเปียนอู๋เหิงเข้าสู่ขอบเขตเซียนเมื่อสิบปีที่แล้ว ทำให้สวรรค์วิถีสั่นสะเทือน
เปียนอู๋เหิงมีศิษย์สามคน หย่งเซียนจงเป็นศิษย์คนเล็กมีพลังอ่อนด้อยที่สุด แต่เป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีอันดับที่ 8228
หย่งเซียนจงค้อมกายเล็กน้อยแสดงคารวะ  “อาจารย์ยังแข็งแรงมีสุขภาพดี  เพียงแต่ท่านไม่ชอบถามไถ่เรื่องราวภายนอก  และไม่ชอบออกมาท่องเที่ยว  แม้แต่ผู้เยาว์นี้ก็ยากจะออกมาได้ทุกปี”
กว่างอู๋ตอบ  “สำหรับอาจารย์เปียนแล้ว เรื่องราวทางโลกน่าเบื่อและไม่น่าสนใจ”
ทันใดนั้นทั้งสองคนหยุดพูดทันที  สายตาของพวกเขาเหม่อมองในที่ไกล ขณะที่ร่างสีแดงและดำพุ่งเข้ามาหาพวกเขา
 “อย่างน้อยพวกเขาก็ช่วยเราประหยัดเวลาตามหาพวกเขา”  หย่งเซียนจงพูดอย่างมีความสุข
 “ฮึ่ม.. เราผู้เฒ่าเป็นหนี้เย่จิ่วในช่วงเวลาที่โปรดปราน และด้วยสิ่งนี้ถือว่าเป็นการตอบแทนแล้ว”  กว่างอู๋เลียริมฝีปากปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันทันที  “วันนี้ ข้าจะฆ่าให้สมใจเชียว”
หน้าของหย่งเซียนจงเฉยชา  เขาไม่สนุกเลยเนื่องจากเขามาจากสถานะที่สูงส่งและเกี่ยวกับนักสู้ประเภทนี้ ปกติเขาไม่ยินดีเช่นกัน
สายตาของเขาให้ความสนใจคู่ต่อสู้ของเขา  เขาได้ยินข่าวลือเรื่องถังเทียนที่จุดประกายความสนใจ  หย่งเซียนจงเป็นศิษย์เฝ้าหน้าประตูของเปียนอู๋เหิงซึ่งทุกคนรู้ดี  แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าเขาเป็นบุตรเขยของเย่จิ่ว  ธิดาของเย่จิ่วก็คือภรรยาของเขา
เย่จิ่วเป็นพ่อตาของเขา  เย่เฉาเกอเป็นน้องชายของภรรยาเขา  ดังนั้นเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?
แต่ก็ยังค่อนข้างน่าสนใจอยู่ดี
กว่างอู๋ไม่สามารถถอนรังสีฆ่าฟันได้แล้ว และเขาพุ่งเข้าหาร่างสีแดงทันที  ในอากาศ เขาชักดาบคำรามแล้วพุ่งเข้าหาโฉบลงเหมือนนกอินทรีไล่จับกระต่าย 
รังสีดาบของเขาเป็นสีแดงโลหิต
ดาบที่อำมหิตขนาดนั้น
หัวใจของหย่งเซียนจงสั่นสะท้าน  เขาไม่เคยคิดว่านักสู้ผู้ขี่นกจะกล้าหาญมากถึงขนาดยืมพลังเฉื่อยต้านรับรังสีดาบที่พุ่งลงมา
รังสีเงินเยือกเย็นเจิดจ้าในสายตาของเขา
 

4 ความคิดเห็น:

B กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณ
ครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น