วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 16 แม่น้ำยูลาน

เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 16 แม่น้ำยูลาน
แม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยูลานย่อมต้องเป็นแม่น้ำยูลานอย่างมิต้องสงสัย สายน้ำจะไหลผ่านจักรวรรดิโอเบรียน, จักรวรรดิยูลาน, จักรวรรดิไรน์และจักรวรรดิโรฮอลท์  แควย่อยอีกนับไม่ถ้วนแยกกระจายอยู่ทั่วทั้งสี่จักรวรรดิ

คงเป็นเรื่องยุติธรรมหากจะบอกว่าแม่น้ำยูลานหล่อเลี้ยงและให้ชีวิตมนุษยชาติเกินกว่าครึ่ง
 “เป็นแม่น้ำที่กว้างเสียจริง”  ลินลี่ย์นั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือซึ่งมีหลายระดับจ้องมองระลอกสายน้ำของแม่น้ำยูลานที่กว้างใหญ่
เรือลำนี้ลินลี่ย์จ้างแบบเหมาลำ
เขาใช้เงินหมื่นเหรียญทองเพื่อพากลุ่มของเขาไปที่ท่าเรือซึ่งใกล้เมืองเซียร์มากที่สุด  ท่าเรือแห่งนี้ห่างจากเมืองเซียร์ไม่ถึงร้อยกิโลเมตร
เนื่องจากลินลี่ย์อธิบายว่า หากพวกเขายังคงเดินทางไปตามเส้นทางที่วางแผนไว้  ใครจะรู้กันว่าจะมีการพยายามลอบสังหารมากเท่าใด พวกเขาจะทนได้หรือไม่?   คงจะเป็นการดีกว่าสำหรับพวกเขาโดยลงเรือพาพวกเขาล่องไปทางใต้ตามแม่น้ำยูลาน
เรือลำนี้ตอบรับการว่าจ้างจากลินลี่ย์ทันที  ลินลี่ย์ไม่เชื่อว่ากลาสีบนเรือลำนี้จะเป็นคนในกองกำลังของท่านหญิงเว็ด ท่านหญิงเว็ดไม่ได้มีอิทธิพลแผ่มาถึงใกล้เมืองแบล็คร็อคเท่าใดนัก
 “พี่ลีย์” เจนน์เดินออกมาจากห้องโดยสารเรือ
ในกลางแม่น้ำอย่างนี้ สายลมพัดแรงมาก ลมพัดใส่ผมยาวสลวยและชุดยาวของเจนน์  เจนน์มองและยิ้มให้ลินลี่ย์ นางเดินมาอยู่ข้างๆ เขาและนั่งลงด้วย  “พี่ลีย์ สำหรับความคิดแต่เดิม ข้าต้องการจ้างท่านเป็นเงินหมื่นเหรียญทอง”  เจนน์พูดคำเหล่านี้ด้วยความรู้สึกละอายอยู่บ้าง
สำหรับเจนน์และคีน หมื่นเหรียญทองคือจำนวนเงินมหาศาล
แต่พวกเขาไม่นึกฝันเลยว่าลินลี่ย์จะเดินหน้าและใช้บริการของเรือลำนี้เป็นพิเศษ? เงินมากมายสำหรับจ้างเรือลำใหญ่ขนาดนี้ก็คงต้องใช้สูงมากเช่นกัน  แม้ว่าระยะทางระหว่างเมืองเซียร์และแบล็คร็อคจะไม่ไกลกันมาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายถึงหมื่นเหรียญทอง และที่ยิ่งกว่านั้น นี่ถือว่าเป็นราคาที่ลดให้แล้วเพื่อเป็นการแสดงความนับถือเขา ซึ่งเป็นนักสู้ที่ทรงพลังที่มีเสือดำเป็นสหาย
จนถึงตอนนี้ลินลี่ย์รับค่าจ้างเพียงเหรียญทองเดียวจากหมื่นเหรียญทอง เขาสัญญาว่านั่นคือเงินค่าจ้างของเขา
แต่ตอนนี้ลินลี่ย์ใช้เงินตัวเองไปหมื่นเหรียญทองแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจนน์จะรู้สึกละอาย  เจนน์และน้องชายนางต้องการจ่ายค่าจ้างเรือ... แต่แน่นอน ตอนนี้พวกเขาไม่มีเงิน
 “เจนน์, เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าทิวทัศน์ข้างหน้านี้สวยงามนัก?”  ลินลี่ย์เดินไปที่ท้ายดาดฟ้าเรือซึ่งมีโซ่เหล็กกั้นไว้
ลินลี่ย์วางมือลงบนโซ่เหล็ก มองดูรอบๆ
เกลียวคลื่นของแม่น้ำยูลานสามารถมองเห็นได้หลายกิโลเมตร  ส่วนที่กว้างที่สุดของมัน แม่น้ำยูลานจะกว้างหลายกิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดก็ยังหลายร้อยเมตร นี่คือมหานทีมารดรหล่อเลี้ยงทวีปยูลาน  ใครจะรู้ว่าแม่น้ำนี้ให้ชีวิตผู้คนมามากเท่าใดแล้ว?  บันทึกประวัติศาสตร์ทวีปยูลานนับย้อนกลับไปได้เป็นแสนปี
 “แม่น้ำยูลานนี้ต้องคงอยู่มานานเป็นแสนๆ ปีแล้ว”
การเฝ้ามองดูแม่น้ำ ทำให้ลินลี่ย์อดไม่ได้ที่จะจินตนาการไปถึงเมื่อแสนปีที่แล้ว มันจะเหมือนอะไร ขณะที่เขาลืมตัวกับการดูแม่น้ำขนาดใหญ่ไร้ขอบเขตนี้ ลินลี่ย์รู้สึกว่าหัวใจของเขาไร้พันธนาการเช่นกัน
 “ผู้คนและอาณาจักรจากเมื่อแสนปีที่แล้วกลับกลายเป็นธุลีนานแล้ว  เทียบกับการเดินทางในประวัติศาสตร์ที่ไม่มีสิ้นสุด  อาณาจักร, จักรวรรดิรุ่งเรืองขึ้นมาและล่มสลายไป  บุญคุณความแค้นส่วนตัวช่างไร้ความหมายและเล็กน้อยยิ่งนัก”
เมื่อเผชิญหน้ากับแม่น้ำที่กว้างใหญ่ ลินลี่ย์มีความรู้สึกประหลาด
 “ตอนนี้ทวีปยูลานแบ่งการปกครองเป็นหกดินแดนใหญ่ คือสี่จักรวรรดิ, สหภาพศักดิ์สิทธิ์, สมาพันธรัฐมืด
ตั้งแต่เขายังอายุน้อย เป้าหมายของลินลี่ย์คือทำตามความฝันของบิดาและขึ้นไปอยู่บนจุดสุดยอดของระดับการฝึกฝนและอำนาจ
แต่หลังจากบิดาของเขาตาย  หัวใจของลินลี่ย์จมลงสู่ความสิ้นหวังและมืดมน  เขาก้าวเข้าสู่เส้นทางล้างแค้น เส้นทางนักฆ่า และบนเส้นทางสายนี้ลินลี่ย์สูญเสียปู่เดลินของเขาไปอีก
การฝึกฝนเป็นเวลาสามปีเขาใช้เวลาในเทือกเขาอสูรวิเศษและสื่อสารกับธรรมชาติให้ธรรมชาติช่วยชำระจิตวิญญาณของเขา  หัวใจของเขาตอนนี้สงบเหมือนน้ำนิ่ง และเขาเปลี่ยนแปลงไปเหมือนกับผีเสื้อที่หลุดออกมาจากดักแด้
 “ขอเพียงเข้าถึงจุดสุดยอดของพลังก็สามารถทำให้คนตระหนักได้ถึงความฝันของเขา แม้จะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ก็ตาม  เมื่อสหภาพศักดิ์สิทธิ์เผชิญหน้ากับไดลินผู้นั้น พวกเขาเลือกที่จะถอยไม่ใช่หรือ?”
ลินลี่ย์ยังคงมั่นใจในตัวเอง
 “จะต้องมีวันของข้าแน่นอน ข้าจะต้องไปให้ถึงระดับที่สูงนั้นให้ได้”  ลินลี่ย์จ้องดูเกลียวคลื่นม้วนตัวไม่รู้สึกอะไรอื่นนอกจากความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่ที่เหมือนกับแม่น้ำที่กว้างใหญ่ไม่เห็นที่สิ้นสุด
….

กัปตันเรือลำนี้ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมาก  แม้ว่ากระแสแม่น้ำยูลานจะไหลค่อนข้างเร็ว แต่ก็ยังปลอดภัยมากกว่าในทะเล เขาจึงมีเวลาเสวนากับลูกเรือของเขา
 “เฮ้, พวกเจ้าเห็นเสือดำนั่นไหม?” กัปตันพูดอย่างยินดี “นั่นคืออสูรเวท เจ้าจงคอยดูเถอะ  ลูกชายข้าจะต้องฝึกอสูรเวทให้เชื่องเป็นของตัวเองในไม่ช้าแน่”
 “กัปตัน นั่นเป็นอสูรเวทประเภทเสือดำ  ท่านคิดว่าลูกชายท่านจะฝึกอสูรเวทแบบนั้นได้สักตัวหรือ?”  กลาสีเรือที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มหัวเราะ ไม่มีการแบ่งชั้นทางสังคมระหว่างกัปตันกับลูกเรือเท่าใดนัก  บุรุษทั้งสองฝ่ายใช้ชีวิตร่วมกันในทะเล
กัปตันถอนหายใจอย่างปลาบปลื้ม  “อสูรเวทระดับสูง ข้ายอมรับคนที่สามารถทำให้มันเชื่องได้จริงๆ ข้าจำได้เมื่อปีก่อน เมื่อเราเข้าไปที่เมืองหลวง ข้าเห็นวิทยาลัยเทพสงครามรับศิษย์กิติมศักดิ์คนใหม่ โหว.. พวกเจ้าต้องไม่รู้แน่ๆ ว่าที่นั่นมียอดฝีมืออยู่เท่าใด  บางคนก็ขี่อสูรเวทตัวมหึมาเป็นพาหนะ ขณะที่อีกหลายคนนั่งอยู่บนอสูรเวทบินได้.. ยอดฝีมือมากมายหลั่งไหลไปที่นั่น พยายามแสดงให้ดูว่าตนเองเป็นคนที่มีคุณสมบัติพอ  การต่อสู้เหล่านั้นและการความเคลื่อนไหวระหว่างยอดฝีมือเหล่านั้นทำให้ข้าลานตาไปหมด  พวกเขาไวมาก  ไวเหลือเกิน”
พวกลูกเรือเริ่มทำเสียงฮือฮาเมื่อพูดถึงยอดฝีมือที่พวกเขาได้เคยเห็นมาก่อน
ในจักรวรรดิโอเบรียน เด็กๆ ทุกคนต้องการเป็นนักสู้ที่แข่งแกร่งทรงพลัง การได้รับคัดเลือกจากวิทยาลัยเทพสงครามคือเป้าหมายสูงสุดของพวกเขา
….

ลินลี่ย์นั่งสมาธิอยู่บนพื้นไม้ ปล่อยให้สายลมกระโชกใส่ตัวเขา ดาบหนักอดาแมนเทียมพาดอยู่บนขาเขา  ลินลี่ย์หลับตาปรับตัวให้เข้ากับความกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตของสายนทีของแม่น้ำยูลาน
 “พลังกำหนดคือพลังของฟ้า พลังของแผ่นดิน พลังของมหาสมุทรไร้ขอบเขต” จิตวิญญาณของลินลี่ย์กลายเป็นหนึ่งเดียวกับสายลม เขาแทบจะรู้สึกว่าเขาสามารถรู้สึกได้ถึงสายน้ำกว้างใหญ่ของแม่น้ำยูลานพอๆ กับแผ่นดินที่กว้างใหญ่โดยรอบ
เป็นธรรมดา เขายังคงรู้สึกถึงสายน้ำที่ไหลรี่นั้นเช่นกัน
เรือยังคงแล่นไปข้างหน้า  พวกเขาหยุดเดินทางเป็นครั้งคราวเพื่อให้ทุกคนได้กินอาหาร  แต่ลินลี่ย์ยังคงอยู่ในท่าทำสมาธิบนดาดฟ้าเรือ ไม่กินอะไรแม้แต่น้อย
พริบตาเดียวผ่านไปหกวัน
 “พี่เจนน์, พี่ลีย์จะเป็นอะไรหรือเปล่า? เขาไม่กินหรือดื่มอะไรเลย” คีนชี้ลินลี่ย์ที่ยังอยู่ในท่านั่งสมาธิ ขณะที่ถามเจนน์อย่างกังวล
เจนน์ก็กังวลเช่นกัน  แต่นางได้แต่ส่ายศีรษะอย่างจนใจ  “ข้าไม่รู้เหมือนกัน บีบีไม่ยอมให้เราเข้าใกล้เขาด้วย”
 “ไม่ต้องห่วง” กัปตันเรือเดินเข้ามาหาพลางหัวเราะเบาๆ  “ยอดฝีมือระดับสูงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเรา  สำหรับพวกเขาแล้ว ต่อให้โดดหน้าผาสูงเป็นหมื่นฟุตก็ไม่เป็นปัญหา ต่อให้ทหารล้านคนก็หยุดพวกเขาไม่ได้  ข้าเคยได้ยินว่าคนที่นั่งฝึกสมาธิ ไม่ต้องดื่มไม่ต้องกินได้นานเป็นเดือนๆ ระดับของพวกเขาไม่ดื่มไม่กินหลายเดือนเป็นเรื่องปกติ”  แม้ว่ากัปตันจะใช้คำว่า ปกติ เมื่อเขาพูด แต่แววอิจฉาก็มีอยู่ในดวงตาเขา
เมื่อฟังคำพูดของกัปตัน เจนน์กับคีนเริ่มรู้สึกประหลาดใจ
 “เป็นไปได้หรือ?”
ทันใดนั้นมีเสียงพึมพำพอได้ยินได้  เจนน์, คีนและกัปตันหันหน้าไปทางลินลี่ย์กันทุกคน จากนั้นพวกเขาก็ต้องตกใจ
ลินลี่ย์คว้าดาบหนักอดาแมนเทียมไว้ในมือและโดดลงไปในแม่น้ำ
 “พี่ลีย์!” เจนน์ตะโกนอย่างแตกตื่น
ทั้งสามคนวิ่งมาที่ดาดฟ้าเรือทันที  พวกเขาวิ่งมาจนถึงที่กั้นด้วยโซ่เหล็กและจ้องมองลงไป  เกิดเรื่องน่าอัศจรรย์เมื่อพวกเขาเห็นว่าตอนนี้ยืนอยู่เหนือน้ำ  ดาบหนักอดาแมนเทียมอยู่ในมือของเขา  เขาลอยตัวขึ้นลงตามจังหวะคลื่น แต่ไม่จมลงไปแม้แต่น้อย
ภาพนี้สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนและทุกคนตกใจอ้าปากค้าง
บินอยู่กลางอากาศมีแต่นักสู้ระดับเซียนเท่านั้นที่สามารถทำได้
 “ดิน..ไฟ.... น้ำ....ลม...” ลินลี่ย์พึมพำอยู่เบาๆ และทันใดนั้นเขาแทงดาบหนักอดาแมนเทียมใส่ท้องฟ้า  ขณะที่ดาบหนักอดาแมนเทียมแทงขึ้นไป  ดูราวกับว่ามีรูที่ถูกทะลวงในท้องฟ้า เกิดเสียงหวีดหวิวแสบแก้วหูได้ยินชัดในอากาศ
ขณะเดียวกันนั้น น้ำรอบๆ ตัวลินลี่ย์ฉีดพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าราวกับสายน้ำพุความดันสูง
 “ฮ่าฮ่า”  ลินลี่ย์หัวเราะลั่นอย่างมีความสุขและจากนั้นเห็นได้ว่าเขาเคลื่อนไหวและหมุนควงสว่านอยู่ในท่ามกลางคลื่น  แม่น้ำดูเหมือนจะเคลื่อนไหวไปตามกระบวนท่าของลินลี่ย์ด้วย ขณะที่ดาบหนักส่งเสียงหวีดหวิวต่อเนื่องในแต่ละครั้งที่กวัดแกว่ง
น้ำในแม่น้ำทั้งหมดในรัศมีร้อยเมตรรอบตัวลินลี่ย์ปั่นป่วนครืนๆ
บางครั้งน้ำทั้งหมดจะยกตัวขึ้นไปในท้องฟ้าสูงหลายสิบเมตร  ขณะที่บางครั้งก็กลายเป็นอ่างน้ำวนขนาดใหญ่  บางครั้งน้ำจะยิงออกไปเหมือนกับธนูที่แหลมในทุกทิศทาง แต่บางครั้งก็หมุนเป็นวงรอบตัวลินลี่ย์
 “แคล้ง” เสียงดังจากการสอดดาบเก็บในฝักชัดเจน
น้ำที่ปั่นป่วนพลันสงบลง  ในชั่วพริบตา แม่น้ำยูลานกลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง มีผลกระทบตามมาเพียงเล็กน้อย  คลื่นที่สาดกระทบไม่ได้ทำให้ลินลี่ย์จมลงแม้แต่น้อย
แต่ครั้งนี้ ลินลี่ย์ไม่ได้ใช้เวทวายุเพื่อสร้างแรงต้านต่อผลกระทบของน้ำหนักดาบหนักอดาแมนเทียม
เขากลับใช้เคล็ดวิชาใหม่ของเขาคือ เคล็ดกำหนด
 “เคล็ดพลังกำหนดนี้คือพลังฟ้าโดยแท้ ทั้งยังเป็นพลังดินและพลังมหาสมุทรไร้ขอบเขต” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของลินลี่ย์ เพียงกระโดดเบาๆ ลินลี่ย์ก็กลับขึ้นมาอยู่บนดาดฟ้าเรือ
ตลอดเวลามานี้ ลินลี่ย์เพ่งสมาธิทำความเข้าใจเคล็ด ‘กำหนด’ คิดถึงสัมพันธ์ธาตุดินและลมของเขา แต่ช่วงเวลาทำสมาธิหกวันนี้ ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวของคลื่น  และเขายังคงจำได้ถึงความหลงใหลแก่นธาตุไฟในเวทสายธาตุไฟ
ความหนาแน่น ความสง่างาม ความยืดหยุ่นและความเร่าร้อนกระตือรือร้น
เมื่อเคล็ดองค์ประกอบของธาตุทั้งสี่เหล่านี้ผสานเข้ากันในท่าฟันของดาบก็สามารถขับเคลื่อนจักรวาลได้  นี่คือความหมายที่แท้จริงของเคล็ด ‘กำหนด’  ในอดีตที่ผ่านมาความเข้าใจเคล็ดกำหนดของลินลี่ย์ไม่มีอะไรมากไปกว่าความเข้าใจส่วนที่เป็นพื้นฐานมากที่สุด
 “พี่ลีย์, เมื่อครู่นี้ ท่านเป็นอะไรไป, เป็นอะไรเหรอ?” คีนตื่นเต้นมาก  แต่เขาไม่รู้จะพูดยังไง
เจนน์มองดูลินลี่ย์ด้วยความทึ่งเช่นกัน
สิ่งที่ลินลี่ย์เพิ่งทำลงไปทำให้พวกเขาตะลึงอย่างแท้จริง  แม้แต่กัปตันซึ่งเดินทางในโลกมามาก ก็ไม่เคยเห็นภาพที่น่าประทับใจอย่างนั้น
 “ก็แค่การฝึก” ลินลี่ย์พูดพลางยิ้มอย่างสงบ
แม้แต่ในบันทึกของตระกูลของเขา  ระดับสูงที่สุดของการใช้อาวุธหนักก็คือระดับสาม เคล็ดกำหนด ลินลี่ย์รู้สึกแน่นอนได้ทันที
เคล็ดระดับกำหนด ยังไม่สุดเส้นทาง
ต้องมีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่มากกว่านั้น
หลังจากเข้าถึงระดับ ‘กำหนด’ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่วิญญาณของเขาสามารถปรับเข้ากับธรรมชาติได้ ลินลี่ย์มีความรู้สึกนี้ว่า ยังมีความรู้ในระดับสูงขึ้นไปอีกรอเขาอยู่  ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้อย่างเลือนลาง แต่เขายังไม่มีทางเข้าใจความรู้เหล่านั้นได้
 “ปราณยุทธและพลังภายนอกเป็นเหมือนรากฐานล่างสุดของอาคารก่อสร้าง  เป้าหมายเพื่อให้พลังโจมตีของเขาทรงพลังยิ่งขึ้น  การเข้าใจหลักการเหล่านี้ให้ลึกซึ้งเป็นเรื่องสำคัญมาก”
ท่านอาจมีพลังสามารถยกของได้หนักถึงล้านปอนด์  แต่ถ้าความเคลื่อนไหวของท่านยังโง่เขลาและงุ่มง่ามเกินไป ท่านอาจจะนำพลังงานรวมมาใช้ได้เพียง 10%
หลังจากฝึกหนักแล้ว ท่านอาจปลดปล่อยพลังได้ 30%
ยอดฝีมือผู้เชี่ยวจะสามารถปล่อยพลังได้ 70%
แต่สิ่งที่ลินลี่ย์ต้องการก็คือปลดปล่อยพลังได้ถึง 100% และยืมเคล็ดพลังกำหนดของจักรวาล มาใช้โจมตีที่ทรงพลังมากกว่าตัวเขาเอง นั่นคือพลังความสามารถ
 “เจนน์ คีน เราอยู่ไกลจากฝั่งที่หมายเท่าใด?”  ลินลี่ย์ถาม
 “เราอยู่ไม่ถึงหนึ่งวัน” กัปตันที่อยู่ใกล้ๆ ตอบ
ลินลี่ย์พยักหน้า จากนั้นสั่ง “เอาอย่างนี้เป็นไง อย่าเพิ่งเข้าใกล้เมืองเซียร์มากนัก เราจะลงที่ท่าแห่งหนึ่งที่ห่างจากเมืองเซียร์”
 “ได้เลยท่านลีย์”  แม้ว่ากัปตันเรือจะไม่เข้าใจเหตุผล แต่เขายังคงเห็นด้วย
…..

ลินลี่ย์เลือกเดินทางโดยแม่น้ำทำให้กองกำลังของท่านหญิงเว็ดสับสน เคิร์ดบุรุษผมแดงก็ได้รู้ในที่สุดว่ากลุ่มของลินลี่ย์เดินทางด้วยเรือและแล่นเรือไปตามแม่น้ำยูลาน
ไม่ว่าเภสัชกรโฮลเมอร์จะมีพลังมากเพียงไหน  แต่เขาไม่สามารถกระโดดข้ามแม่น้ำที่กว้างหลายร้อยเมตรได้  แม้แต่ตรงส่วนแม่น้ำที่แคบที่สุดเขายังจะขึ้นเรือฝ่ายตรงข้ามได้อีกหรือ?  แม้ว่าเขาจะขึ้นเรือได้ พวกเขาก็จะตกเป็นเป้าสงสัยถึงเจตนาที่น่าสงสัยอย่างแน่นอน
ดังนั้น พวกเขาจึงทำได้แต่เพียงซุ่มรอทำร้ายอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนกับรอกระต่ายให้เข้ามาติดบ่วงของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม...
จากการคำนวณของพวกเขา เรือควรจะมาถึงในตอนนี้แล้ว
 “เกิดอะไรขึ้น? พวกเขาน่าจะมาถึงตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วไม่ใช่หรือ?”  เภสัชกรโฮลเมอร์กำลังพักอยู่ในบ้านของคนธรรมดาในเมืองซึ่งอยู่ใกล้ท่าเรือมาก
 “ท่านโฮลเมอร์ โปรดทนรออีกนิด”  บริวารของท่านหญิงเว็ดกระวนกระวายมากเช่นกัน
ทันใดนั้น ประตูที่พักเปิดผาง และบริวารของท่านหญิงเว็ดอีกคนวิ่งเข้ามาข้างใน เขาพูดอย่างโมโห “ท่านโฮลเมอร์  พวกเขาไม่หยุดที่ท่าเรือนี้  พวกเขาหยุดที่ท่าเรือก่อนหน้านั้น พวกเขาจอดที่ท่าเรือในเล็กๆ ชื่อเรดแซนด์ซึ่งอยู่ใกล้เมืองเซียร์มาก  มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะไปถึงหัวเมืองปกครองเซียร์ในคืนนี้
 “พวกเขากำลังมาถึงคืนนี้หรือ?”  เภสัชกรโฮลเมอร์สะดุ้ง
 “เร็วเข้า เราต้องออกไปกันเดี๋ยวนี้”  เภสัชกรโฮลเมอร์สั่งทันทีและรวมกลุ่มรีบร้อนกลับไปยังตัวเมืองเซียร์ทันที

2 ความคิดเห็น:

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

เวลอัปอีกแล้ว

Unknown กล่าวว่า...

หินรองเท้าของลินลี่สินะ อิอิ

แสดงความคิดเห็น