ตอนที่
479 ผู้อาวุโสอัน
“ถังเทียนมาได้เร็วนัก โชคเขาดีจริงๆ”
คนที่พูดอายุราวสามสิบปี ตาของเขาลึกมีแววถือดี
แม้ยามที่เขายิ้ม
ก็ไม่ได้รู้สึกอบอุ่นใจแต่อย่างใด นักสู้ที่นั่งอยู่ด้านล่างเขาได้แต่เงียบด้วยความกลัว
เขามองดูทุกคนและพูดอย่างเฉื่อยชา
“ใครบอกข้าได้บ้าง ทำไมเจ็ดดาวเหนือถึงได้ถูกผนึกในปีนั้น?”
เจ้าเมืองดูบีตอบด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโสอัน
ราวๆ แปดพันปีที่แล้ว การต่อสู้อย่างดุเดือดระหว่างสำนักพญาหมีและนักสู้ชาวต่างถิ่นรุนแรงขึ้นทุกวัน ผลของการต่อสู้ที่รุนแรงดุเดือดในเจ็ดดาวเหนือเป็นเหตุให้พลังดวงดาวปั่นป่วนขนาดที่ประตูดวงดาวหายไป
ดังนั้นเจ็ดดาวเหนือจึงผนึกตัวเอง
แต่หลังจากผ่านไป 500 หลังสงคราม ทั้งสองฝ่ายทำสัญญากัน
ชาวพญาหมีอยู่ด้านตะวันออกของสันเขา
ขณะที่เมืองเจ็ดดาวเหนือถูกสร้างทางด้านตะวันตก”
“ใช่แล้ว
ดังนั้นพวกเจ้าเป็นพลเมืองโบราณกันทุกคนที่ต้องสูญเสียไปมาก
ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ผู้อาวุโสอันถอนหายใจ “และข้าได้ยินมาว่าแนวสันเขาด้านตะวันออก
พลังดวงดาวหนาแน่นมาก สถานที่ดีๆ แบบนั้นถูกพวกป่าเถื่อนฉกฉวยเอาเปรียบ
นับว่าเสียเปล่าจริงๆ ผนึกของเจ็ดดาวเหนือมีมาแปดพันปีแล้ว
และพลังดวงดาวในนี้ก็หนาแน่นมาก เกือบเทียบได้กับสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา
และสำหรับเซียนชั้นบรอนซ์ มันคือสวรรค์จริงๆ เพราะทุกคนจะได้ใช้พลังฝึกฝน”
มีคนนั่งอยู่ด้านล่างแปดคน
นอจากเจ้าเมืองดูบีแล้ว ยังมีนักสู้ชั้นเซียนอีกหกคน พวกเขายังคงเงียบอยู่ แต่ใจของพวกเขากระตือรือร้นมาก
สำหรับนักสู้ชั้นเซียน
การอาศัยกฎธรรมชาติและเพื่อให้สนามพลังวิญญาณก้าวหน้าจำเป็นต้องอาศัยพลังดวงดาวและต้องได้มากเสียด้วย
กลุ่มดาวธรรมดาไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ นั่นคือสาเหตุทำให้นักสู้ระดับเซียนชอบกลุ่มดาวระดับระนาบสุริยุปราคาและไม่ยินดีจะอยู่ในกลุ่มดาวที่เล็กกว่า
เนื่องจากพลังดวงดาวเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด
“เดิมทีข้าคิดว่า
ก่อนที่ถังเทียนจะบุกรุกเข้ามา ทุกคนจะสามารถปักหลักที่นี่ได้ แต่ใครกันจะรู้ว่าเจ้าเด็กถังมาได้ไวนัก
เกินกว่าที่พวกเราคาดเอาไว้
ข้ามาที่นี่เพื่อบอกทุกคน ในเวลาไม่ช้านี้สมาพันธ์ชาวยุทธจะถอนตัวออกจากเจ็ดดาวเหนือทั้งหมด”
ด้วยการพูดเพียงเท่านั้น
กลับกลายเป็นเรื่องฮือฮา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพวกเจ้าเมืองพากันตื่นตระหนกกันทั้งหมด พวกเขาทรยศฉีกสัญญา และการแก้แค้นของสำนักพญาหมีรุนแรงมาก แม้ว่าคนป่าเถื่อนจะไม่มีปฏิกิริยามากนักกับโลกภายนอก แต่เมื่อพวกเขาตระหนัก ก็จะเป็นเรื่องร้ายแรงมาก
ผู้อาวุโสอันยิ้ม และทุกคนสงบใจได้ทันที
“ทางสมาพันธ์ไม่เต็มใจจะร่วมทำศึกกับเจ้าเด็กน้อยถังในตอนนี้ พลังของเจ้าเด็กถังยังน้อยนิด
แต่ระดับการคุกคามนั้นอยู่ในระดับสูงและสิ่งที่สมาพันธ์กังวลไม่ใช่ถังเทียน
แต่เป็นราชสีห์ ข้าคือผู้อาวุโสของสมาพันธ์ชาวยุทธ จำเป็นต้องปฏิบัติตามนโยบายของสมาพันธ์”
สีหน้าของผู้อาวุโสอันสงบ
ยิ่งผู้อาวุโสอันพูดอย่างใจเย็น ทุกคนก็ยิ่งเงียบมากขึ้น แม้ว่าผู้อาวุโสอันจะอายุยังน้อย แต่เขาได้รับความเคารพ และมีอำนาจมาก
“แม้ว่าจะมีแต่เพียงเจ้าเมืองดูบีปรากฏตัววันนี้ แต่อีกหกเจ้าเมืองมีใจเป็นหนึ่ง
และยังมีเจ็ดเซียนนักสู้ที่อาสาเข้ามาใหม่
พวกเจ้ามีนักสู้ชั้นเซียนรวมแล้ว 13 คน ไม่ว่าถังเทียนจะแข็งแกร่งเพียงใด
เขาไม่สามารถรับมือพวกท่านได้ทุกคน
แม้ว่าถังเทียนจะไม่อาจดูแคลนได้ แต่พวกเจ้ามีใครอ่อนแอบ้าง?
ข้าจะบอกไว้เลยว่าทั้งสองฝ่ายพอๆ กัน นอกจากนี้เรายังมีเจ้าหมีบ้านั่น
เรายังสามารถใช้ประโยชน์ได้”
เจ้าเมืองดูบีพูดด้วยความเคารพ “ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะชี้แนะหนทางที่ถูก”
“ข้าได้ยินว่าหลิงซิ่วพากุมารีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักพญาหมีไปยังแนวเขา” ผู้อาวุโสอันยิ้ม “เราแค่ต้องฆ่าพวกเขาในระหว่างทาง
ใครจะรู้ว่าเราฉีกสัญญา? ประตูดวงดาวอยู่ที่เมืองอัลเคด
ถังเทียนมันบ้าและเหลวไหลและเจ้าเมืองอัลเคดสาบานจะปกป้องเจ็ดดาวเหนือ ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงสู้รบกันอย่างดุเดือด กุมารีศักดิ์สิทธิ์หนีไปได้
แต่ถูกหลิงซิ่วฆ่า เมื่อข้าไปถึง กุมารีศักดิ์สิทธิ์ก็ตายแล้ว ดังนั้นวิธีเดียวก็คือล้างแค้นให้กุมารีศักดิ์สิทธิ์และฆ่าเจ้านั่นซะ”
ทุกคนนัยน์ตาเป็นประกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าเมืองดูบี
เขายิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น
เขารู้นิสัยของคนสำนักพญาหมีดี
ถ้าพวกเขาสามารถฆ่าหลิงซิ่วและกุมารีศักดิ์สิทธิ์ได้ สำนักพญาหมีจะต่อสู้กับถังเทียนจนตายแน่นอน
“ใครจะรู้ ทั้งสองฝ่ายอาจเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย
มากจนทุกคนที่นี่สามารถดำเนินการตอบโต้ได้ และยึดกลุ่มดาวหมีใหญ่ไว้” ผู้อาวุโสอันหัวเราะเบาๆ อย่างสงบและใจเย็น
เมื่อเห็นว่าเซียนนักสู้สองสามคนเริ่มจะมีความลังเล สีหน้าของผู้อาวุโสอันเคร่งขรึมทันที
การพูดคุยปรึกษาค่อยๆ
สงบลงขณะที่ทุกคนมองดูเขา
“นี่จะต่างจากสิ่งที่เราได้วางแผนไว้แต่เดิม
แต่ของอะไรในโลกจะได้มาโดยไม่ต่อสู้ด้วยมือของเราเองบ้าง? บางครั้งแม้มีโอกาสสู้ก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะกองทัพของเยี่ยนหย่งเลี่ยล้มเหลว
พวกเจ้าคิดว่าจะมีโอกาสเช่นนี้หรือ?”
เมื่อพูดเช่นนั้น
เซียนนักสู้พากันตื่นเต้นทุกคน
“ผู้คนภายนอกคิดว่าเยี่ยนหย่งเลี่ยกำลังสู้กับกลุ่มดาวนายพราน แต่น้อยคนนักจะได้รู้ เทียบกับเจ็ดดาวเหนือแล้ว
กลุ่มดาวนายพรานจะมีอะไร?
ถ้าไม่ใช่เพราะกองทัพพญาหมีตายและพ่ายแพ้
สวรรค์จะส่งโอกาสดีเช่นนั้นมาไว้ในมือพวกเจ้าได้อย่างไร?” สีหน้าของผู้อาวุโสอันเย็นชา
เซียนนักสู้คนหนึ่งยืนขึ้นและคารวะ
“เราจะจดจำความกรุณาของท่านผู้อาวุโสตลอดไป ถ้าท่านมีอะไรให้เราช่วยเมื่อถึงเวลา
โปรดบอกเราได้ไม่ต้องเกรงใจ”
หน้าของผู้อาวุโสอันผ่อนคลายและยิ้ม
“ถ้าพวกเจ้าทุกคนสามารถหยุดถังเทียนให้ข้าได้
นั่นจะช่วยได้มากมายที่สุด
การสูญเสียกลุ่มดาวหมีใหญ่สร้างแรงกดดันให้ข้ามหาศาล ถ้าพวกเจ้าสามารถโค่นกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้
ข้าจะขอรางวัลให้พวกเจ้าทุกคน”
ทุกคนเข้าใจทุกอย่างที่เขาพูด
หัวใจพวกเขาอดประหลาดใจไม่ได้ ความจริงถังเทียนไม่อาจถูกประเมินต่ำไปจนทำให้ผู้อาวุโสอันรู้สึกกดดัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีคนไปสู้กับถังเทียน ด้วยแผนการร้ายของผู้อาวุโสอัน ถ้าเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว
พวกเขาก็แค่นั่งบนภูดูเสือกัดกัน
และด้วยนักสู้ชั้นเซียนทั้งสิบสามคน
ไม่ว่าถังเทียนจะแข็งแกร่งเพียงไหน ก็ไม่ง่ายที่จะจัดการพวกเขา
พวกเขาสบายใจ
เนื่องจากพวกเขาไม่รู้เหตุผลที่ผู้อาวุโสอันช่วยพวกเขาสู้เพื่อกลุ่มเจ็ดดาวเหนือ
ผู้อาวุโสอันมองดูสีหน้าพวกเขาอย่างใจเย็น
เมื่อการประชุมเสร็จสิ้น พวกเซียนนักสู้และเจ้าเมืองทุกคนต่างออกไป พวกเขาจำเป็นต้องปรึกษาถึงวิธีการดำเนินตามแผน
จนกระทั่งดึก เจ้าเมืองดูบีจึงกลับไป
“กำลังใจของทุกคนเป็นยังไงบ้าง?” ผู้อาวุโสอันยิ้มขณะรินชาให้เจ้าเมืองดูบี
เจ้าเมืองดูบีกำลังเป็นที่โปรดปรานของผู้อาวุโสอัน
เขารายงานทันที
“ทุกคนจดจำคำพูดท่านผู้อาวุโสขึ้นใจ”
ผู้อาวุโสอันมีท่าทางพอใจ และกล่าว “เมื่อสิบปีที่แล้ว เมื่อข้าค้นดูบันทึกโบราณ
บังเอิญข้าไปสะดุดกับความเป็นไปได้ที่ทำให้เจ็ดดาวเหนือถูกผนึกไว้
และคาดเดาว่าอาจมีอารยธรรมโบราณที่ยังเฟื่องฟูอยู่ภายใน หลังจากนั้นมีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อข้าคิดถึงข่าวลือลับบนกลุ่มดาวแกะว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งนักสู้กลุ่มดาวหมีใช้วิทยายุทธที่สาบสูญของสำนักพญาหมี
จากนั้นข้าติดตามเบาะแสนั้นและพบสถานที่ซึ่งคนผู้นั้นปรากฏทีแรกและด้วยความพยายามบางอย่าง
ข้าพบรอยแยก”
“ตอนแรกข้าพยายามหาวัตถุซึ่งมีแนวโน้มว่าจะอยู่ในมือของสำนักพญาหมี ไม่ง่ายเลยที่จะเอาชนะพวกเขาได้
แต่เผอิญเกิดสงครามเสียก่อน
และเดิมทีข้าต้องการใช้ดาบของเยี่ยนหย่งเลี่ยเอาชนะพวกเขา แต่ข้าคาดไม่ถึงว่าเขาน่าผิดหวังนัก ตอนนี้ถังเทียนอยู่ที่นี่
และในเงื่อนไขของข้า
เขาก็คือดาบที่คมยิ่งกว่า
ถ้าเขาไม่คมพอ
เขาจะสามารถตัดกระดูกของสำนักพญาหมีได้ยังไง”
“ผู้อาวุโสฉลาดมีแผนการที่น่าทึ่งจริง!” เจ้าเมืองดูบีแสดงความเห็นทันที
“ถ้าเจ้าทำได้ดีหลังจากนี้
เจ้าจะได้ติดตามอยู่ข้างตัวข้า”
ผู้อาวุโสอันให้กำลังใจเจ้าเมืองดูบี เขาตบไหล่เขาเบาๆ
เจ้าเมืองดูบีตื่นเต้น เขาคุกเข่าทันทีและรีบกล่าว
“ขอบคุณอาจารย์ที่สอนสั่งข้า”
“เมื่อถังเทียนเห็นสมาพันธ์ชาวยุทธ ปฏิกิริยาของเขาจะรุนแรง” ผู้อาวุโสอันหัวเราะ สายตาเขาเต็มไปด้วยแววเยือกเย็น
“ในตอนนี้เราต้องกระตุ้นยุแหย่สำนักพญาหมีสักหน่อย
และพวกเขาทั้งสองฝ่ายจะได้เริ่มทำสงครามกัน
ตราบใดที่พวกเขาสู้กัน
พวกเขาก็ไม่มีทางหันหลังกลับ
ดังนั้นจุดที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ ต้องฆ่าหลิงซิ่วเดี๋ยวนี้”
“ผู้อาวุโสสบายใจได้!” เจ้าเมืองดูบีตอบทันที “เจ้าเมืองสามคนออกติดตามพวกเขาไปอย่างกระชั้นชิด
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เราจะไม่ปล่อยให้พวกเขากลับไปที่สันเขานั่นทั้งเป็น”
“มีเจ้าคอยนำพาทุกอย่าง
ข้าปล่อยเรื่องที่เหลือได้ง่ายๆ” ผู้อาวุโสอันหัวเราะ เจ้าเมืองดูบีแทบกระดูกอ่อนเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“เอาล่ะ
ตอนนี้ข้าจะออกไปก่อน! ข้าจะรอฟังข่าวดีของเจ้า” ผู้อาวุโสอันลุกขึ้นยืน
เมื่อออกจากเมืองดูบี
นักสู้ของสมาพันธ์ชาวยุทธคนหนึ่งถาม
“ผู้อาวุโส, เราจะไปจากกลุ่มเจ็ดดาวเหนือหรือ?”
เขาคือคนที่สู้กับจิ่งหาว
เซียนนักสู้ที่ถูกจิ่งหาวตัดแขนขวา
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ใช่แล้ว”
ผู้อาวุโสอันหัวเราะ
“ไม่เพียงแต่เรากำลังจะถอนกำลังเท่านั้น
ข้าได้เขียนจดหมายรายงานข้อมูลการแตกหักของจิ่งหาว แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับสมาพันธ์ชาวยุทธ
แต่ที่สำคัญเรามาจากที่เดียวกัน ข้าไม่ต้องการกลายเป็นศัตรูของเขาและหวังว่าเขาจะทำได้ดีที่สุด”
นักสู้ที่มีแขนเดียวตกตะลึง “นายท่าน, ทำไม...”
“ภูตกระบี่ เขาสร้างภูตกระบี่ขึ้นมาได้ ตราบใดที่เขาไม่ตาย
เขาจะกลายเป็นกระบี่ที่คมที่สุดในโลก”
สายตาของผู้อาวุโสอันเต็มไปด้วยความหลงใหลและเขาพึมพำ “แม้ว่าเราจะไม่สามารถโน้มน้าวถังเทียนได้ แต่เราสามารถโน้มน้าวจิ่งหาว เพราะความซื่อสัตย์ของเขา
และคนที่ซื่อสัตย์จะรับมือได้ดีที่สุด
ถ้าถังเทียนอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย
ข้าเชื่อว่าจิ่งหาวคงยินดีจะเอาตัวเองเข้าแลกกับความปลอดภัยของถังเทียน กลุ่มเจ็ดดาวยังจะมีค่าอะไร? แล้วไงเล่าถ้าพวกเขามีเซียนนักสู้เหล่านี้? สำนักพญาหมีอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังเทียน
ไม่ว่ายังไงเราสามารถทอนกำลังเขาช้าๆ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าคนระดับกลางๆ
จะเอาชนะถังเทียนได้
เพราะข้ามีความอดทนพอ”
หัวใจของนักสู้แขนเดียวรู้สึกสะท้าน
ผู้อาวุโสอันพูดต่อ “เดิมทีข้าสนใจเจ็ดดาวเหนือเพราะของที่อยู่ในมือของสำนักพญาหมี แต่ตอนนี้ข้ายอมปล่อยวางเพื่ออนาคต
ไม่ว่ามันจะทรงพลังเพียงไหน จะเทียบกับจิ่งหาวในอีกสิบปีข้างหน้าได้อย่างไร?
ถ้าเรามีจิ่งหาวยอดฝีมือกระบี่ที่ไม่เหมือนใครในโลก ใครจะหยุดข้าได้?
อาจารย์ของจิ่งหาวขัดสนมาโดยตลอด
แต่ถ้าข้าให้พวกเขาได้ลิ้มรสชาติสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้สำเร็จ พวกเขาจะไม่หวั่นไหวหรือ
เจ้ารู้ไหมบางครั้งอารมณ์ของมนุษย์ก็เหมือนกับตาข่าย
ไม่ง่ายที่จะดิ้นรนหลุดรอดไปได้”
เขาหันหน้าไปมองนักสู้นั้นและยิ้มให้ “กี่คนแล้วที่สามารถทิ้งครอบครัวและสหายตนเองได้? สิ่งที่ข้าทำได้คือค่อยๆ ผูกข่ายช้าๆ
เมื่อเวลามาถึงไม่เพียงแต่ตาข่ายจะล้อมตัวเขาเท่านั้น แต่มันจะส่งเขามาให้ข้าด้วย”
“ทะ...ท่าน...”
นักสู้แขนเดียวตกใจ สีหน้าของเขาตกตะลึง
บนอกของเขามีประกายแสงสายหนึ่ง ขณะที่มันค่อยๆ
กลืนเขาทั้งร่าง
ร่างของเขาเป็นเหมือนน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง เขาหวาดกลัวสุดขีด
“อาเสียง,
เจ้าต้องช่วยข้า ช่วยให้ข้าได้อาวุธพิเศษที่คมกริบไม่มีใดเทียบนี้!”
ผู้อาวุโสอันมองดูใบหน้าของนักสู้ที่หวาดกลัวและขอร้อง
แสงรังสีกลืนทั้งใบหน้าที่หวาดกลัว
และในวินาทีต่อมา ไม่มีอะไรเหลืออยู่
ผู้อาวุโสอันรั้งสายตากลับมา จากนั้นพึมพำ
“ส่งคำพูดออกไป
เพราะข้าไม่ยินดีเป็นศัตรูกับจิ่งหาวผู้หนักแน่นและซื่อสัตย์
อาเสียงโกรธและทำร้ายข้า ทำให้ข้าตอบโต้พลั้งมือไปโดยมิได้เจตนา
แต่เขาได้รับบาดเจ็บมิอาจเยียวยาได้
ข้าเสียใจและตำหนิตนเองอย่างสุดซึ้ง
จำไว้ฝังเขาให้ดี ปลอบโยนตระกูลของเขาด้วย”
ร่างเลือนรางร่างหนึ่งปรากฏตัวอยู่ด้านข้างเขาในพริบตา
“อาเสียง
หลังจากงานศพของเจ้า
ข้าจะจุดธูปรำลึกถึงเจ้า”
ผู้อาวุโสอันพึมพำ
5 ความคิดเห็น:
สารเลว มันต้องตายอย่างอนาถ
ความเลวระดับ5ดาว
เลวต้องเจอลูกบ้า ..
ขอบคุณครับ
คิดผิดแล้งลุงอันจะฆ่าเมียพี่ซิ่ว เจอตบแน่คอยดู
แสดงความคิดเห็น