วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 496 ถงเก๋อแห่งวิญญาณมืด



ตอนที่  496  ถงเก๋อแห่งวิญญาณมืด
ในอดีต บรรดาอัจฉริยะในสมาพันธ์ชาวยุทธ  เย่เฉาเกอไม่ใช่บุคคลที่โดดเด่นรุ่งเรืองที่สุด  อย่างไรก็ตามเขากลับได้รับประสิทธิประสาทจนเป็นเซียนได้ง่ายที่สุดในบรรดาอัจฉริยะเหล่านั้น  นอกจากนี้เขาเป็นนักสู้คนแรกที่ไล่ต้อนถังเทียนได้  ฉีซานถูกถังเทียนฆ่าตาย, จางหมิงเฮ่อล้มเหลวในเมืองสามวิญญาณ จากเหตุทั้งหลายเหล่านี้ ถังเทียนจึงได้รับการยกย่องว่าเป็น หินลับมีดของสมาพันธ์

หลังจากเป็นนักสู้ชั้นเซียนแล้ว อารมณ์ของเย่เฉาเกอเปลี่ยนไป ความถือตัวของเขาเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่บ้าระห่ำ  แม้ว่าอารมณ์ของเขาจะเย็นเหมือนแต่ก่อน  แต่ก็ยังยากที่ผู้คนจะเข้าใกล้เขา  ในสายตาของหลายคนมองว่า พฤติกรรมนี้เป็นเพราะเย่เฉาเกอมีวุฒิภาวะแล้ว
เพราะเย่เฉาเกอรู้สึกตื่นเต้น คนอื่นๆ ล้วนมุ่งสู่แนวหน้าร่วมรบกับกลุ่มดาวราชสีห์เพื่อขัดเกลาพลังของพวกเขาเอง
เย่เฉาเกอยังไม่พอใจเท่าใดนัก  เขารู้ว่ายังมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งกว่าเขาอีกคนหนึ่ง คนที่ฝึกจนได้สนามพลังวิญญาณภูตกระบี่  เขาคือจิ่งหาว
จิ่งหาวมีภูตกระบี่สร้างกระแสสั่นสะเทือนให้กับระดับสูงของสมาพันธ์ชาวยุทธ  เซียนกระบี่ไม่ใช่กระแสนิยมหลักในสมาพันธ์ชาวยุทธ  เคล็ดวิชาจิตวิญญาณขั้นสุดยอดไม่ได้มีไว้เพื่อเซียนกระบี่  ในประวัติศาสตร์ของสมาพันธ์ชาวยุทธ  นี่เป็นครั้งแรกที่มีภูตกระบี่ปรากฏขึ้น  สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดมากก็คือ วิชานั่นมาจากคนทรยศ
แม้ว่าผู้อาวุโสอันจะพยายามใช้อำนาจของตัวเขาเองเพื่อนำจิ่งหาวกลับมายังสมาพันธ์ชาวยุทธ  แต่ผู้อาวุโสสำนักส่วนใหญ่ยังคงเงียบเฉย
ธรรมเนียมของสมาพันธ์ชาวยุทธ  วิชาจิตวิญญาณชั้นยอดของสมาพันธ์ชาวยุทธ  แก่นสำคัญของวิชาก็คือพลังแสง!  ตั้งแต่เริ่มต้นการทำงานของสมาพันธ์ชาวยุทธ  อัจฉริยะในสนามพลังวิชาต่างๆ จะปรากฏออกมาทุกรุ่น  ความอดทนรุ่นแล้วรุ่นเล่า จึงสร้างชุดวิชาจิตวิญญาณออกมาได้
ดังนั้นแผนกภายในของสมาพันธ์ชาวยุทธ  นักสู้ที่ฝึกฝนพลังแสงที่เกี่ยวข้องกับวิชาจิตวิญญาณจะถูกจับตามองว่าเป็นวิถีดั้งเดิม
แม้ว่าภูตกระบี่จะหาได้ยาก แต่ก็ไม่สามารถสร้างความหวั่นไหวให้กับกลุ่มผู้อาวุโสสมาพันธ์ชาวยุทธได้  สมาพันธ์ชาวยุทธคงอยู่มานานหลายปีมากแล้ว และได้เห็นศิษย์นับไม่ถ้วนซึ่งไม่ประสบความสำเร็จในสมาพันธ์แล้วแยกจากไป ฝึกฝนขัดเกลาด้วยตนเอง  นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก  แต่พฤติกรรมของจิ่งหาว ถูกมองว่าน่าอายและไม่ภักดีต่อผู้อาวุโสของสมาพันธ์ชาวยุทธส่วนใหญ่
ในประวัติศาสตร์ของศิษย์ผู้ออกไปจากสมาพันธ์ชาวยุทธ  แม้ว่าพวกเขาจะยึดครองมีพื้นที่เป็นของตนเอง  แต่ความสัมพันธ์กับสมาพันธ์ชาวยุทธมักจะคงอยู่ด้วยดี  สมาพันธ์ชาวยุทธมองการกระทำอย่างนี้ว่าเป็นเหมือนกับการขยายสาขา  อย่างไรก็ตาม จิ่งหาวนั้นแตกต่าง  เพราะจิ่งหาวไปร่วมกับศัตรูของสมาพันธ์ชาวยุทธ
ในทางตรงกันข้าม  เย่เฉาเกอได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้อาวุโสสมาพันธ์ชาวยุทธ  แม้ว่าภูตกระบี่จะแข็งแกร่ง  แต่ในสายตาพวกผู้อาวุโสสมาพันธ์ ก็ยังถูกจำกัดมากกว่า  เทียบกับสติปัญญาที่น่ากลัวและประสบการณ์สะสมของสมาพันธ์ชาวยุทธแล้ว ภูตกระบี่จะเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร?
เย่เฉาเกอยังคงคิดอยู่ว่า จิ่งหาวคือคู่ต่อสู้ที่เขากำลังโหยหา
บุรุษที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นคนประหลาด และดูเหมือนไม่ค่อยน่าเกรงขามทั้งยังฝึกสนามพลังร่างวิญญาณที่โบราณและสาบสูญไปแล้ว   เย่เฉาเกอเหมือนจะไม่ให้ความสนใจ  ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของผู้อาวุโสหวี เขาคงไม่ชายตามองสวะอย่างนี้ให้เสียเวลา
นอกจากนี้  คนผู้นี้ดูเหมือนจะน่าหงุดหงิดอยู่บ้าง
เย่เฉาเกอเลิกคิ้ว ท่าทางที่เหมือนกับมือสมัครเล่นทำให้ใจของเขายิ่งดูถูกมากขึ้น
 “คนผู้นี้ไม่ถูกขู่ให้กลัวอย่างโง่ๆ ได้เลย”  บุรุษหนุ่มที่พูดมีเท้าเปล่า ผมยาว นัยน์ตาดำเป็นประกาย มีกลิ่นอายเหมือนกับกระเทย  เขาถอนหายใจ  “ข้าอยากเห็นพลังของเย่เฉาเกอ หวังว่าอีกฝ่ายหนึ่งคงไม่อ่อนแอจนเกินไป”
บุรุษวัยกลางคนข้างๆ เขามีรูปร่างผอม เบ้าตาลึก สีหน้าของเขาเขียวคล้ำ  “เย่เฉาเกอคือศัตรูหลักของเจ้า”
 “แล้วกลุ่มดาวราชสีห์ล่ะ?  ทำไมพวกเขาไม่อยู่ที่นี่?  ถ้าไม่อย่างนั้นเรายังจะท้าทายพวกเขาด้วย”  บุรุษหนุ่มหัวเราะ
 “กฎจิตวิญญาณเก็บไว้ในคลังสมบัติไม่ใช่กฎระดับสูงแต่อย่างใด เป็นแค่เครื่องล่อใจนักสู้เซียนระดับบรอนซ์มากกว่า  ข้าคิดว่าหรงปัวกำลังโฆษณาให้กับเย่เฉาเกอ”  บุรุษวัยกลางคนพูดในจังหวะความเร็วปานกลาง  แต่มีคำแนะนำที่น่ากลัวแฝงอยู่ในคำพูดของเขา
 “ทำไมเราไม่ไปชิงเอามาเลยเล่า?”  บุรุษหนุ่มเลิกคิ้ว  “แค่พลังของอาจารย์ ก็มากพอจะกวาดล้างที่นี่ทั้งหมดอยู่แล้ว”
 “หรงปัวสามารถกวาดล้างเฉพาะที่ส่วนนี้ได้”  บุรุษวัยกลางคนชำเลืองดูบุรุษหนุ่ม  “เมื่อไม่มีผู้ใดลงมือ นั่นคือความเข้าใจร่วมกัน  ใครก็ตามทำลายความเข้าใจร่วมกันนี้ก็จะนำไปสู่สงคราม  ไม่มีใครกล้าเปิดกล่องสงครามนี้  สมาพันธ์ชาวยุทธกล้าสู้กับกลุ่มดาวราชสีห์ แต่ยังไม่กล้าปลุกระดมให้เกิดสงครามไปทั่ว  กลุ่มดาวราชสีห์กล้าสู้กับสมาพันธ์ชาวยุทธแต่ไม่กล้าปลุกระดมให้เกิดสงครามทั่วไปเหมือนกัน  เราองค์การวิญญาณมืดก็ไม่กล้าทำเช่นกัน  ดังนั้น ชางหยางหวี่นับว่าฉลาดมาก”
 “ความจริงข้ารู้สึกว่าเปิดสงครามทั้งหมดเลยก็ดี”  บุรุษหนุ่มพูดอย่างไม่เห็นด้วย  “เราองค์การวิญญาณมืดก็อยู่ในสงครามอยู่แล้ว  ไม่ได้แสดงความสามารถของเรา นับว่าน่าผิดหวังจริงๆ”
บุรุษวัยกลางคนชำเลืองมองบุรุษหนุ่มอย่างเย็นชา  “ถงเก๋อ, สงครามนั้นโหดร้าย”
 “แต่อาจารย์” รอยยิ้มของถงเก๋อหายไป  เขากล่าว  “เมื่อไม่ได้ผ่านประสบการณ์สงคราม  การเติบโตนักสู้ของพวกเราจะช้ากว่าพวกเขาตลอดไป  เมื่อถึงเวลาเรายังไล่ตามพวกเขาทันอีกหรือ?”
บุรุษวัยกลางคนจ้องมองอย่างว่างเปล่า
 “พวกเขาเติบโตในท่ามกลางเลือดและเปลวไฟ  อย่างไรก็ตามพวกเราได้แต่มองพวกเขาอยู่ด้านข้าง”  ถงเก๋อกล่าว “พวกเขาเหมือนกับอีแร้ง  แต่เราเหมือนกับฝูงนกและเรายังรอคอยให้อีแร้งทั้งสองสู้กันเองจนบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่ายก่อน จากนั้นเราจึงค่อยเข้าไปฉกฉวยรางวัล  อย่างไรก็ตาม อาจารย์  แม้จะเป็นอีแร้งที่บาดเจ็บสองตัว เรายังจะมีโอกาสเอาชนะพวกมันได้หรือ?”
บุรุษวัยกลางคนพูดไม่ออก
ในพื้นที่ ถังเทียนกำลังทะเลาะกับชาวสวรรค์ ผิดแล้ว เป็นมนุษย์คนหนึ่งทะเลาะกับร่างวิญญาณ ถังเทียนและเสี่ยวเอ้อเชื่อมโยงกันผ่านทางใจโดยไม่จำเป็นต้องพูด
 “เสี่ยวเอ้อ  เตรียมหลบ!  ถังเทียนจงใจกล่าว
 “ข้าไม่หนี ต่อให้ข้าใช้วิชาเคลื่อนในพริบตาก็ตาม”  เสี่ยวเอ้อพึมพำคัดค้านความคิดของถังเทียน  เขากรอกตาไปมา  ในใจของเขา เจ้านี่ชอบทำตัวอวดเบ่ง ช้าและโง่ แต่ความจริงเขาเป็นคนใจดำและอำมหิต
ประเด็นสำคัญก็คือ มันเป็นเรื่องน่าอายอย่างสิ้นเชิง...
ภายใต้สายตาของผู้ชม ยังมีความคิดพยายามหลบหนี พฤติกรรมน่ารังเกียจขนาดนั้น เจ้าเป็นถึงเจ้ากลุ่มดาว ไม่รู้สึกอับอายบ้างหรือ?  จริงๆ เลย  เจ้ารู้สึกอับอายเป็นบ้างไหม?
เสี่ยวเอ้อผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีจะทนรับสถานการณ์อัปยศนี้ได้ยังไง!
ถังเทียนรู้สึกจนใจ  “เจ้าหนีไม่ได้จริงๆ หรือ?”
 “มีเซียนอยู่ตั้งมากมาย  เจ้าไม่รู้สึกว่าสมาพันธ์ชาวยุทธไม่มีทางสู้กับเคลื่อนย้ายในพริบตาได้หรือ?”  เสี่ยวเอ้อพูดอย่างใจเย็น และด้วยเสียงเหมือนทารกทำให้เขารู้สึกเหมือนกับจะทรุดลงเสียให้ได้ ทำไมข้าถึงได้มีเสียงเหมือนเด็กทารกตอนโกรธด้วยนะ?  อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันเจ้าเด็กโง่ไม่ให้ทำอะไรบางอย่างน่าขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลมากมาย  เสี่ยวเอ้อยืนยืน  “ภายใต้สายตาของทุกคน  ถ้าเจ้าสามารถต้านทานพลังโจมตีได้ถึงยี่สิบท่า  ของเหล่านี้จะเป็นของเจ้า  สมาพันธ์ชาวยุทธไม่มีทางกลับคำได้แน่นอน  หรือว่าเจ้าไม่มั่นใจจะทนรับพลังโจมตียี่สิบท่าของเย่เฉาเกอได้?”
 “เหลวไหล!  ถังเทียนโกรธ  “อย่าว่าแต่ยี่สิบท่าเลย ให้โจมตีสองร้อยท่าก็ไม่มีปัญหา!
เห็นได้ชัดว่า รับมือเจ้าเด็กโง่  เขาแค่ใช้วิธียั่วโทสะที่ง่ายที่สุดเท่านั้น...
เสี่ยวเอ้อลอบกรอกตา  ปากของเขายังคงเติมเชื้อไฟ  “ในครั้งก่อนเจ้าพ่ายแพ้เขาเหมือนสุนัข  นี่คือรอยมลทินในใจเจ้า  ข้าเข้าใจ”
ทันใดนั้นถังเทียนมีความเกลียดขึ้นในใจเขาทันที  เขาพูดอย่างเหี้ยมหาญ  “กะอีแต่สวะสองคน  เราดีกับเขามากไปจริงๆ  เข้าอยากจะทุบเขาให้มีสภาพเหมือนกับสุนัข!”
เห็นได้ชัดว่าการยั่วยุเข้ากันได้กับการปลุกความเกลียดของเจ้าเด็กโง่นี่ให้ระเบิดออกมาได้
เสี่ยวเอ้อหุบปากเมื่อเห็นว่าสมควร  ใจของเขาคิดอยู่เงียบๆ  ถ้าเพียงศัตรูในโลกนี้สามารถเอาชนะเจ้าเด็กโง่นี่ จะดีมากสักเพียงไหน...
ทันใดนั้นเขาลืมตัวไปว่ากำลังอยู่ในสถานะที่ลำบาก
เย่เฉาเกอยังไม่โจมตีเมื่อคู่ต่อสู้ยังฟุ้งซ่าน เขาเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีและความหยิ่งในใจ  ดังนั้นเขาไม่อาจทำเรื่องเช่นนั้นได้  และถ้าเขาเป็นตัวแทนของผู้อาวุโสหวีได้ดีในวันนี้  ผู้อาวุโสหวีก็จะได้หน้า  แต่ถ้าเขาทำได้ไม่ดี  ผู้อาวุโสหวีจะขายหน้า
หลักๆ ก็คือ เขาไม่ได้ใส่ใจคู่ต่อสู้อย่างจริงจังนัก คู่ต่อสู้เป็นมือสมัครเล่นและซุ่มซ่ามทำให้เขาไม่ชอบใจอีกต่อไป
 “เฮ้, คนแซ่เย่  ข้าจะต้องทุบตีเจ้าให้เหมือนกับสุนัขเลย คอยดูเถอะ”
คู่ต่อสู้โวยวายขึ้นมาทันทีสร้างความตกใจให้กับเย่เฉาเกอ  จู่ๆ คู่ต่อสู้ก็มีสีหน้าจริงจัง นัยน์ตาแดง  เย่เฉาเกอมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้  ใช้พลังกระตุ้นหรือ?  แปลกมาก....
ในขณะนั้นฝ่ายตรงข้ามก้าวออกมาทันที  เมื่อเท้าของเขาสัมผัสพื้น พื้นสั่นสะเทือนเล็กน้อย  ฝุ่นรอบตัวเขากระจายออกโดยรอบ
ม่านตาของเย่เฉาเกอหดลีบ พลังขานั่น... แข็งแกร่งเหลือเชื่อจริงๆ
ควั่บ!
จู่ๆ มีร่างเลือนรางมาปรากฏข้างหน้าเขาและปลดปล่อยเมฆหมอกทันที ความเร็วที่ทะลุกำแพงความเร็วเสียง
แทบจะเวลาเดียวกันที่ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยพุ่งมาข้างหน้าของเย่เฉาเกอ
เร็วมาก!
หัวใจของเย่เฉาเกอเย็นเฉียบ  หน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย  กระบี่เล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของเขาชูขึ้นช้าๆ
ปึ้ง
หมัดปะทะใส่กระบี่  เสียงดังทึบจากการปะทะกัน  คลื่นพลังงานกวาดผ่านหน้าของเย่เฉาเกอ  สีหน้าของเขายังคงสงบเหมือนเคย ร่างของเขาขยับออกไปสองสามก้าวเหมือนกับอยู่บนพื้นน้ำแข็ง
แม้ว่าเย่เฉาเกอจะคาดพลังของคู่ต่อสู้ได้  แต่เขาไม่คาดเลยว่าพลังของคู่ต่อสู้จะมีความแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนั้น
คนจากองค์การวิญญาณมืดหรือ?
ความเร็วของคู่ต่อสู้เร็วผิดธรรมดา  ความถี่ของการก้าวเท้าไวจนนึกภาพไม่ออก  วิธีการของเขาง่ายและตรงไม่มีท่าพลิกแพลง  แม้ว่าจะเป็นเพียงวิชาพื้นฐาน แต่พลังของเขาถูกเสริมจนแข็งแกร่งและมีความอันตราย
เย่เฉาเกอตื่นเต้นเล็กน้อย  เขาไม่ได้พบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นมาเป็นเวลานานแล้ว  พลังสายเลือดของเขาพิเศษมากและหลังจากเข้าถึงระดับเซียน  พลังสายเลือดของเขามีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
เมื่อเทียบกันเรื่องพลัง  เขาไม่กลัวใครทั้งนั้น
กระบี่ในมือของเย่เฉาเกอ มีความเรียวแคบมากและพลิกแพลงด้วยความเร็วสูง  แต่ละกระบี่มิได้ซับซ้อนเท่าใดนักแต่ทุกกระบี่แฝงไปด้วยพลังงาน
ตัง ตัง ตัง!
เสียงกระแทกปะทะขยายตัวกว้างขึ้น  เย่เฉาเกอควงกระบี่รับ ภายใต้พลังระดับโจมตีของถังเทียน ก็ยังสามารถรับได้อย่างสง่างามไม่มีสะดุด
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเมื่อเซียนนักสู้ทั้งสองสู้กัน  พวกเขาจะเทียบพลังกันได้จริงๆ  อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้แต่ยอมรับอย่างช่วยไม่ได้  การโจมตีที่เรียบง่ายและธรรมดานี้แฝงไว้ด้วยอันตราย
ทุกคนไม่รู้สึกประหลาดใจกับการแสดงพลังของเย่เฉาเกอ  แต่พลังของบุรุษอัปลักษณ์ไม่อาจดูถูกได้เลย
พอถึงเวลานี้ ผู้อาวุโสหวีขมวดคิ้ว เขาพูดอย่างราบเรียบ  “เฉาเกอ เลิกเล่นเสียที  รีบจบการต่อสู้ได้แล้ว”
เย่เฉาเกอตื่นตัวทันที ทั้งสองฝ่ายปะทะกันไปสิบห้ากระบวนท่าโดยไม่รู้ตัว  การต่อสู้โดยใช้พลังล้วนๆ เหมือนสิ่งเสพติอย่างแท้จริง  เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นกลยุทธของคู่ต่อสู้?
ถ้าเป็นอย่างนั้น คู่ต่อสู้ก็สืบค้นตัวเขามาลึกอย่างคาดไม่ถึง
เย่เฉาเกอยืดระยะห่าง  เขาหรี่ตาอีกครั้ง  เหลืออีกห้าท่าก็เพียงพอ
ในการต่อสู้ของเซียนนักสู้  เคล็ดจิตวิญญาณคือฝีมือที่แท้จริง
ร่างของเขาเริ่มเปล่งรัศมีเรื่อเรือง  แสงสีขาวเหมือนกับกระแสน้ำ ไหลไปตามร่างของเขาแล้วม้วนหุ้มกระบี่ในมือของเขา
แสงขาวเริ่มสว่างเจิดจ้าเป็นคลื่นคุกคามรุนแรง ขยายไปทั่วพื้นที

5 ความคิดเห็น:

neng2006 กล่าวว่า...

อูส่าเก็บไว้สองวัน สี่ตอน ค้างซะงั้น แฮร่ๆ ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

กระเทย?! คงไม่ใช่แบบที่ผมคิด

Anny กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

แสดงความคิดเห็น