วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 29 สืบสวน

เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 29 สืบสวน
มณฑลพายัพ หนึ่งในเจ็ดมณฑลใหญ่ของจักรวรรดิโอเบรียนมีเนื้อที่กว้างใหญ่  มีประชากรอาศัยอยู่เป็นสิบล้าน  เมืองหลวงประจำมณฑลแห่งนี้คือเมืองเบซิลมีความเจริญมากที่สุดในบรรดาเมืองของมณฑลนี้ เฉพาะภายในกำแพงเมืองเบซิลก็มีผู้คนเกินกว่าล้าน

ในเมืองเบซิล มีตระกูลเก่าแก่อยู่หลายตระกูลด้วยเช่นกัน
เคานท์เพอร์รี่เป็นผู้สูงศักดิ์ที่อ่อนน้อมอยู่ในเมืองเบซิล  แต่ในบรรดาตระกูลเก่าแก่ทั้งหลาย เขามีอิทธิพลค่อนข้างน้อย  นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่น่าคบหาไม่เคยทะเลาะหรือพยายามสร้างอิทธิพลกับคนอื่น ตระกูลชั้นสูงในเมืองเกือบทั้งหมดล้วนมีไมตรีที่ดีกับเขา
 “ท่านเคานท์,  ท่านกลับมาแล้ว”  พนักงานเฝ้าประตูคฤหาสน์ยิ้มและคำนับเขา
เคานท์เพอร์รี่อายุสองร้อยปี ผมของเขาขาวโพลนเป็นสีเงินทั้งศีรษะ  แต่เครายาวของเขายังดูเป็นเงางามเหมือนเมื่อตอนของยังเยาว์  เคานท์เพอร์รี่ผงกศีรษะให้ยามเฝ้าประตูเล็กน้อยและหัวเราะอย่างเป็นกันเอง “โอว, เจ้าตัดผมมาแล้วหรือ  ทรงนี้เหมาะกับเจ้าดี เจ้าไปทำผมที่ร้านตาเฒ่าล็อคใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดชื่นชม ทหารยามยิ้มทันที  “ขอรับ เฒ่าล็อคฝีมือดีจริงๆ”
เคานท์เพอร์รี่เดินดุ่มเข้าไปในคฤหาสน์ของเขา
 “เคานท์เพอร์รี่เป็นดีจริงๆ”  ยามเฝ้าประตูถอนหายใจรำพึง
เคานท์เพอร์รี่เป็นคนที่ใจดีมากจริงๆ  นี่คือความเห็นของทุกคนในเมืองเบซิล  เคานท์เพอร์รี่ไม่ชอบฆ่าคนและไม่ชอบพูดหยาบคาย  ทุกการกระทำของเขาแสดงให้เห็นถึงจรรยาบรรณและความสง่างามของสุภาพบุรุษจากตระกูลผู้ดี
เขาเข้าไปในลานภายในบ้าน
หน้าของเคานท์เพอร์รี่สลดลงทันที
 “เกิดอะไรขึ้น? มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหลายครั้งได้ยังไง?”  เคานท์เพอร์รี่ผิดหวังมาก  แค่เพียงสองสามวันที่ผ่านมา  เขาได้รับข่าวว่าคาร์ดินัลแลมพ์สันและพวกโยคีและมือปราบพิเศษหายสาปสูญไปในเมืองเซียร์  และตอนนี้เขายังได้รับข่าวว่าหน่วยที่คุ้มกันเด็กผู้หญิงสองคนถูกสังหารและเด็กผู้หญิงหายไป
เคานท์เพอร์รี่หลังจากเป็นผู้รับผิดชอบงานของศาสนจักรเจิดจรัสในเขตมณฑลพายัพของจักรวรรดิโอเบรียน  ไม่ได้เผชิญกับอุปสรรคขวากหนามมาเป็นเวลานานแล้ว
 “ข้าหวังว่าใต้เท้าแลมพ์สันคงไม่พบกับเรื่องยุ่งยากใดๆ”
เพอร์รี่ภาวนาเงียบๆ
ถ้าเด็กผู้หญิงสองคนได้รับการช่วยเหลือ อย่างนั้นพวกนางคงถูกช่วยไปแล้ว  ไม่ใช่เรื่องกังวลหลัก  แต่แลมพ์สันและคนอื่นอีกห้าคนเป็นยอดฝีมือระดับเก้ากันทั้งนั้น  และคนที่พวกเขากำลังคุ้มกันก็คือพ่อมดจอมเวทระดับเก้า  นี่เป็นงานสำคัญที่สุดเท่าที่เขาเคยพบหลังจากได้รับหน้าที่รับผิดชอบมณฑลพายัพ
 “ท่านเคานท์” บุรุษร่างผอมสูง จมูกงองุ้มเหมือนเหยี่ยวผมหยิกเดินเข้ามาข้างใน เขาคำนับและกล่าวด้วยความเคารพ  “เราสืบเรื่องการหายสาบสูญไปของใต้เท้าทั้งหลายได้แล้ว”
เพอร์รี่มองเขาทันที  “รีบพูด”
 “ตามรายงานของผู้ที่อยู่ฝ่ายเราในเมืองนั้น  ใต้เท้าทั้งหลายยังปรากฏยังในเมืองอื่น  นอกจากนี้ เครือข่ายผู้ฝักใฝ่เราในเมืองเซียร์ยังไม่พบว่ามีใครเห็นใต้เท้าทั้งหลายออกไปจากเมือง”  คนจมูกเหยี่ยวรายงานด้วยความเคารพ
เพอร์รี่จ้อง
 “อะไรนะ?”  หัวใจของเพอร์รี่ก่อนหน้านี้เครียดจริงๆ ตอนนี้เริ่มสั่นไหว  “แลมพ์สันและใต้เท้าคนอื่นๆ ไม่อาจอยู่ในเมืองเซียร์ได้ตลอดเวลา  และถ้าพวกเขาพักอยู่ในเมืองเซียร์ ก็ควรจะมีร่องรอยของพวกเขา  แลมพ์สันและคนอื่นๆ ต้องถูกโจมตี  เป็นไปได้ว่าแลมพ์สันและคนอื่นอาจจะออกไปจากเมืองเซียร์ตอนดึกโดยกระโดดข้ามกำแพงเมือง”
 “แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ใต้เท้าแลมพ์สันก็ควรจะปรากฏตัวในเมืองอื่น”
เพอร์รี่เริ่มกังวลใจจริงๆ
เขามีลางสังหรณ์ไม่ดี
 “เป็นไปได้ไหมว่าใต้เท้าแลมพ์สันเผชิญกับการโจมตีจากศัตรูที่แข็งแกร่งและถูกฆ่า?”  เพอร์รี่ไม่กล้าเชื่อเช่นนั้น  ที่สำคัญแลมพ์สันและคนอื่นมีพลังแข็งแกร่งกันมากทุกคน  จะฆ่าคนทั้งหกให้ได้  ฝ่ายตรงข้ามจำเป็นต้องมียอดฝีมือระดับเก้าหลายคน หรือมีนักสู้ระดับเซียนสักคน
ทันใดนั้นเพอร์รี่มองดูบุรุษจมูกเหยี่ยว  เขาสั่งการเสียงเย็นชา  “จงไปตามผู้เฒ่าโพริมาให้เร็วที่สุด บอกเขาให้นำเหยี่ยววายุน้ำเงินมาให้ข้าสามตัว”
 “ขอรับ ท่านเคานท์”  บุรุษจมูกเหยี่ยวรู้ว่าสถานการณ์สำคัญขนาดไหน
เพอร์รี่รีบเดินไปที่ห้องหนังสือของเขา และเขียนจดหมายขึ้นสามฉบับเกี่ยวกับงานของแลมพ์สัน  อีกฉบับหนึ่งเป็นฉบับคัดลอกมอบให้เหยี่ยววายุน้ำเงินส่งไปที่ต่างๆ และเกาะศักดิ์สิทธิ์
แม้ว่าตั้งแต่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เฟนไลถูกทำลายไปแล้ว  ศาสนจักรเจิดจรัสสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่บนเกาะที่ไม่ไกลจากทวีปยูลาน  พวกเขาประกาศต่อสาธารณชนว่าสถานที่นี้คือ เกาะศักดิ์สิทธิ์
…….

ภายในหุบเขาเงียบสงบนอกเมืองปกครองเซียร์
ตอนนี้ มีห้องไม้สี่ห้องอยู่ที่นี่ ห้องหนึ่งสำหรับลินลี่ย์และบีบี อีกห้องหนึ่งสำหรับซาสเลอร์  ห้องที่สามสำหรับรีเบ็คกาและลีนา  ขณะที่ห้องสุดท้ายเป็นของแฮรุ
เช้าตรู่ หุบเขาทั้งเงียบและสงบ
เด็กสาวงามฝาแฝดผู้น่ารัก  พวกนางดูเหมือนกับภาพมายากำลังพูดคุยหัวเราะขณะซักผ้า ชุดเหล่านี้เป็นของพวกนาง ลินลี่ย์และซาสเลอร์  ภายในหุบเขาพวกนางต้องทำหน้าที่ปรุงอาหารและทำความสะอาดทั้งหมด
 “พี่ลีนา, พี่คิดว่าปู่ซาสเลอร์จะเหน็ดเหนื่อยจากการฝึกฝนในห้องทั้งวันหรือเปล่า?”  รีเบ็คกาถามลีนาเบาๆ
ห้องของซาสเลอร์ปกคลุมไปด้วยสีดำมีกลิ่นอายแห่งความตาย  รังสีดำหนาแน่นมีกลิ่นอายแห่งความตายทำให้รีเบ็คกาและลีนากลัวที่จะเข้าไปใกล้
ลีนาย่นจมูกทำหน้านิ่วดูน่ารัก  นางพูดอย่างไตร่ตรอง “บางทียอดฝีมือที่แข็งแกร่งต้องฝึกหนักอย่างนั้น  อย่างไรก็ตาม  ข้ายังรู้สึกว่าดูพี่ลินลี่ย์ฝึกแล้วยังสบายใจมากกว่า”  ขณะที่นางพูด  นางหันไปมองสระน้ำเงินในระยะไกล  รีเบ็คกาก็หันไปมองเช่นกัน
ในใจกลางสระ ลินลี่ย์ยืนอยู่บนผิวน้ำ ไม่จมลงแม้แต่น้อย
วูบบบ  วูบบบบ
น้ำที่ใต้เท้าของลินลี่ย์อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำรอบๆ เขาสองสามเซนติเมตร  เพราะลินลี่ย์ปลดปล่อยปราณยุทธออกจากเท้าของเขาสร้างระลอกคลื่นตรงกลางสระ
ลินลี่ย์กำลังควงดาบหนักอดาแมนเทียมในมือขวา  บางครั้งเขาก็ฟันลง ขณะที่บางครั้งเขาแทง ทุกๆ การเคลื่อนไหวทำให้อากาศใกล้ๆ สั่นสะเทือน  เหมือนกับว่าอากาศทำด้วยโคลน  และเมื่อดาบหนักอดาแมนเทียมฟันใส่อากาศ จะมีความรู้สึกว่ามันทำลายมิติด้วยตัวมันเอง
 “นี่คือวิชาสัจจะลึกซึ้งแห่งแผ่นดิน บางครั้งก็ใช้ได้  บางครั้งก็ใช้ไม่ได้”
ลินลี่ย์ขมวดหน้าผาก
เมื่อเขาฆ่าแลมพ์สัน  แม้ว่าลินลี่ย์จะฟันแลมพ์สันด้วยดาบของเขา ร่างกายภายนอกของแลมพ์สันไม่มีร่องรอยบาดเจ็บแม้แต่น้อย  แต่อวัยวะภายในของเขาถูกทำลายหมดสิ้น
ขณะที่ลินลี่ย์เห็นนั้น  การใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมขั้นที่สามคือขั้น กำหนดแต่ระดับที่สี่ก็คือ สัจจะลึกซึ้งแห่งแผ่นดิน
ด้วยการใช้อาวุธหนักอย่างดาบหนักอดาแมนเทียมนี้   ตอนนี้ลินลี่ย์สามารถปลดปล่อยเคล็ดสัจจะแห่งแผ่นดินได้บางส่วน  การโจมตีรูปแบบนี้  ก็คือแปลงพลังโจมตีเป็นพลังสั่นสะเทือนซึ่งถ่ายเข้าร่างของศัตรูได้ในพริบตา
พลังโจมตีสั่นสะเทือนนี้ เมื่อเชี่ยวชาญเต็มที่ ก็ไม่ต้องสนใจพลังป้องกันของคู่ต่อสู้เลย
ที่สำคัญ จังหวะสั่นสะเทือนตามชีพจรโลกคือสิ่งที่มีอยู่แล้วตั้งแต่เกิดฟ้าและดินขึ้น  ความลับนี้มีความลึกซึ้ง
หลักการของ สัจจะลึกซึ้งแห่งแผ่นดินนั้นคือ
แปลงพลังโจมตีของนักสู้ให้เป็นพลังสั่นสะเทือนเหมือนจังหวะการเต้นชีพจรของโลก  เมื่อความสั่นสะเทือนเหล่านี้เข้าไปในร่างของคู่ต่อสู้  อวัยวะภายในจะเริ่มสะท้อน  แรงสะท้อนจะทรงพลังมาก  ที่สำคัญมันถูกสร้างผ่านพลังโจมตีของลินลี่ย์
อวัยวะภายในของร่างกายไม่ทนทานเท่าพลังป้องกันภายนอก
แรงสะท้อนนี้สามารถทำลายอวัยวะภายในของคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย สั่นสะเทือนจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
 “อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องยากเย็นเหลือเชื่อในการเปลี่ยนพลังโจมตีเป็นพลังสะท้อนสั่นสะเทือน”  ลินลี่ย์เข้าใจว่าปราณยุทธและความแข็งแกร่งโดยปกติเขาจะใช้โจมตีได้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  เทียบกับพลังโจมตีคลื่นสะท้อนนี้
แค่เพียงอาศัยความเข้าใจกฎของธาตุดินบางส่วน ก็ทำให้ลินลี่ย์สามารถเปลี่ยนพลังโจมตีธรรมดาของเขาให้เป็นพลังคลื่นสะท้อนได้
สำหรับแนวคิดของลินลี่ย์ ยิ่งคลื่นสะท้อนถูกสร้าง  ความสำเร็จในการแปลงพลังก็มีมากขึ้น
 “บางครั้งข้าสามารถสร้างสามารถสร้างความสั่นไหวสิบครั้งได้ในพริบตา  แต่บางครั้ง  ข้าก็ไม่สามารถสร้างได้”  ลินลี่ย์ปวดหัว
ลินลี่ย์เข้าใจว่าเมื่อทักษะในการใช้ดาบหนักของเขามาถึงระดับขั้นนี้  เขานับว่าสามารถเข้าสู่ขอบเขตการใช้กฎแห่งธาตุดินแล้ว
แต่ลินลี่ย์ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างสิ้นเชิง
 “ข้าไม่อาจโลภมากเกินไป  ตอนนี้ ข้าไม่ควรเพ่งกับการสร้างพลังสั่นสะเทือนมากเกิน  ข้าควรจะเพ่งถึงแค่คลื่นพลังสะท้อน”  เมื่อกวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียมด้วยมือหนึ่ง หน้าของลินลี่ย์เคร่งเครียดมาก
ทันใดนั้น...
ดาบหนักอดาแมนเทียมดูเหมือนจะฉีกอากาศขาดจากกันขณะที่ฟันลงใส่ทะเลสาบ
สิ่งประหลาดก็คือไม่ใช่ระลอกคลื่นถูกสร้างบนพื้นผิวบ่อ  แต่ทันใดนั้น ทั่วทั้งสระเริ่มเปล่งเสียงประหลาด และจากนั้น ผิวสระเหมือนกับถูกยักษ์ยกขึ้นมาเป็นกำแพงน้ำสูงหนึ่งเมตร
 “ครั้งนี้ข้าทำสำเร็จอีกแล้ว”
ความจริงลินลี่ย์ไม่ได้ตื่นเต้นมากเกินไป  บางครั้งเขาก็ทำสำเร็จ และบางครั้งก็ไม่สำเร็จเมื่อฝึกเคล็ด สัจจะลึกซึ้งแห่งแผ่นดิน  เขาไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้เหมือนเดิมอย่างสม่ำเสมอ
 “พี่ลินลี่ย์ ได้เวลาอาหารแล้ว”  ลีนายืนอยู่ไม่ห่างฝั่งเกินไป  นางหัวเราะขณะที่เรียกเขา
 “ปู่ซาสเลอร์  ได้เวลาอาหารแล้ว  หยุดฝึกก่อน!”  รีเบ็คกาเริ่มเรียกจากด้านนอกห้องไม้ของซาสเลอร์
แค่เพียงพลิกมือ ลินลี่ย์ก็ส่งดาบหนักอดาแมนเทียนลอยขึ้นไปในอากาศ  เมื่อดาบตกลงมาก็พอดีสอดเข้าฝักดาบ  ลินลี่ย์เชี่ยวชาญเคล็ด กำหนดดีแล้ว และน้ำหนักของดาบหนักอดาแมนเทียมไม่เป็นอุปสรรคต่อลินลี่ย์แม้แต่น้อย
บนพื้นหญ้ามีโต๊ะสี่เหลี่ยมตั้งอยู่ตัวหนึ่ง
ลินลี่ย์ ซาสเลอร์ รีเบ็คกาและลีนานั่งล้อมโต๊ะกัน
 “ลินลี่ย์ เจ้ากำลังฝึกอะไรอยู่หรือ?  ข้าเห็นวิธีฝึกที่น่าทึ่งของเจ้ามันใช้ได้ดี  ข้าไม่เคยเห็นนักรบคนใดฝึกแบบนั้นมาก่อน”  ซาสเลอร์พูดด้วยความสงสัย
ซาสเลอร์มีความรู้มากมาย แต่เมื่อพูดโดยเปรียบเทียบแล้ว เขาไม่รู้เรื่องวิธีฝึกของนักรบมากนัก
ความจริงสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อให้นักรบระดับเก้าชั้นสูงเข้าสู่ระดับเซียนก็คือความก้าวหน้าในความเข้าใจระดับสูง  และสำหรับนักรบชั้นเซียนจะก้าวหน้าเข้าสู่ระดับเทพ พวกเขาจำเป็นต้องเข้าใจกฎฟ้าและดินให้มากก่อน พวกเขาจึงจะได้รับประกายเทพ
 “ข้ากำลังฝึกเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ยิ่งใหญ่  ก็คล้ายกับความเพียรพยายามของจอมเวทเพื่อให้เข้าถึงธรรมชาติเนื้อแท้ของธาตุต่างๆ”  ลินลี่ย์อธิบายตามปกติ
ซาสเลอร์ค่อยเข้าใจทันที
ในฐานะพ่อมดจอมเวทระดับเก้า  ซาสเลอร์พัฒนาตนเองด้วยรัศมีมรณะไร้ขอบเขตจากแดนยมโลกและเข้าใจกฎแห่งความตายที่ยากและล่อลวงได้ง่าย
 “ซาสเลอร์ เราฆ่าแลมพ์สันและคนของพวกเขา  ท่านคิดว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะสามารถอดกลั้นความโกรธของพวกเขาได้ไหม?”  ลินลี่ย์ยังกังวลเรื่องนี้
ซาสเลอร์หัวเราะด้วยความมั่นใจ  “ไม่ต้องเป็นห่วง  ข้าจะบอกให้ จักรวรรดิโอเบรียนและศาสนจักรเจิดจรัสอยู่ห่างไกลกันมาก  ต่อให้พวกเขาใช้อสูรเวทบินส่งข่าวสารไป  พวกเขาจะต้องใช้เวลาสิบวันหรือครึ่งเดือน  และถ้าพวกเขาส่งยอดฝีมือมา ก็ยังต้องใช้เวลาอีกชั่วระยะหนึ่ง
 “แต่ถ้าเป็นยอดฝีมือระดับเซียนสามารถจะบินมาที่นี่ได้  พวกเขาสามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็ว”  ลินลี่ย์กล่าวอย่างเคร่งขรึม
หลังจากฆ่าคนของศาสนจักรเจิดจรัสไปหลายคนเป็นไปได้มากว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะส่งนักสู้ระดับเซียนออกมา
 “ฮ่าฮ่า ไม่ต้องห่วง  พวกเขาไม่กล้าส่งนักสู้ระดับเซียนคนไหนมาแน่  คิดดูสิ  ทำไมพวกเขาไม่ส่งยอดฝีมือระดับเซียนมาจับข้า  และกลับส่งนักสู้ระดับเก้ามาแทน”  ซาสเลอร์หัวเราะยินดี
ลินลี่ย์สงสัยเรื่องนี้เช่นกัน
ถ้านักสู้ระดับเซียนถูกส่งไปจับซาสเลอร์ การจับเขาก็คงเป็นเรื่องง่าย
 “ลินลี่ย์  เจ้าต้องเข้าใจไว้ก่อน  จักรวรรดิโอเบรียนดูแลโดยเทพศึก  นานมาแล้วเทพศึกได้ตรากฎว่านักสู้ระดับเซียนของประเทศอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำการรุนแรงภายในเขตแดนของจักรวรรดิโอเบรียน  ถ้าพวกเขามาดีก็นับว่าดีไป  แต่ถ้าพวกเขาถูกพบว่ามีส่วนร่วมในการกระทำที่รุนแรง  ผลกระทบที่ตามมาก็จะรุนแรงไปด้วย”
ซาสเลอร์หัวเราะอย่างเยือกเย็น  “แม้ว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะมีความกล้ามากกว่านี้ถึงสิบเท่าพวกเขาก็ไม่กล้าต่อต้านบัญชาของเทพสงคราม”
ศักดิ์ศรีของเทพสงครามไม่อาจละเมิดได้
 “ไม่จำเป็น”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ  “ท่านเพิ่งจะพูดไม่ใช่หรือ?  ถ้าพวกเขาถูกพบว่ามีส่วนร่วมในการกระทำที่รุนแรง  แต่จะเป็นยังไงถ้าพวกเขาไม่ถูกพบ?  จำไว้ว่าเมืองปกครองเซียร์ไม่มียอดฝีมือแต่อย่างใดและเทพสงครามก็อยู่ห่างไกลในนครหลวงนั่น  ถ้านักสู้ระดับเซียนปรากฏตัวในเมืองเซียร์อย่างฉับพลัน  เขาคงไม่จำเป็นต้องรู้”
ซาสเลอร์สะดุ้ง
 “ศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่บ้าหรอกใช่ไหม?”  ซาสเลอร์ชักไม่แน่ใจ
 “ยากจะพูดได้  ที่สำคัญ  เราฆ่านักสู้ระดับเก้าไปหกคนในอึดใจเดียวในครั้งนี้  และเมื่อพวกเขาพยายามจะจับท่าน ท่านก็ฆ่าพวกเขาไปมากเช่นกัน  ศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่ทนดูเฉยๆ โดยไม่ต่อสู้แน่”  ลินลี่ย์พูดอย่างจริงจัง
ซาสเลอร์พิจารณาชั่วครู่แล้วจึงหัวเราะ  “ก็ดีแล้ว  แม้ว่าเมืองเซียร์จะไม่มีนักสู้ระดับเซียน แต่เมืองเบซิลมีอยู่หนึ่งคน  แม็คเคนซี  ถ้ายอดฝีมือระดับเซียนของศาสนจักรเจิดจรัสถูกส่งมาที่นี่เพื่อสู้กับเรา  แม็คเคนซีจะสังเกตได้แน่นอน  แม็คเคนซีจะไม่ยอมให้กองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสมากระทำการเสียมารยาทในสนามบ้านของเขาเป็นแน่  จากนั้นด้วยยอดฝีมือระดับเซียนสองคนต่อสู้กันที่นี่ เทพศึกก็จะพบอย่างแน่นอน”
 “จริงสิ”  ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะเช่นกัน
ถ้าเขาสามารถปลุกเร้าศาสนจักรเจิดจรัสจนเกิดการสู้รบกับจักรวรรดิโอเบรียน  ศาสนจักรเจิดจรัสคงได้เจ็บกันบ้าง
 “ลินลี่ย์ เมื่อตอนที่ข้าถูกแลมพ์สันและคนอื่นคร่ากุมตัวในมณฑลพายัพ มีคนที่ศาสนจักรเจิดจรัสลอบวางตัวไว้ในมณฑลพายัพมาต้อนรับพวกเขา  ข้าจำได้ว่าหนึ่งในนั้นคือชายชราคนหนึ่งนามว่าเพอร์รี่ เป็นคนที่รับผิดชอบกิจการในมณฑลนี้ พิจารณาจากการสนทนาของพวกเขา เพอร์รี่นั้นน่าจะเป็นคนของเมืองเอกเบซิล”
ซาสเลอร์หัวเราะอย่างน่ากลัว  “เนื่องจากเราจะต้องไปที่เบซิลอยู่แล้ว  เราอาจกำจัดเจ้าเพอร์รี่นั้นด้วย  บางทีเราอาจพบความลับบางอย่างของศาสนจักรเจิดจรัสเพิ่มขึ้นก็ได้”
 “ผู้จัดการกิจการในมณฑลพายัพของพวกเขางั้นหรือ?”  ลินลี่ย์นัยน์ตาเป็นประกาย  “ก็ได้  เราจะไปกันพรุ่งนี้”

23 ความคิดเห็น:

Frankmartinn กล่าวว่า...

ฮี่ฮี่ๆๆ หัวเราะแบบผู้ร้าย (หรือแบบม้ากันแน่)

Unknown กล่าวว่า...

thank you!!!!

Unknown กล่าวว่า...

เม้นนึงหนึ่งกำลังใจน้าาา

Toffee กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ. ยาวๆๆ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

มันจะง่ายขนาดนั้นหรอม

ฝุ่น กล่าวว่า...

มันส์มาก

Unknown กล่าวว่า...

เวลามันทำไมไม้ตรงอ่า

ทิชา กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

ทิชา กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

มีงาน กล่าวว่า...

คิดถึงนางเอกจัง

Et009 กล่าวว่า...

พลิกกระดานล่า

ชัชวาล กล่าวว่า...

ขอบคุณมากมายครับผม ที่แปลให้อ่าน

zyntatar กล่าวว่า...

ขอบคุณจ้า

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ติดตามทุกตอน

Reeds กล่าวว่า...

ขอบคุณคะ

สุดยอด กล่าวว่า...

ขอบคุณมากๆ ขอรับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากนะคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

Unknown กล่าวว่า...

กวาดล้าง ทุกตำแหน่ง

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น