วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 413 เก่งมากทารกขุนพลวิญญาณ



ตอนที่ 413  เก่งมากทารกขุนพลวิญญาณ
นี่คือ...
ชิวอวี้ตาเบิกกว้าง  มองดูร่างน้อยๆ อย่างเหลือเชื่อ เขาไม่สามารถเข้าใจได้ สิ่งมีชีวิตตัวเล็กขนาดนี้จะมีพลังน่าทึ่งได้อย่างไร

หยาหยาลืมตากว้าง  มันฝึกในที่ราบสูงทั้งวันและทั้งคืนจนกระทั่งมันคุ้นเคยกับจังหวะ ต่อให้หลับตาก็สามารถทำได้
ปึ้บ ปั้บ!
หมัดสีดำน้อยๆ ของมันระดมต่อยใส่ชิวอวี้เหมือนสายฝน
ชิวอวี้ถูกไล่ต่อยไล่ต้อนจนเหนื่อยอ่อน หลบหลีกการโจมตีของมัน  หยาหยาดูเหมือนจะกลายเป็นปีศาจน้อยสำหรับเขา  เขาต้องอยู่ให้ห่างจากเจ้าปีศาจน้อยนี้ นั่นคือความคิดที่มีอยู่ในใจของเขา
หยาหยายิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก  แต่เมื่อมันเห็นคู่ต่อสู้พยายามหลบหนี มันร้องขู่ทันที
ร่างๆ หนึ่งวิ่งข้ามมาจากอีกด้านหนึ่ง  มันคือแพะบรอนซ์
หยาหยาย่อตัวกระโดดขึ้นไปอยู่บนหัวของแพะภูเขาและจับเขาของมันแน่น
ตาของแพะเป็นประกายและมันรวบรวมกำลังไว้ที่ขาทั้งสี่และไล่กวดชิวอวี้ไปเหมือนลูกธนู  แม้ว่าแพะไม่ได้มีพลังรบที่ยอดเยี่ยม  แต่มันถนัดในเรื่องวิ่งอยู่แล้ว  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากได้รับการปรับปรุงจากเซรีน ความสามารถในการวิ่งของมันก็ไม่ธรรมดา
ในช่วงเวลานี้ มันวิ่งสุดฝีเท้าสุดกำลังของมันเหมือนกับดาวตก
หยาหยาลืมตากว้างขณะที่มันจับเขาแพะไว้แน่น  มันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจะฆ่า
ชิวอวี้ถอนหายใจโล่งอกได้ในที่สุด หลังจากที่เขาหนีมาได้ในระยะไกลมาก  ข้อมือขวาของเขาหัก ทำให้ความสามารถในการต่อสู้ลดลงไปจนแทบจะกลายเป็นคนพิการ  วินาทีที่แล้วเขายังกังวลเกี่ยวกับจำนวนเงินชดเชยมหาศาลที่เขาต้องจ่ายตามสัญญา  แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรอื่นนอกจากออกไปจากสถานที่ประหลาดนี้ทันที
เหรียญดาวก็สำคัญ แต่ไม่มีอะไรเทียบได้กับชีวิต
เขาเหลือบมองดูกำแพงสูงตระหง่านที่ปกคลุมไปด้วยแก๊สพิษหลากสีและลอบร่ำร้องในใจ เมื่อตอนที่เขาอยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด  เขาสามารถบินเหนือแก๊สพิษได้และหลบหนีไปอย่างง่ายดาย  แต่ตอนนี้ปราณแท้ของเขาถูกพิษเล่นงานลดน้อยลงไปมากกว่าครึ่ง
ความเจ็บปวดจากมือของเขาทำให้เขายากจะรวบรวมสมาธิได้  วิธีการโจมตีของเขาไม่จำเป็นที่เขาต้องอยู่ใกล้กับศัตรูซึ่งต่างจากนักสู้อื่นอีกหลายคน  แน่นอนเขาไม่ค่อยได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้  เขาจึงไม่คุ้นเคยกับความเจ็บปวด
ความเจ็บปวดจากมือของเขาที่ถูกโจมตีทำร้าย  บั่นทอนความคิดของเขาทีละนิดๆ
แย่จริงๆ
ทันใดนั้นมีเสียงเหมือนกระบี่ดังแหวกอากาศ  เขาหันไปมองทันทีและเห็นหยาหยาอยู่บนหัวแพะ ทำให้เขาตกใจ
เขาโมโหแทบบ้า
ตาของแพะเป็นประกายระยิบระยับน่ากลัว มันก้มหัวทันที ใช้เขาเล็งและวิ่งเข้าขวิดสุดกำลัง
หยาหยาแขวนอยู่บนเขา สายลมแรงทำให้มันเสียหลักและตัวแกว่งเล็กน้อย  แต่มันไม่กลัวแม้แต่น้อย เนื่องจากมันคุ้นเคยกับความเร็วสูงอยู่แล้ว
นอกจากนี้ นี่คือศึกแรกของตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ
ทำไมหยาหยาจะต้องกลัวด้วยเล่า?
หยาหยากล้าหาญที่สุด
ฝ่ายตรงข้ามเข้าใกล้หยาหยา ตอนนี้!  มันฝืนลืมตาเป่าลมหายใจออกพร้อมกับป่องแก้มสีชมพูของมัน
 “อ่าฮะ”
แขนที่เกาะอยู่บนเขาผลักออกไปเต็มแรงทันที  หยาหยาคิดว่าอากาศเหมือนกับหินชิ้นต่างๆ ที่ถูกยิงโดยหนังสติ๊ก
ชิวอวี้มองดูอย่างเดือดดาลขณะที่เขาได้ยินเสียงแหวกอาการดังมาจากด้านหลัง  เขาตกใจและเลิกสิ้นหวังหันธนูไปข้างหลังและยิงทันที
หยาหยาบินอยู่กลางอากาศ เมื่อมันเห็นบางอย่างปรากฏทันที
มันปล่อยหมัดตามสัญชาตญาณอย่างไม่ลังเลใจ
ปุ ปุ ปุ
หมัดของมันเคลื่อนไหวรวดเร็วมาจนยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า  แสงรอบๆ ตัวมันหมองลงก่อเกิดเป็นพื้นที่สีดำว่างเปล่า
ปัง ปัง ปัง!
ร่างของชิวอวี้สั่นอย่างรุนแรง  พลังงานประหลาดจากธนูถูกส่งเข้าไปในร่างเขาเป็นคลื่นที่รุนแรงโจมตีใส่เขาจนทำให้เขาแทบหอบหายใจ
ปัง!
คันธนูที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษซึ่งมีคุณภาพเป็นพิเศษแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนกระจกแตก
มือข้างที่ชิวอวี้ใช้จับคันธนูได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดกระดูกแตกหัก
แต่กระดูกหักไม่ได้ทำให้ตาย  แต่กลับเป็นพิษที่เข้าไปในร่างกายเขา หมัดของหยาหยาทำลายสมดุลในร่างกายเขา  เขาไม่สามารถใช้ปราณแท้ต้านพิษได้อีกต่อไปและพิษได้ไหลเข้าไปในกระแสโลหิตของเขา
ปราณแท้ที่เขาควบคุมไม่ได้ในเส้นชีพจรเริ่มปั่นป่วน ชิวอวี้กระอักโลหิตออกมาและบินไปอย่างควบคุมตัวไม่ได้
ตุ้บ!
เมื่อชิวอวี้กระแทกกับพื้น หน้าของเขากลายเป็นสีดำสนิท
อสูรดวงดาวที่ดูแปลกประหลาดสามตัวคลานออกมา มันคือตรีบุปผาของเฒ่าผอมนั่นเอง ในที่สุดพวกมันก็ออกมาปิดงานได้สำเร็จหลังจากเกิดความวุ่นวาย
หยาหยาโกรธและโวยวายใส่เจ้าตรีบุปผา
อสูรตรีบุปผาผงะถอยหลังและมีท่าทางกลัว
หยาหยาวิ่งวุ่นไปทั่วทุกมุมค่ายและไม่มีอสูรดวงดาวตัวใดที่ไม่ถูกมันกลั่นแกล้งรังแก  แม้ว่าอสูรดวงดาวทั้งสามจะแข็งแกร่ง  แต่พวกมันทุกตัวเคยประสบกับแผนการร้ายของหยาหยามาแล้ว ความทรงจำที่เจ็บปวดเหล่านั้นยังคงตามหลอกหลอนพวกมันอยู่เดี๋ยวนี้แม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งกว่าเดิมมากก็ตาม  พวกมันหลบอยู่ข้างๆ อย่างเชื่องเชื่อโดยไม่ก้าวออกมาข้างหน้าสักนิ้วเดียว
หยาหยาบิดจมูกตัวเองเชิดหน้ากางแขนออกไปด้านหลัง  มันทำตัวเหมือนกับผู้ใหญ่ที่เดินเข้าหาชิวอวี้และอสูรดวงดาวตรีบุปผา
ชิวอวี้หมิ่นเหม่ใกล้ตายเต็มที พิษที่เข้าไปในร่างของเขาทำลายปราณแท้ของเขา เขาไม่ต่างจากคนธรรมดาและสติของเขาค่อยๆ เลือนลาง
หยาหยาพยายามคงสีหน้าให้สง่างามและสงบ  แต่ความสุขฉายอยู่บนใบหน้าของมันและรอยยิ้มของมันไม่อาจลบออกไปได้
นั่นคือศึกแรกของตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ!
ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณสู้ได้อย่างแข็งแกร่งน่าประทับใจ!
หยาหยาตื่นเต้นยิ่งขึ้นขณะที่มันคิดเรื่องนี้  มันไม่เก็บกดสีหน้าของมันอีกต่อไป  มันอุทานแบบเด็กๆ และโดดขึ้นต่อยหมัดใส่อากาศ
 “ฮ่าห์...”
*******

นักสู้ศีรษะโล้นหลั่งเหงื่อทั่วตัว  เขายังไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของศัตรูได้  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนักสู้จักรกลที่ทรงพลังแข็งแกร่ง และยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับอาวุธจักรกลวิญญาณที่มีความเร็วเหลือเชื่อแบบนั้น
วิชาตัวเบาของเขาอยู่ในระดับทั่วไป เพราะเขาใช้พลังจากร่างกายเป็นส่วนใหญ่
แต่คู่ต่อสู้รวดเร็วเกินไป
มีนักสู้สายจักรกลที่แข็งแกร่งขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อใด?  ทำไมเขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน?
เหงื่อของเขาเริ่มออกมากขึ้นทุกที  การโจมตีทุกครั้ง ฝ่ายตรงข้ามจะตีเข้าที่จุดที่อึดอัดที่สุด ร้ายแรงที่สุด คู่ต่อสู้เหมือนกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่ดูเหมือนจะเดินวนได้แบบสบายๆ สภาพจิตใจของเขาเริ่มตึงเครียดกดดันจนเริ่มหายใจหอบ
ในฐานใต้ดิน ตวนมู่สั่นอีกครั้ง  “คนหัวโล้นกำลังจะแพ้”
 “ทำไมเหรอ?”  เซรีนถามอย่างสงสัย
 “เขาหมดแรง” ตวนมู่อธิบาย
 “แต่เขาก็สู้ไม่มาก” เซรีนสับสน
ตวนมู่ต้องอธิบายรายละเอียด  “ภายใต้สภาพที่มีความเครียดสูง พลังภายนอกและภายในจะสิ้นเปลืองมากกว่าปกติหลายเท่า  นอกจากนี้  เขาไม่ได้ตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอันตรายร้ายแรงมาก”
 “โอว..งั้นนี่ก็คือเหตุผลนั่นเอง”  ในที่สุดเซรีนก็เข้าใจสถานการณ์ชัดเจน  แต่ผิดหวังเล็กน้อย  “ข้าคิดว่าจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเสียอีก”
อย่างนั้นนางก็เป็นตัวโง่งมในเรื่องการต่อสู้
ตวนมู่โต้แย้ง  “มันน่าตื่นเต้นมาก!  ยอดฝีมืออาวุธจักรกลของท่านน่าประทับใจจริงๆ นั่นคือจังหวะ  จังหวะของเขาแทบจะสมบูรณ์พร้อม  ข้าไม่เคยเห็นนักสู้ระดับทองผู้มีกลยุทธที่ยิ่งใหญ่เปี่ยมไปด้วยจังหวะอย่างนั้นมาก่อน
 “จังหวะอะไรกัน?”  เซรีนมองดูเหมือนสูญเสีย
ตวนมู่รู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นกำแพงที่กำลังถูกกระต่ายโดดนับล้านตัวเหยียบย่ำ  ทำไมพวกบ้าต่อสู้ในสถานที่นี้ถึงได้แข็งแกร่งทรงพลังนัก  แล้วเจ้ายังจะถามถึงเนื้อหาเคล็ดการต่อสู้อีกหรือนี่
ไม่ว่าจะเป็นถังเทียนหรือนักสู้จักรกลผู้ลึกลับหรือแม้แต่ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ ทั้งหมดนี้น่าประทับใจทั้งนั้น  แต่สตรีที่อยู่ต่อหน้าเขาคลับคล้ายว่าสถานะสูงส่งแต่ดูเหมือนจะโง่!
 “ทำไมเจ้าถึงได้มีสีหน้าแบบนั้น?  ข้าถามอะไรผิดเหรอ?”  เซรีนยิ้มกว้าง
ตวนมู่สั่น โธ่.. เขามุ่งมั่นเกินไป จนเกือบลืมไปว่าสตรีนางนี้ร้ายกาจแค่ไหน..
เขารีบเชิดหน้าทันที  “ข้ากำลังคิดว่าจะอธิบายอย่างไรดี ฮืม.. จังหวะก็เป็นเหมือน.. ตัวอย่างเช่น เจ้าเห็นวิธีที่นักสู้จักรกลเคลื่อนไหวไหม  ดูเหมือนเข้าใกล้และฉับพลันก็ห่างออกไปในวินาทีต่อมา  แต่ถ้าเจ้าศึกษาดูดีๆ เจ้าจะสังเกตได้ว่าเขารักษาระยะห่างไว้ได้อย่างสบาย และสามารถเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้การโจมตีของเขายังกระจายตัว ดูเหมือนไม่มีเป้าหมาย  แต่การโจมตีทั้งหมดเข้าจุดร้ายแรง  ยิ่งกว่านั้นเขามักโจมตีก่อนที่คนหัวโล้นจะลงมือให้คู่ต่อสู้พ่ายแพ้  เขากำลังควบคุมจังหวะของคู่ต่อสู้และกดดันคู่ต่อสู้ของเขาให้ต้องถอยกลับออกไป”
 “ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว” เซรีนพยักหน้ารัว
 “เขาแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ”  ตาของตวนมู่เป็นประกาย  “ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่านักสู้จักรกลที่ทรงพลังขนาดนั้นยังคงมีอยู่จริงๆ  ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ตำนานกล่าวไว้ว่ามีแต่ยอดฝีมือจากกองทัพดาวกางเขนใต้เท่านั้นจึงจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้”
 “ยอดฝีมือของกองทัพกางเขนใต้?”  เซรีนยิ้มหวาน
ตวนมู่รู้สึกสับสนและพยักหน้า  “ถูกแล้ว ยุคนั้นจักรกลรุ่งเรืองถึงขีดสุด นักสู้สายจักรกลที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์จะมีความน่าประทับใจมากกว่าปัจจุบันนี้มาก”
ในร่างของพยัคฆ์ฟ้า ปิงยังคงรักษาสีหน้าต่อไป
พยัคฆ์ฟ้ารุ่นใหม่น่าทึ่งมาก  เขาสามารถควบคุมได้ง่ายและจิตวิญญาณยุทธก็ฉลาด  อาวุธจักรกลวิญญาณจะเข้าใจกลยุทธการเคลื่อนไหวของเขาทันทีที่เขาคิดจะเคลื่อนไหว
บางครั้งเขาคิดถึงพยัคฆ์ฟ้ารุ่นเก่า  แต่เขารู้ว่านั่นเป็นอดีตไปแล้ว
มันจะถูกสลักลึกอยู่ในความทรงจำของเขา
แต่เขาไม่สามารถลืมมันได้...
เช่นเดียวกับสัญชาตญาณวิธีการต่อสู้ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา  แม้ว่าเขาจะใช้อาวุธจักรกลวิญญาณในตอนนี้  แต่เมื่อเขาสู้ เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นรูปแบบของกองทัพกางเขนใต้ หยุดฉับพลันพุ่งฉับพลัน เหมือนการเคลื่อนไหวของผึ้ง...
เขาไม่มีอารมณ์
คนเราจะมีชีวิตจมอยู่กับความเศร้าตลอดไปได้อย่างไร?  แม้ว่าจะเป็นอดีต, แม้ว่ามันจะไม่มีทางหวนกลับมา แม้ว่าจะเป็นความทรงจำที่แจ่มชัดจนรู้สึกเหมือนจริง แม้ว่าจะไม่มีวันลืมได้
แต่เขาก็ยังต้องมีชีวิตต่อไป
เขาไม่มีเวลาจะจมอยู่กับอารมณ์เหล่านั้น
เนื่องจากยังมีงานอีกมากและฝันอีกมากรออยู่  มีเกียรติยศศักดิ์ศรีอีกมากที่เขายังต้องปกป้อง
เพราะชายหนุ่มคนหนึ่งผู้เคยอ่อนแอและไร้ประโยชน์  แต่ปัจจุบันนี้มีหัวใจแข็งแกร่งดุจหิน
เพราะ... เพราะข้าจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จก่อนที่ข้าจะสลายหายไป
ปิงยังคงรักษาสีหน้าเคร่ง จับตามองหาจุดอ่อนของนักสู้ศีรษะโล้นต่อไป  พยัคฆ์ฟ้าพุ่งเป็นแนวโค้งอย่างงดงามในอากาศ
ลุยกันเถอะกองทัพดาวกางเขนใต้!

8 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ฟื้นฟูกองทัพพพพพพพ. ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

รีเฟส..รอตั้งแต่เช้าเรยครับ

Unknown กล่าวว่า...

หยหยา ไฟท์โตะ!! ไฟท์โตะ!! หยาหยา ไฟท์โตะ!! ไฟท์โตะ!! หยาหยา สุโค้ย!

Sunrise กล่าวว่า...

ขอบใจหลายยย

Umurei กล่าวว่า...

ลุงจะปักธงทำไม-_-

dvdkeeper กล่าวว่า...

หยาหยาน่ารักดี

shadowXII กล่าวว่า...

ในอนาคตต้องมีฉากที่ปิงร่างสลายแน่ๆ ขอเวลาทำใจแป๊ป

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น