วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 27 ความลับศาสนจักร

เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 27 ความลับศาสนจักร
ซาสเลอร์รู้ว่าสำหรับคนอายุยี่สิบเอ็ดปีที่สามารถบรรลุถึงระดับนั้นได้  ก็หมายความว่าในอนาคต เขาจะทิ้งซาสเลอร์อย่างไม่เห็นฝุ่น

 “ตอนนี้นับว่าเราได้รู้บางอย่างที่เกี่ยวกับความสามารถของกันและกันแล้ว เจ้าไม่ต้องการรู้เรื่องศาสนจักรเจิดจรัสหรือ?” มาดท่าทีมั่นใจในตนเองปรากฏอยู่บนใบหน้าของซาสเลอร์  เกี่ยวกับความลับของศาสนจักรเจิดจรัส  ซาสเลอร์รู้มากพอๆ กับสมาชิกระดับสูงของศาสนจักรเอง
 “พูดไป” ลินลี่ย์เริ่มตั้งใจฟังอย่างระมัดระวังทันที
ซาสเลอร์พยักหน้า  “พูดง่ายๆ ก็คืออำนาจของศาสนจักรเจิดจรัสระดับผิวเผินที่สุด ได้แก่ ผู้เผยแพร่คนสอน บาทหลวง บิช็อพ, ไวคาร์และคาร์ดินัล   พวกเขายังมีแปดกองพลอัศวินที่รู้จักกันดีว่าเป็นกองอัศวินที่ทรงอำนาจที่สุดของวิหารเจิดจรัส  นี่สามารถนับได้ว่าเป็นกองทหารที่สองของพวกเขา  นอกจากนี้พวกเขายังมีพวกข้าทาสบริวารของศาลศาสนจักรและพวกโยคีอีกเป็นจำนวนมากเช่นกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลินลี่ย์ยังคงเงียบอยู่  เขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ดีแล้ว
 “แต่นอกจากกองกำลังที่เปิดเผยเหล่านี้แล้ว  พวกเขายังมีกองกำลังลับอีกสองกอง”  คำพูดนี้ดึงดูดความสนใจของลินลี่ย์ทันที
พวกโยคีและมือปราบของศาลศาสนจักรถือได้ว่าเป็นกองกำลังลับหรือเปล่า?
 “กองกำลังลับทั้งสองนี้น่ากลัวอย่างมาก  มีพลังมากกว่ากองกำลังอื่น  กองกำลังลับแรกมีชื่อว่า ผู้คลั่งศาสนา!  ซาสเลอร์ขมวดคิ้ว  “พวกคลั่งศาสนานี้น่ากลัวมาก พวกเขามีพลังที่แปลกประหลาดซึ่งไม่ใช่พลังแห่งแสง  ข้าไม่สามารถระบุได้”
นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้ยินเรื่องราว “ผู้คลั่งศาสนา”
 “และกองกำลังที่สองเล่า?”  ลินลี่ย์ถาม
หน้าของซาสเลอร์ยิ่งเคร่งขรึม  “กองกำลังที่สองเป็นกองกำลังที่ทรงพลังอำนาจที่สุดซึ่งศาสนจักรเจิดจรัสมี  ถือว่าเป็นไม้ตายที่แท้จริงของพวกเขา  พวกเขาจะไม่ใช้กองกำลังนี้เว้นแต่จะถึงจุดสุดท้าย หรือวิกฤติ  นั่นคือเทวทูตอัญเชิญ”
 “เทวทูต?”  ลินลี่ย์ใจสั่น
ในอดีตตอนอยู่ที่สถาบันเอินส์  ลินลี่ย์อ่านหนังสือเกี่ยวกับเทวทูตมามาก   ความประทับใจที่เขามีต่อเทวทูตก็คือพวกเขาทรงพลัง และทรงพลังอย่างมาก
 “เพราะข้อจำกัดของการมีกายเนื้อ เทวทูตอัญเชิญจึงไม่ได้มีพลังระดับสูงสุดยอด  อย่างไรก็ตาม แม้แต่เทวทูตอัญเชิญที่อ่อนแอที่สุดก็เป็นนักสู้ระดับเก้า  หลายคนเป็นระดับเซียน  เทวทูตอัญเชิญเป็นกองกำลังที่น่ากลัวที่สุดอย่างแท้จริงของศาสนจักรเจิดจรัส”  ซาสเลอร์ถอนหายใจ
ใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความตกใจ
 “ซาสเลอร์, ข้าเคยอ่านเรื่องเทวทูตมาบ้าง  กล่าวอธิบายถึงเทวทูตที่ทรงพลังมากที่สุดไว้ว่า พวกเขามีพลังของมหาเทพ ถ้าศาสนจักรเจิดจรัสมีเทวทูตที่ทรงพลังอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาคงไม่มีสภาพดังปัจจุบันนี้”  ลินลี่ย์แย้ง
ซาสเลอร์ส่ายศีรษะ  “ไม่, พลังของเทวทูตอัญเชิญขึ้นอยู่กับมนุษย์ที่เป็นร่างประทับที่ศาสนจักรเจิดจรัสเตรียมไว้”
 “ร่างประทับมนุษย์?”  ลินลี่ย์มองซาสเลอร์ด้วยความสงสัย
 “ถูกแล้ว ตอนนี้เทวทูตไม่สามารถสร้างรอยแยกมิติและลงมายังโลกของเราได้  เงื่อนไขของพวกเขาในตอนนี้คือใช้วิธีการพิเศษและประทับลงในร่างมนุษย์  ความแข็งแกร่งหรือจุดอ่อนของร่างมนุษย์นี้จะเป็นตัวตัดสินว่าเทวทูตจะสามารถใช้พลังได้มากเพียงไหน”  ซาสเลอร์อธิบาย
 “ลินลี่ย์  แม้ว่าโลกนี้จะมีนักสู้ระดับเก้าและนักสู้ระดับเซียนก็ตาม...ถ้าไม่ใช่เพราะปราณยุทธของพวกเขา  พลังภายนอกของพวกเขาค่อนข้างจะอ่อนแอกว่าเล็กน้อย  มนุษย์ธรรมดาสามารถฝึกพลังกายภายนอกได้ถึงระดับหก”
ลินลี่ย์เห็นด้วยกับการประเมินนี้
 “เมื่อเทวทูตอัญเชิญประทับในร่างของร่างมีพลังกล้ามเนื้อแข็งแกร่งระดับหก  พวกเขาสามารถใช้พลังได้มากที่สุดถึงระดับเก้า  ดังนั้นศาสนจักรเจิดจรัสจึงต้องการร่างของนักสู้ระดับเจ็ดหรือที่สูงกว่า”  ซาสเลอร์กล่าวอย่างมั่นใจ
 “แม้แต่ร่างที่ทรงพลังมากกว่าด้วยหรือ?”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
 “แม้ว่าร่างมนุษย์ธรรมดาจะมีพลังแข็งแกร่งได้ถึงระดับหก  แต่ก็ยังมีอัจฉริยะบางส่วนที่แข็งแกร่งอย่างมาก  คนพวกนั้นมีพรสวรรค์และกำลังมากเป็นพิเศษ อาจบรรลุขีดจำกัดเป็นนักสู้ระดับเจ็ดได้ด้วยพลังกล้ามเนื้ออย่างเดียว  และร่างกายซึ่งบรรลุถึงระดับเจ็ดโดยธรรมชาติ ว่ากันในเรื่องพลังก็น่าจะเพียงพอให้เทวทูตได้ใช้พลังจนถึงระดับเซียน”
เมื่อได้ยินคำพูดของซาสเลอร์ ลินลี่ย์อดขมวดคิ้วไม่ได้
เพราะปู่ทวดของลินลี่ย์สามารถฝึกจะถึงระดับเจ็ดด้วยพลังกล้ามเนื้อล้วนๆ  แต่หลังจากนั้นทวดของลินลี่ย์ก็ตายในการรบ  ในอดีตที่ผ่านมา ลินลี่ย์ไม่เคยสงสัยเรื่องนี้  แต่ตอนนี้...
 “อาจเป็นไปได้ว่าทวดของเรานั้นคงถูกศาสนจักรเจิดจรัสเอาร่างไปใช่หรือเปล่า?  ลินลี่ย์คาดเดา
ในความเป็นจริง ตระกูลสี่สุดยอดนักรบมีพลังภายในที่เป็นพรสวรรค์อยู่มากมายแล้ว
ซาสเลอร์พูดต่อ  “นี่เป็นเหตุให้ศาสนจักรเจิดจรัสสำรวจหาคนที่มีร่างกายแข็งแกร่งทั่วโลก ยิ่งมีร่างกายทรงพลังมากขึ้น  พลังของเทวทูตอัญเชิญจะมากยิ่งขึ้น แต่มันไม่มีประโยชน์  ในยุคนี้ทวีปยูลานมีนักสู้ระดับเทพถึงสี่คน เมื่อเผชิญหน้ากับนักสู้ระดับเทพเหล่านี้ นักสู้ระดับเซียนทำอะไรไม่ได้ นอกจากตายสถานเดียว”
 “สี่เทพนักสู้น่ะหรือ?”  ลินลี่ย์จ้องมองซาสเลอร์ด้วยความประหลาดใจ  ดูเหมือนว่าซาสเลอร์จะรู้เรื่องความคงอยู่ของยอดฝีมือจากเทือกเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ซาสเลอร์เห็นลินลี่ย์ประหลาดใจ เขาหัวเราะและกล่าว “นักสู้ระดับเทพทั้งสี่ก็คือ เทพศึกและนักพรตชั้นสูงของมนุษยชาติ  ส่วนอสูรวิเศษที่เป็นราชาแห่งป่าทมิฬและราชันย์อสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งเทือกเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งปรากฏตัวในวันมหาวิบัติ”
 “ลินลี่ย์ เมื่อข้าเล่าเรียนเวทลับของพ่อมด  ข้าได้เรียนรู้ว่า... ร่างของเทพก็มีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับนักสู้ชั้นเซียน นี่ว่ากันเฉพาะพลังกายอย่างเดียว”  ซาสเลอร์พูดด้วยความมั่นใจ
นักสู้ระดับเทพอาจกล่าวได้ว่า การประกอบของกายเทพ รัศมีเทพและพลังเทพที่เขาใช้นั้น ไม่มีทางที่นักสู้ระดับเซียนจะทำร้ายพวกเขาได้
 “ดังนั้น ในแง่การใช้พลังของเทพ  เฉพาะพลังกายอย่างเดียวเท่านั้นที่มีความแข็งแรงระดับเซียน  ส่วนใหญ่ศาสนจักรเจิดจรัสไม่สามารถแสดงเทวทูตระดับเทพออกมาได้  แม้ว่าเทวทูตระดับสูงจะลงประทับก็ตาม  พวกเขาไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่  เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องกายหยาบ”  ซาสเลอร์พูดอย่างมั่นใจ
การสอนเวทพ่อมดมีความลึกซึ้ง  นอกจากนี้ซาสเลอร์ยังอายุเกินกว่าแปดร้อยปี เขาต้องรู้เรื่องหลายอย่างมากมาย
 “นักสู้ระดับเทพ!”  หัวใจของลินลี่ย์หวั่นไหวด้วยความทึ่ง
สี่ยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดเหล่านี้แห่งทวีปยูลานสามารถสั่นสะเทือนโลกด้วยพลังของพวกเขาได้  ในวันมหาวิบัติ  การปรากฏตัวของไดลินทำให้ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาต้องหลีกหนีเขา
ศาสนจักรเจิดจรัสมีเทวทูตอัญเชิญ  แต่ลัทธิเงามีอะไร  เพราะพวกเขามีอำนาจเสมอกับศาสนจักรเจิดจรัสมานับปีไม่ถ้วน?
อย่างไรก็ตาม มหาอำนาจทั้งสองรวมกันก็ยังไม่กล้าต่อต้านไดลินผู้นั้น ราชันย์แห่งเทือกเขาอสูรวิเศษ
จากตรงนี้ ใครๆ ก็ไม่สามารถบรรยาพลังของนักสู้ระดับเซียนได้
 “ใครจะรู้ว่าข้าจะมีพลังอย่างนั้นเมื่อใด”  ลินลี่ย์เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและหวังว่าจะมีพลังเช่นนั้นบ้าง
….

ซาสเลอร์ยังคงบอกเล่าข้อมูลมากมายเกี่ยวกับศาสนจักรเจิดจรัสต่อไป
 “ศาสนจักรเจิดจรัสจะใส่ใจสองเรื่องมากที่สุด คือเรื่องแรกหาร่างที่มีพลังมาก  เรื่องที่สองหาวิญญาณที่บริสุทธิ์มาก”  ขณะที่ซาสเลอร์พูดเรื่องนี้ ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยน
วิญญาณบริสุทธิ์?
มารดาของเขาตายเนื่องจากผลเช่นนี้
 “ตามที่คาดกันไว้  มหาเทพเจิดจรัสซึ่งศาสนจักรเจิดจรัสเทิดทูนบูชาต้องการเพียงสองสิ่ง สิ่งแรกคือการเทิดทูนบูชาของเหล่าสาวกของเขา  อย่างที่สองก็คือวิญญาณบริสุทธิ์  ยิ่งศาสนจักรบูชายัญด้วยวิญญาณบริสุทธิ์มาก  ของขวัญที่มหาเทพเจิดจรัสประทานให้พวกเขาก็ยิ่งใหญ่มาก”
ตอนนี้ ลินลี่ย์มีความเข้าใจศาสนจักรเจิดจรัสดีขึ้นแล้ว
เหตุผลที่ศาสนจักรเจิดจรัสบูชายัญวิญญาณที่บริสุทธิ์แก่มหาเทพเจิดจรัสก็เหตุผลเดียวกับที่พวกเขาค้นหาร่างที่ทรงพลัง  เป็นเพราะพวกเขาต้องการใช้เทวทูตอัญเชิญได้อย่างเต็มที่
 “ลินลี่ย์, ในทวีปยูลาน ศาสนจักรเจิดจรัสได้ซ่อนกำลังสำรองไว้ทั่วทุกพื้นที่  ที่สำคัญคือพลังของศาสนาช่างน่ากลัวมาก”  ซาสเลอร์พูดพลางถอนหายใจ  “แต่ในสี่จักรวรรดิใหญ่  กิจการของศาสนจักรเจิดจรัสค่อนข้างอ่อนแอ อย่างไรก็ตามในดินแดนอนารยชน อิทธิพลของพวกเขาค่อนข้างมาก”
 “ดินแดนอนารยชน?”
แผนที่ลอยขึ้นมาข้างหน้าจากความทรงจำของลินลี่ย์
ทิศตะวันออกของจักรวรรดิโอเบรียน มีพื้นที่ซึ่งใหญ่กว่าจักรวรรดิโอเบรียนเล็กน้อย  ในใจกลางพื้นที่แห่งนี้เป็นป่าขนาดมหึมา นั่นคือป่าทมิฬ
ป่าทมิฬกว้างหลายพันกิโลเมตรและยาวหลายพันกิโลเมตรเช่นกัน ผืนป่าขนาดมหึมานี้กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของดินแดนแถบนี้
ทิศเหนือของป่าทมิฬมีแปดแคว้นอิสระด้านเหนือขนาดเท่ากับมณฑลปกครองของจักรวรรดิโอเบรียน
ด้านใต้ของป่าทมิฬมี 48 แว่นแคว้น พื้นที่โดยรวมทั้งหมดของแว่นแคว้นเหล่านี้มีขนาดครึ่งหนึ่งของจักรวรรดิโอเบรียน  ตรงนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ซึ่งมีความวุ่นวายในการปกครองมากที่สุดในทวีปยูลาน  เนื่องจาก 48 แคว้นอิสระเหล่านี้ชอบก่อสงคราม
 “ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาเป็นสองศาสนาที่ทรงอำนาจที่สุดในดินแดนอนารยชน
ลินลี่ย์สามารถนึกภาพออก
ในสงครามชิงบัลลังก์แผ่นดินอนารยชน เป็นเรื่องธรรมดาที่สามัญชนผู้น่าสงสารจะหันเข้าหาศาสนาเพื่อปลอบขวัญ
 “จริงสิ  ข้าพูดมากจนปากแห้งแล้ว ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว” ซาสเลอร์หัวเราะลั่น
ซาสเลอร์และลินลี่ย์มีแหวนมิติเก็บสมบัติกันทั้งคู่  และแหวนของคนทั้งสองเก็บไวน์ชั้นดีไว้ ได้ดื่มไวน์ขณะกินผลไม้สดไปพลาง  ทั้งสองคนปรึกษากันถึงแผนจัดการกับศาสนจักรเจิดจรัส
 “โอว จริงสิ ข้านึกอะไรได้ขึ้นมาทันที” จู่ๆ ซาสเลอร์ก็พูดขึ้นมา
 “เรื่องอะไร?”  ลินลี่ย์มองซาสเลอร์
ซาสเลอร์หัวเราะเบาๆ  “ครั้งนี้ เมื่อข้าถูกพวกการ์ดควบคุมตัว  เราผ่านหน่วยของศาสนจักรเจิดจรัสอีกทีมหนึ่ง  หน่วยนี้ก็ควบคุมคนกลุ่มหนึ่งเหมือนกัน
 “ใครกัน?  ยอดฝีมืออย่างท่านหรือ?”  ลินลี่ย์ถาม
ถ้าพวกเขาเป็นยอดฝีมือ  อย่างนั้นเขากับซาสเลอร์จะไปช่วยพวกเขา  ที่สำคัญพวกเขาแต่ละคนเป็นปฏิปักษ์กับศาสนจักรเจิดจรัสทั้งนั้น  ถ้าพวกเขารวมตัวกัน  พวกเขามีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น
 “ไม่, เป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักสองคน”  ซาสเลอร์ส่ายศีรษะ  “เดิมทีเมื่อหน่วยนั้นกับหน่วยของแลมสันพบกัน  ข้าเห็นเด็กผู้หญิงทั้งสองนั้น  ข้าต้องบอกว่า ข้าต้องบอกเลยว่าเด็กผู้หญิงนั้นบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเหมือนนางฟ้า   เนื่องจากข้าคุ้นเคยกับลักษณะของวิญญาณ ข้ามั่นใจได้เลยว่าเด็กผู้หญิงสองคนนี้มีวิญญาณที่บริสุทธิ์มาก”
ผู้ฝึกฝนมาทางเวทของพ่อมดเทียบกับจอมเวทชนิดอื่นมีประสบการณ์มากที่สุดเมื่อว่ากันถึงเรื่องดวงวิญญาณ
 “อย่างไรก็ตามในสายตาของศาสนจักรเจิดจรัส   ความสำคัญของข้ายังเหนือกว่าความสำคัญของเด็กผู้หญิงสองคนนั้น  แลมส์สันและคนอื่นเร่งพาข้าเดินทางอย่างรวดเร็ว  ขณะที่เด็กผู้หญิงทั้งสองเป็นอีกหน่วยหนึ่งพาไปซึ่งจะค่อนข้างเดินทางช้า”  ซาสเลอร์กล่าว
 “ดังนั้นความตั้งใจของท่านคือ..?”  ลินลี่ย์มองซาสเลอร์ด้วยความสงสัย
ซาสเลอร์หัวเราะเบาๆ  “ข้าตั้งใจว่าเราควรไปช่วยเด็กผู้หญิงทั้งสองคนนั้น  ที่สำคัญหน่วยนั้นมียอดฝีมือไม่มาก มีแค่นักสู้ระดับแปดคนเดียว”
ในสายตาของซาสเลอร์และลินลี่ย์ นักสู้ระดับแปดไม่มีอะไร
 “หัวหน้าพ่อมดจอมเวทอย่างท่านใจดีมากจนยอมช่วยเหลือเด็กผู้หญิงได้ยังไง?”  ลินลี่ย์มองดูซาสเลอร์
ซาสเลอร์หัวเราะ  “ข้าพอใจจะขัดขวางงานของศาสนจักรเจิดจรัสทุกครั้งที่ข้ามีโอกาส  และที่ยิ่งกว่านั้นด้วยวิญญาณที่บริสุทธิ์มากของพวกนาง  ทั้งสองอาจเหมาะฝึกฝนเวทพ่อมดก็ได้”
คุณสมบัติสำหรับคนเรียนเวทพ่อมดนั้นสูงส่งจนน่ากลัว
นี่คือสาเหตุที่ทั่วทวีปยูลาน จำนวนพ่อมดจึงน้อยมากและต่ำมาก  วิญญาณคือคุณสมบัติสำคัญที่สุดของคน  และแม้แต่มหาเทพเจิดจรัสก็ยังต้องการวิญญาณบริสุทธิ์  จากตรงนี้ คงสามารถบอกถึงความสำคัญความบริสุทธิ์ของวิญญาณ  เพื่อเล่าเรียนมนต์พ่อมดจึงต้องการผู้ที่มีวิญญาณบริสุทธิ์มาก
 “ท่านควรจะรู้ว่าพวกเขาใช้เส้นทางไหนใช่ไหม?”  ลินลี่ย์ถาม
ซาสเลอร์ผงกศีรษะ  “ทางที่พวกเขาใช้ก็ควรเป็นเส้นทางที่ข้าได้ใช้  เว้นแต่หน่วยนี้จะได้รับข่าวสารการตายของแลมพ์สันและคนของเขาแล้ว  ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเขาอาจเปลี่ยนเส้นทางกระทันหันก็ได้"
 “ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ”  ลินลี่ย์ลุกขึ้นทันที
 “โกรววว”  บีบีและแฮรุซึ่งนอนอยู่บนพื้นหญ้าใกล้ๆ ยืนขึ้นพร้อมกัน  อสูรเวททั้งสองตื่นเต้นมาก ตามธรรมดาอสูรเวทมีนิสัยดุร้าย ป่าเถื่อนอยู่แล้ว  พวกมันชอบสู้รบ
 “ตอนนี้เลยเหรอ?”  ซาสเลอร์สะดุ้งเล็กน้อย  “เราทำลายร่องรอยของแลมพ์สันและคนของพวกเขาหมดแล้ว  ต่อให้คนของศาสนจักรเจิดจรัสพบว่าคฤหาสน์ว่างเปล่า  บางทีพวกเขาคงได้แต่คิดว่าแลมพ์สันและคนของเขาจากไป  พวกเขาจะไม่พบว่าแลมพ์สันตายเร็วขนาดนี้  ต่อให้พวกเขาพบว่าแลมพ์สันและคนของเขาตายแล้ว  พวกเขาคงไม่สามารถส่งข่าวไปให้อีกหน่วยหนึ่งได้เร็วแน่”
 “อย่าปล่อยโอกาสให้ผ่านเลย  เราจะย้อนไปตามเส้นทางเดียวกับที่ท่านถูกพาไป” ลินลี่ย์พูดทันที
ซาสเลอร์ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และถอนหายใจ จากนั้นลุกขึ้นยืนเช่นกัน

22 ความคิดเห็น:

geass กล่าวว่า...

ปมต่างๆเลยเปิดเผยมาแล้วและสเกลของเรื่องนี้จะใหญ่แค่ไหนกัน

Toffee กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ อีกสะตอน เนอะ

Frankmartinn กล่าวว่า...

ผู้ติดตาม ตามแบบฉบับเมะ เลยแหะ

ฝุ่น กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

donnthai กล่าวว่า...

Thank You

มีงาน กล่าวว่า...

วัยรุ้นใจร้อน

Et009 กล่าวว่า...

พระเอกใจร้อน555

ชัชวาล กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

ทำไมต้องเน้นคำว่าเด็กผู้หญิงน่ารัก...อีเว้นท์ตกสาวบักลี่อีกแล้วเหรอ

ทิชา กล่าวว่า...

สนุกมาก😙😙😙

ทิชา กล่าวว่า...

สนุกมาก😙😙😙

22 กล่าวว่า...

ลุยๆ

zyntatar กล่าวว่า...

ดูท่าเรื่องนี้อีกไกล ยังมีเทวฑูตมาอีก เอาเรื่อง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

"เด็กผญ.น่ารัก2คน" จบประโยคนี้ก็พร้อมลุยแล้วครับ

Unknown กล่าวว่า...

แปลได้สุดยอดมากครับ กำลังสนุกเลย

Reeds กล่าวว่า...

ขอบคุณคะ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ สนุกมาก

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากนะคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

จัดสาวมาให้ข้าสิ5555

แสดงความคิดเห็น