วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 412 ฝูงกระต่ายกับหยาหยา


ตอนที่ 412  ฝูงกระต่ายกับหยาหยา
  “โอวพระเจ้า, นี่ข้าดูอะไรอยู่กันแน่?”

 “มันคือพลังสายเลือดมนุษย์หมาป่าฟ้า!  ต้องเป็นพลังของสายเลือดแน่ๆ”

 “ทำไมมันไม่ถูกบันทึกไว้ในตำรา?”
 “มันคล้ายกับเงามนุษย์หมาป่า!
……

ห้องค้นคว้าพลังสายเลือดอยู่ไม่ห่างจากห้องค้นคว้าวิจัยจักรกล พวกนักค้นคว้าวิจัยทุกคนหน้าแดง  พวกเขาทุกคนตื่นเต้นกันมากและห้องวิจัยตกอยู่ในความยุ่งเหยิง
ผู้เฒ่าเฟ่ยวิ่งเข้ามาและเริ่มขมวดคิ้ว จากนั้นเขากระโดดขึ้นไปยืนบนโต๊ะแล้วว้ากลั่น
 “ทุกคน...เงียบเลยนะ!
ระดับเสียงจอแจลดลงอย่างมาก  ขณะที่พวกเขาทุกคนมองดูผู้เฒ่าเฟ่ยด้วยสีหน้างุนงง
ผู้เฒ่าเฟ่ยไม่ได้รำคาญคนที่เหลือ เขารีบอธิบายทันที  “เฮ้, พวกเจ้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยกันเรื่องพวกนี้!  ยัยผู้หญิงแผนกเหล็กพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ  เจ้านายก็ยังอยู่ในพื้นที่  นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของเราที่จะแสดงผลงานของเราใช่ไหม?  รีบแสดงฝีมือของพวกเจ้าทุกคนออกมาเดี๋ยวนี้  พวกเจ้ายังจะรออะไรอยู่อีก?”
ทุกคนตกตะลึง และหลังจากนั้นชั่วขณะ  ตาของพวกเขาก็เริ่มเป็นประกายแจ่มใสทันที
ผู้เฒ่าเฟ่ยยังคงปลุกระดมพวกเขาต่อไป  “เงินทุนสนับสนุน!  พวกเราต้องการทุนสนับสนุนเพิ่มขึ้น!  ไม่ว่าโครงการใดก็ตามที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มขึ้น ให้พักไว้เท่านี้ก่อน  ให้โอกาสคนอื่นทำไปก่อน”
ให้โอกาสคนอื่นเหรอ?  เจ้าต้องล้อเล่นแน่!  ผู้สูงอายุทั้งชายและหญิงมีอารมณ์ที่แปลกประหลาดต่างถลึงตาใส่กันอย่างไม่พอใจ
 “เฒ่าเฟ่ย ตอนนี้เสี่ยวเฮ่อเป็นเหรัญญิกไม่ใช่เหรอ?” มีบางคนถาม
 “ถูกแล้ว เขาเป็นเหรัญญิก”  ผู้เฒ่าเฟ่ยพยักหน้า  “แต่ใครเป็นเจ้านายเล่า?  เจ้านายของเรา!  เราเพียงแต่ทำตัวให้ดี สร้างความประทับใจดีๆ ให้กับเจ้านายของเรา  เสี่ยวเฮ่อที่เป็นผู้จัดการทั่วไปยังจะมองข้ามเรื่องนี้ได้หรือ?  ที่สำคัญก็คือ เขาทำงานให้เจ้านาย  แม้ว่าเขาจะเป็นคนเรียบร้อยก็ตาม...”
 “มีเหตุผล!
 “ใช่แล้ว!  เราต้องใช้วิธีนี้!
 “ผู้จัดการเสี่ยวเฮ่อเป็นคนดีอย่างแน่นอน....”
ผู้เฒ่าเฟ่ยได้ยินพวกเขาบ่นพึมพำขณะที่เขายืนอยู่บนโต๊ะ  เขาปรบมือดังๆ เพื่อเตือนให้พวกเขากลับเข้าสู่หัวข้อประชุม  เขาตะโกน “พวกเจ้า!  เตรียมอาวุธของตัวเองให้พร้อม!  วันนี้จะเป็นวันกำหนดอนาคตของเรา  ว่าจะมั่งคั่งหรือหมดตัว”
ทุกคนรับคำเสียงดังลั่นและวิ่งออกไปทันที
หวังซวนเพิ่งมาถึงและกล่าวอย่างใจเย็น “พวกเจ้ากังวลว่าเจ้านายจะไม่ชนะหรือ?”
ผู้เฒ่าเฟ่ยส่ายศีรษะ  “เราเชื่อมั่นเจ้านาย”
 “อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงต้องกระตุ้นพวกเขา?”  หวังซวนสับสน
ผู้เฒ่าเฟ่ยเชิดหน้ามองดูเขา  “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่  แต่ข้าคิดว่าสถานที่นี้ก็คือบ้าน เจ้าจำเป็นต้องบอกพวกเขาไหมว่าต้องปกป้องบ้านพวกเขาเอาไว้?”
 “บ้าน?”  หวังซวนประหลาดใจ
 “ข้าไม่เคยอยู่กับองค์การมหาอำนาจใหญ่ที่ไหน  ไม่สนใจรู้เรื่องความรุ่งเรือง ไม่สนใจเรื่องภารกิจ ข้าแก่แล้ว ข้าไม่ต้องการมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จัก อยู่ที่นี่ข้ามีอิสระ ได้รับความนับถือและข้าก็อยู่อย่างมีความสุขทุกวัน  ข้าชอบที่นี่และไม่เคยคิดจะจากไป  บางทีอาจมีที่ๆ ดีกว่าที่นี่ แต่ข้าพอใจกับสิ่งที่มีอยู่  ที่นี่เหมือนกับเป็นบ้านสำหรับข้า”
 “แม้ว่าเจ้านายจะแข็งแกร่งทรงพลังก็ตาม”  ผู้เฒ่าเฟ่ยจ้องมองดูหวังซวนเขม็ง  “แต่ถ้าเจ้าต้องอาศัยฝีมือคนอื่นให้คอยปกป้องบ้านของเจ้าอยู่เสมอ และเจ้าเอาแต่หลบมุมพร่ำบอกตัวเองว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อสู้  ขณะที่มองดูคนอื่นต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านของเจ้าเอง  คนแบบนั้นนั่นแหละขี้ขลาดมาก ไม่มีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่”
หวังซวนยังคงเงียบ
ผู้เฒ่าเฟ่ยยิ้มและเดินออกมา  เขายังคงเตรียมตัวไว้ด้วยเช่นกัน
 “เราจะโจมตีใคร?”
 “มือธนู!  เขาอยู่บนกำแพงค่ายซึ่งทำให้เขาเป็นเป้าหมายง่าย”
 “ก็ได้!  ข้าจะปล่อยตรีบุปผา!
 “เจ้ามีชื่อที่สง่างามขนาดนั้นเชียวหรือนี่?
 “เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องตรีบุปผารองรับมงกุฎหรือ?
 “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! พิษ พิษ พิษ  ใครมีพิษบ้าง?
 “ข้ามี ข้ามี ข้ามี...”
ผู้เฒ่าเฟ่ยประหลาดใจเนื่องจากคุณภาพที่ได้มามากเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้  เขาไม่ต้องการคิดอะไรให้มากเกินไป  “จะส่งจักรกลลงไป”
 “เขาจะหลบได้” ใครบางคนตะโกน
หวังซวนขัดจังหวะ  “เราจะคลุมกำแพงทั้งหมด”
ผู้เฟ่ยมองดูเขา
หวังซวนพูดต่อ  “เราจะใช้กระต่ายโดด”
 “กระต่ายโดด?”  ทุกคนตะลึง กระต่ายโดดเป็นหนึ่งในอสูรดวงดาวที่ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดใช้ในงานทดลองบ่อยที่สุด  พวกมันเป็นเพียงอสูรระดับสองที่หามาได้ง่าย กระต่ายโดดจะกระโดดได้ดี มันจะกระโดดได้สูงเมื่อมีพลังสายเลือด  แน่นอนหลายคนเลี้ยงมันไว้เพื่องานทดลอง
 “พวกเรามีกระต่ายโดดอยู่กี่ตัว?”  หวังซวนถาม
 “ข้ามี 300” “200” “ข้ามีห้าร้อยกว่าตัว”
 “สองพันตัว” คุณนายฮวงมู่กล่าว
คำตอบของคุณนายฮวงมู่เน้นตัวตนของนางและดึงความสนใจของทุกคน
คุณนายฮวงมู่พูดอย่างใจเย็น  “มันควรจะเก็บเอาไว้ใช้กับการทดลองขนาดใหญ่”
หวังซวนตอบทันที  “ผูกลูกโป่งพิษให้กับกระต่ายโดดและปะปนไว้กับกระต่ายโดดที่เหลือ  มีประตูอยู่ที่กำแพงอยู่สองบาน  เราจะปล่อยกระต่ายโดดพร้อมกันที่ประตูทั้งสอง
 “เจ้าน่ะ เจ้าเล่ห์ไม่เบานะ!  ผู้เฒ่าผอมคนหนึ่งพูด  และเขาหัวเราะทันที  “แต่ข้าชอบ”
 “นี่แหละถึงเรียกว่าแผน!
 “ข้าจะช่วยผูกลูกโป่งพิษให้”
 “ข้าด้วย”
หวังซวนได้รับคำชมอยู่ทั่วไป  เขาบอกชายชราผอม  “พิษทั้งหมดนี้ยังไม่พอฆ่าเขา มีแต่พิษของนักสู้ระดับทองจึงจะฆ่านักสู้ระดับทองได้  แต่มันจะส่งผลต่อเขาและเขาอาจจะร่วงตกกำแพง  และถูกตรีบุปผาทำร้ายได้ บนฐานที่กำแพง เมื่อเขาตกลงไป เจ้าก็สามารถโจมตีได้ทันทีและตรีบุปผาของเจ้าในตอนนี้จึงจะสามารถรับมงกุฏได้จริงๆ”
 “จุ๊ จุ๊, เจ้าผู้นี้  ข้าคิดว่าเจ้าใจดำแน่นอน”  บุรุษร่างผอมกวาดตาดูหวังซวนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าจากนั้นออกไปเตรียมการลอบทำร้าย
ทุกคนยุ่งกับการเตรียมตัว และพวกเขาก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
 “ปล่อยกระต่าย!  ผู้เฒ่าเฟ่ยตะโกน
ชิวอวี้ยืนอยู่บนกำแพง  เขารู้สึกประหลาดใจในสิ่งที่ถังเทียนทำได้และยังไม่ตั้งใจเคลื่อนไหว  คงเป็นเรื่องน่ากลัวแน่ถ้ามือธนูถูกโจมตี
มันทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขณะที่เขายืนอยู่บนกำแพง  กำแพงค่ายบรอนซ์สูงมากราว 50 เมตรเป็นรูปสี่เหลี่ยม คนห้าคนสามารถเดินเคียงไหล่ไปบนกำแพงได้อย่างง่ายดาย ด้วยทักษะเหินที่ยอดเยี่ยม  เขาสามารถหนีออกมาได้ทันทีเมื่อรู้สึกถึงอันตราย
ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงตะโกนของชายชรา
 “ปล่อยกระต่าย!”
อะไรกันนั่น?
ชิวอวี้สับสน  เขาตกตะลึงมองดูตำแหน่งที่มีเสียงตะโกน มีกระต่ายนับพันวิ่งมาทางด้านเขาราวกับระลอกคลื่น
เกิดอะไรขึ้น...
ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาจากด้านหลัง  เขาหันไปมองทันทีและรู้สึกตกใจ
มีฝูงกระต่ายอยู่ด้านหลังเขาเช่นกัน
เขารีบขึ้นธนูและยิงออกไปอย่างบ้าคลั่ง  แต่ธนูสีแดงหายเข้าไปฝูงทะเลกระต่ายเหมือนกับน้ำฝน ทักษะธนูซึ่งเขาเชี่ยวชาญก็คือธนูสายธาร พลังของมันน่ากลัวเหมือนกับสุดยอดวิทยายุทธโดดเด่น  เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางถึงพลังทะลุทะลวงสามารถทำลายได้ทุกอย่าง แต่มันไม่สามารถสร้างแรงระเบิดขนาดใหญ่ได้
ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติ ก็จะไม่มีจุดอ่อน  แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้กลับกลายเป็นข้อเสียเปรียบใหญ่
ธนูแสงที่ยิงออกมาจากมือของเขาโปรยลงมาเหมือนสายฝน
แต่มีกระต่ายมากเกินไปและพวกมันเข้ามาใกล้ทุกวินาที แม้ว่าธนูของเขาจะทรงพลังก็ตาม  เขาไม่มีทางเลือก ได้แต่เหินขึ้นฟ้าเพื่อหลบคลื่นกระต่ายนี้  เขามองเห็นกระต่ายเป็นจำนวนมากและเริ่มสงสัยว่าพวกมันถูกใช้มาทำอะไร?
ทันใดนั้นเขารู้สึกแน่นหน้าอกและมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
พิษ!
ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่ากระต่ายนั้นใช้ทำอะไร หมอกพิษกระจายไปทั้งกำแพงเมือง ดูเหมือนจะมีความน่ากลัวเป็นพิเศษ
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
กระต่ายเอาพิษมามากขนาดไหนกัน...
เขาเคยได้ยินวิธีใช้พิษของผู้คนที่หลากหลาย แต่ไม่เคยรู้ว่ามีวิธีแบบนี้ด้วย
บัดซบ
นี่มันสถานที่บ้าบออะไรกัน
ชิวอวี้เสียใจที่รับงานมาทำ   ใครคนหนึ่งซึ่งบอกเขาว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่ไม่มีนักสู้ระดับทอง?   เขาต้องการออกไป จากนั้นเขาคิดว่า ค่าเสียหายจำนวนมหาศาลที่จะต้องจ่ายเพราะละเมิดสัญญา มากมายนัก เขากัดฟันกลับเข้าไปในเมือง
โชคดีที่หมอกพิษที่เขาสูดดมไม่ใช่พิษของนักสู้ระดับทอง  ปราณแท้ของเขาโคจรอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาพิษในตัวเขา
พลังที่แข็งแกร่งของนักสู้ระดับทองสะท้อนพิษออกไปได้อย่างชัดเจน เมื่อลงมายืนได้เขาระบายลมหายใจคลายความอึดอัดที่หน้าอก
เขาสามารถสลายพิษในร่างกายได้ภายในสองนาที
ชายชราร่างผอมตบหน้าในที่ลับแห่งหนึ่ง หน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ  “โธ่เอ๊ย! ซุ่มโจมตีตรงตำแหน่งนี้ไม่เหมาะเลย!”
 “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อถือ!”
 “ตั้งแต่เมื่อไหรกัน?”
……

กลุ่มของชายชราและสตรีสูงอายุชี้ไปที่ผู้เฒ่าผอมและตำหนิ  ผู้เฒ่าผอมหน้าแดง   เขาไม่สามารถทนมองชิวอวี้หนีพ้นจากพิษ  ทันใดนั้นเขามีความคิดบางอย่าง จึงชี้ไปที่ตำแหน่งชิวอวี้และตะโกน  “นั้นอะไร?”
ทุกคนหันไปมองด้วยสีหน้าตกใจ
มีเงาดำเล็กๆ วิ่งเข้าใส่ชิวอวี้
หยาหยาลอบย่องออกมา  มันกลัวว่าถังเทียนจะจับได้  ดังนั้นมันเล็งชิวอวี้ที่อยู่บนกำแพงไว้ มันจะพัวพันชิวอวี้ซึ่งอยู่ห่างออกไป  แต่เขาพุ่งเข้ามาใกล้อย่างคาดไม่ถึง
หยาหยารู้สึกตื่นเต้นทันที
ศึกแรกที่มีความหมายของตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ
และเป็นโอกาสเปิดความสามารถตนเอง
หยาหยาร้องลั่นขณะเข้าโจมตีใส่ชิวอวี้ แม้ก่อนที่เขาจะลงยืนอยู่กับพื้น
ชิวอวี้รู้สึกถึงบางอย่างขนาดเล็กกำลังเข้ามาใกล้  เขาคิดว่าเป็นกระต่ายร่วงลงมาจากกำแพง  ดังนั้นจึงสะบัดมือไปเพื่อกำจัดมัน
เมื่อมือของเขาอยู่ห่างจากเป้าหมายหนึ่งนิ้ว  เขารู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล
หยาหยากระโดดเต็มแรงและมันหายใจลึกขณะที่มันอยู่ในอากาศ มันป่องแก้มของมันเหมือนลูกโป่ง  จากนั้นเบิ่งตากว้างขณะกำหมัดแน่น
แสงรอบๆ หมัดหายไปเหมือนกับว่าราวกับว่าถูกหมัดกลืนลงไปหมด ดูเหมือนว่ารอบๆ หมัดของมันจะมีแต่ความมืด
หยาหยาใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนนับไม่ถ้วนตามลำพังบนที่ราบสูง ต้องทนเหงาหงอยคนเดียวและหม่นหมอง  แต่ก็ประสบความสำเร็จกับการฝึกฝนหมัดเหล็กกลืนแสงอย่างหนัก  แรงกระตุ้นจากก้นบึ้งวิญญาณ  ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณได้พัฒนาทักษะในสนามรบโบราณ  มันมั่นใจในการต่อสู้  เนื่องจากสนามรบคือที่กำเนิดของมัน
สีหน้าของหยาหยาเปลี่ยนไปทันที
หมัดเหล็กกลืนแสง!
ชิวอวี้ต้องการหลบ แต่หมัดของหยาหยาเร็วกว่าที่เขาคาดไว้มาก  ดังนั้นเขาจึงต้องทนโจมตีด้วยปราณแท้ของเขา
กร๊อบ!
ความเจ็บปวดแล่นไปตามข้อมือของชิวอวี้  ข้อมือของเขาหัก...
เขาพยายามมองดูเงาที่อยู่ต่อหน้าเขาชัดๆ
มีร่างเล็กๆ พุ่งเข้ามาใกล้ในอากาศ  แต่หน้าของมันเข้มข้นชัดเจน เหมือนกับนักรบผู้ในยุคโบราณ และพุ่งเข้ามาอย่างไม่มีความกลัว
ฮ้า... ข้าคือขุนพลวิญญาณน้อย!
 

11 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

หยาหยาน่าร๊ากกก เก็บกดมานาน ขอปลดปล่อยสักที 555

Unknown กล่าวว่า...

สู้เขาหยาหยา!!

ปารมี กล่าวว่า...

หยาหยาสู้ๆ

Umurei กล่าวว่า...

ถ้าหยาหยาติดอันดับ3000คงจะฮา

windwolf กล่าวว่า...

FC หยาหยา

Sunrise กล่าวว่า...

ไฟต์ติ่งหยาหยา

ThEPaRaN กล่าวว่า...

หยาหยาน้อยสู้โว้ยยย

Unknown กล่าวว่า...

กลืนแสง นะพะ

... กล่าวว่า...

หยาหยาเป็นเพศอะไรเหรอ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Janjaow กล่าวว่า...

ผู้แต่งเก่ง ผู้แปลก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลย

แสดงความคิดเห็น