วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 381 ถูจื่อซานประมุขตำหนักเจ็ด วิญญาณมืด



ตอนที่  381  ถูจื่อซานประมุขตำหนักเจ็ด วิญญาณมืด
กรงเล็บเพลิงภูตพรายทะลวงเข้าอกนาง
แม้ขณะใกล้ตาย จีเสี่ยวหย่าก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าเจ้าคนบ้าเลือดท่วมหน้าและเสื้อผ้ายังสามารถยิ้มอย่างคลั่งไคล้ได้ยังไง

นางค่อยๆ ตัวอ่อนทรุดร่างลงขณะที่ประกายชีวิตจางหายไปจากดวงตา
ถังเทียนรวบรวมพลังทั้งหมดออกวิ่งไปหาหลิงซิ่วและอาเฮ่อ  เมื่อเขาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาในสภาพเลือดโชก หลิงซิ่วและอาเฮ่อถึงกับตะลึง
ทั้งสามคนจ้องหน้ากัน
 “ตอนนี้ข้าเป็นนักสู้ระดับทองแล้ว!” ถังเทียนตะโกนอย่างตื่นเต้นขณะที่เลือดไหลย้อยลงมาตามแก้มของเขา
 “ข้าก็บอกเจ้าไว้แล้วข้าจะฆ่ามันในท่าเดียว” หลิงซิ่วตอบขณะที่เขางอตัวด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับระหว่างต่อสู้
ตุ้บ ตุ้บ...
ทั้งสองคนค่อยๆ หมดสติและล้มลงกับพื้นเพราะความอ่อนล้า
อาเฮ่อ “....”
ทันใดนั้น อาเฮ่อตื่นตัว  “นั่นใคร?”
บุรุษสองคนปรากฏตัวจากด้านหางตาของอาเฮ่อ
 “เราไม่ได้มาร้าย”
บุรุษศีรษะล้านชูมือทั้งสองข้างสูง  “เรามาจากองค์การวิญญาณมืด  ข้ารู้ว่าเราเคยเข้าใจผิดกัน แต่ตอนนี้เราไม่ได้อาฆาตแค้นอะไรพวกเจ้าเลย”
บุรุษร่างผอมตกใจเล็กน้อยขณะที่มองดูหลิงซิ่วกับถังเทียนที่หมดสติ
อาเฮ่อไม่ได้ผ่อนคลายความระมัดระวัง แต่สีหน้าเขายังคงสงบ  “ถูกแล้ว  เราไม่ได้มีความอาฆาตแค้นใดๆ ระหว่างกัน”
บุรุษศีรษะล้านยิ้มเล็กน้อย  “ข้าขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ข้าอยากเชิญพวกท่านทั้งสามเข้าร่วมกับองค์การวิญญาณมืด  ข้าชื่อถูจื่อซาน เจ้าตำหนักนิลที่เจ็ดแห่งองค์การวิญญาณมืด”
 “ตำหนักนิล!  อาเฮ่อประหลาดใจเมื่อได้รู้    ตำหนักนิลก็คล้ายกับสาขาทองของสมาพันธ์ชาวยุทธ ที่แตกต่างกันก็คือสาขาทองมีสิบสามสาขา ขณะที่ตำหนักนิลมีเก้าแห่ง
โครงสร้างของสมาพันธ์ชาวยุทธและองค์การวิญญาณมืดจะคล้ายกัน
กลุ่มโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดแข็งแกร่งที่สุดก็คือคณะผู้อาวุโสซึ่งมีอำนาจมากเหนือองค์การ  สมาพันธ์ชาวยุทธมีคณะผู้อาวุโสสิบสาม  ขณะที่องค์การวิญญาณมืดมีเจ้าตำหนักนิลทั้งเจ็ดเป็นคณะบริหาร
สาขาทองเป็นส่วนหนึ่งของคณะบริหาร  ขณะที่ตำหนักนิลก็เป็นส่วนหนึ่งของคณะบริหาร  ทั้งสาขาทองและตำหนักนิลจะได้รับอำนาจเด็ดขาดและโต้ตอบกับคณะบริหารได้ ทุกการตัดสินใจขึ้นอยู่กับหัวหน้าสาขากับเจ้าตำหนัก
แม้ว่าสาขาทองและตำหนักนิลจะมีอำนาจมากมาย  แต่พวกเขาไม่สามารถไปดำเนินการสั่งการโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือคำสั่งจากหัวหน้าสาขาหรือเจ้าตำหนักผู้มอบหมายงาน  ผลประโยชน์และรางวัลถูกแบ่งเท่าๆ กันในกลุ่ม
ในฐานะที่อาเฮ่อเกิดอยู่ในตระกูลที่มีชื่อเสียง เขามีความรู้เรื่องนี้มากกว่าถังเทียนและหลิงซิ่วทั้งคู่  เขาคาดไม่ถึงเลยว่าบุรุษศีรษะล้านล่ำสันจะเป็นหนึ่งในเจ้าตำหนักจากองค์การวิญญาณมืด
ถูจื่อซานยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “เป็นยังไงบ้าง?  บรรยากาศในตำหนักนิลที่เจ็ดเป็นไปในทางบวกและไม่มีการเมืองแทรก  ตำหนักของเรามีทักษะเฉพาะพิเศษมากกว่าร้อยและมีที่เหมาะสมให้พวกเจ้าได้ฝึกฝน  แม้ว่าจะไม่มีทักษะที่เหมาะกับพวกเจ้า  พวกเจ้าก็สามารถย้ายไปฝึกตำหนักนิลอื่นแทนก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย”
 “ข้าต้องขอโทษจริงๆ ข้าไม่สามารถตัดสินใจได้”  อาเฮ่อพูดอย่างสุภาพ
ถูจื่อซานชะงักไปชั่วขณะ  เขาตบศีรษะล้านเลี่ยนของตนเองและตอบ  “โอวใช่แล้ว  ข้าเข้าใจแล้วว่าเจ้ามาจากไหน”
บุรุษผอมมีสีหน้าว่างเปล่า  แต่ก็ประหลาดใจจากปฏิกิริยาของเขา  ยากนักที่เจ้าตำหนักจะยอมยกย่องผู้ใดผู้หนึ่ง  สามคนนี้มีดีแน่นอน แต่เพราะเจ้าตำหนักถึงกับทึ่งและให้เกียรติพวกเขา เป็นภาพที่เห็นได้ยากจริงๆ
อาเฮ่อหันเหความสนใจไปที่ทางประตูซึ่งมีร่างบุรุษปรากฏในสายตาของเขา
คนนำเป็นเด็กหนุ่มผมทองสลวยเป็นประกาย พวกบุรุษดูเหมือนจะผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก มีรอยแผลตามตัวและใบหน้า แอนเดรียนารวมอยู่ในคนกลุ่มนี้ด้วย
บุรุษผมแดงเฉียนซินโพล่งออกมา “เราเดินทางมาเสียเวลาเปล่า  เจ้าตำหนักถูก็อยู่ที่นี่ด้ว้ย”
บุรุษร่างผอมมีสีหน้าเย็นชา  สัญชาตญาณฆ่าในตัวของเขาเพิ่มขึ้น  เฉียนซินเป็นสมาชิกของตำหนักนิลที่ห้า เป็นแค่สมาชิกคนหนึ่ง กล้าวางตัวพูดน้ำเสียงแบบนั้นกับเจ้าตำหนักได้ยังไง
เฉียนซินผงะและรีบโบกมือ “เฮ้ เฮ้ เฮ้ เจ้าตำหนักที่ห้าและที่เจ็ดเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ต่อกัน จริงไหม?”
ถูจื่อซานส่งสัญญาณให้บุรุษผอมใจเย็น  นิสัยของเฉียนซินก็เป็นแบบนั้น ไม่สมควรจะทะเลาะกันในเรื่องเล็กน้อย  เขาหันไปทางแอนเดรียนาและทักทายนาง “ถูจื่อซานขอคารวะท่านเจ้ากลุ่มดาว”
แอนเดรียนารู้สึกทึ่งกับการปรากฏตัวของถูจื่อซาน เจ้าตำหนักแห่งองค์การวิญญาณมืดจะคุ้นเคยกับระดับแม่ทัพในกลุ่มดาวราชสีห์ แอนเดรียนารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้พบกับเจ้าตำหนัก  “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบกับท่านเจ้าตำหนัก”
ถูจื่อซานยิ้ม  “ฝ่าบาทเลือกใช้กลยุทธที่ดี  สมาพันธ์ชาวยุทธต้องพบกับความสูญเสียใหญ่ในครั้งนี้  การสูญเสียนักสู้ระดับทองถึงห้าคนจะสร้างความเจ็บปวดให้พวกเขา”
แอนเดรียนาตอบ  “ไม่ได้ความช่วยเหลือจากท่านเจ้าตำหนัก  ข้าไม่คิดว่าจะมีผลที่น่ายินดีออกมาอย่างนั้น”
เมื่อเขาเข้ามาข้างในเขาเห็นลู่ไห่นอนหมดความรู้สึกอยู่บนพื้น
ถูจื่อซานหัวเราะลั่น  “ฝ่าบาทเดาผิดเสียแล้ว  ข้าไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้”
ทุกคนตกตะลึง
ถูจื่อซานดีใจและประหลาดใจที่เห็นพวกเขาทำหน้าประหลาดใจ  เขามองดูลู่ไห่และชี้มาที่เขา “เมื่อข้ามาถึงที่นี่ เขาก็ตายแล้ว  จีเสี่ยวหย่าถูกถังเทียนฆ่าแน่นอน  แต่เขาวิ่งออกมาจากสนามต่อสู้หลังจากฆ่านางได้แล้วโดยไม่ได้เอารางวัลจากศัตรูไปด้วย  ดังนั้นข้าเลยช่วยเขาเก็บรางวัลมาให้อาเฮ่อน้องของเขา”
เขาโยนตู้อควาเรียสเงินให้อาเฮ่อ
ตู้อควาเรียสเงินถูกผนึกไว้  ถูจื่อซานไม่ได้เปิดดูสิ่งของที่บรรจุอยู่ข้างใน
อาเฮ่อรู้สึกเกรงขามและนับถือเจ้าตำหนักเพิ่มขึ้น  เขาแสดงความขอบคุณ  “ในนามตัวแทนของถังเทียน ข้าอยากจะขอบคุณท่านเจ้าตำหนักถู”
 “ไม่มีอะไรมาก” ถูจื่อซานตอบอย่างไม่แยแส
พวกคนที่เหลือไม่เข้าใจสถานการณ์  นอกจากนี้พวกเขายังกริ่งเกรงอาเฮ่อ, ถังเทียนและหลิงซิ่วเพราะความสำเร็จเช่นนั้น  เฉียนซินที่ปกติไม่ค่อยไยดีก็ยังตะลึงหลังจากได้ฟังคำอธิบายสิ่งที่ถูจื่อซานได้พบเห็นมา
แต่เป็นไปได้อย่างไรที่นักสู้ระดับทองจะพ่ายแพ้ได้ง่ายดายขนาดนั้น?
นักสู้ระดับทองไม่อ่อนแอขนาดนั้น
เมื่อพูดถึงด้านสติปัญญาของพวกเขา ต่อให้คนในกลุ่มของถังเทียนร่วมกัน ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่านักสู้ระดับทอง  เย่เฉาเกออาจจะมีชื่อเสียง แต่เขาก็ยังเยาว์วัยและมีศักยภาพลึกซึ้ง  แต่ความแข็งแกร่งของเขายังไม่อาจเทียบได้กับนักสู้ระดับทอง
แม้ว่าเย่เฉาเกอจะมีชื่อเสียงและโด่งดัง  แต่ในสายตาของเฉียนซิน เขาก็เป็นแค่มือใหม่คนหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นสาขาทองหรือตำหนักนิลจะมีการรักษาวินัยและความลับไว้อย่างเข้มงวด  ถ้าสมาชิกคนใดเข้ามาเป็นคนในสำนักแล้ว พวกเขาจะต้องลงนามสัญญาจิตวิญญาณ  ลดทอนความสัมพันธ์จากทางครอบครัว
การเข้ารับการฝึกฝนจะเข้มงวดมากกว่าการฝึกฝนทั่วไปมาก
อังเดร เฉียนซินและนักฆ่าค้างคาวต้องร่วมมือกันจึงจะฆ่านักสู้ระดับทองสองคนได้  เพราะถังเทียนและสหายอีกสองคนก็สามารถฆ่านักสู้ระดับทองได้ถึงสองคน ก็หมายความว่าทั้งสองกลุ่มมีพลังและความสามารถแทบจะทัดเทียมกัน
นี่เป็นไปไม่ได้!
ไม่ว่าถังเทียนและคนของเขาจะฝึกฝนได้ก้าวหน้ามากแค่ไหน  แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฆ่านักสู้ระดับทองได้ถึงสองคน และที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือถังเทียนยังสามารถฆ่านักสู้ระดับทองด้วยตัวเองได้ น่าขันจริงๆ
แต่เมื่อคนบรรยายเหตุการณ์คือถูจื่อซานเองจึงไม่มีผู้ใดกล้าสงสัยในเรื่องที่เขาพูด
เจ้าตำหนักไม่เคยพูดโกหกสักคำ และจะไม่มีทางพูดโกหกด้วย
 “นี่... นี่น่าตกใจเหมือนกัน”  อังเดรพยายามทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมด
แอนเดรียนาแอบดีใจ  พลังของอังเดรนั้นแข็งแกร่งมากจนทำให้แอนเดรียนารู้สึกอึดอัด  ถ้าอังเดรต้องการอะไรบางอย่างจากชัยชนะของเขา  นางรู้ว่านางคงไม่มีทางปฏิเสธเขาได้
แต่เนื่องจากถังเทียนและสหายของเขาก็สามารถฆ่านักสู้ระดับทองได้ถึงสองคน  อย่างนั้นพลังของพวกเขาก็น่าจะเทียบได้กับอังเดร
ถ้ามีผู้ซื้อเพียงรายเดียว อย่างนั้นพวกเขาก็สามารถกินทุกสิ่งทุกอย่างได้  แต่ตอนนี้มีผู้ซื้อสองราย สถานการณ์ของนางตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว  และนางกำลังคิด แม้ว่าเฉียนซินและเจ้าตำหนักถูจะอยู่ในองค์การวิญญาณมืดทั้งคู่  แต่พวกเขามีมุมมองที่แตกต่างกันและดูเหมือนจะมาจากกลุ่มที่แตกต่างกัน
รายละเอียดทั้งหมดนี้ทำให้แอนเดรียนาตื่นเต้น
 “จริงสิ, พวกเขาบาดเจ็บไม่น้อยและหมดเรี่ยวแรงแล้ว  เราควรจะปล่อยให้พวกเขาได้มีเวลาพัก”  ถูจื่อซานกล่าว
อังเดรได้ยินความรู้สึกนับถือลึกๆ ที่เจ้าตำหนักมีต่อคนทั้งสามแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขา  ถือว่าไม่ใช่ช่วงเวลาที่สำหรับต่อต้านถูจื่อซาน  “ข้าเองก็ยินที่ทุกท่านปลอดภัย  ส่วนที่เหลือคงไม่ต้องกังวลแล้ว”
ก่อนที่เขาจะจากไป ถูจื่อซานหันมาทางอาเฮ่อ “ขอเชิญมาพักที่โรงเตี๊ยมนางฟ้าในตอนนี้เถอะ  เมื่อพวกเจ้าทุกคนปรึกษากันแล้ว  พวกเจ้าสามารถบอกถึงการตัดสินใจของพวกเจ้าได้  ต่อให้พวกเจ้าไม่เข้าร่วมก็ไม่ต้องกังวล  ถือว่าเป็นวาสนาของพวกเรา  ข้ายินดีที่ได้พบพวกเจ้าทุกคน”
อาเฮ่อไม่คาดเลยว่าองค์การวิญญาณมืด จะมีคนฉลาดและโอบอ้อมอารีย์  เขาตอบตกลง
คำพูดของถูจื่อซานยังคงดังอยู่ในหูของทุกคน  เฉียนซินยังคงสงสัย ขณะที่เฉียนซินฝืนยิ้ม เนื่องจากถูจื่อซานต้องการรับคนทั้งสามเข้าร่วม คงเป็นเรื่องไม่ฉลาดหากจะต่อต้านถังเทียนและสหาย  มิฉะนั้นถูจื่อซานจะกลายเป็นศัตรูและนั่นเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย  อังเดรสงสัยว่าถูจื่อซานกำลังเตือนพวกเขาผ่านคำพูดของเขา
เมื่อทุกคนเดินออกไป  อังเดรและเฉียนซินเดินออกมาพร้อมกัน
อังเดรถาม “เป็นไปได้หรือเปล่าที่มีการตกลงระหว่างเจ้าตำหนักถูและกลุ่มของถังเทียน?”
เฉียนซินตอบ  “ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีการตกลงเกินเลยขนาดนั้น”
เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก  หลังจากได้ฟังคำพูดของอังเดร  เขาตอบ “ฝ่าบาท ท่านอาจไม่รู้ แต่ตำหนักนิลทั้งเก้าขององค์การวิญญาณมืดจะไม่ค่อยกลมเกลียวกันเท่าใดนัก  เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตำหนักที่เจ็ด  แต่ถ้าเป็นตำหนักที่สอง และเกิดมีการต่อสู้ขึ้นมา เลือดคงได้ไหลนองเป็นลำธารแน่”
เลือดไหลนองเป็นลำธาร...
อังเดรงุนงง  เขาคาดไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ภายในองค์การวิญญาณมืดจะซับซ้อนและรุนแรงมากขนาดนั้น
เพียงชั่วเวลาต่อมาเขาก็รู้สึกตัว “ไม่น่าจะแย่ขนาดนั้น....”
เฉียนซินตอบ  “ประวัติศาสตร์ระหว่างเราและตำหนักสองย้อนหลังไปยาวนานและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นของพวกเรา  แต่แน่นอนว่าตำหนักนิลที่เจ็ดก็มีศัตรูด้วย ซึ่งก็คือตำหนักที่สาม  ตำหนักนิลที่สามมีเจ้าตำหนักถึงสองคนเสียชีวิตเพราะถูจื่อซาน และมียอดฝีมือจากตำหนักเจ็ดก็ตายในเงื้อมมือของพวกตำหนักสามเช่นกัน”
 “ผู้ปกครองเบื้องสูงของพวกท่านไม่สนใจปัญหานี้หรือไง?”  อังเดรประหลาดใจกับโครงสร้างที่พิกลขององค์การวิญญาณมืด
 “สนใจ?” เฉียนซินยิ้มอย่างขมขื่นใจ  “เบื้องบนไม่สามารถยุ่งได้  การต่อสู้อาจปะทุขึ้นและนักสู้หลายคนอาจตาย และยังมีอยู่ทั่วไปอีกด้วย  ไม่แต่เพียงเราเท่านั้น แม้แต่สมาพันธ์ชาวยุทธก็เป็นแบบนี้ สาขาทองทั้งสิบสามก็เข่นฆ่ากันเองยิ่งกว่าสิบสองตำหนักในระนาบเสียอีก  เราแตกต่างจากพวกท่าน”
อังเดรเข้าใจสภาพการณ์เช่นนั้น  เมื่อเฉียนซินพูดว่า “พวกท่าน” นั่นหมายรวมเอากลุ่มดาว
แตกต่างกัน..
แต่ว่า..แตกต่างกันตรงไหน?
ดูเหมือนอังเดรจับเค้าความรุนแรงได้

6 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Umurei กล่าวว่า...

ถังฟ้าเอ็งทำหญิงตายไปอีกคน

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

thay64 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ThEPaRaN กล่าวว่า...

อังเดร นี่ใคร ชายหก ดาวสิงโตเหรอ

แสดงความคิดเห็น