ตอนที่ 460
สี่สัปดาห์
วังกลุ่มดาววาฬ บรรยากาศอึมครึม
รายงานการรบทุกฉบับถูกส่งมาอยู่ต่อหน้าพวกเขาล้วนเขียนจำนวนตัวเลขเป็นสีแดง
เหมือนกับหยดเลือด เป็นฉากภาพที่น่าตกใจ
ในสัปดาห์แรก พวกเขามีนักสู้ชาววาฬเสียชีวิตเกินกว่าสี่พันคน สมาพันธ์ชาวยุทธมีจำนวนน้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสู้ระดับสูงของพวกเขา
ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิต 67 คน แต่นักโลหิตวิทยาถูกกำจัดออกไปถึง 70%
ในสัปดาห์ที่สองอัตราการตายเกินกว่าหนึ่งหมื่นสองพันคน
สมาพันธ์ชาวยุทธเพียงแต่เพิ่มจำนวนนักโลหิตวิทยาเข้ามา
จำนวนลูกกลุ่มที่สนับสนุนเข้ามาลดลงมาก
ฝ่ายตรงข้ามใช้พิษที่มากมายหลากหลาย
และพวกเขายังคงเปลี่ยนยาพิษอีกด้วย ทำให้นักโลหิตวิทยาของสมาพันธ์ชาวยุทธตั้งตัวไม่ทัน
ในสัปดาห์ที่สาม
สมาพันธ์ชาวยุทธใช้เงินจำนวนมหาศาลเชื้อเชิญอคินสันปรมาจารย์นักโลหิตวิทยาผู้โด่งดังมีชื่อเสียง แต่ใครจะรู้กันว่านักโลหิตวิทยาผู้คลั่งไคล้งานวิจัยขององค์การวิญญาณมืดทุกคนถูกยุแหย่จนเดือดดาล
ผลงานพิษรุ่นใหม่ล่าสุดถูกส่งไปอยู่ในมือของผู้เฒ่าเฟ่ย
จะมีอะไรที่ดีกว่าการย่ำยีเอาชนะปรมาจารย์ภายใต้การจับตาดูของสายตานับพัน?
วีรบุรุษจะไม่สามารถต่อต้านแรงกดดันของคนหลายคนได้ ปรมาจารย์อาคินสันได้รับสมบัติชั้นทองอย่างดี
ในที่สุดก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าด้วยพิษนิรนาม
พิษนั้นถูกขนามว่า ‘จุมพิตปรมาจารย์’ กลายเป็นชื่อที่โด่งดังเป็นพลุแตก คนที่ผลิตขึ้นมาก็คือฮั่วเอ๋อซึ่งต่อมากลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างแท้จริงหลังจากศึกนี้
และเขาถูกองค์การวิญญาณมืดดึงเข้าไปทันทีให้รับตำแหน่งผู้อาวุโสสำนัก
และมูลค่าพิษ ‘จุมพิตปรมาจารย์’ พุ่งพรวดจากราคาขวดละหมื่นเหรียญดาวขึ้นไปเป็นพันห้าร้อยล้านเหรียญดาว
คนนับไม่ถ้วนกำมือและถอนหายใจ คนอีกนับไม่ถ้วนรู้สึกอิจฉาและอีกนับไม่ถ้วนพยายามต่อไปเช่นกัน
แต่ในช่วงเวลานั้น
สมาพันธ์ชาวยุทธที่มีอิทธิพลอำนาจไม่สามารถจ้างปรมาจารย์โลหิตวิทยาได้อีก
ไม่มีใครยอมตกเป็นขี้ปากให้สาธารณชนวิจารณ์ เหมือนกับอคินสันที่ใช้ชีวิตตัวเองกลายเป็นหินรองเท้าให้ฮั่วเอ๋อก้าวข้ามผ่านไป ในความมืดมีคนอีกนับไม่ถ้วนรอโอกาสกลายเป็นฮั่วเอ๋ออีกคนหนึ่ง สายตาของพวกเขาทุกคนเขียวแวววาวด้วยความริษยา
ต่อให้เป็นปรมาจารย์โลหิตวิทยาที่โดดเด่นที่สุดก็กลายเป็นเหยื่อฝูงหมาป่าที่หิวโหยได้
การรบที่กลุ่มดาวหมีใหญ่มาถึงทางตัน
เนื่องจากนักสู้ชาววาฬมากกว่า 80% กลับมายังกลุ่มดาววาฬ แม้ว่าการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้พลังดวงดาวฟรีสามปีจะดึงดูดใจก็ตาม
แต่เมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว จะเอามาเทียบกันได้อย่างไร?
ในช่วงเวลาสั้นๆ
สองสัปดาห์ยอดผู้เสียชีวิตเกินกว่าสองหมื่นคน นั่นคือจำนวนที่ทำให้หัวใจของหลายๆ
คนถึงกับเย็นเฉียบ
มีความคิดล่าถอยเกิดขึ้นในหัวของพวกเขา
คนกลุ่มใหญ่ถึงพันคนตายโดยไร้สุ้มเสียง ถูกฟันยับเหมือนข้าวสาลีไม่มีทางได้ลุกขึ้นมาอีก
ความกลัวที่เกิดขึ้นกระทันหันทำให้คลื่นมนุษย์เผ่นกลับไปยังกลุ่มดาวของพวกเขา
ผ่านมาอีกหลายปี
เมื่อใดก็ตามที่มีคนพูดถึงฉากภาพนี้ นัยน์ตาพวกเขาจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
กลุ่มดาววาฬไม่มีอารมณ์รื่นเริงยินดีอีกต่อไป ทุกคนตระหนักว่า
การรบถลำไปไกลเกินกว่าพวกเขาจะควบคุมได้
พวกที่เตรียมตัวรับเงินรางวัลใหญ่ล้วนคอตกกลับมาทุกคน ในเวลานั้นกลุ่มดาววาฬเข้าสู่ภาวะถดถอย
“เมืองสามวิญญาณ!” ผู้เฒ่าจางกัดฟันและกล่าว
“เราจำเป็นต้องกวาดล้างเมืองสามวิญญาณก่อน! ไม่มีพวกมัน กลุ่มดาวหมีใหญ่ก็ไม่มีศูนย์กลางสั่งการ
และเราจะได้ตั้งหน้าตั้งตาเอาชนะกลุ่มดาวหมีใหญ่”
หน้าของกงชิงดูเหมือนแก่ขึ้นในทันใด
แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่สูญเสียการติดต่อกับกองทัพทั้งสาม แต่ความสูญเสียของพวกเขาร้ายแรง
ตอนนี้ยุทธการใช้พิษของกลุ่มดาวหมีใหญ่รุนแรงจนไม่มีใครคาดคิด ในองค์การวิญญาณมืดตอนนี้
นักโลหิตวิทยาผู้ค้นคว้าพิษทุกคนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
สถานะของพวกเขาพุ่งทะยานและมหาอำนาจใหญ่ได้ขยายสัญลักษณ์สันติภาพของพวกเขา ทุกคนรู้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีส่วนร่วมในสงครามพิษอีกต่อไป
แต่ถ้ามีใครต้องการเก็บนักโลหิตวิทยาผู้ค้นคว้าพิษ พวกเขาจะถูกกำจัดออกไป
ฉากภาพความตายที่เงียบงันในภาพจอทำให้ทุกคนสั่นด้วยความกลัว
และนักโลหิตวิทยาผู้ค้นคว้าพิษผู้พิสูจน์ตัวเองในการรบ
ทุกคนจะมีสถานะที่เพิ่มขึ้น
มหาอำนาจที่สังเกตการณ์รบต่างก็คิดกันอย่างหนัก
จะรับมือสถานการณ์นี้ได้อย่างไร
ไม่มีความแน่นอน แม้ว่าพิษจะทรงพลัง แต่ก็ต้องมีวิธีตอบโต้แน่นอน
สมาพันธ์ชาวยุทธมีข้อมูลเชิงลึกผุดขึ้นมาทันที
กำแพงคิงคอง วิชาต่อสู้นอกสารบบและง่ายดายสามารถสร้างอัดพลังปราณแท้ครอบคลุมทั้งร่างป้องกันไม่ให้พิษส่วนใหญ่เข้ามาได้ มีการค้นพบว่าสามารถป้องกันพิษรูปแบบต่างๆ
ได้ถึง 90% หลังจากได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสคนหนึ่งแล้วก็จะสมบูรณ์แบบทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกองทัพ
ภายใต้การควบคุมของผู้บัญชาการทหาร พวกเขาสามารถสร้างกำแพงคิงคองขึ้นได้ง่ายๆ
แม้ว่ากำแพงคิงคองสร้างขึ้นมาเพื่อให้กองทัพใช้ป้องกันการโจมตี แต่ก็ยังมีผลมากต่อการใช้หยุดยั้งพิษด้วย
ในสัปดาห์ที่สี่จำนวนผู้เสียชีวิตของนักสู้ชาววาฬลดลงอย่างเห็นได้ชัด
และกองทัพทั้งสามที่ไม่สามารถเคลื่อนกำลังได้
ก็สามารถเดินหน้าได้อีกครั้ง
ความคิดเล็กๆ
ก็สามารถทำให้ความโน้มเอียงทางสงครามเปลี่ยนไปอย่างมาก
ไม่มีพิษช่วยเหลือ พลังก่อกวนรังควานของนักสู้ชาวหมาป่าก็ลดลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่ากองทัพทั้งสามจะได้รับบาดเจ็บ
แต่ความเสียหายก็ยังอยู่ในระดับต่ำ
ทั่วทั้งกลุ่มดาววาฬกลับฟื้นคืนความมั่นใจอีกครั้ง
กองทัพทั้งสามแค่กำจัดเมือง
ดูเหมือนมีข้อตกลงว่าจะเดินหน้าอย่างเดียว
เป้าหมายของพวกเขาคือตรงเข้าหาตัวถังเทียนที่ไข่หมี
*******
ฐานบรอนซ์เมืองสามวิญญาณ
ผู้เฒ่าเฟ่ยและพวกหดหู่ใจไปตามๆ
กัน การรบครั้งก่อน พวกเขากำลังจะคว้าชัยชนะแท้ๆ
แต่พวกเขาไม่คาดเลยว่าจะสลายไปในพริบตา
วิชากำแพงคิงคองที่เอาชนะพวกเขาได้ ไม่ใช่วิชาระดับสูง มันเป็นแค่ชั้นพลังปราณแท้ครอบคลุมร่างป้องกันพิษมีปฏิกิริยา
เทียบกับการคลุมด้วยปราณแท้อื่นกลับได้ผลมากกว่า
ถ้าคนที่ไม่ได้ฝึกกำแพงคิงคองในระดับลึกซึ้ง
การป้องกันของมันก็ระดับซี่โครงไก่พื้นๆ แม้ว่ากำแพงคิงคองจะทน มันขาดพลัง
พื้นที่ป้องกันแข็งแกร่งทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่สามารถโจมตีได้ แต่ชั้นอ่อนหยุ่นของกำแพงคิงคอง มีประโยชน์มากในการป้องกันพิษ
ปิงปลอบใจพวกเขาอย่างหนัก
“งานของทุกคนสำเร็จเป็นอย่างดีแล้ว พวกเขาช้าไปถึงสี่สัปดาห์
และสี่สัปดาห์นี้มีค่าต่อเรามาก”
“ตอนนี้พิษของเราไร้ประโยชน์ไปแล้ว” ผู้เฒ่าเฟ่ยท้อแท้
“นั่นเป็นธรรมดาของสงคราม ใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพเพียงวิธีเดียว
ก็จะถูกตอบโต้อย่างแน่นอน
และพวกท่านทุกคนทำงานในสี่สัปดาห์สำเร็จดีแล้ว! แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
ตาของปิงเป็นประกายเยือกเย็น
ผู้เฒ่าเฟ่ยรู้ว่าสิ่งที่ปิงพูดนั้นมีเหตุผล แต่อารมณ์ของเขายังไม่ดี ดังนั้นเขาตอบเสียงอ่อย
“ข้าจะไปค้นคว้าต่ออีกเล็กน้อย
ข้าต้องการดูว่ามีวิธีอะไรที่ใช้ทำลายกำแพงคิงคองได้?”
พูดจบเขาหมุนตัวเดินจากไป
ปิงไม่ห้ามเขา
มีแรงบันดาลใจเป็นเรื่องที่ดี สงครามมีเพื่อแสดงความแข็งแกร่งและระเบียบวินัยและจำเป็นต้องใช้วิธีการใหม่ๆ
สร้างบางอย่าง
ดังนั้นประโยชน์จะต้องวางอยู่บนรากฐาน
ตัวอย่างเช่น สี่สัปดาห์
ตระกูลม่อมาปักหลักอยู่ในฐาน
ไม่ทันสร้างที่พักอาศัย แต่กลับสร้างห้องปฏิบัติการของตระกูลม่อ
ตระกูลม่อสามารถกลายเป็นตระกูลจักรกลระดับสูงได้
เนื่องมาจากวิชาจักรกลของพวกเขา และห้องปฏิบัติการของตระกูลม่อเป็นหนึ่งในนั้น
ห้องปฏิบัติการของตระกูลม่อมีวิธีผลิตอาวุธจักรกลเฉพาะแบบตน
ทำให้พวกเขาสามารถควบคุมคุณภาพและมาตรฐานได้
ด้วยประโยชน์เช่นนั้นแม้ว่าในช่วงที่วิชาจักรกลตกต่ำลง
และตระกูลจักรกลทุกตระกูลรู้สึกได้รับผลกระทบ
แต่ตระกูลม่อกลับปลอดภัยไร้เรื่องราว
คนรุ่นก่อนของตระกูลม่อเข้าใจไปก่อนว่าอาวุธจักรกลตกสมัยไปแล้วไม่สามารถหยุดยั้งได้
จึงผลิตแต่อาวุธจักรกลระดับต่ำและอสูรจักรกลเป็นผลผลิตหลัก
และการควบคุมต้นทุนผลิตก็คือการควบคุมความเป็นความตายอย่างมิต้องสงสัย
ตระกูลม่อได้สะสมความรู้และวิจัยการผลิตมานับไม่ถ้วนและสร้างวิธีผลิตของตนเอง
และนั่นคือห้องปฏิบัติการของตระกูลม่อ
ห้องปฏิบัติการตระกูลม่อมีไฟสว่างไสว
มีเสียงอื้ออึง อาวุธจักรกลมีเสียงกระหึ่ม ประกายไฟกระจายไปทั่ว
เหล็กหลอมเหลวสีแดงจัด อากาศเต็มไปด้วยบรรยากาศของเหล็ก
ช่างฝีมือกล้ามเป็นมัดกระตุ้นปราณแท้ทำให้ทั่วทั้งร่างสะท้อนแสง
มือถือค้อนเหล็กใหญ่กว่าตัวเขาเสียกทำการหวดโลหะ
นายช่างอื่นมีสมาธิสีหน้าเคร่งขรึมถือเครื่องมือคล้ายใบมีด พวกเขาตัดชิ้นส่วนบรอนซ์ ใยบรอนซ์ขึ้นรอบเหมือนถูกตัดเป็นเส้นบางๆ
ช่างผู้มีประสบการณ์ทุกคนเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของตระกูลม่อ
ม่อเว่ยเทียนดูแลควบคุมด้วยตนเอง เขายากจะปรากฏตัว แต่ปัจจุบันนี้
เขามีสีหน้าเข้มงวด เดินตระเวนสำรวจดูไปรอบๆ
ตระกูลม่อไม่ได้มีงานยุ่งแบบนี้มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ห้องปฏิบัติการตระกูลม่อถูกสร้างขึ้นมา
ไม่เคยถูกใช้เต็มรูปแบบอย่างแท้จริง
แต่คนในตระกูลม่อไม่โกรธเคือง
เนื่องจากนี่คือสงครามครั้งแรกของพวกเขาแม้ว่าพวกเขาจะห่วงชีวิตตนเองก็ตาม นอกจากนี้ เมื่อเห็นเหล็กหลอมสีแดง
เมื่อเห็นฉากที่ทำให้เลือดเดือด
สมาชิกตระกูลม่อเต็มไปด้วยความต้องการสู้
เมื่อม่อเว่ยเทียนเห็นประจักษ์การผลิตอาวุธจักรกลวิญญาณรุ่นใหม่ล่าสุดกับตาตนเองและประทับตราเครื่องหมายห้องปฏิบัติการตระกูลม่อ เขาแทบน้ำตาร่วง
มันกี่ชั่วคนมาแล้วที่ห้องปฏิบัติการตระกูลม่อถึงจะได้ผลิตอาวุธจักรกลวิญญาณที่แข็งแกร่งออกมาในรุ่นนี้ได้
เป็นความฝันของคนหลายรุ่นจริงๆ
เขาลูบอาวุธจักรกลวิญญาณสีเขียวเข้ม
มันเปล่งประกายอบอุ่นจากกระบวนการผลิต ปุ่มบนผิวยังไม่ได้ขัดเกลาให้สม่ำเสมอ
ยังไม่มีการลงสี ไม่มีความสวยงาม
แต่ในสายตาของม่อเว่ยเทียน มันเป็นผลงานศิลปะอย่างสมบูรณ์แบบ
ทำให้เขาหลงรักอย่างสุดซึ้ง
อาวุธจักรกลวิญญาณค่อนข้างน่าเกลียด
ภายใต้โลหะอุ่นที่ปกคลุม ม่อเว่ยเทียนรู้สึกได้ถึงชีพจรที่ทรงพลัง
เฮ้อ,
นี่คือชีพจรรุ่นใหม่ล่าสุด!
ม่อเว่ยเทียนรู้สึกกล้าหาญทันที ข้าจะให้พวกเจ้าทุกคนได้เจอ
ผลงานของห้องปฏิบัติการของตระกูลม่อที่ทรงพลัง
หลังจากผ่านไปสี่สัปดาห์ นักสู้ยี่สิบคนต่างก็รู้สึกทึ่งถังโฉ่ว
ใช้เวลาสามวันถังโฉ่วได้ยืนยันการจับคู่ของพวกเขา
ยี่สิบคนจัดเป็นกลุ่มเล็กห้ากลุ่ม
นั่นไม่มีอะไร
แต่สิ่งที่ทำพวกเขารู้สึกนึกไม่ถึงภายในช่วงเวลาสั้นๆ
ถังโฉ่วให้คู่มือกลยุทธการฝึกหกสิบหน้าแก่ทุกกลุ่ม
คู่มือการฝึกกลยุทธของทุกกลุ่มแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ยี่สิบคนเกือบร้องไห้
พวกเขาคือนักสู้ผู้ถือกำเนิดในแผ่นดินที่ยากลำบาก
และในที่สุดได้ประสบกับสิ่งที่เรียกว่ามืออาชีพอย่างลึกซึ้ง
มือดีในการวางกลยุทธที่พวกเขาได้พบเห็นในอดีต กลยุทธที่พวกเขาออกแบบ
ยังกลายเป็นดิบเรียบง่ายเมื่อเทียบกับกลยุทธของถังโฉ่ว
และการฝึกตามที่เขาได้รับมอบหมายทำให้พวกเขาเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น
จุดเด่นของพวกเขาโดดเด่นมีประสบการณ์มากมาย เมื่อพวกเขาเริ่มฝึกร่วมกัน พวกเขาจึงสามารถรู้สึกถึงพลังของกลยุทธของถังโฉ่วได้ทันที
ทุกกลยุทธถูกออกแบบผ่านการไตร่ตรองและวางแผนอย่างระมัดระวัง
แม้แต่จุดอ่อนข้อผิดพลาดยังได้ออกแบบอย่างระมัดระวัง
เพราะได้รับการออกแบบมาสำหรับพวกเขาโดยเฉพาะ
การประสานของพวกเขาเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว การฝึกฝนกลยุทธต่างๆ พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าเป็นปลาที่อยู่ในน้ำ
สิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องปรับปรุงก็คือความเข้าใจกันและกัน
หลังจากผ่านไปสี่สัปดาห์
ในที่สุดพวกเขาก็มีความเข้ากันได้ในเบื้องต้น แม้ว่าถังโฉ่วจะยังไม่พอใจมากนัก แต่พวกเขากระตือรือร้นจะทดสอบหลายอย่าง
สถานการณ์กลุ่มดาวหมีใหญ่เหมือนกับไฟลามทุ่ง
ทำไมที่นี่ถึงได้เงียบนักเล่า?
ทันใดนั้น
ยามที่อยู่รอบๆ สั่นและส่งสัญญาณเตือนเงียบๆ
พวกเขาสะดุ้งกันทุกคน
มีประกายแวววาวในดวงตาทันที
7 ความคิดเห็น:
สงครามกำลังจะมาเยือน
60วัน +4สัปดาห์ พี่ถังยังไม่ออกมา ยังไม่ตายใช่มั้ยพี่
ซ้อมมือเด็กใหม่พอดีเลย
โอ๊ยยหนออออ ทำกันแบบนี้นะ จบแบบนี้นะ
คำเดียวสั้นสั้น แต่มีๅความหมาย...........ค้างงงงง
ของจริงกำลังจะเริ่มต้น และพี่ถัง ยังกกไข่ ไม่ออกมาสักที....
ได้เวลาส่งเด็กใหม่ไปฟาร์ม
แสดงความคิดเห็น