ตอนที่ 517 โอบล้อมป้อมประตูเดี่ยว
เมื่อหน่วยสอดแนมถูกใช้งาน กองทัพจึงหยุดพัก
เด็กหนุ่มออกมาจากอาวุธจักรกลวิญญาณเพื่อสูดอากาศเนื่องจากในชุดจักรกลแคบและพอดีกับตัว
จึงอ่อนล้าได้ง่ายหากพวกเขาอยู่ข้างในเป็นเวลานาน
ช่วงระหว่างที่พวกเขาพักพวกเขาจะออกมาจากอาวุธจักรกลเพื่อสูดอากาศ
ในกลุ่มของคนสามหรือสี่คนจะจับกลุ่มล้อมกันขณะที่อาวุธจักรกลจะรายล้อมเป็นวงใหญ่อยู่ด้านหลังพวกเขา ถ้าพวกเขาถูกซุ่มโจมตี
ก็จะกลับเข้าไปในอาวุธจักรกลได้โดยเร็วเพื่อต่อสู้ต่อ
พยัคฆ์ฟ้าที่งามสง่านั่งอยู่บนพื้นขณะที่ปิงนั่งอยู่บนบ่าของพยัคฆ์ฟ้า
เขากำลังนั่งแหงนหน้าพ่นควันบุหรี่
เสียงพูดคุยจากเด็กหนุ่มลอยมาตามลมเข้าหูของปิง
ปิงพ่นควันอยู่ในความเงียบ
เมื่อคิดดูแล้วบุหรี่เป็นของที่ลั่วซือทิ้งเอาไว้ให้
รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏบนใบหน้าของเขา
เมื่อปิงเข้ากองทัพครั้งแรก
ลั่วซือมักจะมากระตุ้นเขาอยู่เสมอและทุกครั้งที่เข้าทำศึก
แต่ลั่วซือเป็นคนพิเศษ...
ลั่วซือกล่าวว่า
“เฮ้ย เจ้าเด็กน้อย อย่าบังอาจแพ้กลับมาเสียล่ะ ถ้าเจ้าแพ้และร้องไห้กลับมา นั่นมันน่าขายหน้าจริงๆ”
เด็กหนุ่มโกรธ
“ลั่วซือ อย่าดูถูกข้านะ!”
ลั่วซือชำเลืองมองเด็กหนุ่ม “ข้ากลัวว่าเจ้าจะทำอาวุธจักรกลของข้าพัง
และข้าต้องมานั่งซ่อมให้เจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า
ข้ายังจำที่เจ้าพ่ายแพ้ครั้งแรกได้
เจ้าไม่ได้ตั้งใจสู้อย่างเต็มที่ในครั้งนั้น ใช่เลย”
หน้าของเด็กหนุ่มแดงขณะที่เขาเถียงกลับ “คราวนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก!”
“ฮ่าฮ่า เจ้าทะเยอทะยานดีว่ะ! อย่างไรก็ตาม
ชีวิตเจ้าสำคัญนะเจ้าหนู อย่าตายซะล่ะ”
“ฮึ! ลั่วซือ ท่านดูถูกข้า!”
“ฮ่าฮ่า,
เจ้าจะไม่ตายแน่นอน! ถ้าเจ้าตาย,
ข้าจะเอาอาวุธจักรจักให้คนอื่น
เจ้าจะได้โกรธมากจนต้องกลับมาจากความตาย
……
ภาพขาวดำเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเขา เขาถึงกับน้ำตาคลอเบ้าโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่เขาแหงนมองท้องฟ้า เขายิ้มกว้าง เขาหัวเราะในท่ามกลางควันบดบัง
ไม่ต้องห่วงลั่วซือ
ข้าจะเอาชนะศึกนี้ให้ได้
ต่อให้ข้าแพ้ ข้าจะไปพบอาซิ่นและเราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันอีก
อาซิ่นจะต้องพูดอย่างแน่นอน เฮ้, เจ้าหนู
เจ้าไม่ได้ดีขึ้นเลยตั้งแต่หมื่นปีที่แล้ว
ลั่วซือ, หมื่นปีแล้วนะ
ข้าคิดถึงท่านผู้บัญชาการ
ข้าคิดถึงเขาจริงๆ
เขาจะต้องมีชีวิตอยู่แน่ ใช่แล้ว
ถ้าเขาตายง่ายขนาดนั้นแล้วจะเป็นผู้บัญชาการของเราได้ยังไง?
ปิงมองฟ้าเงียบๆ
มีการพูดอภิปรายในกลุ่มของนักรบหนุ่มปลุกปิงออกจากภวังค์
“เฮ้เสี่ยวอู่
เจ้าแสดงฝีมือให้ดีๆ เลยนะ โจนส์ผู้นี้เป็นใคร โจนส์ผู้นี้จะมีฝีมือพอๆ
กับเจ้าหรือเปล่า?”
“เจ้าพูดถูก
เสี่ยวอู่เก่งที่สุด
ข้าเกลียดพวกสมาพันธ์ชาวยุทธมากที่สุด
ข้าจำได้ว่าเมื่อตอนที่พวกเขามาอวดศักดาทางทหารที่กลุ่มดาวหมาป่าของพวกเรา เราจะไม่ยอมแพ้พวกเขาอีกแน่นอน!”
“เจ๊ใหญ่เซรีนบอกว่าใครก็ตามที่ใส่ใจพยายามอย่างสุดความสามารถ
นางจะสร้างอาวุธจักรกลที่เหมาะสมให้เป็นรางวัล”
“อ๊า...., เสี่ยวอู่, ข้าจะไม่ยอมให้โอกาสเจ้าในวันนี้แน่!
ข้าก็อยากได้อาวุธจักรกลใหม่เหมือนกัน!”
……
ปิงหันไปมองกลุ่มเด็กหนุ่มที่มีความกระตือรือร้น จึงอดยิ้มไม่ได้ เด็กหนุ่มพวกนี้เป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่ง ลั่วซือและอาซิ่น
พวกเจ้าคงจะมีความสุขแน่ถ้าได้เห็นพวกเขา...
สีหน้าของปิงหมองลงอีกครั้ง
ลั่วซือ
ข้าจะหาทางรักษาท่านและพาท่านไปพบกับอาซิ่นให้ได้
และเราจะไปหาผู้บัญชาการกัน
เราน่าจะฟื้นฟูกองทัพดาวกางเขนใต้ของเราได้!
ธงของกองทัพของเราจะถูกชักลงได้ยังไง?
เสียงโห่ร้องในสงครามของเราจะจางหายไปได้อย่างไร?
ตอนนี้เรามีสหายมากขึ้น
และจะมีมากขึ้นในอนาคต
อย่ามาดูถูกข้าเชียวนะ!
ปิงยืนขึ้นและโดดขึ้นไปอยู่บนบ่าพยัคฆ์ฟ้าดีดบุหรี่ในมือทิ้ง
เขามองขอบฟ้าไกลอย่างเคร่งขรึม
ทันใดนั้น เขาชำเลืองหางตาไปเห็นอุปกรณ์สามเหลี่ยมสั่นสะเทือน หรือว่ามีข่าวกรองบางอย่าง?
เสี่ยวอู่และพวกสังเกตว่าปิงมีความเคลื่อนไหว พวกเขาหยุดสนทนากันและวิ่งเข้ามาทันที
“โอว, พวกเขาต้องการรบกับเราหรือเปล่า?” ปิงมีความสบายใจ
“ใต้เท้า, นี่คือโอกาสดี! เราสามารถแสดงกำลังของเราต่อต้านพวกเขา
ชัยชนะที่มีต่อพวกวายร้ายสมาพันธ์ชาวยุทธจะทำให้พวกเขาได้คิดทบทวนมากขึ้นเมื่อพวกเขาสู้กับเรา!
เราต้องเอาชนะพวกเขาให้เด็ดขาดเพื่อให้พวกเขากลัวเรา!”
เย่าเป็นคนพูด
เขาเป็นเด็กหนุ่มมีผมสีเงิน
เสี่ยวอู่, เย่าและอาหลุนเป็นสามนักเรียนที่โดดเด่นจากสถาบันหมาป่าฟ้า เสี่ยวอู่เป็นคนที่ใจเย็น สง่างาม อาหลุนไม่ใจร้อน แต่ดื้อเป็นบางครั้ง
ส่วนเย่าจะเป็นคนที่กระตือรือร้นมีชีวิตชีวาค่อนข้างกระด้างเล็กน้อย
ทั้งสามคนในปัจจุบันนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสามอัญมณีของสถาบันหมาป่าฟ้า
“ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกพวกเจ้าทุกคนหรอกนะ” ปิงกล่าว
“แม้ว่ากองพลใบไม้แดงจะใหม่, แต่พวกเขามีสาขาทองที่สิบของสมาพันธ์ชาวยุทธเป็นแกนหลักของพวกนี้ พวกเจ้ายังเป็นแค่กลุ่มเด็กใหม่ พวกเจ้าจะเอาอะไรไปสู้กับพวกเขา?”
เย่าแสดงความไม่พอใจ
“แต่ว่าใต้เท้า, ท่านไม่ได้ดูถูกพวกเราหรอกหรือ?”
ปิงหัวเราะลั่นขณะมองดูเด็กอีกสองคน “พวกเจ้าล่ะ คิดว่าไง?”
เสี่ยวอู่พูดถึงเรื่องนี้
“ด้วยความช่วยเหลือของสำนักชางหยาง ตอนนี้เรามีความได้เปรียบอยู่ เรายังไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมกับพวกเขา
นอกจากนี้ฝ่ายตรงข้ามยังมีความได้เปรียบเราในเรื่องคุณภาพของทหาร ถ้าเราต้องรบกับพวกเขา อาจจะไม่เป็นผลดีต่อเรา และเราไม่อาจแสดงความได้เปรียบของเราได้”
อาหลุนตอบ
“ข้าเห็นด้วยกับเสี่ยวอู่”
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ พวกเจ้าทั้งสองคน...”
คำพูดของเย่าถูกขัดจังหวะเนื่องจากเขาไอเมื่อปิงเขกหลังศีรษะเขา “เจ้าเด็กน้อย
ต่อไปเจ้าต้องใช้สมองให้มาก”
เย่ากุมศีรษะขณะเงียบและยืนฟังอยู่เงียบๆ ที่ด้านข้าง
“เอาละ, เราพักกันพอแล้ว
ได้เวลาไปต่อ
เรายังมีภารกิจที่ทำไม่เสร็จ”
ปิงตะโกน
“ข้ารู้ว่ากลยุทธ์ที่ผู้นำทหารฝ่ายตรงข้ามจะใช้คืออะไร เราจะรอต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี”
******
เมืองหานกู่
ภายในป้อมปราการประตูเดี่ยว ถังเทียนฝึกอยู่คนเดียวที่มุมๆ
หนึ่ง นั่นคือมุมที่เหล่าเซียนกำลังเข้ามา
พวกเขาทุกคนเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นคนที่สามารถทำลายป้อมปราการประตูเดี่ยวได้ ไม่มีใครรู้ว่าถังเทียนคือผู้คุ้มกันสถานที่
พวกเขายิ่งมีความสุขมากที่มีทางออกให้จากสถานการณ์เช่นนี้ได้
ซึ่งก็คือเข้าร่วมกับพวกเขา
ไม่มีเซียนคนไหนเลือกต่อสู้
ทุกคนตัดสินใจเข้าร่วมกับกลุ่มดาวหมีใหญ่โดยไม่ลังเลใจ เซียนทุกคนมีความตั้งใจเป็นอย่างเดียวกัน พวกเขาจะเปลี่ยนความกลัวและความอับอายเป็นพลังแก้แค้นฝูอิง
แม้ว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับสมาพันธ์ชาวยุทธ แต่กลุ่มพวกเขาจะคิดทบทวนก่อนที่จะสับสน นี่คือโอกาสล้างแค้นของพวกเขา
เซียนทั้งหมดเหล่านี้ร่วมกันเป็น ‘กลุ่มสังหารอิง’
เมื่อเห็นเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของมอนตา
ถังเทียนรู้สึกว่าคงเป็นเรื่องดีที่ปล่อยให้มอนตาเป็นผู้นำกลุ่ม เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาปกป้องป้อมปราการประตูเดี่ยว ถังเทียนจะทำงานผ่านการหารือกับกลุ่ม
ในเวลาไม่นานถังเทียนชักกลัวแผนต่างๆ ที่กลุ่มเซียนคิดออกมา
พวกเซียนเกลียดฝูอิงเข้ากระดูกดำ
พวกเขาระดมความคิดสร้างแผนฆ่าเขาออกมาได้ไม่รู้จักหมดสิ้น
เซียนพวกนั้นที่ตอนแรกยังลังเลอยู่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและตระหนี่สมบัติที่ใช้ในการรบกลับยินดีเอามาใช้ต่อต้านฝูอิงเต็มที่
สามารถเป็นเซียนได้ พวกเขาจะอ่อนแอได้ยังไง? แต่ละคนล้วนมีวิธีการของตนเอง
และทุกคนแบ่งปันอุปกรณ์ที่พวกเขาคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ หากไม่มีข่าวกรองเกี่ยวกับฝูอิง พวกเขาก็คงไม่มีความคิดมากมายขนาดนั้น แต่เนื่องจากว่าพวกเขามีข่าวข้อมูลฝูอิง พวกเขาจึงหาวิธีค้นหาจุดอ่อนของเขาได้เป็นธรรมดา
หน้าของถังเทียนเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
ใจของเขามีความรู้สึกยินดียิ่งนักกับความสามัคคีกลมเกลียวนี้
ฝูอิง
เจ้าช่างยิ่งใหญ่สำหรับข้าจริงๆ
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้
พลังของกลุ่มดาวหมีใหญ่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แค่เพียงเซียนสิบคนนี้ กำลังขนาดนั้นก็ถือว่าน่ากลัวแล้ว ถังเทียนฝันถึงว่ามีเซียนสองสามคนอยู่ในแต่ละกองทัพของเขา
กองทัพบ้านนอกจะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นกองทัพมหาอำนาจทันที!
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเซียนเหล่านี้ได้มาฟรีๆ ทุกคนขันอาสาเข้ามาร่วมกับกลุ่มดาวหมีใหญ่เอง
เชียนฮุ่ยนั่นแหละแข็งแกร่งทรงพลังที่สุด
ถ้าไม่ใช่เพราะนางขอให้เขามาที่กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ตามลำพัง
พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้เซียนมามากมายขนาดนี้เป็นแน่
ฝูอิงเพ่งมองม่านพลังงาน สีหน้าของเขาเฉื่อยชาไม่แสดงอาการยินดียินร้ายแต่อย่างใด
เขาสั่นด้วยความกลัวอยู่ภายใน
มิน่าเล่าถึงเรียกว่าป้อมปราการประตูเดี่ยวในตำนาน มันสามารถต้านทานการบุกโจมตีของเซียนนับไม่ถ้วน เขารู้สึกโชคดีที่ไม่ได้เข้าไปด้วยตนเอง
เขาไม่เชื่อว่านี่คือความแข็งแกร่งของผู้เฝ้าประตูซึ่งมีความอดทนที่โดดเด่น
ไม่มีเซียนคนใดที่มีความอดทนต่อการโจมตีหนักหน่วงขนาดนี้ แม้แต่เขาก็ไม่ยกเว้น
ต้องเป็นพลังของป้อมปราการประตูเดี่ยวแน่นอน!
ใช่แล้ว!
เฉพาะพลังของป้อมปราการประตูเดี่ยวก็สามารถทนต่อพลังโจมตีเหล่านี้ได้นานมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นป้อมที่ทรงพลังขนาดนี้ เขาสั่นเมื่อคิดถึงความพ่ายแพ้ที่เขาได้รับเมื่อคืนก่อนนี้
เป็นพลังโจมตีที่น่ากลัว!
อย่างไรก็ตาม
เขาเห็นประจักษ์แล้วว่าม่านพลังกำลังเบาบาง
นี่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
กระสุนมนุษย์กำลังทำงานได้เป็นอย่างดี
ดูเหมือนว่าแผนการนี้จะใช้ได้ดีจริงๆ!
คนอื่นๆ
กำลังมองด้วยความตกตะลึง
ช่างเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งมาก!
ไม่ต้องสงสัยเลยที่ถูกมองว่าเป็นตำนาน...
คงไม่มีใครเชื่อถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยสายตาตนเอง!
ถงเก๋อคิดเรื่องสามารถวิเคราะห์สัดส่วนโครงสร้างของป้อมประตูเดี่ยว
เป็นเรื่องคุ้มค่ากับการเรียนรู้ว่ามันทำงานยังไง
ว่าตามตรง
เขาเองไม่เชื่อว่าพลังของผู้เฝ้าทางเข้าจะสามารถทนได้มากมายอย่างนี้
ไม่มีอะไรสามารถอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้...
ถ้าเพียงแต่ป้อมปราการเองสามารถปลดปล่อยพลังของมันเองจะทำให้ผู้เฝ้าประตูสามารถต้านทานการโจมตีเหล่านี้ได้ ทุกคนยังคงตะลึงว่าพลังของป้อมปราการสามารถทนได้นาน
ป้อมที่น่ากลัวอย่างนี้แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์
ถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องมีเคล็ดลับเล่นกลกันต่อหน้าต่อตาเป็นแน่
โชคดีที่ม่านพลังกำลังเบาบางลง
ม่านพลังเบาบางลงขณะที่ฝูอิงไม่ลังเลส่งเซียนสองสามคนสุดท้ายเข้าไปในป้อมปราการ ขณะที่เซียนชุดสุดท้ายวิ่งเข้าไป
เกิดเสียงระเบิดเสียงดัง
ม่านพลังก็แตกในที่สุด
ฝูอิงสั่งเจ็ดเซียนทันที “บุกเข้าไป”
ถงเก๋อและกลุ่มของเขารู้ว่าถ้าพวกเขาขัดคำสั่งของเขา พวกเขาจะถูกฝูอิงฆ่าอย่างแน่นอน พวกเขาไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่น ได้แต่บุกเข้าไป
ความเร็วของพวกเขาไวขณะที่เขาบุกเข้าไปในทางเข้า นี่คือสถานที่ผู้คุ้มกันน่าจะอาศัยอยู่
เจ็ดเซียนตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็น
พื้นเต็มไปด้วยหลุมบ่อนับไม่ถ้วน แต่ละหลุมจะมีรอยไหม้ที่มีหิมะเต็ม อากาศในป้อมเต็มไปด้วยเศษเสี้ยวพลังงาน
พื้นครอบคลุมไปด้วยดินเหลวและทรายที่ตกค้างจากการต่อสู้รวมทั้งเศษหินระเบิดนับไม่ถ้วน
ด้านหน้ามีซากหักพังมากขึ้น มีรอยแตกร้าวไปทั่วทุกที่และเกือบครึ่งถล่มลง
อีกครึ่งหนึ่งของผนังที่ถล่มเป็นผนังที่ทรุดโทรม
ภาพที่เห็นน่าตกใจมาก
พวกเขาไม่สามารถนึกภาพออกเลยว่าการต่อสู้นั้นน่ากลัวขนาดไหนในช่วงสองสามวันนี้
ฝูอิงที่เดินตามหลังมาอย่างกระชั้นชิดแม้จะเห็นลานประหาร
จากประสบการณ์ต่อสู้มากมาย
พลังงานที่เหลืออยู่ในอากาศ
เขาสามารถรู้สึกได้ถึงการต่อสู้ที่ดุเดือดในพื้นที่ระดับใหม่ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน
เขาไม่เคยพบอย่างนี้มาก่อน
เซียนกระสุนมนุษย์มีพลังน่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด
เขายังรู้สึกดีใจมากที่ไม่ได้เข้ามาด้วยตนเอง แม้ว่าด้วยพลังโจมตีที่น่ากลัว ป้อมปราการก็ยังสามารถทนได้ ป้อมปราการประตูเดี่ยว มีพลังที่คาดไม่ถึงจริงๆ
อย่างไรก็ตาม
เมื่อการป้องกันของป้อมพังทลาย
ก็ไม่มีแนวป้องกันที่สามารถป้องกันคนภายในจากการโจมตีภายนอก
ฝูอิงยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่เขาส่งเสียงตะโกน “บุกเข้าไป! ฆ่าพวกมันให้หมด!
อย่าปล่อยให้ใครรอดชีวิต!”
เจ็ดเซียนทำตามคำสั่งขณะที่พวกเขาบุกเข้าไปข้างหน้าทันที
8 ความคิดเห็น:
ลาก่อยคับ ฝูอิง
งานวางดอกไม้จันทร์ พึ่งเริ่ม
เอ่อ เดินเข้าเตาปิ้งเองเลยสินะงานนี่
ขอบคุณครับ
ก่อนบุกวนซัก 3 รอบนะคะรอเผาเลย ลาก่อนค่ะ R.I.P ไอ่อิง
ขอบคุณครับ
ช่างเป็นคนที่ตายเพื่อพี่ถัง ได้ดีจริงๆ มันกลายเป็นอย่างนี้ได้ยังไง 555 ฝูอิง...
ขอบคุนคับ
แสดงความคิดเห็น