ตอนที่ 604 กลับแดนสวรรค์
พระราชวังต้าเซี่ย ทวีปมังกรทะยาน
ข่าวที่น่าตกตะลึงก็คือราชินีซิกแห่งเผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์พาชนเผ่าของนางมากกว่าสามร้อยคน
และทุกคนเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเดินทางเข้าเยี่ยมจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้,
ทำให้สั่นสะเทือนไปทั้งหอทงเทียน
กำลังพลที่นางนำมาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดมากกว่าสามร้อยคน
ไม่มีกลุ่มยอดฝีมือกลุ่มใดในหอทงเทียนสามารถเทียบกับกองกำลังนั้นได้ แม้แต่เผ่ามนุษย์มีปีกในทวีปกวงหมิง,
เผ่าใต้พิภพในทวีปเฮยอัน หรือแม้แต่เผ่าปีศาจตะวันออกซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในหอทงเทียน
ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับเผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์เหล่านี้ซึ่งไม่ทราบว่าโผล่มาจากที่ใด...
เนื่องจากมีชื่อว่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์ย่อมเป็นที่แน่นอนว่ามาจากแดนสวรรค์ แทบทุกคนเดาว่าพวกเขาเป็นสหายที่คุณชายสามตระกูลเย่ว์พามาจากแดนสวรรค์
บางคนก็รู้สึกว่าเผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์ถูกเย่ว์หยางล่อลวงมาที่นี่เพราะใช้แผนชายงาม
มีหลักฐานเพียงพอสนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้
เนื่องจากมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ทุกคนเป็นสตรีล้วนๆ และพวกนางไม่มีคนสวยงามเลยสักคน
พลังของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่มีอิทธิพลเหนือสตรีได้รับการยอมรับทั่วทั้งหอทงเทียนอยู่แล้ว
แม้ว่าแต่ละเผ่าพันธุ์จะมีมาตรฐานความงามที่แตกต่างกัน ถ้าใครถามว่าใครคือบุรุษที่มีเสน่ห์มากที่สุดในหอทงเทียน
คำตอบมักจะเหมือนกันเสมอ
สตรีทุกคนจะต้องตอบว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์แน่นอน
นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ที่สำคัญ
พลังอำนาจก็คือเสน่ห์เช่นกัน!”
“ท่านไม่ต้องมากมารยาทก็ได้
ราชินีซิก... องค์หญิงเซี่ยอี.. เชิญนั่งเถอะ”
เมื่อเห็นว่าราชินีซิกไม่กล้านั่งต่อหน้าเย่ว์หยาง
จุนอู๋โหย่วให้ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่พาเย่ว์หยางออกไปนอกห้อง ถ้านักสู้ปราณก่อกำเนิดเหล่านี้ไม่กล้านั่ง
กลุ่มผู้เฒ่าเหล่านี้คงต้องยืนสนทนากันทุกคน
สตรีชาวเผ่าที่ราชินีซิกพามาด้วยย่อมเป็นทาสหญิงของเย่ว์หยางแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม พวกนางล้วนแต่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดกันทุกคน ในหอทงเทียนพูดกันด้วยพลัง แม้ว่าสตรีเหล่านี้จะมีสถานะต่ำกว่าพวกเขา แต่กระนั้นพวกนางก็ยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดจำนวนมากกว่าสามร้อยคน!
พวกนางทุกคนอาจถูกมองว่าเป็นระดับองครักษ์พิทักษ์ฟ้าของสมาพันธ์นักสู้ปราณก่อกำเนิดได้
ตอนนี้ ต่อหน้าเย่ว์หยางพวกนางไม่กล้านั่ง
ถ้าคนภายนอกเห็นภาพเช่นนี้ พวกเขาอาจจะเข้าใจผิดว่าผู้เฒ่าเหล่านี้ไม่ให้เกียรตินักสู้ปราณก่อกำเนิด
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่กระแอมเบาๆ
เขากวักมือเรียกที่ด้านหลังเขา
บอกใบ้ให้พวกผู้เยาว์ที่ยืนอยู่ข้างหลังพาเย่ว์หยางออกไป เย่ว์หวี่ฉลาดที่สุดในกลุ่มผู้เยาว์เข้าใจได้จึงรีบพากลุ่มผู้เยาว์ออกไปทันที “เสี่ยวซาน! ซวงเอ๋อคิดถึงเจ้ามาก
นอกจากนี้แม่สี่ยังตัดชุดใหม่ไว้ให้เจ้า
เจ้าไปลองชุดเหล่านั้นดูก่อนว่าพอดีกับตัวเจ้าหรือไม่!”
เมื่อเห็นเย่ว์หวี่พาเย่ว์หยางออกไป
เซี่ยอีสูญเสียเป้าหมายในสิ่งที่จะทำทันที
ในสภาพที่นางตื่นเต้น
นางต้องการออกไปพร้อมกับเขาเช่นกัน
แต่ขณะเดียวกัน
นางเกรงว่าจะถูกหัวเราะเยาะ
นางรู้สึกใจหายจริงๆ
จุนอู๋โหย่วและอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า พวกผู้เฒ่าเหล่านี้ความจริงก็เข้าใจ พวกเขาละอายเกินกว่าจะพูดอะไรออกมา ราชินีรีบเข้ามาทักทายราชินีซิกก่อนที่จะกระตือรือร้นดึงมือน้อยๆ
ของเซี่ยอี “องค์หญิงไม่ต้องห่วงหรอกนะ
คุณชายสามแค่ไปเดี๋ยวเดียว ถ้าท่านไม่ว่ากระไรขอเชิญมาดื่มน้ำชากันก่อน”
“ไม่, ไม่ต้องเรียกข้าว่าองค์หญิงก็ได้
เรียกข้าว่าเซี่ยอีก็พอ!” เซี่ยอีโบกมือด้วยความอาย
แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนยืนยันที่จะเรียกนางเป็นองค์หญิง นางจึงได้แต่ยอมรับ
“เราต้องขอขอบคุณจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยจริงๆ” หลังจากส่งเย่ว์หยางและเซี่ยอีออกไปแล้ว ราชินีซิกทักทายทุกคนแล้วจึงยอมนั่ง
เมื่อเห็นนางนั่ง
ผู้เฒ่าทุกคนถอนหายใจโล่งอกในที่สุด
โธ่เอ๋ย, เย่ว์หยางเจ้าเด็กนี่ผิดปกติคนอย่างแท้จริง คราวก่อนเขาก็เพิ่งนำพะยูนนรกกลับมา
คราวนี้กลับทำเกินตัวถึงกับพามนุษย์มังกรแดนสวรรค์กลับมาหลายร้อยคน แม้ว่าคิดหาวิธีปิดบังสำหรับเขาก็กลายเป็นภาระหนักอกสำหรับทุกคน แน่นอนว่า
ผลประโยชน์เช่นนั้นย่อมได้รับการต้อนรับจากทุกคน รวมทั้งจุนอู๋โหย่ว,
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และหัวหน้าตระกูลแต่ละคน
ขอเพียงมีสตรีเผ่ามังกรแดนสวรรค์หลายร้อยคนเหล่านี้อยู่
ทวีปมังกรทะยานจะปลอดภัย
ตามธรรมดาจุนอู๋โหย่วจะไม่ปฏิบัติต่อสตรีเหล่านี้เหมือนกับเป็นทาสอย่างที่เย่ว์หยางทำ เขาพอใจที่จะปฏิบัติเสมอภาคกับราชินีซิก นอกจากนี้
สำหรับราชินีซิกซึ่งเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ดยอมทักทายเขาด้วยความนับถือเนื่องจากเขาเป็นผู้อาวุโสของเย่ว์หยาง เขาก็ยิ่งรู้สึกยินดี
เย่ว์หยางไม่กังวลสนใจเรื่องที่ราชินีซิกกับจุนอู๋โหย่วกำลังปรึกษากัน
เขาไม่สนใจเรื่องการเมือง
ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ใส่ใจ
ไม่ว่าจะยุ่งยากขนาดไหน ตราบใดที่เย่ว์หยางตัดสินใจทำ จุนอู๋โหย่ว,
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยสนับสนุนเขา
หลังจากพบกับแม่สี่
เย่ว์หยางกลับไปที่สวนดอกไม้น้อยพร้อมกับจูงซวงเอ๋อไปด้วย
นอกจากหนานอี้และอู๋เหินแล้ว
สตรีนางอื่นทุกคนฝึกฝนอยู่กับจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี
เหตุผลที่อี้หนานยังรั้งอยู่เป็นเพราะการฝึกฝนของนางต่างจากคนอื่น
ไม่ใช่แค่เพียงเย่ว์หยางตัดสินใจพาสาวน้อยนางนี้ไปเที่ยวในแดนสวรรค์เท่านั้น
เขาต้องการแสดงความรักที่หวานซึ้งกับนางซึ่งล่าช้าออกไปเพราะต้องต่อสู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เดิมทีเย่ว์หยางตั้งใจจะพาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน,
เสวี่ยอู๋เสียและโล่วฮัวติดตามไปด้วย
แต่จักรพรรดินีราตรีไม่อนุญาต
นางรู้สึกว่าสิ่งที่จำเป็นต่อสาวๆ คือการฝึกฝน ไม่ใช่ความรัก ไม่มีเย่ว์หยางอยู่ใกล้ๆ
พวกนางจะก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด
นี่คือเหตุผลที่จักรพรรดินีราตรีขอให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพาพวกนางไปด้วยตัวเอง
ไม่ต้องพูดถึงพวกนาง
แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้าก็ยังถูกจื้อจุนพาตัวไปด้วย
เนื่องจากนางเซียนหงส์ฟ้าเกือบจะบรรลุพลังปราณฟ้าระดับสามแล้ว
จื้อจุนตัดสินใจแนะนำน้องสาวน้องให้เป็นการส่วนตัว....
หลังจากศึกที่สังเวียนมรณะและในแดนสวรรค์
นางเซียนหงส์ฟ้าเริ่มตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างนางเองกับพี่สาวนาง
และเริ่มสะท้อนใจถึงความตั้งใจของนางในอดีต
แม้ว่านางเซียนหงส์ฟ้าจะไม่สามารถขอโทษจื้อจุน แต่ความตั้งใจยอมรับการฝึกฝนจากพี่สาวนางก็เป็นเหมือนการแสดงสัญลักษณ์สำนึกผิดของนางแล้ว
หญิงงามอู๋เหินดูเหมือนต้องการจะรั้งอยู่เพื่อศึกษาจากแม่สี่ แต่นางไม่ยอมบอกเย่ว์หยางว่านางได้รับความรู้ใดกันแน่
บางทีอาจเป็นแม่สี่ไม่ต้องการให้เย่ว์หยางรู้ความลับของนาง
นอกจากเมื่อตอนที่เย่ว์หยางค้นคว้าตุ๊กตาหุ่นรบ เย่ว์หวี่จะไม่ใช้เวลาอยู่กับเย่ว์หยางตามลำพังอีกเลย
เมื่อไม่นานมานี้นางจะเอาแต่หลบซ่อนตัวอยู่ห่างๆ จากเขา แม้เมื่อตอนพบกันนางจะวางท่าเป็นพี่สาว
เย่ว์หวี่ไม่ต้องการติดตามเย่ว์หยางไปสำรวจแดนสวรรค์ ตรงกันข้ามสิ่งที่เย่ว์ปิงหวังที่สุดก็คือฝึกฝนกับพี่ชายนาง แม้ว่าเย่ว์หวี่จะเตือนอยู่หลายครั้ง แต่เย่ว์ปิงก็ยังถามอย่างมึนงง
“ทำไมข้าถึงไปด้วยไม่ได้ในเมื่อพี่อี้หนานยังไปได้เลย?”
เย่ว์หวี่ไม่ตอบปัญหานี้
“เอ่อ, ถ้าเจ้าติดตามไปด้วย
เจ้าจะกลายเป็นหลอดไฟที่พี่ชายเจ้ามักพูดถึง...” ก่อนที่เจ้าอ้วนไห่จะพูดจบประโยค เย่คงใช้เท้ายันเขาจนปลิวไปก่อนแล้ว “เจ้าหัวหมู
อย่าทำให้ปิงเอ๋อเสียคน, ไสหัวไปอยู่ข้างๆ เลยไป!”
“เจ้าก็ไปได้
แต่นั่นหมายความว่าพี่ชายจะต้องปกป้องคนเพิ่มขึ้นสองคน แต่ถ้าเจ้าไม่ไป เขาจะต้องปกป้องแต่เพียงอี้หนานคนเดียว
ซึ่งสำหรับเขาแล้วจะง่ายกว่า
ครั้งต่อไปค่อยขอให้เขาพาไปอีกก็ได้
เนื่องจากเขามีเข็มทิศสามดินแดนอยู่
เขาสามารถไปเมื่อใดก็ได้ รอให้เจ้าและพี่ชายเจ้าแข็งแกร่งมากกว่านี้
จากนั้นไม่เพียงแต่เขาจะพาเจ้าไปเท่านั้น
ยังพาพวกเราไปได้หมดเช่นกัน” แค่เพียงหลิวเย่ช่วยอธิบาย เย่ว์ปิงจึงยอมยกเลิกความตั้งใจทันที
“โอว, เป็นแบบนั้นเอง
ข้าคิดว่าเป็นเพราะระดับข้ายังไม่สูงพอไปแดนสวรรค์นี่เอง” เย่ว์ปิงมีหัวใจที่บริสุทธิ์
นางไม่คิดอะไรที่เลยเถิด นางเพียงแต่รู้ว่าพี่ชายนางสนิทกับนาง นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าการปรากฏตัวของนางจะรบกวนเหมือนเป็นก้างขวางคอระหว่างพี่ชายนางกับอี้หนาน นางกำหมัดแน่นพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นว่า
“ข้าจะต้องฝึกหนักและแข็งแกร่งให้มากขึ้นแน่นอน
และจะไม่ยอมเป็นภาระพี่ชายเด็ดขาด
ฝึกให้หนัก!”
เมื่อมองตามหลังเย่ว์ปิงขณะที่นางวิ่งออกไปฝึกฝนต่อ เจ้าอ้วนไห่น้ำตาไหลเต็มหน้า “นางแซงข้าไปแล้ว....”
เย่คงตะโกนใส่เจ้าอ้วนไห่ “เจ้าโง่อ้วน
ถ้านางไม่พยายามรักษาหน้าตาพวกเรา
นางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปนานแล้ว
แล้วเจ้าอยู่ที่นี่ทำอะไร?
รีบไปฝึกได้แล้ว
เจ้าไม่อายบ้างเหรอติดอยู่ที่ชั้นเตรียมปราณก่อกำเนิดอยู่นานแล้ว? ถ้าข้าเป็นเจ้า
ข้าคงเอาหัวโขกพื้นตายไปนานแล้ว
เจ้าโง่ขนาดนั้นเชียวหรือ?
ความก้าวหน้าของเจ้าครั้งนี้ไม่มีอะไรเลย”
เจ้าอ้วนไห่โกรธ “เจ้าลิงผอม,
เจ้าก็ติดอยู่ที่เตรียมปราณก่อกำเนิดเช่นกัน
ถ้าเจ้าทำได้ ก็แสดงวิธีการบรรลุระดับปราณก่อกำเนิดให้ข้าดูในวันนี้เลยได้หรือเปล่า?”
เสวี่ยทันหลางผู้เงียบขรึมมาโดยตลอดโพล่งขึ้นทันที “พวกเจ้าทั้งสองช่างเป็นสวะจริงๆ ข้ากำลังคิดทบทวนอยู่ว่าควรจะเลิกคบกับพวกเจ้าทั้งสองคนดีหรือเปล่า
เป็นสหายกับสวะนี่มันช่างน่าอายเสียจริง”
“เจ้า!”
เจ้าอ้วนไห่แทบสะอึกด้วยความโกรธ
แต่เขาไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้
เนื่องจากเสวี่ยทันหลางได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก่อนพวกเขาไปแล้ว เขาย่อมพูดได้ตามที่ต้องการ
“เจ้าอ้วนงี่เง่า มาฝึกกัน!” เย่คงก็โกรธโมโหด้วยเช่นกัน
ขณะที่เขารู้ชัดเจนว่าเสวี่ยทันหลางต้องการทดสอบจิตใจของพวกเขา แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาไม่สามารถทนได้ ความจริงเขากับเจ้าอ้วนไห่มีความสามารถเหนือกว่าปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งไปแล้ว แต่ยิ่งพวกเขากระวนกระวาย
พวกเขาก็ยิ่งติดขัดอยู่ช่วงก่อนจะเข้าเขตแดนปราณก่อกำเนิดและไม่สามารถบรรลุได้ เนื่องจากเย่ว์หยางยังคงยุ่งเกินกว่าจะให้คำแนะนำพวกเขา การฝึกฝนของพวกเขาจึงกลายเป็นหยุดนิ่ง ไม่เพียงแต่เท่านั้น พวกเขายังคงแข่งขันกันและไม่ยอมพึ่งพาคำแนะนำของเย่ว์หยางต้องการจะบรรลุขอบเขตใหม่ด้วยความสามารถตนเอง...
เมื่อเย่ว์หวี่เข้ามาพาเด็กหญิงไป
อี้หนานรู้สึกตื่นเต้น
โลกที่มีพวกเขาเพียงสองคน!
โลกที่มีแต่นางกับเย่ว์หยาง นางปรารถนามานานแล้ว ในที่สุดก็มาถึงวันนี้
ความจริงนางไม่สนใจว่าพวกเขาจะไปแดนสวรรค์หรือไม่ ตราบใดที่นางอยู่กับเย่ว์หยางในบรรยากาศที่ดูดดื่ม
ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนก็ย่อมได้
กลับกลายเป็นแผนการออกท่องเที่ยวกับเย่ว์หยางของนางก็คือไปบันไดสวรรค์เพื่อติดตามร่องรอยของบรรพบุรุษ
เนื่องจากเย่ว์หยางไม่รีบร้อนสำรวจบันไดสวรรค์ในตอนนี้
ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งสำรวจแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเลย
ด้วยเข็มทิศสามดินแดน
สถานที่ซึ่งเย่ว์หยางต้องการไปสำรวจที่สุดก็คือแดนสวรรค์
ตั้งแต่ราชันย์พันปีศาจตาย และร่างแยกอีกร่างหนึ่งไม่ได้เคลื่อนไหว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องลงมืออะไรในตอนนี้
ราชาเฮยอวี้ก็ยังซ่อนตัวอยู่ไม่ยอมให้เย่ว์หยางได้โอกาสคร่ากุมง่ายๆ จักรพรรดิชื่อตี้หลบหนีเข้าแดนสวรรค์
ดังนั้นเย่ว์หยางไปแดนสวรรค์ก็เพียงสืบค้นข่าว
ที่น่ากลัวมากว่าจักรพรรดิชื่อตี้ก็คือซิวคงและจิ่วเซียวซึ่งฟื้นตัวขึ้นทีละน้อยๆ
ครั้งกระโน้น ซิวคงและจิ่วเซียวคือสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ได้ต่อสู้กับจักรพรรดิอวี้
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เย่ว์หยางต้องการขึ้นแดนสวรรค์เพื่อไปสืบดู รู้ทั้งเรารู้ทั้งเขาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ได้สำรวจ ได้ขยายเขตแดนขณะเดียวกันก็เกี้ยวสาวๆ ไปด้วย จะมีอะไรในโลกนี้ที่สุขกว่านี้?
เย่ว์หยางต้องการแสดงความรักกับสาวน้อยอี้หนานให้นาน
แต่เขาไม่ได้มีโอกาสเช่นกัน ตอนนี้เวลาที่เขาต้องการคืออยู่กับอี้หนานที่นี่
ไม่มีองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสีย ไม่มีสาวงามอู๋เหินและเจ้าเมืองโล่วฮัวอยู่ใกล้
ระหว่างช่วงเวลาเดินทางที่สู่แดนสวรรค์ในบรรยากาศเหมือนฝันนี้ ...
เย่ว์หยางคงได้สานสัมพันธ์ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับอี้หนาน...
นี่คือความปรารถนายิ่งใหญ่ของเย่ว์หยาง และเป็นผลของความรักที่คาดหวัง
การตามหาเซี่ยอีก่อนนั้นทำให้เสียเวลาไปเล็กน้อย
โชคดีที่เขาได้ผลเก็บเกี่ยวจากการช่วยมนุษย์มังกรแดนสวรรค์มาด้วย
“ข้ากังวลมากจริงๆ ข้าจะสวมชุดไหนดี ตอนนี้ข้าเตรียมถุงไว้หลายใบเลย กะว่าจะเอาของฝากพิเศษจากแดนสวรรค์มาเป็นของฝากทุกคน” อี้หนานบิดตัวไปมาด้วยความตื่นเต้น
“อย่าเอาอะไรไปมากนักเลย ความจริงลืมๆ
ไปบ้างก็ได้ ทำสิ่งที่เจ้าต้องการ!” เย่ว์หยางลูบวงหน้าของนางอย่างนุ่มนวล
สหายหญิงที่สนิทคนแรกที่เขาพบก็คืออี้หนาน
นางเป็นสตรีคนแรกที่มีส่วนร่วมกับเขา
แต่เวลาที่เขามีให้นางช่างน้อยนิด
ตอนนี้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาต้องปฏิบัติกับนางอย่างเหมาะสม เขาต้องทำให้การเดินทางไปแดนสวรรค์ราบรื่นดูดดื่มที่สุด
เหมือนกับการไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์... เย่ว์หยางโน้มตัวลงจูบอี้หนานเบาๆ
ครั้งนี้นางไม่ปฏิเสธเขา
นางโค้งคำนับศีรษะนางเอียงอายจากนั้นวิ่งออกไปเก็บสัมภาระ แม้ว่าแม่สี่และเย่ว์หวี่จะบรรจุสัมภาระให้นางนานแล้ว แต่นางอดไม่ได้ที่จะตรวจสอบดูอีกครั้ง
กลัวว่าจะมีอะไรขาดหายไป
เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว
เย่ว์หยางอำลาทุกคนและกระตุ้นการทำงานของกุญแจสามดินแดนอีกครั้งหนึ่ง
กลับไปที่แดนสวรรค์
จุดหมายปลายทางคือ ตุ๊กตาหุ่นรบที่เขาฝังไว้ใต้รูปปั้นเทพเจ้า
แดนสวรรค์และแดนสวรรค์ของเมื่อหกพันปีที่แล้ว
มีการเปลี่ยนแปลงอะไร? แดนสวรรค์ที่ลึกลับ
แท้จริงมีสีสันเช่นไร?
นี่คือสิ่งที่เย่ว์หยางเชื่อ
เขาจะเข้าใจหลังจากย่างเท้าเข้าสู่แดนสวรรค์แล้ว
เมื่อเย่ว์หยางย่างเท้าเข้าพื้นที่แดนสวรรค์
เขาจำได้ถึงวันต่อสู้ที่ดุเดือดวันนั้น
เขาอดถอนหายใจไม่ได้ “แดนสวรรค์,
ข้ามาถึงนี่แล้ว....”
13 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ลุยเปิดดินแดนใหม่ สร้างอาณาจักรของตัวเอง เปิดประตูฮาเรมเพิ่ม
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
*0* อี้หนานมีบทแล้ววววววว!!! และจะได้หวานกับเย่ว์หยางด้วย!
เป็นผู้หญิงคนแรกของเย่ว์หยางแท้ๆ แต่เธอคนนี้มักจะไร้บทไร้ตัวตนตลอด
แทบจะไม่เคยร่วมสู้กับเย่ว์หยางเลยด้วยซ้ำ...;-;
มีตอนหลังที่พระเอกใช้คำภีชั้นเทพได้ไหมครับ
อี้หนานเป็นทายาทผู้ดูแลบันไดสวรรค์ ส่วนเยว์หยางก็มีเชื้อสายเหมือนกัน แม่ของพี่แกเป็นคนจากบันไดสวรรค์นะ
พี่แกเป็นคนจีน ไม่ใช่คนโลกนั้นซะหน่อย
มันวาปมิติมาไม่ได้เกิดใหม่ด้วนซ้ำ
เย่หยาง เปนคนวโลกนั้นแหละครับ มีเหตุผลให้ไแิยู่จีนแต่เด็ก อ่านๆไปครับไม่สปอย
Thx
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น