วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 583 มุ่งมั่นในเงามืด


ตอนที่  583  มุ่งมั่นในเงามืด
ผู้สร้างแห่งสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคานำเอาวิทยายุทธของพวกเขามาจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มาสู่สวรรค์วิถีและเนื่องจากสวรรค์วิถีมีสภาพแวดล้อมที่ปริมาณพลังวิญญาณมากแต่ปริมาณพลังงานต่ำ ผ่านกระบวนการและขยายตัวแตกต่างจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์

พวกลูกหลานทายาทมีความคิดที่แตกต่างกัน และในใจของนักสู้หลายคนในสวรรค์วิถี  ระดับเซียนคือระดับสูงสุด  แต่ในเวลาเดียวกัน ในสายตาของผู้สร้างสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาซึ่งถือกำเนิดในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  พวกเซียนเป็นแค่จุดเริ่มต้น
แม้จะเกี่ยวกับเซียนแต่ก็ยังทำให้พวกเขาคิดถึงบ้านเกิดของพวกเขาและใช้ชื่อเดียวกับพวกเขาเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะเป็นดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หรือสวรรค์วิถี พวกเซียนในแต่ละที่โดยพื้นฐานนั้นไม่แตกต่างกัน
ขอบเขตเซียนชั้นเงิน!
มีดนางแอ่นเป็นประกายรัศมีแพรวพราวทันที  หลังแปรสภาพพลังงาน พลังของพลังงานในร่างของซุนเจี๋ยเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า
เสียงร้องอึงอลของนกนางแอ่นสามารถได้ยินได้
แสงรังสีบนกระบี่จางลง  นกนางแอ่นขนาดฝ่ามือแพรวพราวกับแสงสีเงินเจิดจ้าเปล่งออกมาจากตัวมัน และมันเกาะลงที่ไหล่ของซุนเจี๋ย  นางแอ่นเงินมองดูเหมือนจริงมาก ตาของมันกรอกขยับได้และกระโดดขึ้นลงอยู่บนตัวซุนเจี๋ย  แต่ละครั้งที่มันคลอเคลียอยู่บนไหล่ของเขา ดูเหมือนจะสนิทกันมาก
นางแอ่นที่คล่องแคล่วปลดปล่อยปราณที่อันตรายมาก
ถังเทียนจ้องมองนางแอ่นเงินมีแววเหลือเชื่อในดวงตา  เสี่ยวเอ้อที่ด้านหลังของเขาก็มีสีหน้าตกใจเช่นกัน
นางแอ่นมีร่างกายที่เป็นเงินเลื่อมพรายถูกสร้างขึ้นมาจากการบีบอัดพลังอย่างหนักจนร่างเป็นแก้วเงิน  ส่วนที่สำคัญคือ ในองค์ประกอบของร่างเงินแก้วนี้ไม่แตกต่างจากหินดวงดาวมากนัก  และความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือความหนาแน่นของมัน
ความหนาแน่นของร่างแก้วเงิน  อาจมีความหนาแน่น 46 เท่าเมื่อเทียบกับหินดวงดาวชั้นดีที่สุด
ถ้าพลังงานที่เต็มอยู่ภายในนางแอ่นเงินเกิดระเบิดขึ้นมา มันสามารถกวาดล้างดาวหญ้าแดงได้ถึงสามในสิบส่วน  นั่นคือความมั่นใจที่กล้าแข็งที่สุดของซุนเจี๋ย  เขาหัวเราะเบาๆ ด้วยความภูมิใจ
ขอบเขตเซียนเงินนั้นเป็นขอบเขตที่แข็งแกร่งมากและสำหรับเซียนบรอนซ์ทุกคน นั่นคือขอบเขตพื้นที่ซึ่งคิดไม่ถึง
เมื่อเห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยหิ่งห้อย  ตาของนกนางแอ่นเต็มไปด้วยแววเย้ยหยัน มันอ้าจะงอยปากและกู่ร้องทันที!
ปัง!
คลื่นพลังงานระเบิดออกมาเหมือนพายุหมุนพุ่งออกมาจากจะงอยปากน้อยของมัน
เป๊าะ เป๊าะ เป๊าะ!
พลังเพลิงเริ่มระเบิดต่อเนื่องราวกับประทัด ระเบิดตามๆ กันลูกแล้วลูกเล่า ขณะที่หิ่งห้อยระเบิด เกิดเป็นภาพที่งดงาม
พลังลมหมุนที่สร้างขึ้นโดยนางแอ่นเงินครอบคลุมพื้นที่กว้าง  ถังเทียนไม่สามารถหลบได้ทันเวลา ดังนั้นเขาได้แต่งอตัวและใช้มือป้องกันด้านหน้าไว้  พลังผ่านตัวเขาไปทำให้ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่ามีสัตว์ร้ายมหึมาพุ่งปะทะใส่เขา ความคิดแรกของเขาก็คือเขาไม่สามารถป้องกันเอาไว้ได้ และปล่อยไปตามคลื่นพลังงาน เขากลายเป็นเหมือนกับสปริงยืมแรงเหวี่ยงของพลังงานกระเด้งกลับไปด้านหลัง
พอทำเช่นนั้นแขนของเขาแทบจะหัก และรู้สึกเจ็บจนครางออกมา
ควั่บ
ถังเทียนถูกปะทะกระเด็นถอยไปด้วยความเร็วอย่างน่าประหลาดเหมือนกับธนูหลุดจากแล่งยิงเข้าไปในเมฆหนา
นางแอ่นเงินแสดงความสามารถในการรบที่แข็งแกร่งทำให้ขบวนรบส่งเสียงเฮสนั่นหวั่นไหว  ทุกคนอยู่ในสภาพพร้อมสู้หรือบิน พร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นกระจายไปทั่วร่าง นี่คือการสู้ตายที่แท้จริง เจ้านายได้รับยกย่องว่าเป็นแม่ทัพคนหนึ่งที่มีศักยภาพ และมีชื่อเสียงในอนาคต
ทันใดนั้นนางแอ่นเงินกางปีกและเปลี่ยนสภาพเป็นแสงเงินขณะที่พุ่งเข้าไปในหมู่เมฆเหมือนกับลูกธนู
เสี่ยวเอ้อสบถอยู่ในใจ  เขารู้ว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ และพุ่งออกไปทันที มือขวาของเขายื่นเข้าไปในมิติว่าง และยืมแรงเหวี่ยงดึงเอากระบี่ปราบสมุทรออกมา!
ด้วยมิติว่างเป็นเหมือนฝักกระบี่  เพลิงดำเป็นเหมือนตัวดาบ ความคิดของเขาเป็นเหมือนด้ามกระบี่
กระบี่เซียนปราบสมุทร!
เสี่ยวเอ้อไม่เคยมีความคิดจริงจังเหมือนที่เป็นในปัจจุบันมาก่อน  เพราะเขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์ซึ่งเขารู้สึกว่าเป็นอันตรายอย่างสูงขนาดนั้น นางแอ่นเงินที่บอบบางแข็งแกร่งเกินกว่าคู่ต่อสู้ใดๆ ที่เคยพบ
เขาแตกต่างจากเจ้าเด็กโง่  เขาอยู่ในฟากมืดของกลุ่มดาวคนคู่  เมื่อเกิดมาเขาสูญเสียการควบคุมร่างของเขาจึงต้องอยู่ในอีกฟากหนึ่ง
ถังเทียนมีค่ายของดาวกางเขน  ขณะที่เขามีตำหนักเจมินี่  ถังเทียนมักจะมะงุมมะงาหรากับอนาคต ขณะที่เขาได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญ
วังที่กว้างขวางและว่างเปล่าปกคลุมไปด้วยฝุ่น และแมงมุมชักใยอยู่ทั่วทุกมุมที่พวกมันหาได้  ผนังกำแพงมีรอยแตกร้าวอยู่ทั่วไปหมด มีวัชพืชงอกเงยอยู่ทุกที่ รอยพอกรอยฉาบสามารถมองเห็นได้
ความรุ่งเรืองของกลุ่มดาวคนคู่แต่เดิม หายไปนานแล้ว
กลุ่มดาวคนคู่ถูกผนึกมานานยี่สิบปี  แม้แต่ตำหนักของกลุ่มดาวก็ถูกผนึกมานานยี่สิบปี
พลเมืองด้านนอกตำหนักทุกคนยังคงคิดถึงเจ้ากลุ่มดาวคนก่อน  ทุกๆ ปี พลเมืองทุกคนจะมารวมกันที่ด้านนอกวังเพื่อบูชากันอย่างไม่ขาดสาย  เสี่ยวเอ้อสามารถได้ยินเสียงฝีเท้าพวกเขา สามารถได้ยินเสียงสวดและเสียงรำพึงในสายลม ยี่สิบปียังไม่พอจะทำให้คนที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเหล่านี้สิ้นศรัทธา  บางทีความหวังของพวกเขาเลือนราง  แต่ก่อนที่พวกเขาจะตาย ไม่มีใครสามารถลบมันออกไปจากใจพวกเขาได้
ในชั่วขณะหนึ่งเสี่ยวเอ้ออยากจะออกไปข้างนอก
แต่เขาไม่สามารถทำได้ เนื่องจากประตูวังเปิดไม่ออก   ท่านพ่อควรจะเตรียมแผนสำรองเอาไว้ วังจะถูกเปลี่ยนเป็นวังที่เหมาะสมให้วิญญาณได้รุ่งเรืองเติบโต  และทางเข้าวังยังคงอยู่บนร่างของเขา  ภายในวังยังคงเก็บบันทึกมากมายมหาศาลราวกับทะเล แผนการที่ท่านพ่อรวบรวมไว้ทั้งหมด  ดังนั้น เขาน่าจะจัดการทุกอย่างไว้ก่อนหน้านั้น
นอกจากนั้น ยังมีอาจารย์ของเขา ซึ่งเป็นขุนพลวิญญาณเซียนกระบี่ทั้งหก ประกอบไปด้วยเซียนกระบี่ปราบสมุทรอูหวังไห่ เซียนกระบี่ผีผาซ่างหวั่นถิง ฯลฯ นี่เพื่อป้องกันเขาไม่ให้เปลี่ยวเหงาเกินไป  แม้ว่าความต้องการของพวกเขาสูงและเข้มงวดมาก และการฝึกฝนก็ต้องอดทนและโหดร้ายมาก แต่เนื่องจากนิสัยที่หยิ่งยโสของเขา  เขาพยายามบรรลุความสมบูรณ์แบบด้วยตนเอง และพยายามฝึกฝนตนเองอย่างโดดเด่น ดังนั้นอาจารย์ของเขาทุกคนจึงสรรเสริญเขาไม่หยุด
สติปัญญา ความพากเพียรและความเยือกเย็นเงียบขรึมของเขาทำให้อาจารย์ขุนพลวิญญาณของเขารู้สึกว่าเขาเป็นนักเรียนที่โดดเด่น
เขามักจะมีเวลาที่มีความสุข  ตัวอย่างเช่นมองดูเจ้าเด็กโง่ทำเรื่องโง่ๆ
แต่หลายครั้งที่เขาเป็นเหมือนวังที่สวยสง่างามซึ่งโดดเด่นแต่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น แบกน้ำหนักความหวังของประชาชน แบกความหวังของบิดาของเขา  เขาอาจจะเงียบขรึม  แต่เขาจำเป็นต้องยืนหยัด  เขาอาจโดดเดี่ยวเดียวดาย  แต่เขาจำเป็นต้องมุ่งไปข้างหน้า
ถูกแล้ว ข้าไม่อาจเอามาเทียบกับเจ้าเด็กโง่นี่บ่อยนัก
ห้าปีกับการฝึกวิทยายุทธพื้นฐาน ความเพียรขนาดนั้นทำให้คนทึ่งได้  แม้ขณะมองดูแต่ไกล เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงความสดชื่นและหลงใหลที่เปล่งออกมาจากเจ้าเด็กโง่ได้  เขาเป็นคนที่เปล่งประกายออกมาโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเสี่ยวเอ้อฝืนยิ้ม ใบหน้าที่ไร้เดียงสาและน่ารักพลันเปล่งประกายเยือกเย็นคมเหมือนดาบ ชีวิต 16 ปีของเขาผ่านเข้ามาในใจ
ความกล้าหาญไม่หวั่นเกรง ความสดใสและความหลงใหลของเจ้า  เจ้าคือคู่หูที่อบอุ่นและเป็นกำลังใจเสมอมา
แต่
แต่ข้าถูกคุมขังอยู่พื้นที่วังของข้าเป็นเวลา 16 ปี เหมือนกับสัตว์ป่าที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีทางที่ข้าจะเสียเวลาอีก
ในความมืดของตำหนักเป็นเวลา 16 ปี ข้าใช้ชีวิตอยู่อย่างเยือกเย็นและสันโดษ แต่เปี่ยมความหวัง
ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เพื่อความล้มเหลว
มือซ้ายของเขาถือลูกปัดข่มวิญญาณ เต็มไปด้วยทะเลแห่งกฎธรรมชาติ คัมภีร์ทองเป็นชุดลอยออกมาและพันล้อมรอบกระบี่ปราบสมุทรเงียบๆ และเข้าไปในเพลิงกลืนวิญญาณ
พลังงานในร่างของเสี่ยวเอ้อถูกกลุ่มคัมภีร์สีทองกวาดไปทันที  เขาไม่ตื่นเต้น  ด้วยพลังของเขาไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะต้านเซียนเงิน
เสี่ยวเอ้อไม่ชัดเจนระหว่างความแตกต่างระหว่างเซียนเงินและเซียนบรอนซ์  แต่เขารู้ดีทีเดียว
อาจารย์เซียนกระบี่ของเขามักจะคุยเรื่องเซียนเงินให้เขาฟังเสมอ
ไม่ต้องลังเลเลย  เขาใช้วิธีที่ดีที่สุดเท่าที่เขาคิดออก  ขณะที่ยืมพลังของลูกปัดข่มพลังออกมาใช้
กระบี่ปราบสมุทรเริ่มแปรสภาพทันที  แม้ว่าเพลิงกลืนวิญญาณจะพันอยู่รอบตัวกระบี่ แต่ไม่มีการหลอมรวมกันระหว่างเพลิงดำมิติว่างและเพลิงกลืนวิญญาณ  แต่ครั้งนี้เพิ่มสายคัมภีร์ทองอีกด้วย ทำให้เพลิงวิญญาณทั้งสองหลอมรวมกันได้สมบูรณ์
เพลิงกลืนวิญญาณสีรุ้งหายไปกลายเป็นเพลิงโปร่งใส  ขณะที่เพลิงดำมิติว่างจางลงไป เหมือนกับว่ากลายเป็นเงา
เสี่ยวเอ้อฟันกระบี่ลงโดยไม่ลังเล
แสงกระบี่ที่เกิดจากรังสีที่ใสและรังสีเงา ปรากฏต่อหน้านางแอ่นเงิน
นางแอ่นเงินตระหนักได้ถึงอันตรายและกรีดร้องแสบแก้วหู  ขนบนตัวของมันยิงออกไปหาลำแสงกระบี่เหมือนกับธนูเงิน
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ขนเงินบินไปในทิศทางแบบสุ่ม  แต่แสงกระบี่ไม่มีตก
ซุนเจี๋ยหน้าเปลี่ยน  เขาไม่เคยเห็นแสงกระบี่แปลกประหลาดขนาดนั้นมาก่อนในชีวิต  อันตรายรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของเขา
เป็นไปได้ยังไง... ขนนกเงินหายเข้าไปในอากาศโดยไม่มีการระเบิด!  นั่นเป็นไปได้ยังไง... ชิ้นส่วนของขนนกน่าจะก่อให้เกิดการระเบิดได้
เดี๋ยวก่อน!
นั่นคือคู่หูวิญญาณ!
ตาของซุนเจี๋ยเบิกกว้าง  หัวใจของเขาเต้นแรง  ข้อกำหนดเบื้องต้นในการสร้างคู่หูวิญญาณมีมากมาย และคนที่สามารถใช้คู่หูวิญญาณต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน
เขาเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้าง
สำหรับเขาทวีปซางโจวไม่มีค่าอะไรเลย  ปัญหาการเกณฑ์ชาวบ้านก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่  เขาสามารถทำได้ในทวีปเซี่ยโจวเช่นกัน  แต่ใครกันจะรู้ว่าซุนเจิ้งทำงานยังไม่เสร็จ และยืมหน้าตาของตระกูลซุนของเขาเอง เขาขอร้องท่านจื่อชิง  สำหรับท่านจื่อชิงจะไม่ใช่เรื่องลำบากเลย
เพราะเรื่องเล็กอย่างนั้น การไปสร้างศัตรูที่มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องฉลาด
แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ มันสายเกินไปแล้ว  สถานการณ์ไม่สามารถกอบกู้คืนมาได้ง่าย
นางแอ่นเงินเปล่งแสงเจิดจ้า กลายสภาพเป็นแสงเงิน มันพุ่งเข้าหาแสงกระบี่
รังสีสองสายปะทะกันโดยตรง
ปัง!
ระเบิดรุนแรงแตกกระจายเป็นแสงที่แสบดวงตา ทำให้ทั่วท้องฟ้าเป็นสีขาวเจิดจ้าและเสียงดังสั่นสะท้านแก้วหู
เมื่อแสงรัศมีหายไป  นางแอ่นเงินที่หยิ่งยโสและงามประณีตมีปีกขวาที่แตกหักหมด บาดแผลบนตัวของมันดูน่ากลัว  สถานการณ์ของเสี่ยวเอ้อย่ำแย่ กระบี่ปราบสมุทรในมือของเขาถูกทำลายยับเยิน เพล้ง  มันแตกกระจายสลายหายไปในท้องฟ้า
หน้าของเสี่ยวเอ้อซีดขาวและเขาเริ่มร่วงลงไป
ทะเลกฎธรรมชาติในลูกปัดข่มพลังมากมายกว้างขวางไม่มีขอบเขต  ถ้าเขาเพียงแต่สู้อยู่ภายในลูกปัดข่มพลัง  เขาจะเต็มไปด้วยความสามารถและใช้พลังได้ง่าย  แต่การประยุกต์ใช้พลังของทะเลกฎธรรมชาติจากลูกปัดข่มพลังเข้ากับกระบี่ ความยากในการใช้มากขึ้นถึงสิบเท่า
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เสี่ยวเอ้อทุ่มเทจิตใจและวิญญาณทั้งหมดอยู่ในลูกปัดข่มพลัง  และความเข้าใจลูกปัดข่มพลังของเขาเพิ่มมากขึ้นทุกวัน  นอกจากนั้นความสำเร็จในวิชากระบี่ของเขายังโดดเด่นมาก  เทียบกับทั้งกลุ่ม มีเพียงจิ่งหาวที่เป็นรองเขาและสามารถทำในสิ่งที่เขาทำได้
แต่กระบี่นี้ต้องสิ้นเปลืองพลังงานของเขาทั้งหมด ไม่มีเหลือแม้แต่น้อย
 “ยิยิ ย้า ย้า!  หยาหยากรีดร้อง ขณะที่มันร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว  มันไม่รู้ว่าจะบินได้ยังไง และเพียงแต่อาศัยความช่วยเหลือจากเสี่ยวเอ้อช่วยให้มันอยู่ในท้องฟ้าได้  แต่ในทันใดนั้นพลังงานของเสี่ยวเอ้อพลันหมดไปและทำให้มันร่วงลงมาอย่างควบคุมตัวไม่ได้
(หยาหยาคุ้นกับการใช้พลังเสี่ยวเอ้อช่วยบินเหมือนถังเทียน พอพลังหนุนเสริมของเสี่ยวเอ้อหาย หยาหยาก็ยังลืมอยู่ว่าตัวเองบินได้)
 “เสี่ยวเอ้อ!  เสี่ยวเอ้อ!”
ถังเทียนตะโกนอย่างเร่งร้อน  เขาและหยาหยาอยู่ในชะตาเดียวกัน  สิ่งที่เลวร้ายก็คือเขาโดนเหวี่ยงขึ้นไปที่ในสูงมาก และเขาคิดว่าเสี่ยวเอ้อสามารถตามเขาได้ทัน  แต่ใครจะรู้กันว่าความเร็วในการร่วงหล่นของเขาไม่ลดลง  สายลมอื้ออึงกรอกหูของเขา  ขณะที่เขาใกล้พื้นทุกขณะ  แต่ถังเทียนไม่สนใจอะไรได้แต่ตะโกนลั่น
อย่างน้อยเจ้าทั้งสองจะไม่ร่วงมาตาย...
เสี่ยวเอ้อยิ้มอย่างจนใจ  โลกในสายตาของเขาหมุนปั่นไปหมด และสติของข้ากำลังเลือนราง ข้ากำลังจะตายอย่างนี้..
ถังเทียนสังเกตอาการของเสี่ยวเอ้อแต่แรกได้ทันทีและรู้สึกกระวนกระวาย  พื้นในสายตาของเขาใหญ่ขึ้นมาทุกที  ในพริบตาเขาเตรียมกระแทกพื้น  ถังเทียนกัดฟันและเคลื่อนไหวในแบบที่ไม่มีใครคิดมาก่อน

8 ความคิดเห็น:

มารทมิฬ กล่าวว่า...

อัพเวล ล่ะ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

งานนี้ไม่มีเม้มเป็นลูกน้อง ต้องฆ่าอย่างเดียวคับพี่ถัง

Unknown กล่าวว่า...

ต้องจับมาซ้อมมือให้หนัก

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

Unknown กล่าวว่า...

อ่านแล้วเริ่มงงเสี่ยวเอ้อไม่ไช่อูหวังไห่

MZeroCh กล่าวว่า...

เสี่ยวเอ้อก็คือ ถังเทียนนั้นละน่าจะเพราะว่าเป็นคนกลุ่มดาวคนคู่ ก็เลยมี 2 จิตวิญญาณ ไม่ใช่เซียนอูหวัง

แสดงความคิดเห็น