วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 18 เมืองเซียร์

เล่มที่ 8  เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 18  เมืองเซียร์
พื้นที่ร้างกว้างใหญ่
ผู้คนนับสิบที่คุ้มกันรถม้าตายทั้งหมด  โลหิตสีดำฉีดพุ่งออกมาจากร่างของพวกเขาอย่างน่าสยดสยอง  โฮลเมอร์ถูกแฮรุตบตายในครั้งเดียว  เจนน์และคีนมองออกมาจากในรถตลอดเวลาตะลึงทำอะไรไม่ถูก

 “พี่ลีย์” คีนร้องเรียกอย่างตื่นตกใจ  หน้าของเจนน์ซีดขาวยิ่งกว่า
ขณะที่ลินลี่ย์เตรียมจะตอบ แลมเบิร์ตบ่าวชราซึ่งทำหน้าที่สารถีร้องออกมาอย่างประหลาดใจขณะจ้องมองดูซากศพโฮลเมอร์  “เขานั่นเอง! เขาคือนักฆ่าที่อันตรายที่สุดในเมืองเซียร์ โฮลเมอร์  เฒ่าประหลาดที่เรียกตัวเองว่าเภสัชกร”
 “โฮลเมอร์?  ปู่แลมเบิร์ต ปู่พูดถึงใคร?” คีนมองดูแลมเบิร์ต
แลมเบิร์ตสูดหายใจลึก  “คุณชาย, คุณหนู โฮลเมอร์ผู้นี้เป็นบุคคลอันตรายที่สุดที่อยู่ในเมืองนี้  ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อข้ายังรับใช้ท่านแม่ของเจ้าอยู่ในเมือง  ข้าเคยเผชิญหน้ากับเขาสองสามครั้ง  ตอนนั้นท่านเคาท์เว็ดแนะนำโฮลเมอร์ผู้นี้ให้รู้จักท่านแม่เจ้าเหมือนกัน  โฮลเมอร์ผู้นี้มีฝีมือในการใช้พิษมาก  แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงนักรบระดับหก แต่มีครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่านักสู้ระดับเก้าได้คนหนึ่ง”
ตอนนี้เจนน์และคีนถึงได้เข้าใจ
ลินลี่ย์ฟังอยู่ด้านข้าง พยักหน้าเช่นกัน
 “โฮลเมอร์ผู้นี้โลภมาก มีแนวโน้มว่าการกระทำของเขาครั้งนี้คงมาจากนายหญิงใหญ่ด้วย” หน้าของแลมเบิร์ตเคร่งเครียด  “นายหญิงใหญ่ตั้งใจจะฆ่าพวกเจ้าจริงๆ!
 “มีพี่ลีย์อยู่ด้วย เราไม่มีอะไรต้องกลัว!” คีนมั่นใจมาก เจนน์มองดูลินลี่ย์ด้วยความมั่นใจเช่นกัน
 “พอเถอะ เราต้องไปต่อเดี๋ยวนี้ จะได้ไปถึงเมืองเซียร์เร็วขึ้น”  ลินลี่ย์พูดตามตรง  กลุ่มของลินลี่ย์เร่งรีบเดินทางตรงไปที่ตัวเมืองเซียร์ทันทีทิ้งไว้แต่ฝุ่นฟุ้งไว้บนถนนรกร้าง
เขตเมืองเซียร์ นี่คือเมืองที่มีประชากรอยู่ราวสองถึงสามแสนคน กำแพงเมืองสีแดงยืดยาวออกไปไกล ในแง่ของสถาปัตยกรรม อาคารสิ่งก่อสร้างของเมืองเซียร์ค่อนข้างโอ่อ่าหรูหรา
คีนผลักเปิดประตูรถม้า  เมื่อเห็นเมืองที่งดงามและสง่างามอยู่ต่อหน้า หัวใจของคีนเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานไม่มีที่สุด  ตาของเขาเป็นประกาย และเขากล่าว  “จากวันนี้ไป ข้าจะเป็นเจ้าเมืองปกครองหัวเมืองนี้”
ด้านนอกประตูเมือง
 “เสือดำ?” เมื่อทหารเฝ้าประตูเองเห็นพาหนะของลินลี่ย์จากระยะไกล  พวกเขาตะโกนบอกทหารเฝ้าเมืองทีอยู่ใกล้ๆ ทันที “เร็วเข้า, ส่งคนไปรายงานท่านหญิง คนที่ท่านหญิงพูดตอนนี้มาถึงแล้ว”
 “รับทราบ”
ทหารยามเฝ้าประตูเมืองวิ่งไปที่โรงแรมที่อยู่ใกล้ประตูเมืองที่สุด และขึ้นไปที่ชั้นสอง ในทันทีนั้นเองมีนักรบคนหนึ่งเฝ้าอยู่ด้านนอกเชิงบันได  เมื่อเห็นว่าทหารยามเฝ้าประตูเมืองวิ่งมาทางนี้ นักรบผู้นั้นเปิดทางให้เขา
 “ท่านหญิง” ทหารเฝ้าประตูเมืองคุกเข่าข้างหนึ่งแสดงความเคารพ
 “ท่านหญิง, ยอดฝีมือที่ขับขี่เสือดำที่ท่านกล่าวถึงตอนนี้มาถึงแล้ว มีรถม้าอยู่ด้านหลังของเขาด้วย”
 “อะไรนะ?”  ก่อนที่ท่านหญิงเว็ดจะทันได้ตั้งตัว พี่ชายทั้งสองของนางซึ่งยืนอยู่ข้างหลังนางร้องออกมาอย่างตกใจ
ท่านหญิงเว็ดขมวดคิ้ว  “ตอนนี้ปล่อยไปก่อน”
 “ขอรับ”  ทหารเมืองถอยออกไปด้วยความเคารพ
ตอนนี้ พี่ชายทั้งสองคนของท่านหญิงเว็ดแตกตื่นมากขึ้น พี่ชายคนโตรีบกล่าว  “น้องข้า, พวกเขารอดชีวิตเดินทางมาถึงเมืองเซียร์ได้จริงๆ  หรือว่าตาแก่วิปริตโฮลเมอร์จะทำงานพลาด?”
 “ยากจะบอกได้”
ท่านหญิงเว็ดขมวดคิ้ว  “บางทียอดฝีมือที่ขี่เสือดำที่กำลังคุ้มครองสองพี่น้องบ้านนอกนั้นไม่ได้ใช้ถนนใหญ่จากเมืองเรดแซนด์  บางทีพวกเขาอาจจงใจมาทางอ้อมและทำให้โฮลเมอร์กับคนอื่นๆ คลาดกับพวกเขา”
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง  พี่ชายทั้งสองของนางอดพยักหน้าไม่ได้
แน่นอน เป็นไปได้อย่างมากที่ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาใช้เส้นทางวนอ้อมเมืองเซียร์
 “อย่างนั้นตอนนี้เราควรทำยังไงดี?”  พี่ชายทั้งของท่านหญิงเว็ดมองดูนาง
 “ลงไปต้อนรับพวกเขา” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าท่านหญิงเว็ด  “เด็กๆ ที่น่ารักทั้งสองคนของข้ากลับมาแล้ว หลังจากทนลำบากมานานหลายปี  ในที่สุดพวกเขาก็กลับมา ในฐานะป้าที่ดี ข้าจะไม่ไปรับพวกเขาได้ยังไง?”
และขณะที่พูด ท่านหญิงเว็ดก้าวเดินลงบันได
ขณะที่พวกเขาเดินออกมาที่หน้าประตูใหญ่ของโรงแรม  ท่านหญิงเว็ดเห็นบุรุษหนุ่มร่างกายสูงใหญ่สะพายดาบหนักที่หลังกำลังขี่เสือดำที่งามสง่าตัวหนึ่ง  และใบหน้าที่คุ้นเคยของแลมเบิร์ต
 “โอว, แลมเบิร์ต ไม่ได้พบกันนานเลยนะ”  ท่านหญิงเว็ดส่งเสียงแหลมสูงทักทายทันที
ลินลี่ย์ เจนน์ คีนและแลมเบิร์ตพากันหันหน้าไปทางนาง  แลมเบิร์ตสะดุ้ง จากนั้นพูดด้วยความเคารพ  “นายหญิงใหญ่”
ท่านหญิงเว็ดหัวเราะอย่างเป็นกันเอง “หลานทั้งสองคนนี้น่าจะเป็นเจนน์กับคีนสินะ  เจนน์ก็งดงามมากกว่าเมื่อก่อน และนางมีรูปร่างคล้ายกับมารดาของนางทีเดียว  คีนก็ไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้เขาหล่อเหลามากกว่าเดิม”
เจนน์กับคีนทั้งคู่ยังจำท่านหญิงเว็ดได้
แม้ว่าจะผ่านมานานเกือบแปดปีแล้ว  ลักษณะของท่านหญิงเว็ดไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ยกเว้นริ้วรอยย่นเล็กน้อยที่หางตาของนาง
 “ท่านหญิงใหญ่” เจนน์กับคีนแสดงความเคารพทั้งคู่
 “วิเศษ, วิเศษมาก ไม่จำเป็นต้องมากมารยาทเกินไป” ท่านหญิงเว็ดหัวเราะเบาๆ จากนั้นมองดูลินลี่ย์ “และผู้นี้คือ?”
 “นี่คือพี่ลีย์” คีนรีบตอบ
 “ลีย์?” หนังตาท่านหญิงเว็ดกระตุก จากนั้นนางหัวเราะ “โอว ท่านลีย์ ข้าคาดว่าต้องเป็นท่านแน่ที่คุ้มครองปกป้องพวกเขามาส่งเมืองเซียร์  ข้าต้องขอบคุณท่านแทนเจนน์กับคีนด้วย  มาเถอะ เข้าปราสาทกันทุกคนเถอะ  คืนนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงอย่างดีให้หลานผู้น่าสงสารทั้งสองของข้า”
ปราสาทของเจ้าเมืองเป็นตึกสี่เหลี่ยมและค่อนข้างโอ่อ่าสง่างาม
 “ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง”  หลังจากได้ยินข่าวซึ่งอัศวินส่งมาท่านหญิงเว็ดยิ่งโกรธมากกว่าเดิม
โฮลเมอร์เป็นหมากตัวหนึ่งที่นางเชื่อใจ
แต่ตอนนี้โฮลเมอร์ล้มเหลว  ท่านหญิงเว็ดรู้สึกผิดหวังมาก
 “พอมีเจ้าลีย์ผู้นั้น ทำให้ข้าฆ่าคีนได้ลำบากมาก”  ท่านหญิงเว็ดโกรธจัด  “พิษเหรอ? ใช้พิษด้วยยอดฝีมือใช้พิษธรรมดาจะสามารถหลบพ้นการตรวจจับได้หรือ?  นักฆ่า? กี่คนแล้วที่ส่งไปจัดการเจ้าลีย์ผู้นี้?"
ดวงตาของท่านหญิงเว็ดค่อยๆ เป็นประกาย
 “ดูเหมือนมีเพียงวิธีเดียวที่เหลืออยู่”  ความกังวลหายไปจากดวงตาของท่านหญิงเว็ด สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือ ความมั่นใจและความอำมหิต
ภายในห้องทานอาหารขนาดใหญ่ของปราสาท มีโคมระย้าแก้วขนาดยักษ์ส่องสว่างไสวไปทั่วทั้งห้อง ขุนนางในเมืองเซียร์ทุกคนปรากฏตัวในวันนี้
 “ข้าได้ยินมาว่าบุตรท่านเคาท์เว็ดกลับมาแล้ว  สงสัยจริงว่าท่านหญิงเว็ดจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง”
 “ใครจะรู้? แต่ท่านหญิงเว็ดคงไม่ยอมสูญเสียอำนาจของนางไปอย่างแน่นอน”
 “ท่านหญิงเว็ดเป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิต น่าเสียดายที่บุตรชายของนางมาตายในอ้อมอกสตรี น่าตลกเสียจริง”  ขุนนางส่วนใหญ่คุยกันเบาๆ
ในหมู่พวกเขาใครบ้างไม่รู้ว่าท่านหญิงเว็ดกดขี่และบ้าอำนาจ? แต่เนื่องจากว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองเซียร์  เกือบทั้งหมดได้แต่เยาะเย้ยลับหลัง  พวกเขาไม่กล้าต่อต้านนางโดยเปิดเผย
 “ท่านหญิงเว็ดมาถึงแล้ว”
ขุนนางที่กำลังซุบซิบนินทาชะงักการสนทนาทันที  พวกเขาทุกคนหันไปทางท่านหญิงเว็ดที่กำลังเดินลงบันได  ท่านหญิงเว็ดยังคงดูหนักแน่นและดูเจ้ายศเจ้าอย่างเหมือนที่นางเคยมี
ท่านหญิงเว็ดปลาบปลื้มที่ได้รับความสนใจจากสมาคมผู้คนในตอนนี้ นางเอียงศีรษะเล็กน้อยขณะเดินลงมา
 “ทุกท่าน” ท่านหญิงเว็ดหัวเราะ  “วันนี้ถือเป็นวันแห่งความปลื้มปิติ  หลานทั้งสองของข้าตกระกำลำบากอยู่ภายนอกถึงแปดปี  ในที่สุดก็กลับมาในวันนี้”
ถึงเวลานี้ มีคนอีกสองคนปรากฏตัวที่บันไดทันที
คนหนึ่งเป็นเด็กผู้ชายสวมสูทสุภาพบุรุษสีดำ  ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นสุภาพสตรีผมทองชุดขาวคลุมทั้งตัว  ทั้งสองคนเดินออกมาด้วยกันและสายตาของขุนนางหลายคู่เป็นประกาย
แม้ว่าเจนน์จะแต่งตัวเรียบง่าย ประกอบกับรูปลักษณ์ของนาง หุ่นของนางและท่าทางมารยาทที่บริสุทธิ์ของนาง  สายตานางมีแววตื่นเต้น ขุนนางหนุ่มหลายคนปลุกปลอบใจและพยายามถามกันต่อมาว่าเด็กสาวนั้นคือใคร
 “เจนน์ คีน มานี่สิ” ท่านหญิงเว็ดเรียกทั้งสองคนอย่างเป็นกันเอง
เจนน์และคีนเดินลงบันไดมาพร้อมกัน และยืนอยู่ข้างท่านหญิงเว็ด  ท่านหญิงเว็ดเรียกด้วยท่าทีสนิทสนม “นี่คือเจนน์ ดูสิ เป็นเด็กสาวที่งดงามจริงๆ และหนุ่มน้อยผู้สง่างามคนนี้คือคีน”  ท่านหญิงเว็ดถอนหายใจอย่างมีอารมณ์  “เจนน์กับคีนในที่สุดก็หลีกหนีพ้นจากชีวิตที่ยากลำบาก  แต่มารดาของพวกเขา  น้องสาวที่รักของข้า...”  ท่านหญิงเว็ดทำตาแดงเหมือนกับว่านางจะร้องไห้
 “ท่านหญิงใหญ่  ถ้าท่านหญิงรองรู้ว่าท่านห่วงใยนางมากเพียงไหน นางคงจะปลาบปลื้มใจอย่างมิต้องสงสัย”  เสียงชราดังขึ้นและแลมเบิร์ตเดินเคียงข้างเข้ามาพร้อมกับลินลี่ย์
ท่านหญิงเว็ดชำเลืองมองแลมเบิร์ต
แลมเบิร์ตคือบ่าวผู้ภักดีของคุณนายรองครั้งก่อน  แม้หลังจากคุณนายรองตกระกำลำบาก เขาก็ยังติดตามนางโดยไม่เรียกร้องพร่ำบ่น
เจนน์กับคีนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
พวกเขารู้ว่าสาเหตุที่มารดาตายและช่วงเวลาแปดปีที่ขมขื่น พวกเขาได้รับความทุกข์ยากเพราะท่านหญิงใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา  เจนน์รู้ความคิดที่แอบแฝงของนาง  แต่คนอายุสิบสี่ปีอย่างคีนแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ  “ท่านหญิงใหญ่  ทำไมท่านถึงไม่เคยมาเยี่ยมเราในช่วงแปดปีนี้เลย?  เราคิดถึงท่านอย่างสุดซึ้ง”
สีหน้าของท่านหญิงเว็ดไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย  นางถอนหายใจ  “ตลอดหลายปีมานี้ข้าทำงานในนามของเมืองเซียร์ ไม่เคยหาเวลาว่างได้เลย  ทุกครั้งที่ข้าคิดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ข้ารู้สึกเหมือนกับทำผิดต่อพวกเจ้าทั้งสองคน”
ลินลี่ย์หัวเราะทันทีและพูดโดยตรง  “ท่านหญิงเว็ด  ตอนนี้ท่านเคาท์เว็ดถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว และคีนก็คือผู้สืบสายเลือดของเขา   เหตุผลที่เขากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อรับตำแหน่งเจ้าเมือง  ท่านหญิงเว็ด  ข้าสงสัยจริงว่าท่านกำหนดให้คีนได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองแล้วหรือยัง?”
ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงพากันเงียบเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
ขุนนางทุกคนที่อยู่ในที่นั้นทราบว่าการกระทำตามเป้าหมายหลักเพิ่งจะเริ่ม
ในเวลาเดียวกัน ขุนนางทุกคนจ้องมองลินลี่ย์ด้วยความงุนงง  พวกเขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้มาจากที่ใด เขาถึงได้กล้าพูดเรื่องเช่นนี้โดยตรง
 “ท่านลีย์” หน้าของท่านหญิงเว็ดเคร่งขรึม และนางพูดเสียงเย็นชา  “ในฐานะป้าของพวกเขา ข้าต้องขอบคุณที่ท่านคุ้มครองเจนน์กับคีนมาส่งเมืองเซียร์  แต่คำถามว่าคีนจะรับตำแหน่งเจ้าเมืองยังไงนั้นเป็นเรื่องภายในตระกูลของเรา  ถือว่าไม่สมควรมากเลยนะ ท่านเป็นคนนอก ไม่ควรเข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้จริงไหม?”
คีนปฏิเสธทันที  “ใครบอกว่าพี่ลีย์เป็นคนนอก?”
 “ถ้าเขาไม่ใช่คนนอก แล้วเขาเป็นอะไร?”  ท่านหญิงเว็ดทำหน้าเย็นชา
คีนสะดุ้ง จากนั้นเขาหันไปทางลินลี่ย์และกล่าว  “พี่ลีย์คือ คือ คือคู่หมั้นของพี่สาวข้า เขาจะเป็นคนนอกไปได้ยังไง?”
 “คู่หมั้น?”  ท่านหญิงเว็ดอึดอัดใจ
เจนน์ก็รู้สึกอึดอัด
ลินลี่ย์ก็รู้สึกอึดอัด
 “คู่หมั้น?” ลินลี่ย์มองคีนทันที คีนหลิ่วตาให้ลินลี่ย์ ลินลี่ย์ก็เข้าใจความหมายของคีนทันที
แต่ในเวลานี้ เจนน์หน้าแดง
 “แล้วนั่นจะเป็นยังไง?” คีนเชิดหน้าด้วยความหยิ่ง  “ว่าที่พี่เขยข้ามีสิทธิ์จะคุยเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ?  ท่านป้า  ท่านพ่อตายไปแล้ว ขณะที่ชายข้าก็ตายไปแล้วเช่นกัน ตอนนี้ข้าคือผู้สืบทอดอันดับหนึ่ง”
ท่านหญิงเว็ดเงียบ
ผู้คนทั้งหมดมองไปที่ท่านหญิงเว็ด  ตำแหน่งของคีนในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองอันดับหนึ่งไม่สามารถโต้แย้งได้ และได้รับการปกป้องโดยกฤษฎีกา  พวกเขาต้องการดูว่าท่านหญิงเว็ดจะรับมือยังไง
 “ฮะฮะ คีน, ใจร้อนอะไรอย่างนี้?”  ท่านหญิงเว็ดหัวเราะ  “ท่านพ่อเจ้าตายแล้ว  และเจ้ายังเป็นบุตรชายคนเดียวที่ยังรอดอยู่  ตามธรรมดาเจ้าก็คือผู้สืบทอดตำแหน่งลำดับแรก  ตำแหน่งเจ้าเมืองจะเป็นของเจ้าแน่นอน  ไม่มีใครชิงเอาไปจากเจ้าได้”
ลินลี่ย์มองดูท่านหญิงเว็ดด้วยความสงสัย
ไม่ใช่แค่เพียงลินลี่ย์เท่านั้น  ใจทุกคนก็เต็มไปด้วยความสงสัย  ท่านหญิงเว็ดคงไม่ยอมแพ้ง่ายดายอย่างนั้นแน่
 “งั้นก็ต้องขอบคุณท่านป้า”  คีนยิ้ม  “อย่างนั้นเมื่อไหร่ข้าถึงจะได้รับตำแหน่งเจ้าเมือง?”  ท่านหญิงเว็ดหัวเราะคิกคัก  “ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบ คีน, อายุของเจ้ายังไม่ถึงเกณฑ์  เรื่องเป็นอย่างนี้ อีกสองปีเจ้าถึงจะมีอายุเป็นผู้ใหญ่  ถึงตอนนั้นเจ้าจึงจะรับตำแหน่งเจ้าเมืองได้”
 “อีกสองปีเหรอ?”  คีนจ้อง
ท่านหญิงเว็ดยิ้มแย้มแจ่มใส่  “คีน, เป็นเด็กดีนะ  เจ้าอายุยังไม่ถึง  เจ้ายังไม่มีความสามารถพอปกครองเมืองได้  อย่าห่วง สองปีจากนี้ไป เจ้าจะได้รับตำแหน่งเจ้าปกครองหัวเมืองเซียร์แน่นอน”

3 ความคิดเห็น:

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

บักลี่ได้เมียอีกแล้ว 555555

ชัชวาล กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น