ตอนที่ 526
แรงกดดันจากสมาพันธ์ชาวยุทธ์
ทุกคนเก็บกวาดสนามรบอย่างเงียบงัน
มอนตาถามทันที “ท่านเจ้ากลุ่มดาว ท่านสู้มาหลายศึกแล้วใช่ไหม?
คำพูดของมอนตาเรียกความสนใจจากทุกคน
“ก็ไม่มาก”
ถังเทียนเอียงคอคิดอยู่นาน เขาเหยียดมือออกและนับนิ้ว แต่เขาเอาดีไม่ได้เลยในเรื่องการนับเลข
ได้แต่ตอบเพียงว่า “ยังไงก็ช่างเถอะ
ข้าแค่สู้มาอย่างต่อเนื่อง”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนเพิ่มความนับถือเขา “สู้มาอย่างต่อเนื่อง”
คำพูดเหล่านี้สร้างอิทธิพลได้และแรงกดดันได้ดีนัก
“มิน่าเล่า
ท่านเจ้ากลุ่มดาวถึงได้ช่ำชองนัก”
มอนตาไม่ยอมพลาดจังหวะประจบเอาใจ
ถังเทียนยิ่งดีใจและภูมิใจทันที
“ความจริงผู้บัญชาการของกองพลใบไม้แดงก็แข็งแกร่งมาก ทั้งนักสู้ก็แข็งแกร่งมากด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขาอ่อนซ้อม พวกทหารจึงไม่เชื่อใจผู้นำทหารเพียงพอ แม้ว่าพวกเขาจะดูแข็งแกร่งเมื่อมองจากภายนอก แต่กำลังใจนั่นแหละที่เอาชีวิตพวกเขาไป กองพลที่มีกำลังใจต่ำย่อมพังทลายได้ง่าย แต่ข้าไม่เคยคิดว่ากองทัพของสมาพันธ์ชาวยุทธ์จะมีปณิธานที่อ่อนแอ
ปณิธานเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าพลังของบุคคลเสียอีก”
แม้ว่าถังเทียนจะไม่เคยบัญชาการกองทัพ แต่เขาคลุกคลีกับปิงมาเป็นเวลานานมาก หลังจากได้ฟังเรื่องราวมาหลายอย่าง
เขาสามารถซึมซับเรื่องราวไว้ได้บ้าง
สองสามเรื่องเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นประโยคที่ผู้เชี่ยวชาญพูดไว้เสมอ
มอนตาและพวกเซียนที่เหลือมั่นใจว่ามาตรฐานของเจ้ากลุ่มดาวของพวกเขาไม่อาจดูถูกได้เลย
ถังเทียนโบกมือพูดเสียงดัง
“ถ้ากองทัพภายใต้การนำของข้าบังอาจพลังทลายอย่างนี้ ข้าจะต้องซัดเจ้าพวกนั้นให้เหมือนสุนัขไปเลย”
เด็กหนุ่มลืมตัวไปว่าแม้ขณะนั้น
เขาโดยพื้นฐานก็ไม่เคยแตะต้องทหารของเขามาก่อน
เขาไม่รู้เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตกของกองทัพเขาด้วยซ้ำ
มอนตาและเซียนที่เหลือกลัวกันทันที พวกเขาแสดงความนับถืออย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตามคำพูดของถังเทียนไม่ใช่โกหก
เพราะปิงก็คือคนที่ดูแลกองทัพ เมื่อรอดชีวิตจากการสู้รบที่รุนแรงที่สุดได้
ความเข้าใจของเขาในเรื่องสงครามจะลึกซึ้งกว่าคนอื่นมาก ถึงอย่างนั้น
ในฐานะครูฝึกแห่งกองทัพดาวกางเขนใต้ เขาก็ยังเต็มไปด้วยความเข้าใจถึงวิธีการสร้างกองทัพใหม่
ในแต่ละกองทัพของกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด
รวมทั้งกองพลทหารราบของทาร์ตันซึ่งถูกบังคับให้ต้องเรียนรู้และปรับโครงสร้างหลายครั้งกลายเป็นกองทัพรูปแบบใหม่ เกี่ยวกับพลังของนักสู้แต่ละคน
ไม่มีกองทัพใดภายใต้บังคับของถังเทียนที่จะเทียบได้กับกองพลใบไม้แดง
อย่างไรก็ตามเมื่อว่ากันเรื่องความมุ่งมั่นในการต่อสู้
กองพลใบไม้แดงยังแพ้เขา
ถังเทียนเต็มไปด้วยความรังเกียจต่อกองพลใบไม้แดง และกองกำลังรอบๆ
ตัวของเขาไม่เคยถูกบดขยี้อย่างนั้น
เทียบกันแล้วกองพลใบไม้แดงเป็นยิ่งกว่ากลุ่มไข่ที่เปราะบางเสียอีก
ถังเทียนยังคงรู้สึกว่า
แม้ว่าเขาอาจจะอ่อนแอมากกว่าคนอื่น
แต่ก็ไม่เป็นอะไร
เขาแค่ต้องกล้ำกลืนฝึกฝนต่อไป
ถ้าแม้แต่ความมุ่งมั่นและปณิธานของเขาอ่อนแอลง นั่นยังคงน่าอึดอัดยิ่งกว่าถูกฆ่าเสียอีก
“ไปกันเถอะ, เราจะไปหากองพลดาบแสงต่อไป!”
ถังเทียนโบกมือ เขาต้องการเอาชนะสมาพันธ์ชาวยุทธ์ในช่วงเวลายากลำบากนี้
แม้ว่าการสู้รบจะไม่มีการพลิกผันเปลี่ยนแปรไปมาก
แต่ทัศนคติที่พวกเซียนมีต่อถังเทียนได้พัฒนาต่อไปโดยไม่รู้ตัว
“ถังเทียนไม่คิดอะไรมากเรื่องการกำจัดกองพลใบไม้แดง ด้วยกำลังเซียน 43
คนซึ่งนับว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่ง
ชัยชนะนั้นเป็นของแน่นอน
แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าการกำจัดกองพลใบไม้แดงจะสร้างผลกระทบขนาดใหญ่
*************
สาขาระดับทองที่สิบ
สมาพันธ์ชาวยุทธ์
ในบรรดาสาขาชั้นทองมากมาย สาขาทองที่สิบถือว่ามีมาตรฐานระดับทั่วไป ปีนี้ในแต่ละสาขาชั้นทองของสมาพันธ์ชาวยุทธ์ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงรุนแรงที่สุด การฝึกฝนของสาขาทองกลายเป็นเข็มงวดมากขึ้น สถานะของพวกเขาแต่เดิมโดดเด่น อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านการสู้รบมาได้สักพัก สถานการณ์และระดับชั้นยังคงเพิ่มขึ้น
นักสู้ระดับทองไม่สามารถกลายเป็นปัจจัยตัดสินของการสู้รบ ดังนั้นสถานะของสาขาทองจึงเริ่มตกต่ำ
การสร้างกองทัพกลายเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะนักสู้ระดับทองมีความเหมาะสมกับกองทัพ
สาขาทองต่างๆ
ไม่มีทางเลือกนอกจากเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
กลายเป็นว่านักสู้ระดับทองเข้าพื้นที่เพื่อฝึกฝน
ประวัติความเป็นมาของสาขาทองมีมานานแล้ว แทบจะถือกำเนิดมาพร้อมกับสมาพันธ์ชาวยุทธ์ สาขาชั้นทองทั้งหมดเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกันและกัน แต่ละสาขาทองจะมีความลับและวิชาลับของตนเอง
พวกเขาจะมองหาผู้เยาว์ที่เหมาะสมมาจากทั่วทุกสารทิศและในเวลาสั้นๆ
จะใช้วิธีการลับ
โดยพวกเขาจะให้การดูแลนักสู้เหล่านี้เป็นอย่างดีจนกระทั่งกลายเป็นนักสู้ระดับทอง
เหล่านักสู้ชั้นทองที่ถูกผลิตออกมานี้ยากจะก้าวหน้าได้
แต่เมื่อเทียบกับการเติบโตแบบนักสู้ระดับทองตามธรรมชาติ พวกเขามิได้อ่อนแอกว่าเท่าใดนัก
อย่างไรก็ตามพวกเขาสามารถสร้างกองทัพได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
หลังจากที่กองทัพระดับทองเหล่านี้ถือกำเนิด ตำแหน่งของสาขาทองก็พลอยมั่นคงไปด้วย พวกเซียนมีความแข็งแกร่งมาก แต่พลังสู้รบระดับสูงของพวกเซียนไม่อาจกลายเป็นพลังที่แท้จริงในสนามรบได้
การมองการณ์ไกลดังกล่าวทำให้นักสู้ระดับทองกลายเป็นกำลังหลักในสนามรบอย่างรวดเร็ว
การรวบรวมพลของสมาพันธ์ชาวยุทธ์เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่ของพวกเขา
ฌอนคือหัวหน้าของสาขาทองที่สิบ เขารู้สึกอารมณ์ดีเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา
เมื่อระดับสูงตัดสินใจยอมเสียสละกองพลใบไม้แดง อารมณ์ของเขาเสียทันที ผลงานของกองพลใบไม้แดงจะส่งผลต่อสาขาทองที่สิบโดยตรง
ฌอนอายุสี่สิบห้าปีในปีนี้และเป็นช่วงเวลาที่รุ่งเรืองของเขา
ดังนั้นเขาจึงมีความทะเยอทะยานถึงอนาคต
นี่คือเหตุผลที่เขายืนยันกระต่ายขาเดียวผลักดันโจนส์ซึ่งฝูอิงแนะนำมาให้เขาได้เป็นผู้บัญชาการ โจนส์ไม่ทำให้เขาผิดหวัง
ในช่วงซ้อมรบระหว่างสาขาทองด้วยกัน ผลงานของกองพลใบไม้แดงโดดเด่น
ทำให้ฌอนมีความสุขมาก
เมื่อเขารู้ตัวว่าฝูอิงสร้างความวุ่นวายทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธ์อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ดังนั้นผู้บริหารระดับสูงจึงให้กองพลใบไม้แดงเป็นแพะรับบาปทำให้เขาตกอย่สภาวะแทบสิ้นหวัง
ถึงกระนั้นก็ตามสิ่งที่เขาไม่เคยคาดเลยก็คือ พัฒนาการของสถานการณ์ที่ตามมาเหมือนกับเส้นทางคดเคี้ยว
สถานการณ์ตอนนี้เป็นประโยชน์ต่อกองพลใบไม้แดง พวกเขาจำเป็นต้องยึดเมืองหานกู่ให้ได้ก่อน จากนั้นความดีความชอบที่ตามมาจะไปไหนเสีย
ฌอนมีอารมณ์ดีเนื่องจากการวิจัยค้นคว้าของพวกเขาเร็วๆ
นี้มีความก้าวหน้า
รองหัวหน้าสาขารายงานเขา “วิธีลับแบบใหม่นี้
เราตั้งชื่อว่าแสงฤดูใบไม้ร่วง มันช่วยสร้างศักยภาพให้กับนักสู้และในช่วงเวลาสั้นๆ
ช่วยให้ตันเถียนของนักสู้มีระดับที่สูงขึ้น
แน่นอนว่านักสู้ระดับทองก็วิวัฒนาการมาโดยทำนองนี้ จะทำให้อายุขัยสั้นมาก”
ฌอนถาม
“สั้นขนาดไหน?”
“อย่างมากที่สุดก็มีอายุขัยห้าปี” รองหัวหน้ากล่าว “เราจะพัฒนาปรับปรุงวิธีลับเพื่อยืดอายุขัย”
“ห้าปีก็พอแล้ว” ฌอนโบกมือ
เขากล่าว
“ตามสถานการณ์ในตอนนี้
ใครจะรู้ว่ามีศึกอยู่มากเพียงใดที่จะต้องต่อสู้
พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีชีวิตยืนยาวนานขนาดนั้น แล้ววิวัฒนาการสาขาอื่นเป็นยังไงบ้าง?”
“พวกเขายังห่างจากเรา
พวกเขาจำเป็นต้องได้นักสู้อย่างน้อยก็ระดับแปด ขณะที่เราต้องการเพียงนักสู้ระดับเจ็ด” เสียงของรองหัวหน้าพูดแสดงความยินดี “แม้ว่าจะมีระดับความสำเร็จเพียง 50% แต่เราก็ยังจะได้เปรียบมาก
จำนวนนักสู้ระดับเจ็ดมีมากกว่านักสู้ระดับแปด และถ้าตายไปครึ่งหนึ่งเราก็ยังจะได้เปรียบมาก”
“ฮ่าฮ่า
ดีมาก” ฌอนมีสีหน้าพอใจ “รอจนกว่ากลุ่มนักสู้ทองชุดนี้หมดไปก่อน
เราสามารถสร้างกองทัพทองรุ่นที่สองและสามออกมาได้
กองทัพทองทั้งหมดจะถูกเสริมไปที่แนวหน้า ก่อนปล่อยให้พวกเขาตาย พวกเขาจะสร้างความดีความชอบให้เราอย่างเพียงพอ! ฮ่าฮ่า
กลุ่มดาวราชสีห์ก็แค่รอจมน้ำตายไปกับกองทัพทองของเรา!”
“หัวหน้าสาขาฉลาดล้ำจริงๆ!” รองหัวหน้าพูดอย่างรวดเร็ว
ฌอนดีใจ “มีแต่ผู้นำทหารเท่านั้นที่หายาก เรามีอยู่เพียงไม่กี่คน ฝึกพวกเขาด้วยก็แล้วกัน ผู้นำทหารจะต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ขาดไม่ได้เลยในอนาคต แม้เราจะเปลี่ยนทหารได้ แต่ผู้นำทหารนั้น..ไม่ได้แน่...”
ทันใดนั้น
นักสู้คนหนึ่งพรวดพราดเข้ามาข้างใน
“หัวหน้าสาขา! ข่าวร้าย
ข่าวร้าย!”
ฌอนเลิกคิ้วขึ้น แต่บริวารผู้นี้ตามปกติจะใจเย็นและมั่นคง แต่สภาพปัจจุบันของเขานี้ตื่นตระหนก
ยากจะเห็นได้ ดังนั้นจึงถามขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมเจ้าถึงได้ตะโกนโวยวายอย่างนั้น!”
“ใบไม้แดง... กองพลใบไม้แดงทั้งหมดพ่ายแพ้แล้ว....”
ฌอนตะลึง,
และทันทีจากนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
“เจ้าว่าไงนะ?
พวกเขาพ่ายแพ้ได้ยังไง?”
“ข้าไม่ทราบ”
บริวารผู้นั้นกลืนน้ำลายอย่างยากลำบอก
หน้าของเขาซีดขาว
“แต่ป้ายเกียรติยศชาวยุทธ์ทุกคนถูกทำลาย...”
“ทั้งหมด,
พวกเขาถูกทำลายทั้งหมด....”
ม่านตาของฌอนขยาย
ตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
นักสู้ของสมาพันธ์ชาวยุทธ์ทุกคนจะมีป้ายเกียรติยศชาวยุทธ์ ป้ายเกียรติยศชาวยุทธ์ของกองทัพจะมีความล้ำหน้ามากกว่า
มันมีพลังหลายอย่างที่หลายคนยังไม่รู้
ในสาขาทองที่สิบ จะมีผนังอยู่ที่หนึ่ง
บนนั้นจะฉายภาพแผ่นป้ายเกียรติยศที่ทหารได้รับไปทุกคน ถ้านักสู้ตาย ภาพฉายของพวกเขาจะหายไป
ทุกคนเรียกผนังนั้นเล่นๆ
ว่าผนังเป็น-ตาย
ร่างของฌอนหายไป เขาตรงไปที่ฝาผนังเป็นตายอย่างรวดเร็ว
ผนังขนาดใหญ่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
“เป็นไปได้ไง
มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง....”
ฌอนปากสั่น เขาเหม่อมองผนังด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
พึมพำอย่างไม่เข้าใจ ฉากภาพข้างหน้าเขาพูดได้อย่างเดียว
– กองทัพถูกละลายหายไปหมด
มันเป็นไปไม่ได้...
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
ฌอนไม่อาจเชื่อสายตาตนเองได้ นั่นคือกองทัพนักสู้ระดับทอง! เป็นกองทัพทอง
เป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะถูกกวาดล้างโดยไม่มีโอกาสพูดเลยสักคำ
กองกำลังใบไม้แดง..... พวกเขาไปพบเจอกับอะไรกันแน่...
ในเมืองหานกู่มีอะไร...
หน้าของฌอนพ่ายแพ้ จิตใจว่างเปล่า รองหัวหน้าตามมาอย่างใกล้ชิด และพลอยตกตะลึงไปด้วยเมื่อมองดูผนังเป็นตายว่างเปล่า สีหน้าของเขาซีดขาว
“รายงานเหตุนี้ให้เบื้องบนทราบ”
ฌอนใช้พลังงานสุดท้ายและพูดออกมาอย่างยากลำบาก
เบื้องสูงของสมาพันธ์ชาวยุทธ์ทั้งหมด
เมื่อได้ทราบข่าวกะทันหัน ต่างตกตะลึงสิ้นเชิง
นั่นเป็นกองทัพนักสู้ทองล้วนๆ
พวกเขาถูกทำลายโดยมิอาจส่งเสียงอะไรได้
“หรือว่าจะเป็นคลื่นพลังเย็น?” ผู้อาวุโสสมาพันธ์พูดเสียงเบา
“เป็นไปไม่ได้!” หรงปัวคือคนที่ตอบ เขามีสีหน้าเคร่งขรึม “คลื่นพลังเย็นเพิ่งจะเกิดขึ้นที่นั่น จะไม่มีคลื่นพลังเย็นเช่นนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ
เป็นครั้งที่สองแน่นอน”
“อย่างนั้นใครทำเรื่องนี้? ถังเทียน? หรือว่ากองทัพจักรกล?” ผู้อาวุโสสมาพันธ์อื่นถาม
“ไม่น่าเป็นไปได้อีกเช่นกัน กองพลใบไม้แดงไม่ได้รายงานข่าวกรองกลับมา
ดังนั้นนั่นจึงมีความเป็นไปได้ประการเดียว
พวกเขาถูกซุ่มจู่โจมกะทันหันและเป็นการโจมตีที่ดุเดือด พวกเขาไม่สามารถส่งข่าวสารได้ก่อนที่กองทัพจะถูกละลาย” คนที่พูดเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งมีดูท่าทางลึกลับ
“ปัญหาในตอนนี้ก็คือ
พลังอะไรกันแน่ถึงทำได้อย่างนั้น?”
ผู้อาวุโสหรงปัวถาม ทำให้ทุกคนเงียบ
เหล่าผู้อาวุโสเข้าใจอย่างชัดเจนดีว่า
เป็นเรื่องยากยิ่งนักที่จะท้าทายและทำลายกองทัพทองได้ทั้งหมดในช่วงเวลาสั้นๆ
“เซียน
มีแต่เซียนเท่านั้น! และต้องเป็นเซียนจำนวนมากเสียด้วย!”
หรงปัวตอบคำถามนี้เอง สายตาของเขากวาดไปทั่วพื้นที่
“กลุ่มดาวหมีใหญ่คงไม่มีพลังอำนาจแบบนี้แน่นอน
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราในตอนนี้ก็คือค้นหาดูว่าใครกันแน่ที่บังอาจแทรกแซงสงครามครั้งนี้
แรงกดดันหนักหน่วงครอบคลุมผู้อาวุโสทุกคนทันที
มีแต่เพียงกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคาถึงจะมีจำนวนเซียนได้ขนาดนั้นและสมาพันธ์ชาวยุทธ์ไม่ต้องการเห็นเรื่องเช่นนั้นมากที่สุด
10 ความคิดเห็น:
'เขาโดยพื้นฐานก็ไม่เคยแตะต้องทหารของเขามาก่อน เขาไม่รู้เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตกของกองทัพเขาด้วยซ้ำ' ด่าได้เจ็บมาก555555555
555 สะใจจริงๆ เดี๋ยวต้องมีก๊อกสองต่อ แล้วจะอึ้งกว่านี้แน่ๆ เอาใจช่วยพี่ถัง
แหมๆๆๆ....อเมริกาแค่โดนอาวุธลับของเกาหลี งงล่ะชิๆ
อย่างกะเอามนุษย์ไปทดลองเลย ไอ้พวกนี้
เปิดเรื่องแรก ๆ สมพชย. มีแต่ชื่อเสียงดี ๆ พอนานเข้า เหมือนตัวร้ายชัด ๆ
เดี๋ยวคงมีหน่วยใหม่งอก คือ หน่วยเซียน เตรียมตังค์ไว้เยอะๆเด้อพี่ถัง
THank You
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุนคับ
แสดงความคิดเห็น