วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 9 สร้างชื่อสะท้านโลก – ตอนที่ 18 ยอดฝีมือจากพิภพอื่น


เล่มที่ 9 สร้างชื่อสะท้านโลก ตอนที่ 18 ยอดฝีมือจากพิภพอื่น
ลินลี่ย์ จักรพรรดิโจฮันน์และคนอื่นๆ งงงวยกันหมด ชายชราผมหงอกผู้ลึกลับนี้เป็นใครกัน?  แม้แต่ยอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูงอันดับหนึ่งอย่างเฮนด์เซนยังยกย่องเขาอย่างไม่น่าเชื่อ

 “หรือว่าเขาคือเทพสงคราม?”  ลินลี่ย์ลอบประหลาดใจ
อาจเป็นไปได้ว่านักสู้ระดับเทพเท่านั้นที่ทำให้เฮนด์เซนให้เกียรติขนาดนี้  และเห็นได้ชัดว่าทั้งคาสโตรและแลงค์ก็จำคนผู้นี้ได้เป็นอย่างดี  เขาอาจเป็นเทพสงครามก็ได้
 “จัดเก้าอี้เพิ่มอีกหนึ่งตัว”  พ่อบ้านแอชลี่ย์สั่งบ่าวไพร่ที่อยู่ใกล้ๆ
ลินลี่ย์ก้าวออกมาหนึ่งก้าว เขายิ้มกล่าว  “ท่านที่นับถือ  เราสองพี่น้องรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ท่านมาร่วมงานหมั้นของน้องชายข้า  ข้าขอทราบนามท่านได้หรือไม่?”
 “ข้า?”  บุรุษชราผมขาวจ้องมองลินลี่ย์อย่างอารมณ์ดี  “ข้าชื่อฮ็อดเดิล”
 “ฮ็อดเดิล?” ลินลี่ย์รีบเค้นความทรงจำที่ผ่านมาของเขา  แต่เขานึกไม่ออกเลยว่ามียอดฝีมือนามว่าฮ็อดเดิลอยู่ด้วย
 “ลินลี่ย์, ไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก  เป็นเรื่องยอดเยี่ยมแล้วที่ท่านฮ็อดเดิลมาร่วมในวันนี้ ทุกท่านนั่งลงก่อน”  เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนพูดพลางหัวเราะ
แม้ว่าลินลี่ย์และจักรพรรดิโจฮันน์และคนอื่นๆ ยังประหลาดใจ  แต่ทุกคนก็นั่งลง
 “ใต้เท้า ขอให้เราได้ดื่มเป็นเกียรติกับใต้เท้าด้วย”  คาสโตรและแลงค์ชูแก้วเหล้าทั้งสองคน
ใต้เท้า?
ทันใดนั้นมีสองสามเรื่องที่ลินลี่ย์รู้ได้ทันที
ประการแรกเลย เป็นไปได้ว่านักสู้ระดับเทพเท่านั่นที่สามารถทำให้ยอดฝีมือระดับเซียนยกย่องพวกเขาเป็นใต้เท้า  ขณะเดียวกัน...ถ้าคาสโตรและแลงค์ยกย่องเขาเป็น ใต้เท้า ไม่ใช่ อาจารย์ อย่างนั้นคนผู้นี้ก็อาจไม่ใช่เทพสงคราม
ทวีปนี้มีนักสู้ระดับเทพห้าคน  ลินลี่ย์ได้พบกับไดลินและซีซาร์มาแล้ว  ขณะที่เขายังต้องการพบนักพรตสูงสุด, เทพสงครามและราชันย์ป่าทมิฬ  ชายชราผมหงอกนี้ควรจะเป็นหนึ่งในสามแน่นอน
ตอนนี้เขาแน่ใจว่าบุรุษผู้นี้ไม่ใช่เทพสงครามแน่
ดังนั้นคนผู้นี้น่าจะเป็นนักพรตสูงสุดหรือราชันย์ป่าทมิฬคนใดคนหนึ่งแน่
 “อย่างไรก็ตาม  เป็นเวลาหลายปีนับไม่ถ้วนแล้ว ตั้งแต่นักสู้ระดับเทพทั้งสองปรากฏตัว  แล้วเฮนด์เซน, คาสโตรและแลงค์จำเขากันทุกคนได้ยังไง?” ลินลี่ย์ปฏิเสธจะเชื่อ
ยอดฝีมือระดับเทพไม่น่าจะปรากฏตัวง่ายๆ
 “ลินลี่ย์”  ชายชราผมหงอกนามว่าฮ็อดเดิลชูแก้วขึ้น “มาเถิด เรามาดื่มให้กันและกัน”
ลินลี่ย์รีบชูแก้วของเขา
 “เมื่อข้าได้เห็นเจ้า, ลินลี่ย์  ข้าคิดถึงวีรกรรมในอดีตของตระกูลบาลุคของเจ้าและนักรบเลือดมังกรทั้งหลายเหล่านั้น   ฮ่าฮ่า... คาดไม่ถึง... พริบตาเดียวผ่านไปหลายพันปีแล้ว”  ฮ็อดเดิลหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
คำพูดเหล่านี้ทำให้หัวใจของลินลี่ย์กระตุกอย่างหนัก
 “นักรบเลือดมังกรหลายคนเหล่านั้นของตระกูลบาลุค?  หลายพันปีที่แล้ว?”  ลินลี่ย์มองดูฮ็อดเดิลด้วยความสับสน
ในหนังสือประวัติตระกูลของเขาเอง มีนักรบเลือดมังกรอยู่สามรุ่น  แต่ต่อมาอีกพันปีถึงจะทิ้งระหว่างแต่ละรุ่นของนักรบเลือดมังกรเป็นพันปีถึงค่อยมี
แต่ฮ็อดเดิลผู้นี้บอกว่าหลายพันปีที่ผ่านมา เขาพบกับนักรบเลือดมังกรหลายคน?
 “ข้าไม่ทราบว่าท่านผู้เฒ่าฮ็อดเดิลรู้จักกับบรรพบุรุษตระกูลข้า”  ลินลี่ย์หัวเราะ
 “แน่นอน บาลุคผู้นำตระกูลของเจ้าเป็นสหายที่น่าเกรงขามจริงๆ” ฮ็อดเดิลพูดอย่างมีอารมณ์  “แต่ตระกูลบาลุคของเจ้าตกต่ำจริงๆ  ในอดีต เมื่อพวกเจ้ามีนักรบเลือดมังกรถึงสิบสองคน  ใครจะกล้ารุกรานเจ้า? น่าเสียดาย  น่าเสียดาย...”
ลินลี่ย์สะดุ้ง
 “นักรบเลือดมังกรสิบสองคน?”  ลินลี่ย์และวอร์ตันทั้งสองคนมองหน้าฮ็อดเดิลอย่างตกตะลึง
 “อะไรกัน แปลกใจนักหรือ?”  ฮ็อดเดิลมองดูลินลี่ย์กับวอร์ตัน
เฮนด์เซนรีบกล่าว  “ใต้เท้า จะดีที่สุดถ้าท่านคุยเรื่องนี้ในที่อื่น  ที่นี่มีคนอยู่มากมาย”  นับเป็นเรื่องดีที่สุดถ้าพวกเขาไม่เผยความลับเหล่านี้ให้ขุนนางธรรมดาฟัง
 “ไม่เป็นไร  มีแต่คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเท่านั้นที่ได้ยินเรา  สำหรับคนข้างนอก ไม่ว่าเราจะพูดดังแค่ไหน  พวกเขาจะไม่ได้ยินอะไร” ฮ็อดเดิลหัวเราะเบาๆ
มีคนแปดคนอยู่ที่โต๊ะนี้  นอกจากวอร์ตัน  จักรพรรดิโจฮันน์และมอนโร ดอว์สัน คนอื่นๆ มีพลังระดับเซียนเป็นอย่างน้อย พลังอำนาจของชายชราผมขาวลึกล้ำนัก
 “นักรบเลือดมังกรหลายสิบคน?”
ลินลี่ย์กับวอร์ตันรู้สึกว่ายากจะเชื่อได้
บันทึกของบรรพบุรุษของพวกเขาชัดเจนมาก สามรุ่นแรกของตระกูลพวกเขาสร้างนักรบเลือดมังกรออกมาสามคน  หลังจากผ่านไปพันปีระหว่างต่อรุ่นจึงมีนักรบเลือดมังกร  ทั้งหมดมีนักรบเลือดมังกรเพียงห้าคน  แล้วจะมีนักรบเลือดมังกรเป็นสิบได้อย่างไรในช่วงไม่กี่พันปีนั้น?”
 “สี่สุดยอดตระกูลนักรบ.. อนิจจา ทุกตระกูลตกต่ำอยู่ในสภาพน่าเศร้าใจ  ในอดีตสี่สุดยอดตระกูลนักรบรุ่งเรืองมาก”  ฮ็อดเดิลพูดอย่างมีอารมณ์
ทันใดนั้นลินลี่ย์คิดอะไรบางอย่างได้
เขาจำได้ว่าในคัมภีร์เลือดมังกร มีคำแนะนำในวิธีที่สองทำให้กลายเป็นนักรบเลือดมังกรได้โดยวิธีดื่มเลือดมังกร  แต่เกี่ยวกับคู่มือนั้น นักรบเลือดมังกรทั้งสามคน เป็นนักรบเลือดมังกรที่เกิดโดยธรรมชาติ
ถ้าวิธีการที่สองไม่เคยใช้ได้สำเร็จ  ทำไมคัมภีร์ลับเลือดมังกรถึงบันทึกไว้เล่า?
ในอดีต ทั้งลินลี่ย์และเดลิน โคเวิร์ทสงสัยว่าคัมภีร์นี้ได้ถูกแก้ไข  ประวัติศาสตร์ของตระกูลเขาน่าจะมีตัวอย่างของนักรบเลือดมังกรผู้กำเนิดโดยวิธีดื่มเลือดมังกร
 “แต่ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าจะมีถึงหลายสิบ!  ทั้งลินลี่ย์และวอร์ตันรู้สึกตกใจอยู่ภายใน
 “โอว, แม่สาวน้อยนามว่านีน่ากำลังมานั่นแล้ว”  บุรุษชราผมขาว ฮ็อดเดิลตาเป็นประกาย ทำให้ลินลี่ย์และคนอื่นตกใจหันไปมอง
ลินลี่ย์และคนอื่นๆ ลุกขึ้นยืนและวอร์ตันออกไปรับนีน่าทันที
วอร์ตันกับนีน่าจูงมือกันไปทีละโต๊ะแขกเหรื่อที่กำลังดื่มฉลอง  แต่ตอนนี้ทั้งวอร์ตันและลินลี่ย์ยังคงมีความรู้สึกสับสนอยู่ในใจ
ประวัติศาสตร์ของตระกูลของเขาเห็นได้ชัดว่าไม่ง่ายเหมือนอย่างที่พวกเขาคิด
นอกจากนี้...
ยอดฝีมือระดับเซียนมีอายุขัยที่ยืนยาว  แต่ไม่มีนักรบเลือดมังกรแม้แต่คนเดียวในตระกูลพวกเขาเหลืออยู่ได้ยังไง? และไม่ใช่แค่เพียงตระกูลของพวกเขาเท่านั้น  แม้แต่ตระกูลนักรบอมตะ, ตระกูลนักรบเลือดม่วงและตระกูลนักรบลายพยัคฆ์ก็ดูเหมือนจะคล้ายกัน  สี่สุดยอดตระกูลนักรบเหมือนกับจะล่มสลายอย่างน่าประหลาด
 “ความลับ...”ลินลี่ย์เข้าใจว่าประวัติศาสตร์ของทวีปต้องมีความลับซ่อนอยู่มากมาย ความลับที่แตกต่างจากที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ
ตัวอย่างเช่น ราชันย์มือสังหารซีซาร์ครั้งหนึ่งบอกลินลี่ย์ว่าห้าพันปีที่แล้ว ยอดฝีมือหลายคนจากพิภพอื่นเข้ามายังในดินแดนทวีปยูลาน  แต่ในหนังสือประวัติศาสตร์ ไม่มีเรื่องเช่นนั้น
ลินลี่ย์พบว่าตนเองไม่มีแก่ใจจดจ่ออยู่กับพิธีงานหมั้นอีกต่อไป  เขายังคงคิดเรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้
เขาต้องการคุยกับบุรุษผมขาวนามว่าฮ็อดเดิลเป็นการส่วนตัว
เห็นได้ชัดว่าฮ็อดเดิลผู้นี้รู้กิจกรรมในอดีตหลายสิ่งหลายอย่าง
หลังจากเลี้ยงอาหารค่ำ  ขุนนางต่างๆในหอโถงใหญ่กำลังคุยกันจอแจ  เวลานี้ ลินลี่ย์กระวนกระวายร้อนใจพลันได้ยินประโยคที่เขาคิดว่าไพเราะเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์
 “ลินลี่ย์, มากับข้าเถอะ  ข้ามีบางเรื่องต้องคุยปรึกษากับเจ้า”
ความจริงฮ็อดเดิลมาจนถึงตัวลินลี่ย์และขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว
วอร์ตันมองดูพี่ชายของเขา และลินลี่ย์สั่ง “วอร์ตัน, เจ้าอยู่ที่นี่ จากนั้นให้ใช้เวลากับนีน่า  เนื่องจากท่านฮ็อดเดิลกับข้ามีเรื่องจะต้องคุยกัน”  ขณะที่กล่าว  ลินลี่ย์ตามฮ็อดเดิลออกไปจากโถงใหญ่
เฮนด์เซน  คาสโตรและแลงค์มองหน้ากันเอง
 “สงสัยจริงว่าลินลี่ย์จะตัดสินใจยังไง”  เฮนด์เซนถอนหายใจอย่างมีอารมณ์
ฮ็อดเดิลกับลินลี่ย์ออกมจากหอโถงใหญ่  ขณะที่เดินออกมาฮ็อดเดิลกล่าว  “ลินลี่ย์, ยอดฝีมือระดับเซียนทั้งสองของเจ้าอยู่ที่ไหน?  เรียกพวกเขามาด้วย”
ลินลี่ย์แปลกใจ
ฮ็อดเดิลผู้นี้รู้ทุกอย่างได้ยังไง?
ฮ็อดเดิลรู้ชื่อของวอร์ตันและนีน่าและเขายังรู้ว่าลินลี่ย์มีอสูรเวทอีกสองตัว  เขายังรู้ว่าบีบีเป็นอสูรเวทระดับเซียน
ลินลี่ย์ไม่พยายามจะปฏิเสธอะไร  เขาติดต่อบีบีและแฮรุทางจิตทันที เรียกพวกเขาให้มาที่นี่  เนื่องจากมียอดฝีมือระดับเซียนปรากฏตัวในวันนี้  ลินลี่ย์จึงไม่อนุญาตให้บีบีหรือแฮรุมาที่ห้องโถงใหญ่
 “ไปที่ลานฝึกฝีมือด้านหลังคฤหาสน์เถอะ  ไม่มีใครอยู่ที่นั่น”  ฮ็อดเดิลหัวเราะ
 “โกรวววว”
แฮรุและบีบีมาถึงข้างตัวลินลี่ย์
 “ชรีคคคค”  บีบียังทำเป็นแกล้งต่อไป
 “เจ้าตัวน้อย, ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นอสูรเวทระดับเซียน  ไม่ต้องต้องร้องจี๊ดหรอก”  ฮ็อดเดิลหัวเราะขณะยื่นมือออกมาลูบหัวบีบี  บีบีต้องการจะขยับหลบ  แต่เขาต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบ  เขาไม่มีทางเลือกได้แต่ปล่อยให้ฮ็อดเดิลลูบหัว
ลินลี่ย์ลอบตกใจ
ไม่ต้องสงสัย  ฮ็อดเดิลเป็นนักสู้ระดับเทพ
 “เขาเป็นระดับเทพจริงๆ  ในทวีปนี้มียอดฝีมือระดับเทพเท่าใดกันแน่?”  ลินลี่ย์คิดในใจตนเอง  ขณะเดียวกัน เขาตามฮ็อดเดิลไปที่ลานฝึกฝีมือ
 “พี่ใหญ่ ตาแก่นี่เป็นใคร?  เขาทรงพลังขนาดไหน?”  บีบีไม่กล้าทำเป็นเล่นอีกแล้ว ตอนนี้เขาว่าง่ายมาก
แฮรุติดตามไปข้างๆ ลินลี่ย์อย่างว่าง่ายเช่นกัน
 “ปิดประตูเสียก่อน  ไม่มีคำสั่งข้า ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามา”  ลินลี่ย์สั่งบ่าวไพร่ จากนั้นฮ็อดเดิลนำตรงไปที่ม้านั่งและนั่งลง
 “เจ้าก็นั่งด้วยเถอะ”  ฮ็อดเดิลชี้ที่นั่งด้านตรงข้ามเขา
ลินลี่ย์นั่งลงอย่างว่าง่าย จากนั้นพูดอย่างนอบน้อม  “ท่านฮ็อดเดิล  ข้างงไปหมดแล้ว ท่านช่วยแนะนำข้าหน่อยได้ไหม?”
 “เหตุผลที่ข้ามาในวันนี้โดยหลักก็เพื่อประโยชน์กับอสูรเวทของเจ้าทั้งสองตน”  ฮ็อดเดิลยิ้ม  “แน่นอน เจ้าและนักรบอมตะที่ครอบครองพลังระดับเซียนอีกสามคนก็ยากจะได้รับการพิจารณาว่ามีคุณสมบัติคู่ควรเป็นเป้าหมายของข้า”
 “หืม?”  ลินลี่ย์มองดูฮ็อดเดิลอย่างสับสน
ฮ็อดเดิลยิ้ม  “ลินลี่ย์ ในช่วงประวัติศาสตร์หลายปีนับไม่ถ้วนของทวีปยูลาน  มีอัจฉริยะอยู่นับไม่ถ้วนเช่นกัน  ต่อให้มีครั้งละร้อยปีต่อคนก็ตาม ในแสนปีก็หมายความว่ามีถึงพันคน  แต่ตอนนี้นักสู้ระดับเซียนมีอยู่ในทวีปยูลานเท่าไหร่กัน? แต่ละจักรวรรดิมีเพียงไม่กี่สิบคน”
 “ยอดฝีมือระดับเซียนสามารถอยู่ได้เกินแสนปีหรือ?”  ลินลี่ย์พูดอย่างตกใจ
 “ยอดฝีมือระดับเซียน ตราบใดที่พวกเขายังไม่ถูกฆ่าก็มีชีวิตอยู่แสนปีได้สบายๆ”  ฮ็อดเดิลหัวเราะอย่างใจเย็น  “เมื่อเข้าถึงระดับเซียนแล้ว เจ้าก็แทบจะเป็นอมตะและมีภูมิคุ้มกันเรื่องอายุ  อย่างไรก็ตาม  เจ้ายังสามารถถูกฆ่าได้  แน่นอน”
ลินลี่ย์ยังคงงุนงง
ถ้าเป็นเช่นนี้ทำไมถึงได้มียอดฝีมือระดับเซียนน้อยนัก?  ที่สำคัญ ทวีปยูลานก็พบเห็นยอดฝีมือระดับเซียนคนใหม่ทุกร้อยปีแน่นอน
 “อย่างนั้นมีเหตุผลอะไร?” ลินลี่ย์ถาม
 “เหตุผลก็คือ.. พวกเขาไปยังพิภพอื่น”  ฮ็อดเดิลยิ้ม
 “พิภพอื่น?”  ลินลี่ย์ประหลาดใจ
แต่แล้วลินลี่ย์ก็เข้าใจทันที และรีบถาม  “เป็นไปได้ไหมว่าบรรพบุรุษของตระกูลบาลุคก็ไปยังพิภพอื่น?”
 “ถูกแล้ว นักรบเลือดมังกรนับสิบล้วนไปที่แดนนรก ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่พิภพชั้นสูง  ในอดีตข้าได้ไปเยี่ยมบรรพบุรุษของเจ้า บาลุคในแดนนรกและดื่มสังสรรค์กับเขา”  ฮ็อดเดิลหัวเราะอารมณ์ดี
 “แดนนรก, ท่านฮ็อดเดิล ท่านมาจากแดนนรกหรือ?”  ลินลี่ย์รู้สึกว่าความลับของจักรวาลกำลังคลี่คลายต่อหน้าต่อตาเขา
ฮ็อดเดิลพยักหน้า  “ถูกแล้วลินลี่ย์  ให้ข้าอธิบายให้เจ้าเข้าใจอย่างนี้ก่อน... เดิมทีโลกนักสู้  เมื่อสิ่งมีชีวิตเข้าถึงระดับเซียน  พวกเขาจะมีคุณสมบัติเข้าสี่พิภพระดับสูง หรือเจ็ดพิภพเทพ  พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ฝึกและมีชีวิตอยู่ที่นั่น”
 “ในประวัติศาสตร์ของทวีปยูลาน  ยอดฝีมือระดับเทพมากมายก็ออกไปจากทวีปยูลานและเลือกจะเข้าไปในสี่พิภพระดับสูงหรือเจ็ดแดนเทพ”  ฮ็อดเดิลยิ้ม
ลินลี่ย์พยักหน้าแสดงความเข้าใจ
 “พูดในแง่หลักการ เจ้าและสามนักรบอมตะเหล่านั้น แม้จะมีพลังระดับเทพก็ตาม แต่ก็ยังไม่เป็นระดับเซียนในร่างมนุษย์  ความจริงไม่มีความจำเป็นที่ข้าจะต้องรีบมาที่นี่เพื่อพูดกับเจ้า  เป้าหมายแรกของข้าก็คืออสูรเวทระดับเซียนทั้งสองนั้นของเจ้า  พวกเขาเข้าถึงระดับเซียนแล้ว  พวกเขาได้รับอนุญาตให้อยู่ที่ทวีปยูลานนี่ต่อไปหรือเข้าไปในพิภพอื่นก็ได้”
ฮ็อดเดิลรีบพูดในเชิงล่อใจว่า “สี่พิภพระดับสูงดีกว่าเจ็ดแดนเทพเป็นอย่างมาก ในแดนนรก ยกตัวอย่างเช่นยอดฝีมือมีอยู่ทั่วไปเหมือนเมฆ และยอดฝีมือระดับเซียนก็ไม่มีอะไรนอกจากคนธรรมดา  ในสถานที่นั้นเจ้าจะได้โอกาสฝึกฝนพิเศษ และสมบัติอย่างเช่นแหวนมิติเก็บสมบัติมีอยู่ทั่วไปเหมือนกับน้ำ  มีสมบัติมากมายมหาศาลจนน่ากลัวอยู่ที่นั่น”
ลินลี่ย์เข้าใจ
ขอเพียงเข้าถึงระดับเซียนก็เป็นผู้มีคุณสมบัติเข้าพิภพชั้นสูง  ตามปกติ สี่พิภพระดับสูงจะมียอดฝีมืออยู่ทั่วทุกที่  ด้วยยอดฝีมือระดับเซียนไม่มีอะไรต่างจากคนธรรมดาเลย
 “ข้าจะไม่ไป  ข้าจะอยู่กับพี่ใหญ่”  บีบีส่ายหัว
 “ข้าก็จะไม่ไปเช่นกัน  ข้าจะอยู่กับนายของข้า” แฮรุกล่าว
ฮ็อดเดิลมองดูลินลี่ย์  เขาหัวเราะกล่าว  “ลินลี่ย์ พลังที่แท้จริงของเจ้าก็ถึงระดับเซียนชั้นสูงแล้ว  เจ้ามีคุณสมบัติเข้าพิภพระดับสูงได้ เจ้าต้องการจะไปไหม?”
ลินลี่ย์ไม่สนองตอบ  เขากลับมองฮ็อดเดิลแทน  “ท่านฮ็อดเดิล ท่านเป็นใครกันแน่?”
 “ข้าน่ะหรือ?  โอว ข้าลืมบอกเจ้าไป”  ฮ็อดเดิลยิ้มให้ลินลี่ย์  “ข้าคือผู้ตรวจสอบพลังเซียนประจำทวีปยูลาน”

9 ความคิดเห็น:

ทิชา กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

ทิชา กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

GG กล่าวว่า...

เข้

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

เข้ด้วยคน ...ลินลี่ย์น่าจะขอถล่มพวกนั้นก่อนแล้วค่อยไปก็ได้

Unknown กล่าวว่า...

เปิดแมพใหม่แล้วว

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

Unknown กล่าวว่า...

เข้... ตามด้วยคน เริ่มขยายสเกลพลังแล้ว!!!ตื่นเต้น

แสดงความคิดเห็น