ตอนที่ 615 กระจกปลิดวิญญาณ
มนุษย์ตัวเล็กและอ่อนแออย่างอี้หนานสามารถฆ่ามือสังหารนักสู้ปราณดินระดับห้าได้ทันทีสร้างแรงกระทบและความรู้สึกตกตะลึงให้กับทุกคน
อย่าว่าแต่สมาชิกกลุ่มโจรธรรมดาเลย
แม้แต่ป้อมปราการเหล็กอย่างกองทัพกริฟฟินสายฟ้าก็ยังสั่นและปั่นป่วนเล็กน้อย ผลกระทบต่อกำลังใจจากการสังหารได้ฉับพลันที่อยู่เหนือระดับนักสู้เป็นเรื่องสร้างความลำบากให้จริงๆ นอกจากนี้
ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าสตรีชาวมนุษย์ผู้นี้ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญชั้นแพลตตินัม นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
มีนักสู้แดนสวรรค์นับไม่ถ้วน แต่พวกเขาไม่มีคัมภีร์อัญเชิญเป็นส่วนใหญ่
ต่อให้พวกเขามี พวกเขาก็ไม่สามารถยกระดับได้จนถึงชั้นแพลตตินัม
นอกจากนี้
คัมภีร์อัญเชิญของสตรีชาวมนุษย์นี้สามารถยกระดับได้จนถึงชั้นแพลตตินัม
ตัวนางเองยังเป็นแค่นักสู้ปราณดินระดับหนึ่งเท่านั้น ถ้ายังยกระดับได้ต่อไป ก็อาจจะก้าวหน้าเป็นคัมภีร์เพชรหรือเป็นคัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่ใช่หรือ?
สาวยักษ์ปากอ้าตาค้างจ้องมองอี้หนาน ไม่อาจทำใจเชื่อสิ่งที่นางได้เห็นอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่านางจะมีพลังถึงขั้นปราณฟ้าระดับห้า
แต่นางก็ยังไม่มีคัมภีร์อัญเชิญ แต่สาวน้อยที่อยู่ต่อหน้านาง ดูตัวเล็กนิดเดียวและอ่อนแอ แค่หายใจแรงๆ
ก็แทบจะฆ่านางได้
อย่างไรก็ตามสาวน้อยนางนี้กลับมีคัมภีร์อัญเชิญ
นางแทบไม่สามารถยอมรับได้ว่าสาวน้อยนั้นมีคัมภีร์อัญเชิญ นางมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน ดังนั้นการทำสัญญากับคัมภีร์ได้จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาด
สิ่งที่ทำให้นางไม่สามารถยอมรับได้ก็คือคัมภีร์อัญเชิญในมือของเด็กสาวที่เปราะบางนี้เป็นคัมภีร์ที่ยกระดับถึงชั้นแพลตตินัม เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวนางนี้ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน
และไม่ได้อ่อนแอเหมือนอย่างที่นางเข้าใจ
ปัญหาก็คือไม่ว่านักสู้ปราณดินจะแข็งแกร่งมากเพียงไหนก็ตาม
แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่านักรบมือสังหารปราณดินระดับห้ารวดเดียวได้
เป็นไปได้หรือที่มดตัวน้อยจะกัดสิงโตสี่ตัวจนตายได้?
เป็นไปไม่ได้!
“ไม่ นั่นไม่ใช่พลังกฎรหัสโบราณ เราไม่รู้สึกถึงแรงกดดัน
และคนทั้งสี่ก็ยังสามารถโจมตีได้
นั่นคือข้อพิสูจน์ว่ามันคือพลังเฉพาะอย่าง” จอมปีศาจจื้อกวงลูบศีรษะที่ล้านเลี่ยนและเขาสรุปด้วยสีหน้าที่น่ากลัว
“แม่หนูน้อยนี่สามารถสู้ได้เกินระดับของตัวเองไปมากและสู้เสี่ยงตายในระยะประชิดได้”
“ในเมื่อเราไม่สามารถเข้าสู้ในระยะใกล้ได้
อย่างนั้นเราก็สู้กันในระยะไกล!” ตาของตัวตลกเสี่ยวโฉ่วเป็นประกายเย็นชา
เขาชี้นิ้วที่ยาวผิดปกติของเขา
นักสู้ปราณดินระดับห้าอีกสี่คนก้าวออกมาทันที พวกเขาเป็นมือธนู
ทั้งสี่คนกระจายออกไประยะห่างกันร้อยเมตรพร้อมกัน ธนูทั้งหมดเล็งยิงใส่อี้หนาน
เย่ว์หยางรู้ว่าจอมปีศาจจื้อกวงฉลาดมากจริงๆ เขาพบข้อเสียเปรียบของสนามพลังที่อี้หนานใช้
เมื่อเกิดข้อเสียแล้ว สนามพลังประเภทนี้ซึ่งมีขนาดเล็ก จะมีผลเพียงในระยะรัศมีสิบเมตรรอบตัวอี้หนาน
แม้ว่าอี้หนานจะมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด
แต่สนามพลังจะแผ่ออกมาได้เพียงระยะสิบเมตร
เนื่องจากจำเป็นต้องใช้สมาธิมากเพื่อเปลี่ยนสภาพเป็นกลีบบุปผา
ถ้าเป็นเย่ว์ปิงแทน รัศมีทำการอาจเป็นเพียงเมตรหรือสองเมตรเท่านั้น
แน่นอนว่าความได้เปรียบของสนามพลังก็ชัดเจนมากเช่นกัน
ความคล้ายคลึงกับพลังรหัสโบราณไม่มีใครเทียบได้ในรัศมีระยะสิบเมตร ศัตรูไม่สามารถฆ่าหรือทำร้ายอี้หนานได้
ตราบใดที่พลังจิตของนางยังไม่หมด
หรือเว้นแต่ศัตรูจะมีพลังระดับปราณฟ้าที่แข็งแกร่งมากซึ่งมีอำนาจโดยตรงที่จะกำจัดสนามพลังที่เกิดขึ้นจากสมาธิพลังจิตของอี้หนาน...
สำหรับการจะทำอย่างนั้นได้
จะต้องมีพลังที่แข็งแกร่งมากเพียงไหน?
เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับนักสู้ปราณฟ้าทั่วไปและมีแต่เพียงนักสู้ปราณฟ้าระดับสามและที่เหนือกว่าจึงจะทำสำเร็จได้ นอกจากนี้
จะต้องเป็นนักสู้ปราณฟ้าประเภทที่มีปัญญาซึ่งมีพลังจิตที่แข็งแกร่งมากและไม่ใช่อสูรปราณฟ้าที่เกิดมาพร้อมกับพลังปราณฟ้าโดยกำเนิด
เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจสอบศัตรูและพบว่ามีคนผู้มีพลังทำลายสนามพลังนี้ได้ก็คือจอมปีศาจจื้อกวงและหัวหน้าโจรตัวตลกเสี่ยวโฉว่
จอมพลเกราะทองหลงเสียงและมนุษย์เผ่ากระดูกราเชลทั้งสองขมวดคิ้ว
ไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำลายสนามพลังได้หรือไม่
จักรพรรดินีราตรีและแม่สี่ความจริงลอบสอนวิชาลับให้อี้หนานหรือเปล่า?
ความจริงพวกนางได้ให้สนามพลังจิตวิญญาณที่ทรงพลังอย่างนั้นหรือเปล่า? หรือว่าเป็นแต่อี้หนานที่ครอบครองพลังนี้หรือว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสาวๆ
นางอื่นก็มีพลังเช่นนี้ด้วย?
พวกนางสามารถสร้างสนามพลังจิตได้หรือว่ายังสามารถสร้างสนามพลังรูปแบบอื่นอีก? ยิ่งเย่ว์หยางคิดเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าจักรพรรดินีราตรีและแม่สี่ลึกลับมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่สี่
เห็นได้ชัดว่าความสามารถต่อสู้ของนางเป็นศูนย์
แม้เมื่อตอนเขาใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจสอบดู
เขาสามารถระบุได้แต่เพียงว่านางเป็นบุคคลสามัญ อย่างไรก็ตาม
ดูเหมือนว่าแม้แต่การกระทำของนางมีแต่จะยิ่งลึกลับมากขึ้น
แม่สี่นั้น สถานะที่แท้จริงของนางเป็นเช่นไร?
เย่ว์หยางไม่เคยเชื่อว่าแม่สี่จะเป็นคนธรรมดาสามัญ อย่างไรก็ตาม ถ้านางไม่เฉลยออกมาเอง
เย่ว์หยางไม่มีทางเผชิญหน้าคาดคั้นกับนางแน่ เขาได้แต่แกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร
“ควั่บ!”
ธนูแหลมคมทั้งสี่ดอกพุ่งออกมาอย่างว่องไวราวสายฟ้ามีแนวแสงเป็นทางตามหลังพุ่งตรงเข้าหาอี้หนาน ไม่มีใครคิดว่าอี้หนานจะสามารถหลบธนูสังหารทั้งสี่ดอกนั้นได้
แค่เด็กสาวมนุษย์นักสู้ปราณดินระดับหนึ่งจะต้องถูกฆ่าตายทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับนายขมังธนูนักสู้ปราณดินระดับห้า แต่ไม่มีข้อสรุปแต่อย่างใด
ธนูเหล่านี้ถ้าใช้ลอบทำร้ายระหว่างต่อสู้ก็มีพลังสังหารศัตรูในระดับสูง
แต่นี่เป็นเพราะธนูทั้งหมดบรรจุพลังเข้มข้นของนายขมังธนูทั้งสี่คนนี้
ธนูเหล่านั้นถูกปล่อยออกไปอย่างยอดเยี่ยมพร้อมกัน
เย่ว์หยางไม่ขยับกล้ามเนื้อเลยไม่ว่าส่วนไหนๆ
สาวยักษ์ดูเหมือนต้องการจะเข้ามากวาดธนูออกไป
แต่เมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางไม่มีทีท่าตั้งใจจะแทรกแซงการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย นางบังคับตัวให้อยู่กับที่
อี้หนานเหยียดแขนอย่างใจเย็น และกระจกภูตที่สดใสปรากฏอยู่ต่อหน้านาง
เพียงเมื่อธนูที่ศัตรูยิงมาทั้งหมดปะทะกับกระจกทำให้พื้นระเบิดและเกิดปรากฏการณ์ประหลาด
ธนูที่ไม่มีอะไรหยุดได้นั้นสามารถทะลวงกำแพงเหล็กแข็งได้
หายไปโดยไม่มีร่องรอยเหมือนกับว่าไม่เคยปรากฏมาก่อน แม้แต่เสี่ยวโฉ่ว
มนุษย์กระดูกราเชลและจอมพลเกราะทองหลงเสียงก็ยังตาเบิกกว้างไม่สามารถหาที่อยู่ของธนูได้
“กระจกสะท้อนกลับ”
อี้หนานแตะกระจกภูตด้วยนิ้วมือเรียวของนางและกระจกพลิกกลับทันที
แสงสว่างฉายส่องจนทุกคนนัยน์ตาพร่า
ธนูสังหารสี่ดอกเหล่านั้นปรากฏอีกครั้ง
แต่คราวนี้ตำแหน่งที่ธนูพุ่งเข้าหาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ธนูไม่ได้พุ่งมาทางด้านอี้หนาน
แต่กลับยิงออกมาจากตำแหน่งด้านหน้ากระจกภูตแทน
ช่วงเวลาที่มือธนูทั้งสี่มัวแต่ตกตะลึงเกินกว่าจะทันสนองตอบ ธนูพุ่งเข้ามาราวกับอุกกาบาตมีไฟลุกเป็นทางตรงเข้าที่หน้าผากของมือธนูทั้งสี่
ดูเหมือนไม่มีโอกาสจะดิ้นรนอะไรมากนักขณะที่มือธนูทั้งสี่ล้มลงกับพื้นพร้อมกัน
สังหารฉับพลัน
ในพื้นที่ทั้งหมดมีเสียงฮือฮา
อย่างไรก็ตาม ในดวงตาของเย่ว์หยาง
ความเคลื่อนไหวของกระจกสะท้อนกลับของอี้หนานไม่มีอะไรแปลก
อย่าว่าแต่ความสามารถของกระจกภูตของนางและพลังจิตสนามพลังของนางเลย แม้เมื่ออยู่ในวังเทพจักรพรรดิอวี้
เหลยเสินสื่อนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ
แม้ว่าจะเหลือแต่วิญญาณก็ยังไม่สามารถทำร้ายอี้หนานได้ด้วยรังสีดำจากในระยะไกล ความจริงอี้หนานฝีมือเลิศล้ำในการสู้ระยะไกล
แต่ฝีมืออ่อนเมื่อสู้ระยะใกล้
เย่ว์หยางคาดว่าเป็นเพราะเหตุนี้
จักรพรรดินีราตรีและแม่สี่จึงสอนให้นางใช้พลังที่คล้ายกฎรหัสโบราณอย่างนั้น
สนามพลังจิตจะสามารถปกป้องนางได้
“เอาอีกครั้ง, ข้าไม่เชื่อ มาดูซิว่าเจ้าจะเอาชนะระดับที่แตกต่างได้มากขนาดไหน”
เสี่ยวโฉ่วโกรธ เขาโบกมืออย่างชั่วร้าย
ครั้งนี้สัตว์ประหลาดสองตัวก้าวออกมา
สัตว์ประหลาดทั้งสองมองดูเหมือนตัวหมัดและมีความเหมือนกัน
มีโล่กลมอยู่บนหลังของมันและที่มือมีกรงเล็บสั้น
ที่ข้อศอกของมันมีหนามแหลมสีแดงเป็นพิเศษ
ตัวหมัดสัตว์ประหลาดนี้กระโดดได้สูงมาก และกระโจนขึ้นในท้องฟ้าได้สูงราวๆ
ร้อยเมตร
ขณะที่เท้าของมันก้าวย่างกลางอากาศได้
เห็นได้ชัดว่าพวกมันสามารถก้าวกระโดดในอากาศและความเร็วจากการกระโดดของมันสามารถเพิ่มขึ้นอีกได้
ในที่สุดความเคลื่อนไหวของพวกมันจะเพิ่มขึ้นเร็วมากจนร่างของมันหายไปโดยไม่เหลือร่องรอยให้จับเค้า
สิ่งที่สำคัญที่สุด
พวกมันทั้งสองตัวมีพลังปราณดินระดับเจ็ด
พวกมันแข็งแกร่งมากกว่านักรบปราณดินระดับห้าและมือธนูก่อนหน้านั้นมากมายนัก
พวกมันแต่ละตัวสามารถฆ่าอี้หนานได้ทันที
ตัวตลกเสี่ยวโฉ่วคิดว่าถ้าเด็กสาวมนุษย์ผู้อ่อนแอนี้สามารถฆ่าศัตรูระดับสูงกว่านางได้
ก็ต้องมีขีดจำกัดในพลังของนาง และขีดจำกัดนั้นจะไม่มากจนเกินไป
มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไปที่นางสามารถฆ่าศัตรูนักสู้ปราณดินระดับห้าได้
นางจะสามารถฆ่าศัตรูที่มีพลังปราณดินระดับเจ็ดได้หรือไม่?
ต่อให้นางสามารถทำได้
นางจำเป็นต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดหรือเปล่า?
ในกลุ่มโจรตัวตลก นักสู้ปราณดินระดับเจ็ด
มีอยู่เท่าใด? มีอย่างน้อยสามพันคน นางจะสามารถฆ่าได้สักเท่าใด?
เสี่ยวโฉ่วมีความมั่นใจว่าด้วยพลังกระโดดความเร็วแสงของหมัดสองตัวพี่น้อง
อี้หนานจะไม่มีเวลาใช้กระจกสะท้อนหรือพลังโจมตีอื่นเป็นแน่
ทั้งนี้เป็นเพราะวิธีที่พวกมันใช้ต่อสู้แตกต่างเฉพาะตัว
เทียบกับการต่อสู้ทั้งระยะใกล้และระยะไกลที่เพิ่งจะผ่านมานี้ อย่าว่าโต้ตอบเลย อี้หนานคงยากจะป้องกันตัวจากพวกมันได้ นี่เป็นเพราะนางไม่สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวของตัวหมัดสองพี่น้องได้เลย ทั้งหมดที่นางต้องเจอก็คือผิดพลาด แค่ตัดสินใจผิดก็จะเป็นวันสุดท้ายของนาง
เพราะตัวหมัดสองพี่น้องเป็นอสูรที่เชี่ยวชาญในเรื่องการหาจุดอ่อน
“กระจกภูตเปิดเผย”
กระจกภูตในมือของอี้หนานฉายแสงทันที
ทันใดนั้นแสงสว่างเจิดจ้าส่องไปที่เงาซึ่งกระโจนอยู่ในท้องฟ้า
ไม่ว่าเงาทั้งสองจะเคลื่อนที่ได้เร็วเพียงไหน
พวกมันก็เร็วไม่พอจะหลบลำแสงของกระจกภูต
เงาทั้งสองรีบเคลื่อนไหวเร็วขึ้นทิ้งเงาลวงเป็นสายอยู่ในท้องฟ้า
เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะแยกแยะตัวจริงออกจากตัวปลอมด้วยตาเปล่า
ทั้งหมดที่เห็นก็คือประกายที่เคลื่อนไหว
ปรากฏแวบแล้วก็หายไป
เงายังคงเคลื่อนไหวเพิ่มเติมในตำแหน่งต่างๆ
แต่หมัดเหล่านั้นยังต้องระมัดระวังหาร่องรอยรูปแบบที่ชัดเจน
ลำแสงจากกระจกภูตยังฉายที่เงาทั้งสองพร้อมกันเสมอ ไม่ว่าพวกมันจะเคลื่อนไหว
ปรากฏตัวหรือหายตัวยังไงก็ตาม
พวกมันจะถูกลำแสงฉายใส่ตลอดไม่สามารถหลบหนีแสงได้พ้น
“ดูดวิญญาณ...”
อี้หนานเหยียดมือออกนำทางกระจกภูตจากระยะไกล
เงาทั้งสองที่เคลื่อนไหวอย่างสวยงามถูกแสงจับไว้ไม่สามารถหนีพ้น พวกมันถูกลากลงมาจากท้องฟ้าอย่างช่วยไม่ได้
ขณะที่พวกมันถลาเข้าหากระจกภูต
ตัวหมัดสองพี่น้องพยายามดิ้นรนให้เป็นอิสระจากแสงรัศมีแต่พวกมันก็พบว่าเป็นไปไม่ได้ พวกมันถูกดึงจากภายใน
วิญญาณและร่างของพวกมันไม่เชื่อฟังความต้องการของพวกมัน
ทั้งหมดที่พวกมันทำได้ก็คือดิ้นรนอย่างหนักขณะที่พวกมันค่อยๆ
ถูกดึงเข้ามา
นี่จะช่วยให้พวกมันสร้างพลังต้านทานทำให้แรงดึงนั้นช้าลงและยังคงรวบรวมพลังไว้โจมตีอย่างรุนแรงเมื่อพวกมันเข้าใกล้พอ
สีหน้าของโจรตัวตลกเสี่ยวโฉ่ว, มนุษย์กระดูกราเชล
จอมปีศาจจื้อกวงและจอมพลเกราะทองหลงเสียงกลายเป็นหวาดหวั่นพรั่นพรึง เนื่องจากการดึงวิญญาณคนแบบนี้ทำให้พวกเขากลัว
โชคดีที่การดึงวิญญาณช้าลงมาก
นอกจากนี้ กระจกภูตจำเป็นต้องเปิดเผยตัวมันเองก่อนที่แสงรัศมีจะจับเป้าหมายที่ระยะไกลและหลังจากมั่นใจว่าไม่มีการดิ้นรนต่อสู้ก็สามารถทุ่มดึงวิญญาณของผู้นั้นมาได้
มิฉะนั้นทักษะที่พิเศษแบบนี้คงเป็นฝันร้ายของนักสู้ปราณฟ้าทั้งหมดแน่
“เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่..” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ได้ดังใจ
ตัวหมัดสองพี่น้องเตรียมตัวทำลายตัวเองและฆ่าตัวตาย
“ผงอัมพาต” อี้หนานชี้ไปที่ผีเสื้อหลอนประสาทให้โปรยหมอกสีรุ้งลงมา
ช่วงเวลาต่อมา
ตัวหมัดสองพี่น้องที่กำลังเพิ่มพลังเตรียมต่อสู้กับอี้หนานก็กลายเป็นเหมือนศพเดินได้
รอให้คนอื่นจัดการ
ร่างของพวกมันชาจนไม่สามารถกระพริบตาได้ ขยับนิ้วไม่ได้ จากนั้นอี้หนานใช้กลีบบุปผาวิญญาณปลดปล่อยพลังระเบิด
แรงระเบิดของกลีบบุปผาที่งดงามระเบิดและร่างของหมัดสองพี่น้องที่ปูดโปนก็เหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็ว...
ผีเสื้อหลอนประสาทจับร่างพวกมันไว้ด้วยมือและแสงสีแดงเปล่งออกมาจากฝ่ามือของนาง
(ผีเสื้อ) ฝ่ามือของนางเริ่มดูดซับพลังงานในสายเลือดที่ปั่นป่วนของตัวหมัดสองพี่น้อง
และจับตัวเป็นลูกกลมสองลูก
แม้ว่าจะเป็นอสูรปราณดินระดับเจ็ด แต่ตัวหมัดสองพี่น้องก็มีระดับพลังลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากพลังงานในตัวเหือดแห้งและสูญเสียพลังในเลือดของพวกมัน
ภายใต้สายตาของทุกคน พวกมันเริ่มมีระดับที่ตกลงจากอสูรปราณดินระดับเจ็ด
ปราณดินระดับหก ปราณดินระดับห้า..
ผีเสื้อหลอนประสาทโปรยละอองเทาอีกกลุ่มหนึ่ง
หมัดทั้งสองตัวต่างหลงเคลิบเคลิ้มกับละอองนั้น
ในชั่ววับเดียวพวกมันก็เห็นสิ่งที่สยดสยองที่สุดในโลก
กล้ามเนื้อทุกส่วนในตัวของมันกระตุกอย่างบ้าคลั่ง ม่านตาของพวกมันขยายออก ในที่สุดการดิ้นรนเพื่อให้เป็นอิสระจากอาการอัมพาต
ตัวหมัดสองพี่น้องใช้กรงเล็บของมันฉีกหน้าของพวกมัน เหมือนกับว่า มีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกัดอยู่ที่ใบหน้าของมัน ขณะที่ทุกคนกำลังมองดูนั่นเอง
ตัวหมัดสองพี่น้องก็ฉีกหน้าของพวกมันก่อนที่จะบดกะโหลกตัวเองอย่างรุนแง
ก่อนที่พวกมันจะตาย
หนึ่งในตัวหมัดดูเหมือนจะรู้สึกว่ากำปั้นของพวกมันช้าเกินไปจึงล้วงค้อนใหญ่ออกมาและทุบใส่หัวของมันจนเละ
“อา..”
ตอนนี้ สายตาที่มองดูอี้หนานไม่มีความสงสัยอีกต่อไป เหลือแต่ความหวาดกลัวเต็มเปี่ยม
พวกเขาหลายคนไม่กลัวตาย
แต่พวกเขากลัวตายแบบสยดสยองแบบนั้น
นักสู้ปราณดินระดับเจ็ด ถูกเล่นสนุกจนตายโดยไม่มีโอกาสตอบโต้ได้
เป็นเรื่องน่าเศร้าเกินไป
“กระจกแตก”
อี้หนานกำหมัดของนางทันทีและกระจกภูตที่อยู่ต่อหน้านางส่งเสียงดังกึกก้องเหมือนกับกระจกแตก
พื้นผิวของกระจกยังคงเรียบเนียนเหมือนอย่างเคยแต่โลกภายในกระจกนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ไม่มีใครเข้าใจการกระทำของนาง แต่คำตอบก็ถูกเปิดเผยทันที
ร่างเงาโปร่งแสงกำลังยืนอยู่ห่างอี้หนานและเย่ว์หยางไปทางด้านหลังสามเมตร
พวกเขาเตรียมจะโจมตีเมื่อพวกเขาตัวแข็งทันทีหลังจากถูกเปิดเผยตัว
พวกเขาค่อยๆ ล้มลงตายอยู่กับพื้นพร้อมกัน
เมื่อดินแดนกระจกเงาแตก พวกที่วิญญาณถูกกระจกภูตกลืนเข้าไปจะตายจากความอ่อนแอในวิญญาณของพวกเขา
คนอื่นๆ ไม่มีทางเข้าใจว่าพวกเขาตายได้อย่างไร แต่สำหรับพวกที่ตาย ก็เท่ากับถูกพลังกฎรหัสโบราณจากวิหารเทพสตรีในด่านสิบสองนักษัตร์ลงโทษ
“บัดซบ นี่คือพลังของกฎรหัสโบราณจริงๆ”
ตัวตลกเสี่ยวโฉ่วสั่นด้วยความโกรธ
เขาไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวที่อ่อนแอผู้นี้จะครอบครองกระจกภูตที่สามารถปล่อยพลังกฎรหัสโบราณได้
แม้ว่าพลังเช่นนั้นจะมีข้อจำกัดมากและป้องกันและโจมตีพลังวิญญาณของฝ่ายตรงข้าม แต่นั่นก็ยังเป็นพลังกฎรหัสโบราณ
พลังที่ไม่มีอะไรหยุดได้!
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การจะฆ่าสตรีนี้ได้
เว้นแต่ไม่มีจุดอ่อนในวิญญาณของผู้คน
ทั้งสองฝ่ายอาจต้องได้รับความเสียหายหนักอย่างแน่นอน
เนื่องจากผู้คนจะต้องถูกกฎรหัสโบราณลงโทษจากการปกป้องกระจกภูต
คนทั้งสองที่เขาส่งไปลอบทำร้ายพวกเขาต้องตายอย่างเงียบๆ
จากจุดอ่อนในวิญญาณของพวกเขา
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโครงกระดูกดำหรือกลุ่มโจรตัวตลก
หรือแม้กระทั่งลูกเรือหรือแขกผู้โดยสาร ล้วนกลัวจนต้องอยู่ห่างจากอี้หนาน
นี่ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว
เด็กมนุษย์ผู้หญิงนี้คือยมทูตผู้ควบคุมวิญญาณได้
อย่างไรก็ตามยมทูตอย่างอี้หนานก็โถมตัวเข้าอ้อมกอดของเย่ว์หยางทันที
เนื่องจากพลังวิญญาณของนางถูกใช้ไปมาก นางกอดเอวเย่ว์หยางซบหน้ากับอกเขาและกระซิบอย่างเหน็ดเหนื่อย
“ขอโทษด้วยที่ข้าสู้มาได้ถึงแค่ตอนนี้
ข้าจะพักสักครู่คอยดูเจ้าต่อสู้บ้าง”
“ไม่มีปัญหา
เจ้าก้าวหน้าไปมากเกินกว่าที่ข้าคาดไว้มาก
ข้าทึ่งมากจริงๆ พักก่อนเถอะนะคนดี ทุกอย่างปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
เย่ว์หยางลูบผมอี้หนานเบาๆ ขณะที่ใบหน้าเขามีรอยยิ้มแสดงความพอใจเป็นพิเศษ
ดูเหมือนว่าอี้หนานผู้ที่เขากังวลที่สุดจะก้าวหน้ามาถึงจุดที่นางสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว....
14 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากๆครับ แต่ค้างงง อ๊ากกกกก
ขอบคุณครับ
อี้หนานนนนนนเทพมากกกกก
ขอบคุณครับ
ยังไม่ได้โชว์อีกหรออบักหยางง
ขอบคุณครับ
ใหนใครว่า นางโจรสาวไม่เก่ง นี้ไงตอนนึงโชเทพไปเลย สะใจเลยหละ
อ้อนสุดๆ
ขอบคุณคับ
อี้หนานสุดยอด!! ช่วงนี้เป็นช่วงของนางจริงๆ
ป.ล. ในที่สุดเย่ว์หยางก็ลงมือซักทีนะ.....หวังว่านะ
ขอบคุณครับ
FC อี้หนาน
Thx
แสดงความคิดเห็น