ตอนที่
413 เก่งมากทารกขุนพลวิญญาณ
นี่คือ...
ชิวอวี้ตาเบิกกว้าง มองดูร่างน้อยๆ อย่างเหลือเชื่อ
เขาไม่สามารถเข้าใจได้ สิ่งมีชีวิตตัวเล็กขนาดนี้จะมีพลังน่าทึ่งได้อย่างไร
หยาหยาลืมตากว้าง มันฝึกในที่ราบสูงทั้งวันและทั้งคืนจนกระทั่งมันคุ้นเคยกับจังหวะ
ต่อให้หลับตาก็สามารถทำได้
ปึ้บ
ปั้บ!
หมัดสีดำน้อยๆ
ของมันระดมต่อยใส่ชิวอวี้เหมือนสายฝน
ชิวอวี้ถูกไล่ต่อยไล่ต้อนจนเหนื่อยอ่อน
หลบหลีกการโจมตีของมัน
หยาหยาดูเหมือนจะกลายเป็นปีศาจน้อยสำหรับเขา เขาต้องอยู่ให้ห่างจากเจ้าปีศาจน้อยนี้
นั่นคือความคิดที่มีอยู่ในใจของเขา
หยาหยายิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก แต่เมื่อมันเห็นคู่ต่อสู้พยายามหลบหนี
มันร้องขู่ทันที
ร่างๆ
หนึ่งวิ่งข้ามมาจากอีกด้านหนึ่ง
มันคือแพะบรอนซ์
หยาหยาย่อตัวกระโดดขึ้นไปอยู่บนหัวของแพะภูเขาและจับเขาของมันแน่น
ตาของแพะเป็นประกายและมันรวบรวมกำลังไว้ที่ขาทั้งสี่และไล่กวดชิวอวี้ไปเหมือนลูกธนู แม้ว่าแพะไม่ได้มีพลังรบที่ยอดเยี่ยม แต่มันถนัดในเรื่องวิ่งอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หลังจากได้รับการปรับปรุงจากเซรีน ความสามารถในการวิ่งของมันก็ไม่ธรรมดา
ในช่วงเวลานี้
มันวิ่งสุดฝีเท้าสุดกำลังของมันเหมือนกับดาวตก
หยาหยาลืมตากว้างขณะที่มันจับเขาแพะไว้แน่น มันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจะฆ่า
ชิวอวี้ถอนหายใจโล่งอกได้ในที่สุด
หลังจากที่เขาหนีมาได้ในระยะไกลมาก ข้อมือขวาของเขาหัก
ทำให้ความสามารถในการต่อสู้ลดลงไปจนแทบจะกลายเป็นคนพิการ
วินาทีที่แล้วเขายังกังวลเกี่ยวกับจำนวนเงินชดเชยมหาศาลที่เขาต้องจ่ายตามสัญญา แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรอื่นนอกจากออกไปจากสถานที่ประหลาดนี้ทันที
เหรียญดาวก็สำคัญ
แต่ไม่มีอะไรเทียบได้กับชีวิต
เขาเหลือบมองดูกำแพงสูงตระหง่านที่ปกคลุมไปด้วยแก๊สพิษหลากสีและลอบร่ำร้องในใจ
เมื่อตอนที่เขาอยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด
เขาสามารถบินเหนือแก๊สพิษได้และหลบหนีไปอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ปราณแท้ของเขาถูกพิษเล่นงานลดน้อยลงไปมากกว่าครึ่ง
ความเจ็บปวดจากมือของเขาทำให้เขายากจะรวบรวมสมาธิได้
วิธีการโจมตีของเขาไม่จำเป็นที่เขาต้องอยู่ใกล้กับศัตรูซึ่งต่างจากนักสู้อื่นอีกหลายคน แน่นอนเขาไม่ค่อยได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ เขาจึงไม่คุ้นเคยกับความเจ็บปวด
ความเจ็บปวดจากมือของเขาที่ถูกโจมตีทำร้าย บั่นทอนความคิดของเขาทีละนิดๆ
แย่จริงๆ
ทันใดนั้นมีเสียงเหมือนกระบี่ดังแหวกอากาศ เขาหันไปมองทันทีและเห็นหยาหยาอยู่บนหัวแพะ
ทำให้เขาตกใจ
เขาโมโหแทบบ้า
ตาของแพะเป็นประกายระยิบระยับน่ากลัว
มันก้มหัวทันที ใช้เขาเล็งและวิ่งเข้าขวิดสุดกำลัง
หยาหยาแขวนอยู่บนเขา
สายลมแรงทำให้มันเสียหลักและตัวแกว่งเล็กน้อย
แต่มันไม่กลัวแม้แต่น้อย เนื่องจากมันคุ้นเคยกับความเร็วสูงอยู่แล้ว
นอกจากนี้
นี่คือศึกแรกของตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ
ทำไมหยาหยาจะต้องกลัวด้วยเล่า?
หยาหยากล้าหาญที่สุด
ฝ่ายตรงข้ามเข้าใกล้หยาหยา
ตอนนี้!
มันฝืนลืมตาเป่าลมหายใจออกพร้อมกับป่องแก้มสีชมพูของมัน
“อ่าฮะ”
แขนที่เกาะอยู่บนเขาผลักออกไปเต็มแรงทันที หยาหยาคิดว่าอากาศเหมือนกับหินชิ้นต่างๆ
ที่ถูกยิงโดยหนังสติ๊ก
ชิวอวี้มองดูอย่างเดือดดาลขณะที่เขาได้ยินเสียงแหวกอาการดังมาจากด้านหลัง เขาตกใจและเลิกสิ้นหวังหันธนูไปข้างหลังและยิงทันที
หยาหยาบินอยู่กลางอากาศ
เมื่อมันเห็นบางอย่างปรากฏทันที
มันปล่อยหมัดตามสัญชาตญาณอย่างไม่ลังเลใจ
ปุ
ปุ ปุ
หมัดของมันเคลื่อนไหวรวดเร็วมาจนยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า แสงรอบๆ ตัวมันหมองลงก่อเกิดเป็นพื้นที่สีดำว่างเปล่า
ปัง
ปัง ปัง!
ร่างของชิวอวี้สั่นอย่างรุนแรง พลังงานประหลาดจากธนูถูกส่งเข้าไปในร่างเขาเป็นคลื่นที่รุนแรงโจมตีใส่เขาจนทำให้เขาแทบหอบหายใจ
ปัง!
คันธนูที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษซึ่งมีคุณภาพเป็นพิเศษแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนกระจกแตก
มือข้างที่ชิวอวี้ใช้จับคันธนูได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดกระดูกแตกหัก
แต่กระดูกหักไม่ได้ทำให้ตาย แต่กลับเป็นพิษที่เข้าไปในร่างกายเขา
หมัดของหยาหยาทำลายสมดุลในร่างกายเขา
เขาไม่สามารถใช้ปราณแท้ต้านพิษได้อีกต่อไปและพิษได้ไหลเข้าไปในกระแสโลหิตของเขา
ปราณแท้ที่เขาควบคุมไม่ได้ในเส้นชีพจรเริ่มปั่นป่วน
ชิวอวี้กระอักโลหิตออกมาและบินไปอย่างควบคุมตัวไม่ได้
ตุ้บ!
เมื่อชิวอวี้กระแทกกับพื้น
หน้าของเขากลายเป็นสีดำสนิท
อสูรดวงดาวที่ดูแปลกประหลาดสามตัวคลานออกมา
มันคือตรีบุปผาของเฒ่าผอมนั่นเอง
ในที่สุดพวกมันก็ออกมาปิดงานได้สำเร็จหลังจากเกิดความวุ่นวาย
หยาหยาโกรธและโวยวายใส่เจ้าตรีบุปผา
อสูรตรีบุปผาผงะถอยหลังและมีท่าทางกลัว
หยาหยาวิ่งวุ่นไปทั่วทุกมุมค่ายและไม่มีอสูรดวงดาวตัวใดที่ไม่ถูกมันกลั่นแกล้งรังแก แม้ว่าอสูรดวงดาวทั้งสามจะแข็งแกร่ง
แต่พวกมันทุกตัวเคยประสบกับแผนการร้ายของหยาหยามาแล้ว
ความทรงจำที่เจ็บปวดเหล่านั้นยังคงตามหลอกหลอนพวกมันอยู่เดี๋ยวนี้แม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งกว่าเดิมมากก็ตาม พวกมันหลบอยู่ข้างๆ
อย่างเชื่องเชื่อโดยไม่ก้าวออกมาข้างหน้าสักนิ้วเดียว
หยาหยาบิดจมูกตัวเองเชิดหน้ากางแขนออกไปด้านหลัง
มันทำตัวเหมือนกับผู้ใหญ่ที่เดินเข้าหาชิวอวี้และอสูรดวงดาวตรีบุปผา
ชิวอวี้หมิ่นเหม่ใกล้ตายเต็มที
พิษที่เข้าไปในร่างของเขาทำลายปราณแท้ของเขา
เขาไม่ต่างจากคนธรรมดาและสติของเขาค่อยๆ เลือนลาง
หยาหยาพยายามคงสีหน้าให้สง่างามและสงบ
แต่ความสุขฉายอยู่บนใบหน้าของมันและรอยยิ้มของมันไม่อาจลบออกไปได้
นั่นคือศึกแรกของตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ!
ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณสู้ได้อย่างแข็งแกร่งน่าประทับใจ!
หยาหยาตื่นเต้นยิ่งขึ้นขณะที่มันคิดเรื่องนี้ มันไม่เก็บกดสีหน้าของมันอีกต่อไป มันอุทานแบบเด็กๆ และโดดขึ้นต่อยหมัดใส่อากาศ
“ฮ่าห์...”
*******
นักสู้ศีรษะโล้นหลั่งเหงื่อทั่วตัว
เขายังไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของศัตรูได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนักสู้จักรกลที่ทรงพลังแข็งแกร่ง
และยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับอาวุธจักรกลวิญญาณที่มีความเร็วเหลือเชื่อแบบนั้น
วิชาตัวเบาของเขาอยู่ในระดับทั่วไป
เพราะเขาใช้พลังจากร่างกายเป็นส่วนใหญ่
แต่คู่ต่อสู้รวดเร็วเกินไป
มีนักสู้สายจักรกลที่แข็งแกร่งขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อใด? ทำไมเขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน?
เหงื่อของเขาเริ่มออกมากขึ้นทุกที การโจมตีทุกครั้ง
ฝ่ายตรงข้ามจะตีเข้าที่จุดที่อึดอัดที่สุด ร้ายแรงที่สุด
คู่ต่อสู้เหมือนกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่ดูเหมือนจะเดินวนได้แบบสบายๆ
สภาพจิตใจของเขาเริ่มตึงเครียดกดดันจนเริ่มหายใจหอบ
ในฐานใต้ดิน
ตวนมู่สั่นอีกครั้ง “คนหัวโล้นกำลังจะแพ้”
“ทำไมเหรอ?”
เซรีนถามอย่างสงสัย
“เขาหมดแรง” ตวนมู่อธิบาย
“แต่เขาก็สู้ไม่มาก” เซรีนสับสน
ตวนมู่ต้องอธิบายรายละเอียด “ภายใต้สภาพที่มีความเครียดสูง
พลังภายนอกและภายในจะสิ้นเปลืองมากกว่าปกติหลายเท่า นอกจากนี้
เขาไม่ได้ตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอันตรายร้ายแรงมาก”
“โอว..งั้นนี่ก็คือเหตุผลนั่นเอง” ในที่สุดเซรีนก็เข้าใจสถานการณ์ชัดเจน แต่ผิดหวังเล็กน้อย
“ข้าคิดว่าจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเสียอีก”
อย่างนั้นนางก็เป็นตัวโง่งมในเรื่องการต่อสู้
ตวนมู่โต้แย้ง “มันน่าตื่นเต้นมาก! ยอดฝีมืออาวุธจักรกลของท่านน่าประทับใจจริงๆ
นั่นคือจังหวะ
จังหวะของเขาแทบจะสมบูรณ์พร้อม
ข้าไม่เคยเห็นนักสู้ระดับทองผู้มีกลยุทธที่ยิ่งใหญ่เปี่ยมไปด้วยจังหวะอย่างนั้นมาก่อน
“จังหวะอะไรกัน?” เซรีนมองดูเหมือนสูญเสีย
ตวนมู่รู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นกำแพงที่กำลังถูกกระต่ายโดดนับล้านตัวเหยียบย่ำ ทำไมพวกบ้าต่อสู้ในสถานที่นี้ถึงได้แข็งแกร่งทรงพลังนัก
แล้วเจ้ายังจะถามถึงเนื้อหาเคล็ดการต่อสู้อีกหรือนี่
ไม่ว่าจะเป็นถังเทียนหรือนักสู้จักรกลผู้ลึกลับหรือแม้แต่ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ
ทั้งหมดนี้น่าประทับใจทั้งนั้น
แต่สตรีที่อยู่ต่อหน้าเขาคลับคล้ายว่าสถานะสูงส่งแต่ดูเหมือนจะโง่!
“ทำไมเจ้าถึงได้มีสีหน้าแบบนั้น? ข้าถามอะไรผิดเหรอ?” เซรีนยิ้มกว้าง
ตวนมู่สั่น
โธ่.. เขามุ่งมั่นเกินไป จนเกือบลืมไปว่าสตรีนางนี้ร้ายกาจแค่ไหน..
เขารีบเชิดหน้าทันที “ข้ากำลังคิดว่าจะอธิบายอย่างไรดี ฮืม.. จังหวะก็เป็นเหมือน..
ตัวอย่างเช่น เจ้าเห็นวิธีที่นักสู้จักรกลเคลื่อนไหวไหม
ดูเหมือนเข้าใกล้และฉับพลันก็ห่างออกไปในวินาทีต่อมา แต่ถ้าเจ้าศึกษาดูดีๆ เจ้าจะสังเกตได้ว่าเขารักษาระยะห่างไว้ได้อย่างสบาย
และสามารถเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้การโจมตีของเขายังกระจายตัว
ดูเหมือนไม่มีเป้าหมาย
แต่การโจมตีทั้งหมดเข้าจุดร้ายแรง
ยิ่งกว่านั้นเขามักโจมตีก่อนที่คนหัวโล้นจะลงมือให้คู่ต่อสู้พ่ายแพ้
เขากำลังควบคุมจังหวะของคู่ต่อสู้และกดดันคู่ต่อสู้ของเขาให้ต้องถอยกลับออกไป”
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว” เซรีนพยักหน้ารัว
“เขาแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ” ตาของตวนมู่เป็นประกาย “ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่านักสู้จักรกลที่ทรงพลังขนาดนั้นยังคงมีอยู่จริงๆ ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง
ตำนานกล่าวไว้ว่ามีแต่ยอดฝีมือจากกองทัพดาวกางเขนใต้เท่านั้นจึงจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้”
“ยอดฝีมือของกองทัพกางเขนใต้?” เซรีนยิ้มหวาน
ตวนมู่รู้สึกสับสนและพยักหน้า “ถูกแล้ว ยุคนั้นจักรกลรุ่งเรืองถึงขีดสุด
นักสู้สายจักรกลที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์จะมีความน่าประทับใจมากกว่าปัจจุบันนี้มาก”
ในร่างของพยัคฆ์ฟ้า
ปิงยังคงรักษาสีหน้าต่อไป
พยัคฆ์ฟ้ารุ่นใหม่น่าทึ่งมาก
เขาสามารถควบคุมได้ง่ายและจิตวิญญาณยุทธก็ฉลาด
อาวุธจักรกลวิญญาณจะเข้าใจกลยุทธการเคลื่อนไหวของเขาทันทีที่เขาคิดจะเคลื่อนไหว
บางครั้งเขาคิดถึงพยัคฆ์ฟ้ารุ่นเก่า แต่เขารู้ว่านั่นเป็นอดีตไปแล้ว
มันจะถูกสลักลึกอยู่ในความทรงจำของเขา
แต่เขาไม่สามารถลืมมันได้...
เช่นเดียวกับสัญชาตญาณวิธีการต่อสู้ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา แม้ว่าเขาจะใช้อาวุธจักรกลวิญญาณในตอนนี้ แต่เมื่อเขาสู้
เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นรูปแบบของกองทัพกางเขนใต้ หยุดฉับพลันพุ่งฉับพลัน
เหมือนการเคลื่อนไหวของผึ้ง...
เขาไม่มีอารมณ์
คนเราจะมีชีวิตจมอยู่กับความเศร้าตลอดไปได้อย่างไร? แม้ว่าจะเป็นอดีต, แม้ว่ามันจะไม่มีทางหวนกลับมา
แม้ว่าจะเป็นความทรงจำที่แจ่มชัดจนรู้สึกเหมือนจริง แม้ว่าจะไม่มีวันลืมได้
แต่เขาก็ยังต้องมีชีวิตต่อไป
เขาไม่มีเวลาจะจมอยู่กับอารมณ์เหล่านั้น
เนื่องจากยังมีงานอีกมากและฝันอีกมากรออยู่ มีเกียรติยศศักดิ์ศรีอีกมากที่เขายังต้องปกป้อง
เพราะชายหนุ่มคนหนึ่งผู้เคยอ่อนแอและไร้ประโยชน์ แต่ปัจจุบันนี้มีหัวใจแข็งแกร่งดุจหิน
เพราะ...
เพราะข้าจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จก่อนที่ข้าจะสลายหายไป
ปิงยังคงรักษาสีหน้าเคร่ง
จับตามองหาจุดอ่อนของนักสู้ศีรษะโล้นต่อไป
พยัคฆ์ฟ้าพุ่งเป็นแนวโค้งอย่างงดงามในอากาศ
ลุยกันเถอะกองทัพดาวกางเขนใต้!
8 ความคิดเห็น:
ฟื้นฟูกองทัพพพพพพพ. ขอบคุณครับ
รีเฟส..รอตั้งแต่เช้าเรยครับ
หยหยา ไฟท์โตะ!! ไฟท์โตะ!! หยาหยา ไฟท์โตะ!! ไฟท์โตะ!! หยาหยา สุโค้ย!
ขอบใจหลายยย
ลุงจะปักธงทำไม-_-
หยาหยาน่ารักดี
ในอนาคตต้องมีฉากที่ปิงร่างสลายแน่ๆ ขอเวลาทำใจแป๊ป
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น